...ปล่อยช่องว่างบ้างก็ดี... ...ผมก็ไม่ชอบเหมือนกันที่คุณเอาแต่เฝ้ามองแต่อนาคตที่ยังมาไม่ถึง...ประโยคนั้น คือประโยคที่เด่นชัดที่สุดในความคิดคำนึงของสายฝนทั้งคืน แต่ก็นั่นแหล่ะ ต้องยอมรับว่า แม้ปากเธอจะบอกว่า ความคิดและความรู้สึกของคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แต่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงข้ามคืน คริสพูดถูก..ที่ว่าเธอมัวแต่มองและกังวลแต่กับสิ่งที่อยู่ข้างหน้า สิ่งที่มองไม่เห็น สิ่งที่ยังมาไม่ถึง...ถ้าดอกไม้สามารถแตกยอดและผลิใบได้แม้ในทะเลทรายอันร้อนระอุ บางทีก็อาจจะไม่ยากเกินไป สำหรับการเริ่มปรับและเปลี่ยนมุมมองความคิดของตัวเอง...ความรัก ความชอบ เป็นนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ แต่มันสัมผัสได้ เหมือนอณูของสายลม ที่พัดผ่านอยู่รอบตัว ถึงมองไม่เห็นแต่มันมีอยู่จริงเสมอ เก็บเกี่ยวมันไว้สิ ถ้าเธอต้องการ...สองสามวันมานี้ หลังจากที่เขากลับไปในค่ำคืนนั้น สายฝนก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย เขาไม่ได้มาหาที่บ้านเหมือนอย่างเคย และก็ไม่ได้โทรมาหาด้วย หญิงสาวรับรู้ได้ถึงความเงียบเหงาที่เข้าครอบงำ บ้านดูวังเวง ทั้งที่ความจริงแล้ว เวลาที่เขามาหา เขาก็อยู่ด้วย นั่งเล่นนอนเล่นไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น แต่เมื่อเขาหายไป ราวกับว่าตัวตนของสายฝนก็หายไปด้วยครึ่งหนึ่ง...นั่นอย่างไรล่ะ การที่เราเริ่มหลวมตัวมอบหัวใจให้ใครไปซักคน ก็เหมือนกับการที่เราเอาหัวใจไปผูกติดกับขาเขาไว้จริงๆ...รับรู้ถึงความเหงาที่เกาะกินใจแล้ว สายฝนก็อยากหยิบโทรศัพท์มาโทรหาคริสเสียวันละหลายหน เขาทำอะไรอยู่นะ เขาสบายดีหรือเปล่า เขาไม่มาหาเธอเพราะอะไร ...ถามใจตัวเองไปอย่างนั้น คำตอบมันก็ชัดเจนอยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว เธอรู้ว่าเขาไม่ถึงขนาดโกรธเธอหรอก ความน้อยใจย่อมมีบ้างเป็นธรรมดา แต่ว่าการที่เขาเลือกที่จะถอยออกไป เขาอาจจะต้องการเวลาที่จะคิดอะไรบางอย่างมากกว่ากดมือถือไปแล้วก็ค้างไว้...โทรหาเขาดีไหมนะ..โทร...ไม่โทร...โทร...ไม่โทร...โทร...คำๆ นั้นวนเวียนอยู่ในหัว ยอมรับในหัวใจแหล่ะว่า...คิดถึงเขาจัง...แต่เมื่อคิดใหม่ ไม่เอาดีกว่า ถ้าเขาเลือกที่จะไม่มาหาเธอ นั่นย่อมเป็นสัญญาณบอกว่า เขาต้องการเวลา ต้องการระยะห่างในตอนนี้ ส่วนเธอ...