...คนข้างบ้าน......แปลกจัง... ถ้าเช้าวันนั้นไม่ได้เจอเขา ม้านั่งยาวๆ ตัวเก่าที่นั่งรอรถบัสอยู่เป็นประจำทุกเช้า ก็คงเป็นแค่ม้านั่งตัวหนึ่ง พื้นที่ที่มากมายเกินไปและไม่มีความหมายอะไรเลย แต่เมื่อมีใครซักคนมานั่งแชร์อย่างนี้ พื้นที่กลับดูแคบลงไปถนัดตา ตอนที่เขาเดินลงมานั่งข้างๆ ชิดติดกันอย่างไม่ค่อยมีมารยาท หญิงสาวควรจะต่อว่าหรือทำหน้าไม่พอใจ แต่เปล่าเลย สิ่งที่เธอทำลงไปเป็นเพียงการขยับตัวถอยหนีมานิดนึงอย่างช้าๆไปสุดริมขอบม้านั่ง เพื่อไม่ให้เขารู้สึกตัวหรือรู้สึกแย่ว่าเธอถอยหนีด้วยความรังเกียจหรือเหตุผลอื่นใด นึกอยู่ในใจว่าควรเป็นเขาต่างหากที่น่าจะมีมารยาทซักนิด...จะบ้าเหรอ ดันกลัวคนที่ไม่คุ้นเคยเสียความรู้สึกเสียนี่...หลายวันแล้วล่ะที่บังเอิญเจอะเจอกับเขา เขาอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่หรอก บ้านของเขาถัดไปจากบ้านของเธอเพียงไม่กี่สิบเมตร เขาเป็นลูกครึ่งไทยอิตาลี แม่ของเขาเป็นคนไทยที่มาอาศัยอยู่ที่นี่นานแล้ว ส่วนหญิงสาวเพิ่งตามพี่สาวมาอยู่ได้ไม่นานนัก โดยทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดในโรงแรมแห่งหนึ่งของเมืองนี้ ส่วนตัวแล้วกับผู้ชายคนนี้ เคยเห็นผ่านๆ ไกลๆ แต่ไม่เคยได้คุยกัน เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยรุ่นอายุสิบแปดปี ส่วนสายฝนนั้นเป็นสาวโสดวัยเลยเบญจเพสมานิดหน่อย ทุกเช้าเขาจะมานั่งรอรถบัสที่ฝั่งนี้ แต่เมื่อถึงเวลา เขากลับข้ามถนนไปขึ้นฝั่งตรงข้ามเพื่อไปอีกทางหนึ่งที่ตรงข้ามกับโรงแรมที่เธอจะไปทำงาน...คงไปโรงเรียนมั๊ง...ครั้งแรกที่ทั้งสองคนมีโอกาสได้พูดคุยกันประโยคแรก คือเช้าวันหนึ่งที่เขาลุกจากม้านั่งไปอย่างรวดเร็วเพราะรถบัสฝั่งตรงข้ามกำลังจะมาถึง เธอเห็นมือถือวางอยู่ที่ม้านั่ง"คริส...ของเธอหรือเปล่า" สายฝนตะโกนถามข้ามถนนไป "โอ๊ะ ของผมเอง ไม่ทันแล้ว ฝากคุณเก็บมาคืนที่แม่ผมด้วยนะครับ" ว่าแล้ว เด็กผู้ชายร่างสูงที่โตเกินวัยก็กระโดดขึ้นรถบัสไปอย่างรวดเร็ว เขาดูโดดเด่นในรถบัสคนเก่าๆ ในเสื้อแจ๊คเก็ทหนังสีดำสนิท ดำพอๆ กับหมวกใบโตที่คลุมดวงตาคมเข้มจนแทบมิด แต่ไม่อาจบดบังจมูกโด่งเป็นสัน ตามเชื้อชาติครึ่งหนึ่งในตัวเขา ...คริส...แปลกแต่จริง ชื่อสั้นๆที่หญิงสาวไม่เคยเอ่ยเลยซักครั้ง แต่กลับผ่านริมฝีปากออกมาอย่างง่ายดาย ราวกับว่าเคยพูดและเรียกเป็นพันๆ ครั้ง ... รอยยิ้มน้อยๆ ประดับหน้าในวันนั้น เธอน่าจะรู้ ว่ามันจะนำไปสู่อะไรใต้ท้องฟ้าสีครามในยามเช้าแห่งนี้ที่ริมถนนผู้คนบางตาเลิกงานยังไม่ทันนั่งรถกลับถึงบ้านด้วยซ้ำ มือถือที่ยังไม่ทันส่งคืนแม่ของเจ้าของเครื่อง ส่งเสียงดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงจอแจแออัดของรถบัส ความมือลงใบหาในกระเป๋าใบใหญ่ เบอร์โทรของใครคนหนึ่งถูกโชว์หราขึ้นมา หญิงสาวกำลังช่างใจอยู่ว่า จะรับโทรศัพท์ของคนอื่นดีหรือไม่ เพราะมันเป็นการเสียมารยาท แต่ชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอก็ทำให้อดใจไว้ไม่ไหวด้วยความอยากรู้อยากเห็น ...แฟนของเขาหรือเปล่านะ..."ฮัลโหล" ปลายสายเงียบ ขณะที่สายฝนกั้นหายใจรอฟังอยู่อย่างใจจดใจจ่อ เแทบไม่รู้ตัวเลยว่าลุ้นเพียงใด ว่าชื่อที่แสนไพเราะนี้ เจ้าของเสียงจะมีน้ำเสียงที่ไพเราะเพียงใด"ผมเอง" เสียงผู้ชายดังแทรกเข้ามาบางเบา "ผมคริสนะ...