:: (ไม่)วุ่นนัก รักข้างบ้าน1 ::



...คนข้างบ้าน...




...แปลกจัง... ถ้าเช้าวันนั้นไม่ได้เจอเขา ม้านั่งยาวๆ ตัวเก่าที่นั่งรอรถบัสอยู่เป็นประจำทุกเช้า ก็คงเป็นแค่ม้านั่งตัวหนึ่ง พื้นที่ที่มากมายเกินไปและไม่มีความหมายอะไรเลย แต่เมื่อมีใครซักคนมานั่งแชร์อย่างนี้ พื้นที่กลับดูแคบลงไปถนัดตา ตอนที่เขาเดินลงมานั่งข้างๆ ชิดติดกันอย่างไม่ค่อยมีมารยาท หญิงสาวควรจะต่อว่าหรือทำหน้าไม่พอใจ แต่เปล่าเลย สิ่งที่เธอทำลงไปเป็นเพียงการขยับตัวถอยหนีมานิดนึงอย่างช้าๆไปสุดริมขอบม้านั่ง เพื่อไม่ให้เขารู้สึกตัวหรือรู้สึกแย่ว่าเธอถอยหนีด้วยความรังเกียจหรือเหตุผลอื่นใด นึกอยู่ในใจว่าควรเป็นเขาต่างหากที่น่าจะมีมารยาทซักนิด


...จะบ้าเหรอ ดันกลัวคนที่ไม่คุ้นเคยเสียความรู้สึกเสียนี่...


หลายวันแล้วล่ะที่บังเอิญเจอะเจอกับเขา เขาอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่หรอก บ้านของเขาถัดไปจากบ้านของเธอเพียงไม่กี่สิบเมตร เขาเป็นลูกครึ่งไทยอิตาลี แม่ของเขาเป็นคนไทยที่มาอาศัยอยู่ที่นี่นานแล้ว ส่วนหญิงสาวเพิ่งตามพี่สาวมาอยู่ได้ไม่นานนัก โดยทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดในโรงแรมแห่งหนึ่งของเมืองนี้ ส่วนตัวแล้วกับผู้ชายคนนี้ เคยเห็นผ่านๆ ไกลๆ แต่ไม่เคยได้คุยกัน เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยรุ่นอายุสิบแปดปี ส่วนสายฝนนั้นเป็นสาวโสดวัยเลยเบญจเพสมานิดหน่อย ทุกเช้าเขาจะมานั่งรอรถบัสที่ฝั่งนี้ แต่เมื่อถึงเวลา เขากลับข้ามถนนไปขึ้นฝั่งตรงข้ามเพื่อไปอีกทางหนึ่งที่ตรงข้ามกับโรงแรมที่เธอจะไปทำงาน


...คงไปโรงเรียนมั๊ง...


ครั้งแรกที่ทั้งสองคนมีโอกาสได้พูดคุยกันประโยคแรก คือเช้าวันหนึ่งที่เขาลุกจากม้านั่งไปอย่างรวดเร็วเพราะรถบัสฝั่งตรงข้ามกำลังจะมาถึง เธอเห็นมือถือวางอยู่ที่ม้านั่ง

"คริส...ของเธอหรือเปล่า" สายฝนตะโกนถามข้ามถนนไป

"โอ๊ะ ของผมเอง ไม่ทันแล้ว ฝากคุณเก็บมาคืนที่แม่ผมด้วยนะครับ" ว่าแล้ว เด็กผู้ชายร่างสูงที่โตเกินวัยก็กระโดดขึ้นรถบัสไปอย่างรวดเร็ว เขาดูโดดเด่นในรถบัสคนเก่าๆ ในเสื้อแจ๊คเก็ทหนังสีดำสนิท ดำพอๆ กับหมวกใบโตที่คลุมดวงตาคมเข้มจนแทบมิด แต่ไม่อาจบดบังจมูกโด่งเป็นสัน ตามเชื้อชาติครึ่งหนึ่งในตัวเขา


...คริส...