เมื่อยอมรับแล้ว ที่จะมุ่งไปในเกมส์ของความรักที่เลือกเสี่ยงนั้นแล้ว เธอก็จะต้องมองแต่ปัจจุบันเท่านั้น...แล้วสิ่งแรกที่ต้องทำคืออะไรล่ะ?...สำหรับหญิงสาวในวัยเช่นนี้ งานไง..งานที่ดี เมื่อริจะมีแฟนเด็ก ก็ต้องหาเลี้ยงตัวเอง จะไปพึ่งพาใครได้..งาน งาน..งานว่าแล้วก็เลือกที่จะไล่เบอร์มือถือลงมา เป็นเบอร์ของฟรานเชสโก้แทน...แล้วโทรออก รอสายอยู่ชั่วครู่"ฟรานคะ ฉันเองค่ะสายฝน พอจะมีเวลาว่างไหมคะ อยากคุยกับคุณ" กรอกเสียงลงไปแล้วรอคอยคำตอบ ซึ่งความรู้สึกลึกๆ รู้ดีอยู่แล้ว ว่าเขาจะมาพบแน่ๆขณะเดียวกัน ใครอีกคนก็กำลังนั่งจ้องมือถือในมือ หลังจากที่โทรไปหาอีกฝ่าย แต่สายกลับไม่ว่าง...คุยกับใครอยู่นะ...ก่อนจะถอนหายใจเฮือกแล้ววางมือถือลงบนโต๊ะ ที่เกลื่อนกลาดไปด้วยหนังสือมากมายก่ายกองที่ลงทุนให้เพื่อนสาวๆ ในกลุ่ม ยืมมาจากห้องสมุด เฮ้อ...ยิ่งอ่านยิ่งปวดหัว เป็นคนขยันนี่มันยากจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมบางคนถึงหมกมุ่นอยู่กับหนังสือได้นานๆ ทั้งวัน ทั้งคืน ถ้าเป็นเขา ทำอย่างนั้นบ้างคงต้องบ้าตายแน่ๆ ว่าแล้วก็หยิบกาแฟในถ้วยที่วางอยู่ด้านข้างกองหนังสือขึ้นมาจิบ หยิบมือถือขึ้นมาอีกรอบ โทรออก แต่สายก็ยังไม่ว่างอยู่ดี...ไปหาที่บ้านซะดีไหมนี่?... ถามตัวเองในใจ แล้วก็เลือกส่งข้อความหาแทน...ผมเอง...แล้ววางมือถือลงบนโต๊ะอีกรอบก่อนจะหัวเราะออกมานิดนึง...ผมเอง...ตลกสิ้นดี ก็แน่อยู่แล้ว จะเป็นใครไปได้ นี่เขาหมดมุกอ้อนสาวๆ แล้วหรือไง ถึงนึกถึงคำหรือประโยคเริ่มต้นเพื่อส่งข้อความหาสาวๆ ที่ดีกว่านี้ไม่ได้ ....กับคนอื่นเขาไม่รู้หรอก แต่กับผู้หญิงคนนี้ ช่วงนี้เขาคิดอะไรไม่ค่อยออกเลยจริงๆอ่านหนังสือไปอีกซักพักจนปวดตา จึงทอดกายลงพิงพนักเก้าอี้เพื่อผ่อนคลาย ก่อนจะใช้สองนิ้วกดนวดสันจมูกและเบ้าตา ...เฮ้อ...ถอยห่างจากเค้ามา ต้องการให้เค้ามีช่องว่าง ต้องการแกล้งให้เค้าคิดถึง แต่ตัวเองนี่สิ ที่ต้องมานั่งนอนทรมาน อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง เพราะเฝ้าแต่คิดถึง ว่าป่านนี้หญิงสาวคนนั้นจะทำอะไร และคิดถึงเขาบ้างไหม...ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก..."เชิญครับ"เห็นมารดาเดินเข้ามาพร้อมกับนมแก้วใหญ่ "นมอุ่นๆ น่ะคริส เลิกดื่มกาแฟได้แล้ว ดื่มมากเกินไปไม่ดี" บอกแล้ววางแก้ว ก่อนจะเดินอ้อมมานั่งที่แขนเก้าอี้ กอดคอลูกชายเอาไว้ แล้วชะโงกหน้าเข้ามาดูหนังสือที่เปิดหราอยู่"หืม..