:: (ไม่)วุ่นนัก รักข้างบ้าน12 ::






...อายุเป็นเพียงตัวเลข จริงหรือ?...






...อายุเป็นเพียงตัวเลข...จริงหรือ?...

คำตอบที่ได้จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ สายฝนไม่อยากจะคิดถึงอีกแล้ว


...ถ้างั้น คืนนี้ให้ผมนอนบนเตียงคุณได้ไหม ผมจะทำให้คุณรู้สึก ว่าผมรักคุณขนาดไหน...


เพราะหลังจากประโยคนั้นของชายหนุ่ม คริสก็ยืนยันทุกคำพูดด้วยการกระทำ สิ่งที่เกิดขึ้น มันทำให้หญิงสาววาบหวิว หวั่นไหว หัวใจสั่นคลอน จนหลงลืมตัวเองไปชั่วขณะ ไม่แคร์ว่าเธอจะเป็นใคร เขาจะเป็นใคร ใครจะอายุมากกว่าหรือน้อยกว่า...ก็ช่างหัว...ขอแค่มีเธอและเขาชั่ว ณ ขณะนี้ ก็เพียงพอแล้ว


หลังจากค่ำคืนนั้นที่เขามาหาเธอและค้างคืนด้วย ช่วงหลังๆ เขาก็มาเธออีก ถี่ขึ้นและบ่อยขึ้น แต่มักเป็นช่วงเวลาที่ดึกแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้พี่สาวของสายฝน และคนบ้านใกล้เรือนเคียงต้องสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองคน บางครั้งคริสมักจะพกการบ้านมาทำด้วย เพื่อเรียนให้จบโดยเร็ว


การได้พูดคุยกันมากขึ้น ทำให้หญิงสาวพอจะรับรู้ขึ้นมาบ้าง ถึงสิ่งที่เขาพยายามจะต้องตัดสินใจ ว่าจะเรียนต่อในสายการเรียนเพื่อเอาใจแม่ของเขา หรือว่าจะไปฝึกงานกับพ่อของเขา ซึ่งสายฝนก็ยังไม่ทราบว่าพ่อของเขาเป็นใคร เพราะคริสไม่ใช่คนช่างเปิดเผยในเรื่องชีวิตส่วนตัว...มีเพียงสิ่งเดียว ที่เขาไม่เคยปิดบังมันไว้...นั่นคือความรู้สึกและคำพูดที่ว่า เขารักเธอ...


...เขารักเธอ...


ประโยคนี้วาบเข้ามาในหัวอีกครั้ง ความรักเพียงพอแล้วจริงๆ หรือ? สำหรับคู่รักซักคู่หนึ่ง...หลายอาทิตย์ที่ผ่านมา สายฝนยังคงทำงานกับฟรานเชสโก้ หลายต่อหลายครั้ง ที่คริสกลับมาจากการออกไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนๆ เพื่ออำลาชีวิตในวัยรุ่น วัยเรียนของชั้นม.ปลาย หญิงสาวพยายามมองสิ่งเหล่านั้นด้วยความเข้าใจ นั่นคือสังคมของฝรั่ง สังคมของคริส ท่าทางของคริสเครียดจัดอยู่เสมอในช่วงหลังๆ มานี้ มีบางสิ่งบางอย่างที่เขาเฝ้าครุ่นคิดอยู่เสมอ


และบางครั้งเขากลับเข้ามาด้วยรอยช้ำบนใบหน้า สิ่งนั้นทำให้สายฝนไม่มีความสุข เธอเตือนเขา แล้วเรื่องเล็กๆ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ วัยรุ่นมักเลือดร้อนเสมอ แต่ความเจ็บของเขา การชกต่อยที่เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย มันทำให้เธอเจ็บไปด้วย ไม่สบายใจกับอารมณ์ที่ไร้การยับยั้งช่างใจของเขา


ล่าสุดเมื่อคืนก่อน ... เขาและเธอสองคนทะเลาะกัน เมื่อเธอเตือนเขาถึงความใจร้อน บุ่มบ่าม และได้รับคำตอบโต้ที่เผ็ดร้อนมาว่า