พอดีคืนนี้แม่ผมไม่อยู่บ้าน ผมแวะไปเอามือถือของผมที่บ้านคุณได้หรือเปล่า ผมมีความจำเป็นต้องใช้เบอร์ในเครื่องนั้น แต่ว่าผมจำเบอร์ไม่ได้ ""อืม..." คิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตอบออกไป "ก็ได้ อีกซักครึ่งชั่วโมงนะ" ก่อนจะวางสายไป เอาน่า ก็แค่เด็กข้างบ้าน คงไม่เป็นไรหรอก กลับถึงบ้านแล้วยังไม่ทันหนึ่งทุ่มดี แต่เลยเวลานัดมาแล้วกว่าสิบนาที เธอจึงตัดสินใจที่จะอาบน้ำอาบท่าอย่างรวดเร็วสุดชีวิตตั้งแต่โตมายี่สิบกว่าปี ปกติจะอ้อยอิ่งอยู่ที่อ่างอาบน้ำนานเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ครั้งนี้ไม่อยากให้ใครรอนานจึงลงมืออาบน้ำด้วยความเร่งรีบ เงี่ยหูคอยฟังเสียงออดตลอดเวลาแต่ก็ยังคงมีแต่ความเงียบงัน ท้องเริ่มร้องหาอาหารเพื่อประทังความหิว พอๆกับที่เริ่มหงุดหงิดเพราะเธอเกลียดที่สุดก็คือคนที่ผิดเวลา จึงฆ่าเวลารอคอยด้วยการเปิดตู้เย็นใบย่อมในบ้านใต้หลังคาของพี่สาว ที่เธอเจียดเงินเดือนจ่ายเป็นค่าเช่าให้เดือนละสองร้อยยูโรเท่านั้นความจริงแล้วพี่สาวของเธอไม่ได้ต้องการอะไรเลย แต่หญิงสาวเห็นว่าเป็นการช่วยเหลือกันและกัน แม้ขนาดจะเล็กไปหน่อย มีเพียงห้องนอนขนาดเล็กหนึ่งห้อง ห้องน้ำหนึ่งห้อง และห้องส่วนกลางที่เป็นทั้งห้องนั่งเล่นและห้องครัวรวมกัน แต่ก็เป็นส่วนตัวดีแท้ๆ เพราะว่าด้านนอกเป็นระเบียงกว้างขวาง แถมมีบันไดขึ้นมาเป็นส่วนตัว โดยไม่ได้เชื่อมต่อกับบ้านชั้นล่างของพี่สาวและสามีของเธอหยิบนมสดกล่องใหญ่ติดมือออกมากับถ้วยกระเบื้องสีขาวนวลตาที่วางอยู่บนชั้นข้างๆกัน ได้ขนมคุ๊กกี้ช๊อคโกแล็ตมาในขวดโหลมาห้าหกชิ้น ของง่ายๆ สำหรับสาวโสดที่ขี้เกียจทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ ในตู้เย็นมีแต่ผักสดและนมเต็มไปหมด จะไปทานอาหารนอกบ้าน ที่ร้านอาหาร ก็กระไรอยู่ ฤดูนี้ ฤดูที่หนาวจับใจ ช่างเป็นการทำร้ายจิตใจของสาวโสดผู้แสนเหงา และเปล่าเปลี่ยวใจดีแท้ ที่ต้องไปนั่งมองคู่รักทานอาหารกันกระจุ๋งกระจิ๋ง เดินไปตามถนนในยามค่ำคืน หนุ่มสาวก็แต่งตัวกันด้วยแฟชั่นกันหนาวแสนทันสมัย โอบกอด แลกจูบกันอย่างดูดดื่ม เร่าร้อน ราวกับจะใช้อ้อมกอดของกันและกันเพื่อบรรเทาความหนาวเย็นของฤดูกาล...สิ่งที่ได้เห็นทำเอาเส้นเลือดข้างขมับขวาเต้นระริกๆ ด้วยความไม่ชอบใจ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นต่อมอิจฉาหรือว่าต่อมอะไรกันแน่ที่กำลังทำงานอย่างหนักหน่วง...หนำซ้ำต่อให้อยากออกไปทานอาหารนอกบ้านใจจะขาด แต่เงินในกระเป๋าที่เหลือจากการจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่ารถประจำทางไปกลับจากที่ทำงาน และค่าจิปาถะ แม้แต่กาแฟที่บาร์ข้างๆบ้าน ก็ราคาแพงหูฉี่ สำหรับคนที่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับการใช้เงินยูโร จะล้วงจะควักทีไร อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับค่าเงินไทยทุกทีเสียงกริ่งที่ประตูบ้านดังขึ้น ทำให้คนที่ยืนคนนมสดกับน้ำตาลในถ้วยด้วยอารมณ์กรุ่นๆ นั้น วางช้อนลงทันที ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู ... "คริส เธอมาช้ามากไปหน่อ...ย..ย..นะ" เสียงที่กำลังเอ่ยต่อว่าติดขัดไปชั่วขณะ เมื่อคริสเอ่ยแทรกขึ้นมาทันทีที่ประตูเปิด"ขอโทษนะ...