ม..ม.. พระจันทร์จะขึ้นทางฝั่งตะวันออกหรือเปล่านี่ ลูกชายแม่ อยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นมาอ่านหนังสือ" ปราณีว่ากึ่งแซว คริสก็เอ่ยกระไร ยกนมขึ้นดื่มเฉยเสีย แล้วเสคุยเรื่องอื่น"เก็บของเสร็จแล้วหรือครับ" "อืม..ม เสร็จแล้ว " เก็บของที่ว่านี่ คือเก็บของจะไปเที่ยวต่างประเทศซักพัก โดยปราณีเลือกที่จะไปเที่ยวประเทศบ้านเกิดคือประเทศไทย และจะจัดงานแต่งงานกับลีโออย่างเงียบๆ เป็นส่วนตัว เมื่ออยู่พักร้อนและฮันนีมูนกันจนพอใจแล้ว จึงจะกลับมาฉลองกันอีกครั้งที่นี่กับเหล่าเพื่อนพ้อง"แม่ไปแล้ว ก็ดูแลตัวเองดีๆ นะ สัญญานะคริส ว่าจะไม่เกเร ไม่ไปชกต่อยกับใครอีก ที่ผ่านมา เกินจะรับจริงๆ" น้ำเสียงดุว่า แต่คริสรับรู้ถึงความห่วงใยที่แฝงอยู่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยรับรู้ แต่เขาก็ยังเลือดร้อน และควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้"จะพยายาม" รับคำไปอย่างส่งๆปราณีเปลี่ยนเรื่อง "ขยันอ่านหนังสือแบบนี้ ตกลงว่าตั้งใจจะเรียนหมอใช่ไหม" ถามอย่างมีความหวัง ตามประสาคนไทย ที่แม้จะมาใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนและเปิดกว้างกับทุกสายอาชีพ แต่ก็ยังหัวเก่า ที่คิดว่างานการที่ดีและมีเกรียติคือ ข้าราชการ หมอ ครู..."ไม่รู้สิ ผมยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่ผมมีสิ่งที่ผมชอบอยู่แล้ว แม่ก็รู้นี่"ปราณีทำสีหน้าผิดหวัง เพราะรู้มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ว่าเขาชื่นชอบอะไร คริสไม่เคยปิดบังตัวเอง และเขาบอกเสมอ ว่าเขารักการพนัน เขามีความฝัน ว่าซักวันจะมีบ่อนพนันที่ใหญ่ที่สุดในโลกซักแห่ง...มองลูกชายด้วยสายตาที่ห่วงใย แต่ก็ผิดหวังเล็กน้อย"คริส...ฝันไกลน่ะดี แต่ฝันดีน่ะมันอยู่ไกล " ว่าแล้วก็เอ่ยต่อ "และแม่ก็ไม่เคยชอบเลย ไอ้การพนันขันต่อ"... คำพูดนั้น ทำให้เขาอดนึกไปถึงใครบางคนไม่ได้...."แม่ครับ ...ผมถามอะไรซักอย่างได้ไหม" คริสเอ่ยทีเล่นทีจริง แต่ในทีเล่น มีทีจริงแฝงอยู่มากกว่า ปราณีรอฟังอย่างตั้งใจ"ว่า...""ในฐานะที่แม่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แม่เลือกแต่งงานกับใครซักคนเพราะอะไร""หืม..