"คุณเป็นคนรักของผมนะ ไม่ใช่แม่ของผม"

คำพูดนั้น ทำให้สายในอึ้งไป และดูเหมือนตัวคริสเอง ก็รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าเขาทำให้เธอเสียความรู้สึก แต่เขาไม่เอ่ยคำขอโทษ เขาคว้าแจ็คเก็ตแล้วออกไปจากบ้านของเธอทันที







ที่โรงแรมของฟรานเชสโก้ ณ มุมหนึ่งของห้องโถง ที่ถูกแยกออกไปเป็นส่วนตัวเล็กๆ สำหรับลูกค้าที่สูบบุหรี่ได้ ร่างสูงของคริสยืนพิงผนังอยู่ในชุดกางเกงยีนต์ขายาวสีซีดพอดีตัวกับเสื้อสีดำสนิท ผ้าพันสีน้ำตาลถูกพันอยุ่อย่างลวกๆ มิได้ใส่ใจ ผมที่เริ่มยาวขึ้น ถูกเสยขึ้นไปยังไม่ใส่ใจเช่นกัน แต่เขาก็ยังดูหล่อเหลาอยู่ดี แจ็คเก็ตสีเดียวกับผ้าพันคอถูกเกี่ยวไว้ในมือ ขณะที่มืออีกข้างถือบุหรี่มวนเล็ก อัดเข้าปอดอย่างช้าๆ สายตาคมมองนิ่งไปที่ส่วนหน้าของห้องโถงใสส่วนของรีเซฟชั่นี่มีสายฝนและเพื่อนสาวอีกคนทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าอยู่ หญิงสาวไม่เห็นเขา เพราะบริเวณนี้ ถูกบดบังด้วยต้นไม้ประดับที่เรียงเหลื่อมล้ำกันไว้


...แสงไฟที่ปลายมวนบุหรี่ ส่งแสงวิบวับเป็นประกายล้อสายตา แต่ยังไม่วิบวับเท่าประกายแสงไฟในดวงตาของคริส พอๆ กับที่ควันบุหรี่ที่เขาปล่อยออกมา ลอยม้วนเป็นหมู่ควันเล็กๆ สีเทาจางๆ ไม่เข้มข้นเท่าควันกรุ่นๆ ในใจของเขา...


เขารู้ดี ว่าคำพูดประโยคนั้นมันแรงไป เขารู้ว่าเขาไม่ควรพูดมันออกไปด้วยซ้ำ ...แต่ก็ต้องยอมรับอีกแหล่ะว่า เขาตั้งใจพูด เพราะเขาโกรธ ที่เธอพยายามทำตัวเหนือเขา ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ คอยสั่งคอยสอนเขา ใช่ว่าเขาจะไม่ชอบนะ กับการที่หญิงสาวแสดงความใส่ใจและห่วงใยในสวัสดิภาพ และอยากให้เขาเป็นคนที่ดียิ่งขึ้น

แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเธอบอกกล่าว ได้เห็นเธอทำท่าทางเป็นผู้ใหญ่เหนือเขา มันทำให้เขาโกรธ เพราะมันเหมือนการพยายามตอกย้ำ ว่าเธออายุมากกว่าเขา และเขาเป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่ง


...คนที่เธอไม่ยอมรับอย่างเต็มหัวใจ ว่าเขาเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว และเขาเป็นแฟนของเธอ...แม้จะเป็นแบบลับๆ ก็ตามที...


โฟกัสสายตาของเขาเริ่มเปลี่ยนทิศ เมื่อมีพนักงานคนหนึ่งมากระซิบที่ข้างหูสายฝน และหญิงสาวก็เดินออกไปหาลูกค้ารายหนึ่ง ลูกค้ารายนั้นท่าทางเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม ในระหว่างสนทนา เขาแตะมือลงมาที่เอวบางของสายฝน หญิงสาวปัดออกอย่างนุ่มนวลและถอยหลังก้าวหนึ่ง คริสขบกรามเบาๆ

...เอวบอบบางนั้นเป็นของเขานะ...