ที่ผมมาช้า" แม้ใจจะยังหงุดหงิดอยู่บ้างเพราะเขาผิดเวลาไปมากโข แต่สายตาที่สบมาตรงๆ พร้อมกับคำพอโทษพอโพยอย่างจริงใจ ก็ทำให้หญิงสาวผู้มีพื้นฐานนิสัยอ่อนโยนอยู่แล้วไม่เอ่ยว่ากระไร พยักหน้าให้นิดนึง ก่อนที่จะเดินไปหยิบมือถือมาส่งคืนให้คนที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตู"นี่ค่ะ..แล้ว..เอ๊ะ" อุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่ามีเลือดแดงๆ ไหลซึมอยู่ที่ตรงปลายหางคิ้วซึ่งหมวกใบโตปิดไม่มิด มองเลื่อนลงมาที่ริมฝีปาก มุมปากมีรอยแดงเป็นจ้ำ รอยเลือดจางๆ ราวถูกเจ้าของใช้มือปาดเช็ดอย่างไม่เต็มใจ "ไปทำอะไรมานี่"คริสมองหน้าสายฝนด้วยสายตาฉงน แปลกใจปนงงเล็กน้อย และมีวี่แววบางอย่างในดวงตาที่ดูเป็นคำถามที่เธอรู้สึกว่ามันหยาบคาย...เช่นว่า...ถึงผมจะไปทำอะไรมาแล้วมันเกี่ยวอะไรกับยัยป้าข้างบ้านกันนี่...แต่เขาเลือกที่จะตอบปฏิเสธเพียงสั้นๆ ว่า "ไม่มีอะไรหรอก"ไม่รู้ว่าด้วยความสนิทสนมกันพอสมควรของเธอและแม่ของเขาหรือเปล่า ทำให้สายฝนคิดว่าไม่อาจจะปล่อยให้มันผ่านไปได้ หญิงสาวดึงชายเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาให้เดินมาเข้ามาด้านในอย่างถือวิสาสะ ราวกับว่าเขาเป็นเพียงเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่ใช่เด็กหนุ่มวัยสิบแปดที่ตัวสูงเกือบร้อยแปดสิบเซ็นต์ และเธอสูงกว่าอกของเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"เอ่อ..นี่คุณ ผมว่า.." เขาค้าน แต่ยังไม่ทันจบด้วยซ้ำ "ไม่ต้องว่าอะไรทั้งนั้น ล้างแผลเสียหน่อย แล้วเธอก็กลับไปบ้านของเธอได้" จากนั้นเธอก็ปล่อยเขาไว้ที่โต๊ะอาหารด้านนอก ส่วนตัวเองก็เข้าไปหากล่องปฐมพยายาลในห้องนอนของตัวเอง ขณะที่กำลังค้นๆ หาของอยู่นั้น อยู่ๆ ก็ชะงักขึ้นมาชั่วขณะ ...ฉันจะบ้าหรือเปล่านี่ ก็บ้านเขาอยู่ถัดไปแค่นี้ ให้เขาไปทำเองที่บ้านเขาก็ได้นี่ ฉันจะไปห่วงเขาทำไมกัน... คิดแล้วก็ได้แต่ยักไหล่กับตัวเอง ...ช่างเถอะ ที่ฉันตกใจเกินเหตุ ก็เพราะฉันเป็นผู้หญิงจิตใจดีเกินไปแค่นั้นเอง..หุหุกลับมาอีกที ทันได้เห็นคนที่นั่งรออยู่ นั่งมองถ้วยนมอาหารหลักของเธออยู่ "หิวเหรอ?" หญิงสาวถาม"เปล่านี่" เขาตอบ แล้วปล่อยให้พยาบาลมือสมัครเล่น ทำความสะอาดขั้นต้น โดยการซับเอาเลือดแห้งออก "ผมเคยเห็นคุณบ่อยๆ" เขาเอ่ยชวนคุยอย่างเสียมิได้"อืม..ม.." สายฝนพยักหน้า ขณะที่ก้มลงแต้มยาแดงลงไป พยายามไม่ให้เลอะ " ฉันก็เคยเห็นเธอไกลๆ เหมือนกัน เธอโชคดีมากรู้ไหม แม่ของเธอน่ารักมาก"คริสไม่ตอบว่ากระไร "เอาล่ะ...เรียบร้อย" เมื่อแปะพาสเตอร์ที่หางคิ้ว "ไปได้"แต่เขายังคงนั่งอยู่ตรงนั้น พลางชี้ไปที่ถ้วยนมและโหลคุ๊กกี้ "นี่อาหารเย็นของคุณเหรอ" ถามด้วยท่าทางแขยงเต็มที่ สายฝนพยักหน้า"อืม..ทำไม" "ถึงว่า ทำไมคุณตัวเล็กนัก เพราะกินแต่ไอ้นี่นี่เอง ขนาดผมเป็นฝรั่งแท้ๆ ผมยังไม่กินเลย" สายฝนเท้าสะเอว "ฉันตัวเล็ก เพราะฉันเป็นคนเอเชียย่ะ ไม่เหมือนเธอนี่ ตัวโตอย่างกับยักษ์ ว่าแต่ว่าแม่ของเธอไปไหนล่ะคืนนี้"คริสไม่ได้ตอบในทันที แต่แววตาของเขาหม่นลง "อ๋อ พอดีวันนี้วันเกิดแฟนเค้าน่ะ ก็เลยออกไปฉลองกันนอกบ้าน" เขายอมตอบในที่สุดและเมื่อเห็นสายตาของผู้หญิงตรงหน้า ที่มองมาด้วยสายตาอ่อนโยน แสดงถึงความเข้าใจและ..สงสาร เขาก็ชักสีหน้าเป็นเคร่งขรึม รีบออกตัวทันที "จริงๆ เขาก็เชิญผมด้วยนะ แต่ผมติดธุระเลยไม่ได้ไป" เขาไม่ได้ติดธุระหรอก แต่เขาไม่อยากไปต่างหากสายฝนชี้ไปที่แผล "นี่หรือเปล่า ธุระของเธอ"คริสลุกขึ้นยืน "ขอบคุณนะ สำหรับเรื่องมือถือ และก็เรื่องแผลนี่ ผมไปล่ะ" ว่าแล้วเขาก็หมุนตัวเดินออกไป สายฝนเดินตามหลังไปเพื่อจะปิดประตู อยู่ๆ เขาก็หันกลับมาอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันตั้งตัวทำให้หน้าของหญิงสาวชนกับหน้าอกและต้นคอของเขาอย่างจัง...