แปลกแต่จริง ชื่อสั้นๆที่หญิงสาวไม่เคยเอ่ยเลยซักครั้ง แต่กลับผ่านริมฝีปากออกมาอย่างง่ายดาย ราวกับว่าเคยพูดและเรียกเป็นพันๆ ครั้ง ... รอยยิ้มน้อยๆ ประดับหน้าในวันนั้น เธอน่าจะรู้ ว่ามันจะนำไปสู่อะไรใต้ท้องฟ้าสีครามในยามเช้าแห่งนี้ที่ริมถนนผู้คนบางตา







เลิกงานยังไม่ทันนั่งรถกลับถึงบ้านด้วยซ้ำ มือถือที่ยังไม่ทันส่งคืนแม่ของเจ้าของเครื่อง ส่งเสียงดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงจอแจแออัดของรถบัส ความมือลงใบหาในกระเป๋าใบใหญ่ เบอร์โทรของใครคนหนึ่งถูกโชว์หราขึ้นมา หญิงสาวกำลังช่างใจอยู่ว่า จะรับโทรศัพท์ของคนอื่นดีหรือไม่ เพราะมันเป็นการเสียมารยาท แต่ชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอก็ทำให้อดใจไว้ไม่ไหวด้วยความอยากรู้อยากเห็น


...แฟนของเขาหรือเปล่านะ...


"ฮัลโหล" ปลายสายเงียบ ขณะที่สายฝนกั้นหายใจรอฟังอยู่อย่างใจจดใจจ่อ เแทบไม่รู้ตัวเลยว่าลุ้นเพียงใด ว่าชื่อที่แสนไพเราะนี้ เจ้าของเสียงจะมีน้ำเสียงที่ไพเราะเพียงใด

"ผมเอง" เสียงผู้ชายดังแทรกเข้ามาบางเบา "ผมคริสนะ...พอดีคืนนี้แม่ผมไม่อยู่บ้าน ผมแวะไปเอามือถือของผมที่บ้านคุณได้หรือเปล่า ผมมีความจำเป็นต้องใช้เบอร์ในเครื่องนั้น แต่ว่าผมจำเบอร์ไม่ได้ "

"อืม..." คิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตอบออกไป "ก็ได้ อีกซักครึ่งชั่วโมงนะ" ก่อนจะวางสายไป เอาน่า ก็แค่เด็กข้างบ้าน คงไม่เป็นไรหรอก


กลับถึงบ้านแล้วยังไม่ทันหนึ่งทุ่มดี แต่เลยเวลานัดมาแล้วกว่าสิบนาที เธอจึงตัดสินใจที่จะอาบน้ำอาบท่าอย่างรวดเร็วสุดชีวิตตั้งแต่โตมายี่สิบกว่าปี ปกติจะอ้อยอิ่งอยู่ที่อ่างอาบน้ำนานเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ครั้งนี้ไม่อยากให้ใครรอนานจึงลงมืออาบน้ำด้วยความเร่งรีบ เงี่ยหูคอยฟังเสียงออดตลอดเวลาแต่ก็ยังคงมีแต่ความเงียบงัน ท้องเริ่มร้องหาอาหารเพื่อประทังความหิว พอๆกับที่เริ่มหงุดหงิดเพราะเธอเกลียดที่สุดก็คือคนที่ผิดเวลา จึงฆ่าเวลารอคอยด้วยการเปิดตู้เย็นใบย่อมในบ้านใต้หลังคาของพี่สาว ที่เธอเจียดเงินเดือนจ่ายเป็นค่าเช่าให้เดือนละสองร้อยยูโรเท่านั้น


ความจริงแล้วพี่สาวของเธอไม่ได้ต้องการอะไรเลย แต่หญิงสาวเห็นว่าเป็นการช่วยเหลือกันและกัน แม้ขนาดจะเล็กไปหน่อย มีเพียงห้องนอนขนาดเล็กหนึ่งห้อง ห้องน้ำหนึ่งห้อง และห้องส่วนกลางที่เป็นทั้งห้องนั่งเล่นและห้องครัวรวมกัน แต่ก็เป็นส่วนตัวดีแท้ๆ เพราะว่าด้านนอกเป็นระเบียงกว้างขวาง แถมมีบันไดขึ้นมาเป็นส่วนตัว โดยไม่ได้เชื่อมต่อกับบ้านชั้นล่างของพี่สาวและสามีของเธอ