ถึงสายฝนจะถอยออกมาแล้ว แต่ว่าใบหน้ายังมีรอยยิ้มอยู่ แม้จะเป็นยิ้มที่จางลงก็ตาม พยายามพูดอธิบายอะไรบางอย่าง แต่ดูเหมือนว่าไอ้ลูกค้ารายนั้นมันยังไม่รู้ตัว ยังก้าวตามสายฝนไปอีกหนึ่งก้าว คราวนี้ดึงเอวสายฝนเข้าไปแนบตัว หญิงสาวขืนตัวแต่ไม่พ้น และลูกค้ารายนั้นก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างที่หู ... และ

...ไอ้บ้าเอ๊ย...มันนึกว่ามันเป็นใคร นั่นก็ของเขา ทั้งใบหูขาวผ่อง ซอกคอเนียนนุ่ม...

คริส คิด ก่อนจะขยี้ปลายบุหรี่ลงในถังสำหรับเขี่ยบุหรี่...ขยี้แรงๆ ก่อนจะขยับตัวออกจากผนังที่พิงอยู่ ก้าวไปข้างหน้าช้าๆ แต่สาวเท้าอย่างมั่นคง...เหมือนเสือหลับที่กำลังจะตื่น และก้าวเร็วขึ้น เร็วขึ้น เห็นสายฝนร้องกรี๊ดออกมาเบาๆ พลางสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุม เมื่อลูกค้ารายนั้นเอื้อมมือมากุมบั้นท้ายงอนงามเอาไว้

...ไอ้...

คริสสะบัดแจ็ตเก็ตในมือลงพื้น ก่อนจะเดินอย่างรวดเร็วไปดึงมือหยาบหนาของผู้ชายคนนั้นออก สายฝนหันมามองอย่างตกใจและประหลาดใจ

"คริส..."

"แกเป็นใครว่ะ"

"ฉันเป็นใครไม่สำคัญหรอกนะ แต่แกนั่นแหล่ะ กำลังทำอะไร" ถามเสียงเข้ม บิดข้อมือของอีกฝ่ายจนอีกฝ่ายร้องลั่น

"ปล่อยนะโว้ย พนักงานโรงแรมเหรอ โรงแรมนี้มันป่าเถื่อนจริงๆ กล้าดียังมาทำกับลูกค้าแบบนี้" เสียงที่ดังขึ้น ทำให้ผู้คนในบริเวณนั้นเริ่มสนใจ

"คริส.." สายฝนเรียกเบา ส่งเสียงกระซิบ "ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้นะ เค้าเป็นแขกคนสำคัญของที่นี่นะ"

คริสเพียงเหลือบสายตาเข้มๆ มามองหญิงสาว เป็นทำนองว่า ....แล้วใครจะสนใจ...

ก่อนจะผลักอีกฝ่ายจนเซถลา "แกนั่นแหล่ะเถื่อน ลวนลามผู้หญิง"

ผู้คนมุงอยู่ ส่งเสียงฮือฮาขึ้นมารอบๆ ตัว นายคนนั้นจึงตะโกน "ลวนลามอะไร นังคนนี้มันอ่อยฉันเอง "

ดวงตาของคริสเป็นประกายวาววาบ...สายฝนเห็นท่าไม่ดี จึงรีบเข้ามาจับต้นแขนเขาไว้ เพราะรู้ว่าคริสกำลังจะฟิวส์ขาด

"คริส ช่างมันเถอะ เดี๋ยวเราจะเคลียร์กันเอง เรื่องเล็กน้อยน่ะ"

คริสสะบัดข้อมือออก แววตามุ่งร้าย "แกว่าอะไรนะ...วอนหาที่ซะแล้ว"

"อีนี่มันยั่วฉันก่อน ผู้หญิงเอเชียก็อย่างนี้แหล่ะว้า อีตัว ทำอะไรก็ได้เพื่อเงิ..." ยังไม่ทันจบประโยค

"อีตัวเหรอ" คริสย้ำหนักๆ ลอดไรฟันที่ขบแน่น แล้วเสียงปลั่ก ก็ดังขึ้น เมื่อคริสกระโจนเข้าใส่ และต่อยเข้าที่ปากจนนายนั่นเซถลา ก่อนจะตามด้วยหมัดหนักๆ ฮุกเข้าที่หน้าท้อง จนลูกค้ารายนั้นลงไปกองกับพื้น แล้วคริสก็ตามลงไปอัดซ้ำอีกเป็นหมัดที่สาม ที่สี่ ที่ห้า...และ...ที่

ตามความชุลมุนวุ่นวาย เมื่อผู้คนแตกฮือ ...สายฝนได้แต่เอามือปิดปากตะลึงงันไป ไม่คิดว่าคริสจะ....

