สมุทรปราการ – เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก น.ส.จิตติมา โพธิ์สาลี อายุ 30 ปี เช่าบ้านอยู่ภายในซอยเอราวัณ หมู่ที่ 9 ต.สำโรงใต้ ว่า ได้พบเด็กหญิงวัยประมาณ 7-8 เดือน และเด็กชายวัย 1-2 ปี สองพี่น้องถูกทิ้งไว้ในบ้านเช่าเลขที่ 41/50 ข้างโรงงานเอราวัณการทอ หมู่ที่ 9 ต.สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจภูธรสำโรงใต้

ที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านเช่าครึ่งปูนครึ่งไม้ขนาด 2 ชั้นแบ่งออกเป็น 6 ห้อง บริเวณห้องที่ 2 ชั้นล่างพบเด็กน้อยทั้ง 2 คน ยืนอยู่หน้าประตูในสีหน้าเศร้าสร้อยเมื่อกลุ่มชาวบ้านที่ยืนมุงดูนำอาหาร และนมมาป้อนทำให้เด็กทั้ง 2 ดีใจพร้อมนั่งรับประทานกัน ตรวจสอบภายในห้อง พบกองเสื้อผ้าสำหรับเด็กโดยมีไม่ต่ำกว่า 30 ชุดวางกองเรียงกันอยู่แต่ไม่พบเสื้อผ้าผู้ใหญ่ บริเวณกลางห้องนอนพบที่นอนแบบฟูกสีแดงปูนวางไว้ โดยมีขวดนม และผ้าอ้อมสำเร็จรูปวางอยู่ด้านข้าง บริเวณใกล้ประตูห้องพบกองถ้วยชามที่ใช้แล้ว และขวดเบียร์พร้อมกระติกน้ำตั้งวางเรียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินตรวจหาเอกสารภายในห้องแต่ไม่พบ จึงนำพี่น้องทั้ง 2 คนส่งพนักงานสอบสวนเพื่อประสานสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดสมุทรปรกาารรับไปดูแล

จากการสอบถาม น.ส.จิตติมา ทราบว่า บ้านเช่าหลังดังกล่าวเป็นของ นายพวง น้อยพรหม อายุ 54 ปี โดยห้องที่เกิดเหตุได้มีหญิงสาวอายุประมาณ 28-30 ปีจูงมือและอุ้มเด็กทั้ง 2 คนเข้ามาขอเช่าห้องเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา โดยบอกว่าทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านใกล้บ้านเช่า จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้เดินออกไปซื้อของใช้ประจำตัวบริเวณปากซอยโดยเดินผ่านห้องดังกล่าว ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้อยู่ในห้องตนจึงไม่เอะใจ หลังจากที่เดินกลับมาจากซื้อของใช้ส่วนตัวก็ยังได้ยินเสียงร้องอีก จึงเปิดประตูเข้าไปดูพบว่าเด็กทั้ง 2 คนทั้งนั่ง และนอนร้องไห้อยู่ด้วยกันบนที่นอนแต่ไม่พบแม่ของ แต่จากการที่มองดูรอบทั่วห้องแล้วสังเกตว่ามีแต่เสื้อผ้าเด็กแต่ทำไมไม่มี เสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัวของผู้ใหญ่แม้แต่ชิ้นเดียว จึงเดินไปตามเพื่อนข้างห้องออกมาดู และเดินไปสอบถามเรื่องของแม่เด็กกับแม่ค้าขายของหน้าปากซอยทราบอีกว่า เมื่อช่วงประมาณ 05.00 น.ที่ผ่านมา เห็นแม่เด็กขนข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว และกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นรถแท็กซี่สีชมพูนั่งมุ่งหน้าออกปากซอยแต่ไม่มีเด็ก น้อยทั้ง 2 คนนั่งรถไปด้วย คงคิดว่าน่าจะย้ายของก่อนที่จะมารับลูก และคิดว่ามีคนดูแลเด็กทั้ง 2 คนไว้ก่อนแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งมาทราบภายหลังว่าเด็กทั้ง 2 ถูกทิ้งเสียแล้ว