หยิบนมสดกล่องใหญ่ติดมือออกมากับถ้วยกระเบื้องสีขาวนวลตาที่วางอยู่บนชั้นข้างๆกัน ได้ขนมคุ๊กกี้ช๊อคโกแล็ตมาในขวดโหลมาห้าหกชิ้น ของง่ายๆ สำหรับสาวโสดที่ขี้เกียจทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ ในตู้เย็นมีแต่ผักสดและนมเต็มไปหมด จะไปทานอาหารนอกบ้าน ที่ร้านอาหาร ก็กระไรอยู่ ฤดูนี้ ฤดูที่หนาวจับใจ ช่างเป็นการทำร้ายจิตใจของสาวโสดผู้แสนเหงา และเปล่าเปลี่ยวใจดีแท้ ที่ต้องไปนั่งมองคู่รักทานอาหารกันกระจุ๋งกระจิ๋ง เดินไปตามถนนในยามค่ำคืน หนุ่มสาวก็แต่งตัวกันด้วยแฟชั่นกันหนาวแสนทันสมัย โอบกอด แลกจูบกันอย่างดูดดื่ม เร่าร้อน ราวกับจะใช้อ้อมกอดของกันและกันเพื่อบรรเทาความหนาวเย็นของฤดูกาล


...สิ่งที่ได้เห็นทำเอาเส้นเลือดข้างขมับขวาเต้นระริกๆ ด้วยความไม่ชอบใจ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นต่อมอิจฉาหรือว่าต่อมอะไรกันแน่ที่กำลังทำงานอย่างหนักหน่วง...


หนำซ้ำต่อให้อยากออกไปทานอาหารนอกบ้านใจจะขาด แต่เงินในกระเป๋าที่เหลือจากการจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่ารถประจำทางไปกลับจากที่ทำงาน และค่าจิปาถะ แม้แต่กาแฟที่บาร์ข้างๆบ้าน ก็ราคาแพงหูฉี่ สำหรับคนที่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับการใช้เงินยูโร จะล้วงจะควักทีไร อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับค่าเงินไทยทุกที


เสียงกริ่งที่ประตูบ้านดังขึ้น ทำให้คนที่ยืนคนนมสดกับน้ำตาลในถ้วยด้วยอารมณ์กรุ่นๆ นั้น วางช้อนลงทันที ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู ... "คริส เธอมาช้ามากไปหน่อ...ย..ย..นะ" เสียงที่กำลังเอ่ยต่อว่าติดขัดไปชั่วขณะ เมื่อคริสเอ่ยแทรกขึ้นมาทันทีที่ประตูเปิด

"ขอโทษนะ...ที่ผมมาช้า"

แม้ใจจะยังหงุดหงิดอยู่บ้างเพราะเขาผิดเวลาไปมากโข แต่สายตาที่สบมาตรงๆ พร้อมกับคำพอโทษพอโพยอย่างจริงใจ ก็ทำให้หญิงสาวผู้มีพื้นฐานนิสัยอ่อนโยนอยู่แล้วไม่เอ่ยว่ากระไร พยักหน้าให้นิดนึง ก่อนที่จะเดินไปหยิบมือถือมาส่งคืนให้คนที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตู

"นี่ค่ะ..แล้ว..เอ๊ะ" อุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่ามีเลือดแดงๆ ไหลซึมอยู่ที่ตรงปลายหางคิ้วซึ่งหมวกใบโตปิดไม่มิด มองเลื่อนลงมาที่ริมฝีปาก มุมปากมีรอยแดงเป็นจ้ำ รอยเลือดจางๆ ราวถูกเจ้าของใช้มือปาดเช็ดอย่างไม่เต็มใจ "ไปทำอะไรมานี่"

คริสมองหน้าสายฝนด้วยสายตาฉงน แปลกใจปนงงเล็กน้อย และมีวี่แววบางอย่างในดวงตาที่ดูเป็นคำถามที่เธอรู้สึกว่ามันหยาบคาย...เช่นว่า...ถึงผมจะไปทำอะไรมาแล้วมันเกี่ยวอะไรกับยัยป้าข้างบ้านกันนี่...