...คริส...









"Mio Dio" ฟรานเชสโก้สบถเป็นภาษาอิตาเลี่ยนที่ฟังดูสุภาพที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ก่อนจะถอดสูทพาดที่พนักเก้าอี้ที่ห้องทำงาน และขยับเนคไทอย่างแรง ราวกับว่าหากผูกนานกว่านั้น เขาอาจจะอึดอัดตายไปเสียก่อน

"คริส นายทำบ้าอะไรของนายว่ะ"

คนที่ถูกต่อว่า ไม่มีท่าทีสำนึกผิดซักนิด คริสยังคงนั่งอยู่ที่โซฟาอย่างสบายอารมณ์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น "ก็อย่างที่นายเห็นนั่นแหล่ะ" แต่ภายในใจครุกรุ่น

"ใช่ ฉันเห็นแล้ว" ฟรานเชสโก้สบถอีกครั้ง ด้วยคำที่หยาบกว่าเดิม ซึ่งไม่ใช่อุปนิสัยของเขา " ห้องโถงเละเป็นโจ๊ก ลูกค้าแตกตื่น แตกฮือ และชื่อเสียงของโรงแรมที่พ่อแม่ฉันสร้างสมมา และฉันสานต่อมาพักใหญ่ แต่นายทำมันพังครืนลงในชั่วพริบตา"

"เว่อร์ไปน่าฟราน ทุกคนก็เห็น ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ชื่อเสียงโรงแรมนายไม่เสียหรอก" คริสเถียง

"นายจะไปรู้อะไร นี่แหล่ะ..." ฟรานเชสโก้ว่า "นายถึงควรมาฝึกงานอย่างที่ฉันเคยบอก เพราะว่านายเก่งแต่ในเรื่องส่วนตัว ชีวิตของนาย ในโลกของนาย แต่นายยังไม่ได้ก้าวออกมาสู่โลกภายนอกจริงๆ ว่าเขาทำงานกันอย่างไร ลูกค้าคือพระเจ้า นายเขาใจไหม?"

คริสเหลือบตามอง ไม่พอใจกับคำสบประมาทนั้น "ถ้าลูกค้าคือพระเจ้า ฉันนี่แหล่ะ จะเตะพระเจ้าให้นายดู"

"เฮ้อ.." ฟรานเชสโก้ถอนหายใจอย่างโกรธ แต่ก็อดขำในใจไม่ได้...ไอ้คริสนี่ มันจริงๆ เลย...

คริสยังคงนิ่ง ไม่เถียง บางทีฟรานอาจพูดถูกก็ได้ " แต่นายก็เห็นนี่ ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณสายฝนเค้าถูกลวนลาม"

"มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้"...ฟรานยังพูดไม่จบ คริสยืนขึ้นแล้วก็มองอย่างโมโห

"นายว่าอะไรนะ ? ลูกจ้างของนายโดนอย่างนั้น นายไม่เดือดร้อนอะไรเลยหรือ"

"มันไม่ใช่เรื่องใหม่ และถ้ามันไม่ใหญ่เกินไป พนักงานทุกคนจะต้องเรียนรู้ที่จะหลบเลี่ยงปัญหา และแก้ไขเฉพาะหน้า"

"ไอ้..." คริสเขวี้ยงแจ็คเก็ตลงบนโซฟาอย่างโมโหสุดขีด ทันเห็นมันลื่นไถลลงไปบนพื้น

"ถ้าคุณสายฝนเค้าอยากจะเป็นมืออาชีพ เค้าจะต้องผ่านมันไปให้ได้ มันจะไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ถึงไม่ใช่ไอ้ลูกค้าเลวๆ คนนี้ ก็จะมีไอ้ลูกค้าเลวๆ คนต่อไปอีกเรื่อยๆ ดังนั้นต้องเป็นตัวพนักงานเอง ที่จะต้องฉลาดในการเผชิญหน้า"