โอ๊ะ... "อะ..อะ..อะ..ไร" น้ำเสียงนั่นเบาหวิว ติดขัด"ผมลืมมือถืออีกแล้ว" เขาว่า พลางชี้ไปที่โต๊ะตัวที่เพิ่งเดินจากมา สายฝนจึงรีบก้มหน้าที่รู้สึกร้อนๆ และพยายามควบคุมหัวใจหวิวๆ เดินกลับไปหยิบมือถือเจ้าปัญหามาส่งคืนให้เขา เมื่อวางมือถือลงไปในมือใหญ่ และตั้งใจจะชักมือกลับ แต่รู้สึกได้ว่านิ้วก้อยถูกรั้งเอาไว้เบาๆ"อ่ะ..อะไรอีกล่ะทีนี้" พยายามเปล่งเสียงออกมาให้ฟังดูเหมือนรำคาญใจที่สุด...หวังว่านะ สายฝนหวังว่า มันคงจะฟังดูเหมือนคนที่กำลังรำคาญใจสุดๆ..."หิวจัง ออกไปหาอะไรที่ร้านญี่ปุ่นกินกันดีไหม""หืม..ม..ม" ลากเสียงถามด้วยความงงงันสุดขีด เด็กหนุ่มตัวสูงตรงหน้านี้อายุสิบแปดเท่านั้น แถมบ้านยังอยู่ติดกับกับเธอ แม่ของเขาก็เป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกันกับเธอ กำลังชวนเธอออกไปทานข้าวนอกบ้าน...เขากำลังขอเดทเธออยู่ใช่ไหม......โอ้ว...ไม่...เมื่อเห็นหญิงสาวนิ่งงันไป คริสจึงรีบออกตัวทันที "ผมไม่ได้กำลังจะขอเดทคุณนะ ผมอยากเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณเท่านั้น"...ผมไม่ได้กำลังจะขอเดทคุณนะ ผมอยากเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณเท่านั้น...เชอะ ไม่เห็นจะต้องรีบออกตัวเร็วขนาดนั้นเลย มันก็แค่ความสงสัยที่แว๊บผ่านเข้ามาอย่างกระทันหันแค่นั้น ไม่ได้คิดจริงๆ หรอก ว่าเด็กวัยเอ๊าะๆ แบบนั้น จะมาขอเดทกับสาวทึนทึกอย่างเธอ อายุยี่สิบหกหย่อนๆแม้จะไม่ได้แก่อะไรมากมาย แต่ถ้าเทียบกับเด็กวัยสิบแปดแล้ว เธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองแก่ลงไปกว่าความเป็นจริงอีกซักสิบปีแต่ถึงจะไม่ได้คิดจริงจังว่าเขาจะมาขอเดทอะไร แต่เมื่อได้ยินคำปฏิเสธกระแทกหน้าเต็มๆ แบบนี้ ก็อดรู้สึกแย่นิดๆ ไม่ได้ ที่เขารีบออกตัว ทั้งๆ ที่เธอยังไม่ได้ถามด้วยซ้ำ "ไม่ไปหรอก อิ่มนมแล้ว" เสียงเข้มทีเดียว อยากจะปฏิเสธอย่างหนักแน่นให้เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้ได้หน้าแหกบ้าง ถ้าเธอไม่ตกลงไปร้านอาหารกับเขา แต่ท้องเจ้ากรรมกลับไม่ยอมให้ความร่วมมือ เมื่อมันส่งเสียงร้องครวญครางออกมาอย่างหน้าสงสารดังจ๊อก...จ๊อก...แถมยังเป็นจ๊อกที่ยาวนาน จนเจ้าของท้องอับอายแทบจะเอาหน้ามุดลงใต้พื้นที่เหยียบย่างอยู่ ส่วนคนที่เพิ่งได้รับคำปฏิเสธเสียงแข็งขัน เมื่อได้ยินเสียงครางก้องของท้องราวกับระเบิดมหาประลัย ก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะพรืดออกมา ได้เห็นหน้าของหญิงสาวตรงหน้าที่ตีหน้ายักษ์ใส่ แบบที่ทั้งโกรธทั้งกี่งอับอาย ทำให้เขาต้องพยายามจะกั้นหัวเราะไว้อย่างสุดความสามารถ และใบหน้าที่พยายามกั้นยิ้มนั้น กลับดูน่ารักอย่างประหลาด จนสายฝนไม่อาจจะอดใจไว้ได้ และรู้ว่าไม่อาจแกล้งปั้นหน้าโกรธได้อีกต่อไป "ก็ได้...ก็ได้"...ให้ตายเถอะ น่ารักมากมาย... ผู้ชายคนนี้ เขาเกิดมาเพื่อฆ่า Chace Crawford จริงๆ... Create Date : 11 พฤษภาคม 2553 Last Update : 27 พฤษภาคม 2553 0:38:05 น. 4 comments Counter : 1327 Pageviews. ShareTweet