แต่เขาเลือกที่จะตอบปฏิเสธเพียงสั้นๆ ว่า "ไม่มีอะไรหรอก"

ไม่รู้ว่าด้วยความสนิทสนมกันพอสมควรของเธอและแม่ของเขาหรือเปล่า ทำให้สายฝนคิดว่าไม่อาจจะปล่อยให้มันผ่านไปได้ หญิงสาวดึงชายเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาให้เดินมาเข้ามาด้านในอย่างถือวิสาสะ ราวกับว่าเขาเป็นเพียงเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่ใช่เด็กหนุ่มวัยสิบแปดที่ตัวสูงเกือบร้อยแปดสิบเซ็นต์ และเธอสูงกว่าอกของเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


"เอ่อ..นี่คุณ ผมว่า.." เขาค้าน แต่ยังไม่ทันจบด้วยซ้ำ "ไม่ต้องว่าอะไรทั้งนั้น ล้างแผลเสียหน่อย แล้วเธอก็กลับไปบ้านของเธอได้" จากนั้นเธอก็ปล่อยเขาไว้ที่โต๊ะอาหารด้านนอก ส่วนตัวเองก็เข้าไปหากล่องปฐมพยายาลในห้องนอนของตัวเอง ขณะที่กำลังค้นๆ หาของอยู่นั้น อยู่ๆ ก็ชะงักขึ้นมาชั่วขณะ


...ฉันจะบ้าหรือเปล่านี่ ก็บ้านเขาอยู่ถัดไปแค่นี้ ให้เขาไปทำเองที่บ้านเขาก็ได้นี่ ฉันจะไปห่วงเขาทำไมกัน... คิดแล้วก็ได้แต่ยักไหล่กับตัวเอง ...ช่างเถอะ ที่ฉันตกใจเกินเหตุ ก็เพราะฉันเป็นผู้หญิงจิตใจดีเกินไปแค่นั้นเอง..หุหุ


กลับมาอีกที ทันได้เห็นคนที่นั่งรออยู่ นั่งมองถ้วยนมอาหารหลักของเธออยู่ "หิวเหรอ?" หญิงสาวถาม

"เปล่านี่" เขาตอบ แล้วปล่อยให้พยาบาลมือสมัครเล่น ทำความสะอาดขั้นต้น โดยการซับเอาเลือดแห้งออก "ผมเคยเห็นคุณบ่อยๆ" เขาเอ่ยชวนคุยอย่างเสียมิได้

"อืม..ม.." สายฝนพยักหน้า ขณะที่ก้มลงแต้มยาแดงลงไป พยายามไม่ให้เลอะ " ฉันก็เคยเห็นเธอไกลๆ เหมือนกัน เธอโชคดีมากรู้ไหม แม่ของเธอน่ารักมาก"

คริสไม่ตอบว่ากระไร

"เอาล่ะ...เรียบร้อย" เมื่อแปะพาสเตอร์ที่หางคิ้ว "ไปได้"

แต่เขายังคงนั่งอยู่ตรงนั้น พลางชี้ไปที่ถ้วยนมและโหลคุ๊กกี้ "นี่อาหารเย็นของคุณเหรอ" ถามด้วยท่าทางแขยงเต็มที่ สายฝนพยักหน้า

"อืม..ทำไม"

"ถึงว่า ทำไมคุณตัวเล็กนัก เพราะกินแต่ไอ้นี่นี่เอง ขนาดผมเป็นฝรั่งแท้ๆ ผมยังไม่กินเลย"

สายฝนเท้าสะเอว "ฉันตัวเล็ก เพราะฉันเป็นคนเอเชียย่ะ ไม่เหมือนเธอนี่ ตัวโตอย่างกับยักษ์ ว่าแต่ว่าแม่ของเธอไปไหนล่ะคืนนี้"

คริสไม่ได้ตอบในทันที แต่แววตาของเขาหม่นลง "อ๋อ พอดีวันนี้วันเกิดแฟนเค้าน่ะ ก็เลยออกไปฉลองกันนอกบ้าน" เขายอมตอบในที่สุด

และเมื่อเห็นสายตาของผู้หญิงตรงหน้า ที่มองมาด้วยสายตาอ่อนโยน แสดงถึงความเข้าใจและ..สงสาร เขาก็ชักสีหน้าเป็นเคร่งขรึม รีบออกตัวทันที "จริงๆ เขาก็เชิญผมด้วยนะ แต่ผมติดธุระเลยไม่ได้ไป" เขาไม่ได้ติดธุระหรอก แต่เขาไม่อยากไปต่างหาก

สายฝนชี้ไปที่แผล "นี่หรือเปล่า ธุระของเธอ"

คริสลุกขึ้นยืน "ขอบคุณนะ สำหรับเรื่องมือถือ และก็เรื่องแผลนี่ ผมไปล่ะ" ว่าแล้วเขาก็หมุนตัวเดินออกไป สายฝนเดินตามหลังไปเพื่อจะปิดประตู อยู่ๆ เขาก็หันกลับมาอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันตั้งตัวทำให้หน้าของหญิงสาวชนกับหน้าอกและต้นคอของเขาอย่างจัง


...โอ๊ะ...