ไปรักใครเข้าแล้วล่ะนี่"เอ่ยแซวก่อนจะครุ่นคิด "นั่นสิ" รำพึงกับตัวเอง ก่อนตอบ"ความรักล่ะมั๊ง...""แม่รักลีโอมากไหม" คริสถาม"รักสิ...รักมากเสียด้วย ถ้าแม่ไม่รักเขา จะเลือกเขาทำไม""แล้ว..." ชายหนุ่มหยุดไปชั่วครู่ คิดว่าจะถามดีไหม แต่ก็เลือกที่จะถามอยู่ดี .."แล้วแม่เคยรักพ่อบ้างไหม"คำถามนั้นอันตราย ปราณีนิ่งไปชั่วครู่ คริสรู้สึกถึงความเกร็งที่เกิดขึ้นตามต้นแขนที่โอบรอบคอเขาไว้ ปราณีลุกขึ้นหยิบถ้วยกาแฟเปล่ามาถือไว้ คริสคิดว่ามารดาจะไม่ตอบ เมื่อเธอลุกขึ้นยืน แต่ปราณีก็เลือกที่จะตอบ"ความรักในชีวิตของคนเรามันเกิดขึ้นได้หลายครั้งนะคริส และความรักมันก็มีมากมายหลายแบบ ความรักที่ทำให้เราสบายใจ ความรักที่ทำให้เราอึดอัด ความรักที่ทำให้เราคาดหวัง รอคอย ความรักที่ทำให้เราอบอุ่น และเติมเต็ม""แล้วความรักของพ่อ เป็นแบบไหน ผมอยากรู้..." ปราณีมองหน้าลูกชาย ก่อนจะยิ้ม "แปลกจริง วันนี้ดูจริงจังซะเหลือเกิน สงสัยว่าแม่ใกล้จะมีลูกสะใภ้ตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสี่สิบซะล่ะมั๊ง""เปล่าหรอกครับ ผมแค่อยากรู้" คริสทำเสียงจริงจัง "ผมเคยสงสัยมาตลอด ว่าคนสองคนที่สมบูรณ์แบบ พ่อหล่อ พ่อรวย พ่อดี แม่ก็สวย แสนดีขนาดนี้ ทำไมถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ รักกันไม่ได้" แม้จะมีวี่แว่วของความขมขื่นอยู่บ้าง แต่มันก็น้อย น้อยมากทีเดียว คริสเก่งพอจะยอมรับความเป็นจริงของครอบครัวที่แตกสลายได้อย่างดีแล้วเมื่อปราณีกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะเสียก่อน คริสรับ "ครับพ่อ" ปราณีเดินมาถึงประตูแล้วก็หยุด ยืนดูลูกชายที่ลุกขึ้นไปยืนคุยโทรศัพท์กับพ่อของเขาที่ริมหน้าต่าง แสงสว่างสาดเข้ามาเป็นเงา เค้าโครงร่างสูงแจ่มชัดในสายตา คริสถอดแบบออกมา เหมือนพ่อของเขาในวัยหนุ่มไม่มีผิด สูง หล่อ ฉลาด ช่างคิดการไกล มุ่งมั่น และทุ่มเท แต่บางครั้งก็มาก มากจนเกินไปเสียงคุยกันเรื่องธุรกิจโรงแรม คาสิโน หุ้นต่างๆ ดังโขมงโฉงเฉง คริสเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เวลาที่เขาอยู่กับเธอ เขาสุภาพ น่ารัก อ่อนโยน เวลาที่เขาอยู่กับเพื่อนกับสาวๆ เขาเจ้าเสน่ห์ ขี้เล่น เอาแต่ใจ บางครั้งก็ร้ายกาจ อันธพาลอย่างเด็กๆ แต่เมื่อเขาอยู่กับพ่อเขา คุยกับพ่อของเขา คริสกลายเป็นอีกคนที่ดูโตเกินวัย แก่กว่าความเป็นจริงที่ว่าเขาเป็นเพียงวัยรุ่นคนหนึ่ง ดวงตาคมของเขาครุ่นคิดมากมาย"ครับ...