...คนข้างบ้าน......แปลกจัง... ถ้าเช้าวันนั้นไม่ได้เจอเขา ม้านั่งยาวๆ ตัวเก่าที่นั่งรอรถบัสอยู่เป็นประจำทุกเช้า ก็คงเป็นแค่ม้านั่งตัวหนึ่ง พื้นที่ที่มากมายเกินไปและไม่มีความหมายอะไรเลย แต่เมื่อมีใครซักคนมานั่งแชร์อย่างนี้ พื้นที่กลับดูแคบลงไปถนัดตา ตอนที่เขาเดินลงมานั่งข้างๆ ชิดติดกันอย่างไม่ค่อยมีมารยาท หญิงสาวควรจะต่อว่าหรือทำหน้าไม่พอใจ แต่เปล่าเลย สิ่งที่เธอทำลงไปเป็นเพียงการขยับตัวถอยหนีมานิดนึงอย่างช้าๆไปสุดริมขอบม้านั่ง เพื่อไม่ให้เขารู้สึกตัวหรือรู้สึกแย่ว่าเธอถอยหนีด้วยความรังเกียจหรือเหตุผลอื่นใด นึกอยู่ในใจว่าควรเป็นเขาต่างหากที่น่าจะมีมารยาทซักนิด...จะบ้าเหรอ ดันกลัวคนที่ไม่คุ้นเคยเสียความรู้สึกเสียนี่...หลายวันแล้วล่ะที่บังเอิญเจอะเจอกับเขา เขาอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่หรอก บ้านของเขาถัดไปจากบ้านของเธอเพียงไม่กี่สิบเมตร เขาเป็นลูกครึ่งไทยอิตาลี แม่ของเขาเป็นคนไทยที่มาอาศัยอยู่ที่นี่นานแล้ว ส่วนหญิงสาวเพิ่งตามพี่สาวมาอยู่ได้ไม่นานนัก โดยทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดในโรงแรมแห่งหนึ่งของเมืองนี้ ส่วนตัวแล้วกับผู้ชายคนนี้ เคยเห็นผ่านๆ ไกลๆ แต่ไม่เคยได้คุยกัน เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยรุ่นอายุสิบแปดปี ส่วนสายฝนนั้นเป็นสาวโสดวัยเลยเบญจเพสมานิดหน่อย ทุกเช้าเขาจะมานั่งรอรถบัสที่ฝั่งนี้ แต่เมื่อถึงเวลา เขากลับข้ามถนนไปขึ้นฝั่งตรงข้ามเพื่อไปอีกทางหนึ่งที่ตรงข้ามกับโรงแรมที่เธอจะไปทำงาน...คงไปโรงเรียนมั๊ง...ครั้งแรกที่ทั้งสองคนมีโอกาสได้พูดคุยกันประโยคแรก คือเช้าวันหนึ่งที่เขาลุกจากม้านั่งไปอย่างรวดเร็วเพราะรถบัสฝั่งตรงข้ามกำลังจะมาถึง เธอเห็นมือถือวางอยู่ที่ม้านั่ง"คริส...ของเธอหรือเปล่า" สายฝนตะโกนถามข้ามถนนไป "โอ๊ะ ของผมเอง ไม่ทันแล้ว ฝากคุณเก็บมาคืนที่แม่ผมด้วยนะครับ" ว่าแล้ว เด็กผู้ชายร่างสูงที่โตเกินวัยก็กระโดดขึ้นรถบัสไปอย่างรวดเร็ว เขาดูโดดเด่นในรถบัสคนเก่าๆ ในเสื้อแจ๊คเก็ทหนังสีดำสนิท ดำพอๆ กับหมวกใบโตที่คลุมดวงตาคมเข้มจนแทบมิด แต่ไม่อาจบดบังจมูกโด่งเป็นสัน ตามเชื้อชาติครึ่งหนึ่งในตัวเขา ...คริส...แปลกแต่จริง ชื่อสั้นๆที่หญิงสาวไม่เคยเอ่ยเลยซักครั้ง แต่กลับผ่านริมฝีปากออกมาอย่างง่ายดาย ราวกับว่าเคยพูดและเรียกเป็นพันๆ ครั้ง ... รอยยิ้มน้อยๆ ประดับหน้าในวันนั้น เธอน่าจะรู้ ว่ามันจะนำไปสู่อะไรใต้ท้องฟ้าสีครามในยามเช้าแห่งนี้ที่ริมถนนผู้คนบางตาเลิกงานยังไม่ทันนั่งรถกลับถึงบ้านด้วยซ้ำ มือถือที่ยังไม่ทันส่งคืนแม่ของเจ้าของเครื่อง ส่งเสียงดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงจอแจแออัดของรถบัส ความมือลงใบหาในกระเป๋าใบใหญ่ เบอร์โทรของใครคนหนึ่งถูกโชว์หราขึ้นมา หญิงสาวกำลังช่างใจอยู่ว่า จะรับโทรศัพท์ของคนอื่นดีหรือไม่ เพราะมันเป็นการเสียมารยาท แต่ชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอก็ทำให้อดใจไว้ไม่ไหวด้วยความอยากรู้อยากเห็น ...แฟนของเขาหรือเปล่านะ..."ฮัลโหล" ปลายสายเงียบ ขณะที่สายฝนกั้นหายใจรอฟังอยู่อย่างใจจดใจจ่อ เแทบไม่รู้ตัวเลยว่าลุ้นเพียงใด ว่าชื่อที่แสนไพเราะนี้ เจ้าของเสียงจะมีน้ำเสียงที่ไพเราะเพียงใด"ผมเอง" เสียงผู้ชายดังแทรกเข้ามาบางเบา "ผมคริสนะ...