"อะ..อะ..อะ..ไร" น้ำเสียงนั่นเบาหวิว ติดขัด

"ผมลืมมือถืออีกแล้ว" เขาว่า พลางชี้ไปที่โต๊ะตัวที่เพิ่งเดินจากมา สายฝนจึงรีบก้มหน้าที่รู้สึกร้อนๆ และพยายามควบคุมหัวใจหวิวๆ เดินกลับไปหยิบมือถือเจ้าปัญหามาส่งคืนให้เขา เมื่อวางมือถือลงไปในมือใหญ่ และตั้งใจจะชักมือกลับ แต่รู้สึกได้ว่านิ้วก้อยถูกรั้งเอาไว้เบาๆ

"อ่ะ..อะไรอีกล่ะทีนี้" พยายามเปล่งเสียงออกมาให้ฟังดูเหมือนรำคาญใจที่สุด...หวังว่านะ สายฝนหวังว่า มันคงจะฟังดูเหมือนคนที่กำลังรำคาญใจสุดๆ...

"หิวจัง ออกไปหาอะไรที่ร้านญี่ปุ่นกินกันดีไหม"

"หืม..ม..ม" ลากเสียงถามด้วยความงงงันสุดขีด เด็กหนุ่มตัวสูงตรงหน้านี้อายุสิบแปดเท่านั้น แถมบ้านยังอยู่ติดกับกับเธอ แม่ของเขาก็เป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกันกับเธอ กำลังชวนเธอออกไปทานข้าวนอกบ้าน


...เขากำลังขอเดทเธออยู่ใช่ไหม...

...โอ้ว...ไม่...


เมื่อเห็นหญิงสาวนิ่งงันไป คริสจึงรีบออกตัวทันที "ผมไม่ได้กำลังจะขอเดทคุณนะ ผมอยากเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณเท่านั้น"








...ผมไม่ได้กำลังจะขอเดทคุณนะ ผมอยากเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณเท่านั้น...

เชอะ ไม่เห็นจะต้องรีบออกตัวเร็วขนาดนั้นเลย มันก็แค่ความสงสัยที่แว๊บผ่านเข้ามาอย่างกระทันหันแค่นั้น ไม่ได้คิดจริงๆ หรอก ว่าเด็กวัยเอ๊าะๆ แบบนั้น จะมาขอเดทกับสาวทึนทึกอย่างเธอ อายุยี่สิบหกหย่อนๆแม้จะไม่ได้แก่อะไรมากมาย แต่ถ้าเทียบกับเด็กวัยสิบแปดแล้ว เธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองแก่ลงไปกว่าความเป็นจริงอีกซักสิบปี

แต่ถึงจะไม่ได้คิดจริงจังว่าเขาจะมาขอเดทอะไร แต่เมื่อได้ยินคำปฏิเสธกระแทกหน้าเต็มๆ แบบนี้ ก็อดรู้สึกแย่นิดๆ ไม่ได้ ที่เขารีบออกตัว ทั้งๆ ที่เธอยังไม่ได้ถามด้วยซ้ำ

"ไม่ไปหรอก อิ่มนมแล้ว" เสียงเข้มทีเดียว อยากจะปฏิเสธอย่างหนักแน่นให้เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้ได้หน้าแหกบ้าง ถ้าเธอไม่ตกลงไปร้านอาหารกับเขา แต่ท้องเจ้ากรรมกลับไม่ยอมให้ความร่วมมือ เมื่อมันส่งเสียงร้องครวญครางออกมาอย่างหน้าสงสารดังจ๊อก

...จ๊อก...