"หลักการณ์ของคนทำงานอย่างพวกนาย ฉันไม่อยากจะฟัง" ยิ่งฟัง เขาก็ยิ่งรู้ว่าตัวเองเด็กอย่างที่สายฝนปรามาส

"ปกติ ตั้งแต่ฉันรู้จักนายมา นายไม่ใช่คนแบบนี้นี่" ฟรานเชสโก้เปรย

คริสมอง "แบบไหน"

"ถึงนายจะบ้าเลือดไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ไม่เลือกสถานที่ ไม่เลือกคนที่นายจะยุ่ง นายเป็นอะไรไป"

"หมายความว่ายังไง" คริสถาม

ฟรานเชสโก้นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วพิงพนักพิงอย่างช่างใจ "นายหัดทำตัวเป็นผู้พิทักษ์ เป็นผู้ผดุงความยุติธรรมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"

คริสไม่ตอบ

"นายชอบคุณสายฝนใช่หรือเปล่า"

คำถามนั้นทำให้คริสเงียบไป...นาน...

"ฉันไม่ตอบคำถามปัญญาอ่อนนั่นหรอก"

"ถ้านายไม่ตอบ ฉันจะถือเป็นการปฏิเสธ" ฟรานเชสโก้โมเม

คริสไม่ตอบอีก ก่อนจะก้มคว้าแจ็ตเก็ตขึ้นมาจากพื้นเดินไปจากห้องด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ก่อนถึงประตู เขานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับมาย้อนถาม

"ทำไม...ถ้าฉันบอกว่าฉันชอบคุณสายฝน นายจะถอยออกไปหรือเปล่า?" คำถามนั้นเป็นเชิงประชดแกมท้าทาย

"เปล่า" ฟรานเชสโก้ตอบมาด้วยมาดนิ่มๆ ดังคนเก่า คล้ายกับคำตอบนั้นไม่ได้ส่งผลอะไรเลย แต่ใครจะรู้ความนึกคิดของเขาเล่า "แต่ฉันจะทำทุกวิถีทางให้นายเห็นว่า นายไม่เหมาะกับผู้หญิงคนนั้นหรอก ไม่ว่าจะมองทางไหนก็ตาม"

...ต่างคนต่างมองกันนิ่ง...สบตากันนาน...ทั้งท้าทายกัน และกำลังหยั่งเชิงกันอยู่ในที...

แล้วคริสก็เป็นฝ่ายเปล่งเสียงหัวเราะออกมาในลำคอ ยิ้มแกมเย้ยหยันตัวเอง

"งั้นฉันก็ควรจะสบายใจสินะ ที่ไม่ได้ชอบยัยนั่น และไม่ได้เป็นคู่แข่งของนาย ไม่ใช่คนที่นายหมายหัว ขึ้นบัญชีดำเป็นศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่ง"

แม้จะตอบออกไปเช่นนั้น แต่คริสก็รู้ดี ว่าฟรานเชสโก้ไม่เชื่อเขาหรอก สายตาของชายหนุ่มคนนั้นบอกเขาแบบนั้น

...นั่นสิ ฟรานจะเชื่อเขาได้อย่างไร ขนาดเขายังไม่เชื่อคำที่ตัวเองพูดออกไปเลย...