พอดีคืนนี้แม่ผมไม่อยู่บ้าน ผมแวะไปเอามือถือของผมที่บ้านคุณได้หรือเปล่า ผมมีความจำเป็นต้องใช้เบอร์ในเครื่องนั้น แต่ว่าผมจำเบอร์ไม่ได้ ""อืม..." คิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตอบออกไป "ก็ได้ อีกซักครึ่งชั่วโมงนะ" ก่อนจะวางสายไป เอาน่า ก็แค่เด็กข้างบ้าน คงไม่เป็นไรหรอก กลับถึงบ้านแล้วยังไม่ทันหนึ่งทุ่มดี แต่เลยเวลานัดมาแล้วกว่าสิบนาที เธอจึงตัดสินใจที่จะอาบน้ำอาบท่าอย่างรวดเร็วสุดชีวิตตั้งแต่โตมายี่สิบกว่าปี ปกติจะอ้อยอิ่งอยู่ที่อ่างอาบน้ำนานเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ครั้งนี้ไม่อยากให้ใครรอนานจึงลงมืออาบน้ำด้วยความเร่งรีบ เงี่ยหูคอยฟังเสียงออดตลอดเวลาแต่ก็ยังคงมีแต่ความเงียบงัน ท้องเริ่มร้องหาอาหารเพื่อประทังความหิว พอๆกับที่เริ่มหงุดหงิดเพราะเธอเกลียดที่สุดก็คือคนที่ผิดเวลา จึงฆ่าเวลารอคอยด้วยการเปิดตู้เย็นใบย่อมในบ้านใต้หลังคาของพี่สาว ที่เธอเจียดเงินเดือนจ่ายเป็นค่าเช่าให้เดือนละสองร้อยยูโรเท่านั้นความจริงแล้วพี่สาวของเธอไม่ได้ต้องการอะไรเลย แต่หญิงสาวเห็นว่าเป็นการช่วยเหลือกันและกัน แม้ขนาดจะเล็กไปหน่อย มีเพียงห้องนอนขนาดเล็กหนึ่งห้อง ห้องน้ำหนึ่งห้อง และห้องส่วนกลางที่เป็นทั้งห้องนั่งเล่นและห้องครัวรวมกัน แต่ก็เป็นส่วนตัวดีแท้ๆ เพราะว่าด้านนอกเป็นระเบียงกว้างขวาง แถมมีบันไดขึ้นมาเป็นส่วนตัว โดยไม่ได้เชื่อมต่อกับบ้านชั้นล่างของพี่สาวและสามีของเธอหยิบนมสดกล่องใหญ่ติดมือออกมากับถ้วยกระเบื้องสีขาวนวลตาที่วางอยู่บนชั้นข้างๆกัน ได้ขนมคุ๊กกี้ช๊อคโกแล็ตมาในขวดโหลมาห้าหกชิ้น ของง่ายๆ สำหรับสาวโสดที่ขี้เกียจทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ ในตู้เย็นมีแต่ผักสดและนมเต็มไปหมด จะไปทานอาหารนอกบ้าน ที่ร้านอาหาร ก็กระไรอยู่ ฤดูนี้ ฤดูที่หนาวจับใจ ช่างเป็นการทำร้ายจิตใจของสาวโสดผู้แสนเหงา และเปล่าเปลี่ยวใจดีแท้ ที่ต้องไปนั่งมองคู่รักทานอาหารกันกระจุ๋งกระจิ๋ง เดินไปตามถนนในยามค่ำคืน หนุ่มสาวก็แต่งตัวกันด้วยแฟชั่นกันหนาวแสนทันสมัย โอบกอด แลกจูบกันอย่างดูดดื่ม เร่าร้อน ราวกับจะใช้อ้อมกอดของกันและกันเพื่อบรรเทาความหนาวเย็นของฤดูกาล...สิ่งที่ได้เห็นทำเอาเส้นเลือดข้างขมับขวาเต้นระริกๆ ด้วยความไม่ชอบใจ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นต่อมอิจฉาหรือว่าต่อมอะไรกันแน่ที่กำลังทำงานอย่างหนักหน่วง...หนำซ้ำต่อให้อยากออกไปทานอาหารนอกบ้านใจจะขาด แต่เงินในกระเป๋าที่เหลือจากการจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่ารถประจำทางไปกลับจากที่ทำงาน และค่าจิปาถะ แม้แต่กาแฟที่บาร์ข้างๆบ้าน ก็ราคาแพงหูฉี่ สำหรับคนที่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับการใช้เงินยูโร จะล้วงจะควักทีไร อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับค่าเงินไทยทุกทีเสียงกริ่งที่ประตูบ้านดังขึ้น ทำให้คนที่ยืนคนนมสดกับน้ำตาลในถ้วยด้วยอารมณ์กรุ่นๆ นั้น วางช้อนลงทันที ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู ... "คริส เธอมาช้ามากไปหน่อ...ย..ย..นะ" เสียงที่กำลังเอ่ยต่อว่าติดขัดไปชั่วขณะ เมื่อคริสเอ่ยแทรกขึ้นมาทันทีที่ประตูเปิด"ขอโทษนะ...ที่ผมมาช้า" แม้ใจจะยังหงุดหงิดอยู่บ้างเพราะเขาผิดเวลาไปมากโข แต่สายตาที่สบมาตรงๆ พร้อมกับคำพอโทษพอโพยอย่างจริงใจ ก็ทำให้หญิงสาวผู้มีพื้นฐานนิสัยอ่อนโยนอยู่แล้วไม่เอ่ยว่ากระไร พยักหน้าให้นิดนึง ก่อนที่จะเดินไปหยิบมือถือมาส่งคืนให้คนที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตู"นี่ค่ะ..