ครับ...ขอเวลาผมตัดสินใจอีกซักพัก" รับคำนิ่งๆ ก่อนจะวางสาย หันกลับมาเมื่อเห็นมารดายังอยู่ จึงยิ้มน้อยๆให้"เขาว่าไง" ปราณีถาม"ฝากระลึกถึงแม่ด้วยครับ ฝากยินดีกับงานแต่งของแม่ด้วย"ปราณีพยักหน้า ก่อนถามต่อ "แล้วที่ว่า ขอเวลาตัดสินใจ เรื่องอะไรหรือ""อ๋อ เรื่องเดิมๆ ก็เรื่องที่เมื่อผมเรียนจบ จะให้ลองไปทำงานที่โน่นน่ะ" คริสตอบ"แล้วคิดยังไง แล้วเรื่องเรียนหมอล่ะ""ผมกำลังตัดสินใจ" เขาว่า แต่ปราณีดักคอ "แต่แม่รู้นะ ว่าตัดสินใจไปเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วสิ พ่อเขาเอาคาสิโนมาล่อใช่ไหม"คริสไม่ตอบว่ากระไร เป็นอันว่ารู้กัน ว่าใจเขาเอนเอียงไปทางโน้นมากกว่า ซึ่งการตัดสินใจของคริส ก็เป็นสิ่งที่ปราณีต้องยอมรับ เพราะลูกชายของเธอโตแล้ว เขามีสิทธ์เลือกทางเดินของเขา"เอาเถอะ.." ปราณีว่า " คนเราทุกคน ควรมีสิทธิ์เลือกทางเดินของตัวเอง จะเอาอย่างไรก็เอา " หันหลังออกไป กำลังจะปิดประตู แต่แล้วก็หยุด หันมาบอกต่อ"เมื่อกี้ที่ถามว่า ทำไมพ่อกับแม่ เราถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ แม่จะบอกให้ เพราะพ่อเขามุ่งมั่นมากเกินไป เขามองไปแต่ข้างหน้า มองไปแต่งานของเขา แต่กลับลืมมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่าต้องการอะไร แต่แม่ไม่โทษพ่อเขาอย่างเดียวหรอกนะ แม่โทษตัวเองเหมือนกัน ถ้าแม่รักเขามากกว่านี้ แม่ต้องยอมรับตัวตนของเขาให้ได้""แม่..ครับ.." คริสเอ่ยเรียก เมื่อได้ยินน้ำเสียงเครือๆ"คริสจำไว้นะลูก คนเราไม่สามารถได้ทุกอย่างที่เราต้องการหรอก ถ้าเรามองไปข้างหน้า เราก็มักจะลืมมองด้านข้าง ลืมมองด้านหลัง อย่าเอาอย่างพ่อนะลูกนะ บางครั้ง เวลาที่แม่เห็นคริสหมกมุ่นกับอะไรมากเกิน แล้วแม่ใจหาย เพราะคริสเหมือนพ่อเหลือเกิน แม่ไม่อยากให้เราทุ่มเทกับบางสิ่งบางอย่าง จนลืมบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญเช่นกัน""ผมเหมือนพ่อหรือ " เขารำพึง"ใช่" ปราณียอมรับ " เหมือนมาก มากเกินไปด้วยซ้ำ ... ความมุ่งมั่นทุ่มเทเป็นสิ่งดี แต่การไม่ยืดหยุ่น ไม่รู้จักการผ่อนหนักผ่อนเบานั้น เป็นสิ่งที่ไม่ดี ... คนเรา ไม่มีสิทธิ์รั้งทุกอย่าง หรือครอบครองทุกอย่างที่ต้องการหรอกนะ ถ้าเราเลือกสิ่งหนึ่ง บางครั้งเราต้องยอมปล่อยอีกสิ่งหนึ่งไป..." คริสฟังแล้วอึ้งไปปราณีว่าค้างไว้แค่นั้น