แถมยังเป็นจ๊อกที่ยาวนาน จนเจ้าของท้องอับอายแทบจะเอาหน้ามุดลงใต้พื้นที่เหยียบย่างอยู่ ส่วนคนที่เพิ่งได้รับคำปฏิเสธเสียงแข็งขัน เมื่อได้ยินเสียงครางก้องของท้องราวกับระเบิดมหาประลัย ก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะพรืดออกมา ได้เห็นหน้าของหญิงสาวตรงหน้าที่ตีหน้ายักษ์ใส่ แบบที่ทั้งโกรธทั้งกี่งอับอาย ทำให้เขาต้องพยายามจะกั้นหัวเราะไว้อย่างสุดความสามารถ

และใบหน้าที่พยายามกั้นยิ้มนั้น กลับดูน่ารักอย่างประหลาด จนสายฝนไม่อาจจะอดใจไว้ได้ และรู้ว่าไม่อาจแกล้งปั้นหน้าโกรธได้อีกต่อไป

"ก็ได้...ก็ได้"


...ให้ตายเถอะ น่ารักมากมาย... ผู้ชายคนนี้ เขาเกิดมาเพื่อฆ่า Chace Crawford จริงๆ...















Create Date : 11 พฤษภาคม 2553
Last Update : 27 พฤษภาคม 2553 0:38:05 น. 4 comments
Counter : 1327 Pageviews.

 
อ๊ากๆๆๆ น่ารักมากมายอ่ะพี่แจง
อ่านแล้วเคลิ้มเลยอ่ะ แอบจิ้นตามอีก 55+ แบบว่าชอบเด็กเหมือนกัน อิอิ


ปล. หล่อขนาดฆ่า Chace Crawford ได้เลยหรอเนี่ย หุหุ

ปล.2 จากบ้านไม่ได้ดองบล็อกนะครับ แค่เพิ่งกลับบ้าน(พิษณุโลก) เลยไม่ว่างอัพเท่านั้น


โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) วันที่: 11 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:24:51 น.  

 
โอ้โห ไม่รู้จักหรอกค่ะ Chace Crawford แหะ แหะ
หมายถึงหนุ่มน้อยในรูปปะคะ
ถึงขั้นเกิดมาเพื่อฆ่า Chace crawford โอ้ววว หล่อน่าดู

แต่ไม่เหมือนไอซ์นะปอยอ่ะ
ไม่ชอบเด็กอ่ะ 5555
ฟังดูมันแบ่บ สะดุ้งไงไม่รู้ค่ะแจง
ยี่สิบหกหย่อน ๆ สาวโสด เหงา หนาวเหน็บเนี่ย
5555
แอบไปอิจฉาหนุ่มสาวมัธยมที่นั่งจูบกันอยู่ที่ป้ายรถเมล์บ่อย ๆ นะปอย
แต่ก็แบ่บ เฮ้อออ เด็กสมัยนี้นี่มัันประเจิดประเจ้อกันจริง ๆ
แล้วก็มาคิดว่า เออ หรือว่่าฉันแก่ฟร่ะ!!!

555
คิดถึงจังค่ะแจง ว่าง ๆ ออนเอ็มบ้างนะคะ อิอิ


โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:5:19:20 น.  

 
หนุ่มสิบแปดกับสาวเบญจเพสเหรือค่ะ
อ๊ะ อะ อย่างนี้จะมีฉากโรแมนซ์หรือเปล่า
อายุเกินสิบห้าแล้ว...ไม่เป็นไรไม่โดนข้อหาพลากผผู้เยาว์เนอะ

หนุ่มข้างบ้านกับสาวโสด
แถมยังหล่อยังกับอีตาภาพข้างล่างอีก (ไม่รู้จักเค้าเหมือนที่ปอยว่าเช่นกันค่ะ)
และก็ท่าทางจะเป็นหนุ่มน้อยเกเรหน่อยๆ
พล็อตเรื่องน่าสนใจนะคะ

ป.ล.สาวข้างบนมาตามหาแจงทั้งบล็อกทั้ง FB เนี่ยนะเนี่ย


โดย: BeCoffee วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:47:14 น.  

 
เริ่มต้นอ่านรอบ2


โดย: sakeena IP: 58.11.138.36 วันที่: 30 พฤษภาคม 2556 เวลา:11:05:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nikanda
Location :
จันทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




ลายปากกา









New Comments
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
11 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nikanda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.