แล้ว..เอ๊ะ" อุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่ามีเลือดแดงๆ ไหลซึมอยู่ที่ตรงปลายหางคิ้วซึ่งหมวกใบโตปิดไม่มิด มองเลื่อนลงมาที่ริมฝีปาก มุมปากมีรอยแดงเป็นจ้ำ รอยเลือดจางๆ ราวถูกเจ้าของใช้มือปาดเช็ดอย่างไม่เต็มใจ "ไปทำอะไรมานี่"คริสมองหน้าสายฝนด้วยสายตาฉงน แปลกใจปนงงเล็กน้อย และมีวี่แววบางอย่างในดวงตาที่ดูเป็นคำถามที่เธอรู้สึกว่ามันหยาบคาย...เช่นว่า...ถึงผมจะไปทำอะไรมาแล้วมันเกี่ยวอะไรกับยัยป้าข้างบ้านกันนี่...แต่เขาเลือกที่จะตอบปฏิเสธเพียงสั้นๆ ว่า "ไม่มีอะไรหรอก"ไม่รู้ว่าด้วยความสนิทสนมกันพอสมควรของเธอและแม่ของเขาหรือเปล่า ทำให้สายฝนคิดว่าไม่อาจจะปล่อยให้มันผ่านไปได้ หญิงสาวดึงชายเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาให้เดินมาเข้ามาด้านในอย่างถือวิสาสะ ราวกับว่าเขาเป็นเพียงเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่ใช่เด็กหนุ่มวัยสิบแปดที่ตัวสูงเกือบร้อยแปดสิบเซ็นต์ และเธอสูงกว่าอกของเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"เอ่อ..นี่คุณ ผมว่า.." เขาค้าน แต่ยังไม่ทันจบด้วยซ้ำ "ไม่ต้องว่าอะไรทั้งนั้น ล้างแผลเสียหน่อย แล้วเธอก็กลับไปบ้านของเธอได้" จากนั้นเธอก็ปล่อยเขาไว้ที่โต๊ะอาหารด้านนอก ส่วนตัวเองก็เข้าไปหากล่องปฐมพยายาลในห้องนอนของตัวเอง ขณะที่กำลังค้นๆ หาของอยู่นั้น อยู่ๆ ก็ชะงักขึ้นมาชั่วขณะ ...ฉันจะบ้าหรือเปล่านี่ ก็บ้านเขาอยู่ถัดไปแค่นี้ ให้เขาไปทำเองที่บ้านเขาก็ได้นี่ ฉันจะไปห่วงเขาทำไมกัน... คิดแล้วก็ได้แต่ยักไหล่กับตัวเอง ...ช่างเถอะ ที่ฉันตกใจเกินเหตุ ก็เพราะฉันเป็นผู้หญิงจิตใจดีเกินไปแค่นั้นเอง..หุหุกลับมาอีกที ทันได้เห็นคนที่นั่งรออยู่ นั่งมองถ้วยนมอาหารหลักของเธออยู่ "หิวเหรอ?" หญิงสาวถาม"เปล่านี่" เขาตอบ แล้วปล่อยให้พยาบาลมือสมัครเล่น ทำความสะอาดขั้นต้น โดยการซับเอาเลือดแห้งออก "ผมเคยเห็นคุณบ่อยๆ" เขาเอ่ยชวนคุยอย่างเสียมิได้"อืม..ม.." สายฝนพยักหน้า ขณะที่ก้มลงแต้มยาแดงลงไป พยายามไม่ให้เลอะ " ฉันก็เคยเห็นเธอไกลๆ เหมือนกัน เธอโชคดีมากรู้ไหม แม่ของเธอน่ารักมาก"คริสไม่ตอบว่ากระไร "เอาล่ะ...เรียบร้อย" เมื่อแปะพาสเตอร์ที่หางคิ้ว "ไปได้"แต่เขายังคงนั่งอยู่ตรงนั้น พลางชี้ไปที่ถ้วยนมและโหลคุ๊กกี้ "นี่อาหารเย็นของคุณเหรอ" ถามด้วยท่าทางแขยงเต็มที่ สายฝนพยักหน้า"อืม..ทำไม" "ถึงว่า ทำไมคุณตัวเล็กนัก เพราะกินแต่ไอ้นี่นี่เอง ขนาดผมเป็นฝรั่งแท้ๆ ผมยังไม่กินเลย" สายฝนเท้าสะเอว "ฉันตัวเล็ก เพราะฉันเป็นคนเอเชียย่ะ ไม่เหมือนเธอนี่ ตัวโตอย่างกับยักษ์ ว่าแต่ว่าแม่ของเธอไปไหนล่ะคืนนี้"คริสไม่ได้ตอบในทันที แต่แววตาของเขาหม่นลง "อ๋อ พอดีวันนี้วันเกิดแฟนเค้าน่ะ ก็เลยออกไปฉลองกันนอกบ้าน" เขายอมตอบในที่สุดและเมื่อเห็นสายตาของผู้หญิงตรงหน้า ที่มองมาด้วยสายตาอ่อนโยน แสดงถึงความเข้าใจและ..สงสาร เขาก็ชักสีหน้าเป็นเคร่งขรึม รีบออกตัวทันที "จริงๆ เขาก็เชิญผมด้วยนะ แต่ผมติดธุระเลยไม่ได้ไป" เขาไม่ได้ติดธุระหรอก แต่เขาไม่อยากไปต่างหากสายฝนชี้ไปที่แผล "นี่หรือเปล่า ธุระของเธอ"คริสลุกขึ้นยืน "ขอบคุณนะ สำหรับเรื่องมือถือ และก็เรื่องแผลนี่ ผมไปล่ะ" ว่าแล้วเขาก็หมุนตัวเดินออกไป สายฝนเดินตามหลังไปเพื่อจะปิดประตู อยู่ๆ เขาก็หันกลับมาอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันตั้งตัวทำให้หน้าของหญิงสาวชนกับหน้าอกและต้นคอของเขาอย่างจัง...