เปิดประตูออกมา เห็นสายฝนอยู่อยู่ที่หน้าห้อง

"สายฝน" เขาเรียกเบาๆ

แต่หญิงสาวกลับเมินหน้าหนี โกรธเขานัก ที่เขาใช้อารมณ์เด็กๆ ในการกระทำ แม้จะรู้ว่าเขาทำไปเพื่อเธอก็ตาม เดินผ่านเขาเข้าไปด้านใน ชายหนุ่มได้ยินเสียงหญิงสาวกล่าวว่าขอโทษที่ทำให้ฟรานเชสโก้ต้องผิดหวังที่รับเธอเข้าทำงาน แต่กลับทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย คริสทั้งโกรธทั้งน้อยใจที่สายฝนเมินใส่ ชายหนุ่มเดินลงบันไดไป









"กรี๊ด..." สายฝนตกใจสุดขีด ที่เมื่อถูกกระชากข้อมือ ขณะที่กำลังเดินเลี้ยวลงบันไดเพื่อจะลงไปชั้นล่าง เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ดึงแขนเธอไว้ ตาหวานๆ ที่เคยอ่อนโยนอยู่เป็นนิจ ก็เขียวขึ้นมาทันที สายตาแวววาวที่เคยมองมาอย่างน่ารักน่าชัง ตอนนี้กำลังมองทะลุทะลวงเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

"ขอโทษกันพอรึยัง" คริสถามเสียงเข้มอย่างไม่พอใจ แต่สายฝนไม่คิดจะยอมเป็นคนถูกรุกไล่

"ยังอยู่อีกเหรอ" ถามห้วนๆ ก่อนจะเหลือบมองที่ข้อมือ เห็นหลังมือของคริสเป็นร้อยช้ำ บวมปูด แถมมีเลือดแห้งติดอยู่บนข้อนิ้ว ไม่รู้ว่าเป็นเลือดใครกันแน่ ระหว่างคู่กรณีหรือเขาเอง เห็นแล้วอยากจูบปลอบประโลมหลังมือให้เขาหายเจ็บ

"ใช่ ยังอยู่" เสียงเขาห้วน " อยากรู้นัก ว่าผู้หญิงบางคน จะใจจืดใจดำไปถึงไหน ผมช่วยคุณแท้ๆ แต่คุณกลับโกรธและเมินใส่ผม"

แต่ความโกรธที่มีมากกว่า ทำให้สายฝนไม่ยอมโอนอ่อน ทำตามที่หัวใจเรียกร้อง ปั้นเสียงให้ฟังดูโกรธ

"อ้อ" สายฝนกระชากเสียง "ขอบคุณมากนะ ที่เกือบทำให้ฉันตกงาน ตั้งแต่เริ่มงานไม่ทันไร"

"ฮึ" คริสทำเสียงในลำคอ "คุณคิดเหรอ ว่าฟรานจะเอาคุณออก ผมรู้จักเขาดี ถ้าเขาชอบใคร ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ต่อให้คุณทำผิดกว่านี้อีกร้อยเท่า คุณก็ยังเป็นนางฟ้าสำหรับเขาอยู่ดี"

สายฝนสะบัดข้อมือจากการเกาะกุม "ไม่ต้องมาทำเป็นประชดประชัน ถึงอย่างไร เธอก็ไม่พ้นผิดไปได้หรอกนะ ทำผิดก็คือทำผิด ไม่ว่าจะเพื่ออะไรก็ตาม"

กล่าวต่ออย่างไม่สำนึกบุญคุณ "และถ้าเธอยังไม่เลิกใช้อารมณ์วู่วามและความใจร้อนแล้วล่ก็ รู้ไว้ซะว่าสิ่งเหล่านี้มันจะย้อนกลับมาทำลายตัวเธอเอง"

"เอาอีกแล้วนะ" คริสรำพึงอย่างโมโห " คุณพยายามทำตัวเองเป็นผู้ใหญ่กว่าผมอีกแล้วนะ ผมไม่ชอบ"

คราวนี้เขาปล่อยมือจากแขน แล้วในเสี้ยววินาทีถัดมาก็คว้าเอวบางของหญิงสาวมาแนบชิดจนได้กลิ่นหอมหวานของผิวเนื้อนุ่มลอยอบอวลหอมกรุ่น

"แล้วไงย๊ะ ก็ฉันเป็นผู้ใหญ่กว่าเธอจริงๆ นี่" สายฝนเชิดหน้าเถียง และกระซิบดุๆ เบากว่าเดิม "ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ นี่มันโรงแรมนะ แล้วก็กลางบันไดด้วย"

คริสเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัวว่าทั้งสองคนกำลังระเบิดเสียงและทะเลาะกันอยู่ในที่สาธารณะ จึงลากสายฝนเดินเลี่ยงไปยังห้องๆ หนึ่ง ที่อยู่ใกล้ๆ กับบันได

"เธอจะพาฉันไปไหนนี่?" ถามไปก็ไม่ได้รับตอบ ข้อมือที่กุมแน่นก็แกะไม่ออก จนได้แต่เซถลาตามร่างสูงของคริสไป

เขาเปิดประตู แล้วปิดลง ผลักหญิงสาวไปติดผนังห้อง ...แววตาเข้มวาววาม ...