ก่อนจะเดินจากไป คริสวิ่งเยาะๆ ตามไปที่ครัว แย่งถ้วยกาแฟในมือแม่ ไปใส่เครื่องล้างจานเสียเอง"แม่ครับ ถ้ามีใครซักคนมาหลงรักแม่ แต่อายุน้อยกว่าแม่ น้อยกว่ามากๆ แม่จะรับรักเขาไหมครับ"ปราณีมองอย่างครุ่นคิด และค้นพบบางสิ่งบางอย่างบนใบหน้าลูกชาย คริสเสมองเครื่องล้างจาน แล้วกดปุ่มล้างแก้เก้อ ทั้งที่ในเครื่องนั้น มีถ้วยกาแฟอยู่เพียงใบเดียว"แล้วเขาคนนั้นที่มาหลงรักแม่ ทำอะไรเพื่อแม่บ้างล่ะ" ปราณีหยั่งเชิง"ก็ยังไม่รู้สิ ยังไม่เป็นรูปธรรมเลยซักอย่าง แต่ทางนามธรรมแล้ว เขาตั้งใจว่า เขาจะต้องเป็นคนที่ดีขึ้น รวยขึ้น ประสบความสำเร็จในชีวิต แบบที่ถ้าแม่เลือกเขา แม่จะไม่อายใครเลย""อืม...น่าคิด แบบนี้ก็อาจจะมีหวั่นไหวบ้าง""จริงเหรอ "คริสตื่นเต้น หลุดฟอร์ม"พูดถึงแต่เรื่องภายนอก แล้วเรื่องภายในจิตใจล่ะ เขารักแม่มากขนาดไหน"คริสรู้ว่าแม่รู้ทันเขา แต่เขาก็ตอบ ติดจะเขินๆ กระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง " ก็คิดว่า น่าจะรักมากพอดูเลยล่ะ"ปราณีทำเฉยเสีย แล้วตอบจริงจัง "ความรักนี่แหล่ะ จะชนะทุกสิ่ง" ว่าแล้วก็เดินขึ้นชั้นบนไป ไม่รอดูคนตัวสูงว่าจะว่ากระไร ไม่อยากให้ลูกชายอายมากกว่านี้...ความรักนี่แหล่ะ จะชนะทุกสิ่ง... คริสทวนคำเบาๆเดินกลับมาที่ห้องสมุด เหลือบมองมุมหนึ่งของห้อง มุมที่เขาเคยผลักสายฝนไปติดผนังแล้วจูบออดอ้อน ความทรงจำในค่ำคืนนั้นหวนกลับมา กลิ่นหอมกุหลาบจากเส้นผมนุ่มสลวยของหญิงสาวขจรขจาย คริสนั่งลงที่เกาอี้แล้วหลับตาลง อมยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะลืมตาขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงข้อความเข้า เห็นเบอร์ของสายฝน คริสยิ่งยิ้มออกมาอย่างเต็มที่โดยไม่รู้ตัว...ฉันเอง...คริสอ่านข้อความนั้นแล้วขมวดคิ้ว ...ฉันเอง...แค่เนี๊ย?...ก่อนจะนึกขึ้นได้ ว่าเขาเพิ่งส่งข้อความไปหาเธอว่า ...ผมเอง...สั้นๆ เช่นกัน...หุหุ นี่จะแก้แค้นและเอาคืนกันทุกเม็ดเลยใช่ไหม แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ คอยดูเถอะ เจอกันเมื่อไหร่ จะ ............. เสียให้เข็ด...
แล้วแต่ว่าใครจะถูกรักแบบไหน
บางคนเจอรักที่หวานอมขมกลืน
แต่ก็ยังทนที่จะรัก
บางคนเจอรักที่หอมหวาน
แต่บางครั้งก็หวานจนเลี่ยนจะเลิกก็ไม่ได้
อาจด้วยหน้าตา ฐานะ ชื่อเสียง
แต่ก็นั่นละนะการมีความรักมันย่อมดีกว่าไม่มีเลยใช่เปล่าแจง