โอ๊ะ... "อะ..อะ..อะ..ไร" น้ำเสียงนั่นเบาหวิว ติดขัด"ผมลืมมือถืออีกแล้ว" เขาว่า พลางชี้ไปที่โต๊ะตัวที่เพิ่งเดินจากมา สายฝนจึงรีบก้มหน้าที่รู้สึกร้อนๆ และพยายามควบคุมหัวใจหวิวๆ เดินกลับไปหยิบมือถือเจ้าปัญหามาส่งคืนให้เขา เมื่อวางมือถือลงไปในมือใหญ่ และตั้งใจจะชักมือกลับ แต่รู้สึกได้ว่านิ้วก้อยถูกรั้งเอาไว้เบาๆ"อ่ะ..อะไรอีกล่ะทีนี้" พยายามเปล่งเสียงออกมาให้ฟังดูเหมือนรำคาญใจที่สุด...หวังว่านะ สายฝนหวังว่า มันคงจะฟังดูเหมือนคนที่กำลังรำคาญใจสุดๆ..."หิวจัง ออกไปหาอะไรที่ร้านญี่ปุ่นกินกันดีไหม""หืม..ม..ม" ลากเสียงถามด้วยความงงงันสุดขีด เด็กหนุ่มตัวสูงตรงหน้านี้อายุสิบแปดเท่านั้น แถมบ้านยังอยู่ติดกับกับเธอ แม่ของเขาก็เป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกันกับเธอ กำลังชวนเธอออกไปทานข้าวนอกบ้าน...เขากำลังขอเดทเธออยู่ใช่ไหม......โอ้ว...ไม่...เมื่อเห็นหญิงสาวนิ่งงันไป คริสจึงรีบออกตัวทันที "ผมไม่ได้กำลังจะขอเดทคุณนะ ผมอยากเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณเท่านั้น"...ผมไม่ได้กำลังจะขอเดทคุณนะ ผมอยากเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณเท่านั้น...เชอะ ไม่เห็นจะต้องรีบออกตัวเร็วขนาดนั้นเลย มันก็แค่ความสงสัยที่แว๊บผ่านเข้ามาอย่างกระทันหันแค่นั้น ไม่ได้คิดจริงๆ หรอก ว่าเด็กวัยเอ๊าะๆ แบบนั้น จะมาขอเดทกับสาวทึนทึกอย่างเธอ อายุยี่สิบหกหย่อนๆแม้จะไม่ได้แก่อะไรมากมาย แต่ถ้าเทียบกับเด็กวัยสิบแปดแล้ว เธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองแก่ลงไปกว่าความเป็นจริงอีกซักสิบปีแต่ถึงจะไม่ได้คิดจริงจังว่าเขาจะมาขอเดทอะไร แต่เมื่อได้ยินคำปฏิเสธกระแทกหน้าเต็มๆ แบบนี้ ก็อดรู้สึกแย่นิดๆ ไม่ได้ ที่เขารีบออกตัว ทั้งๆ ที่เธอยังไม่ได้ถามด้วยซ้ำ "ไม่ไปหรอก อิ่มนมแล้ว" เสียงเข้มทีเดียว อยากจะปฏิเสธอย่างหนักแน่นให้เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้ได้หน้าแหกบ้าง ถ้าเธอไม่ตกลงไปร้านอาหารกับเขา แต่ท้องเจ้ากรรมกลับไม่ยอมให้ความร่วมมือ เมื่อมันส่งเสียงร้องครวญครางออกมาอย่างหน้าสงสารดังจ๊อก...จ๊อก...แถมยังเป็นจ๊อกที่ยาวนาน จนเจ้าของท้องอับอายแทบจะเอาหน้ามุดลงใต้พื้นที่เหยียบย่างอยู่ ส่วนคนที่เพิ่งได้รับคำปฏิเสธเสียงแข็งขัน เมื่อได้ยินเสียงครางก้องของท้องราวกับระเบิดมหาประลัย ก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะพรืดออกมา ได้เห็นหน้าของหญิงสาวตรงหน้าที่ตีหน้ายักษ์ใส่ แบบที่ทั้งโกรธทั้งกี่งอับอาย ทำให้เขาต้องพยายามจะกั้นหัวเราะไว้อย่างสุดความสามารถ และใบหน้าที่พยายามกั้นยิ้มนั้น กลับดูน่ารักอย่างประหลาด จนสายฝนไม่อาจจะอดใจไว้ได้ และรู้ว่าไม่อาจแกล้งปั้นหน้าโกรธได้อีกต่อไป "ก็ได้...ก็ได้"...ให้ตายเถอะ น่ารักมากมาย... ผู้ชายคนนี้ เขาเกิดมาเพื่อฆ่า Chace Crawford จริงๆ...
อ่านแล้วเคลิ้มเลยอ่ะ แอบจิ้นตามอีก 55+ แบบว่าชอบเด็กเหมือนกัน อิอิ
ปล. หล่อขนาดฆ่า Chace Crawford ได้เลยหรอเนี่ย หุหุ
ปล.2 จากบ้านไม่ได้ดองบล็อกนะครับ แค่เพิ่งกลับบ้าน(พิษณุโลก) เลยไม่ว่างอัพเท่านั้น