"จะ...จะ...จะ...ทำอะไรน่ะ" ถามตะกุกตะกัก กับสายตาโลมเลียที่ส่งมา

"ไม่รู้จริงๆ เหรอ" เขาถาม พลางหันไปกดล็อคประตู "เห็นต่อว่าผมฉอดๆ ผมคิดว่าคุณรู้จักผมดีแล้วซะอีก " เขาประชด


...รู้ก็รู้นั่นแหล่ะ แต่ว่า ไม่นะ...ไม่ใช่ที่นี่... สายฝนได้แต่คิดในใจ


"ทีนี่แหล่ะ "คริสบอกอย่างรู้ทัน "ผมจะสั่งสอนผู้ใหญ่บางคนหน่อย" เขาว่า

แล้วจับข้อมือทั้งสองข้างของสายฝน ตรึงไว้กับผนังห้อง ก่อนจะก้มลงจูบหญิงสาวอย่างรุนแรง ปากบดปาก สะโพกเบียดสะโพก ไม่มีช่องว่างให้อากาศวิ่งผ่านเลย

"ผมจะสั่งสอนผู้ใหญ่หน่อย" คริสกระซิบอีกครั้ง เมื่อถอนจูบอันรุนแรงและยาวนานออก "ว่าบางครั้ง เดินตามเด็ก หมาไม่กัดหรอก แต่เด็กนี่แหล่ะ จะกัดปากคุณ...แม้จะไม่ปลอดภัยเท่าไหร่แต่อาจจะเร้าใจจนถอนตัวไม่ขึ้นก็ได้นะ"

ว่าแล้วก็ก้มลงจูบซ้ำอีกครั้ง และขบที่ริมฝีปากล่างของหญิงสาวอย่างแรงด้วยฟันคมๆ ของเขา แล้วเปลี่ยนเป็นการไล้อย่างแผ่วเบา การขบกัดที่เบาหวิว แต่เสียวซ่านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของหญิงสาว


...เดินตามผู้ใหญ่ หมาไม่กัด...เดินตามเด็ก เด็กกัดปาก ??????????????????...









Create Date : 31 สิงหาคม 2553
Last Update : 31 สิงหาคม 2553 17:52:24 น. 5 comments
Counter : 961 Pageviews.

 
อีตาคริสนี่น่ารักจริงๆ



โดย: NuFai_312 วันที่: 31 สิงหาคม 2553 เวลา:16:22:09 น.  

 
บทที่ 12
อิจฉา อิจฉา

เดือนนี้ยังไม่ได้เขียนนิยายเลยค่ะ

เห็นอีกคอมเม้นท์หนึ่งที่บล็อกตูนแล้วค่ะ
เข้าไปป่วน FB คุณแจงดีกว่า


โดย: เหมือนพระจันทร์ วันที่: 31 สิงหาคม 2553 เวลา:17:39:53 น.  

 
อยากถูกกัด คิคิ*-*


โดย: sakeena IP: 124.120.80.234 วันที่: 31 สิงหาคม 2553 เวลา:20:02:25 น.  

 
555 อีตาคริสนี่เหลือร้าย

รอดูท่าทีของฟรานบ้าง รู้ไต๋คริสแล้วนี่ ^^


โดย: Paulo วันที่: 2 กันยายน 2553 เวลา:8:11:12 น.  

 
ถ้าคริสไม่โตซักที สงสัยจะมีแต่เรื่องปวดหัวนะสายฝน


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:19:25:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nikanda
Location :
จันทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




ลายปากกา









New Comments
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
31 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nikanda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.