Group Blog
 
 
ธันวาคม 2557
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
27 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
My bad guy - หนียังไงก็ใช่เธอ! @ 26 @ หัวใจว้าวุ่น (ตัวอย่างเล่ม 2 ค่ะ)




“นั่นจะรีบร้อนไปไหนรึแม่พลอย?”

เสียงประกาศิตของคุณหญิงเบรกคนที่กำลังย่างก้าวด้วยความรีบเร่งให้หยุดกึก พิศิตาหลบหน้าผู้เป็นย่าตั้งแต่กลับจากหัวหินด้วยการออกเช้ามากหรือไม่ก็ออกสายมากแต่กลับดึกทุกวัน ทว่าวันนี้คงจะซวยได้ที่ถึงได้มาป๊ะกันพอดี

“ย่าไม่เห็นหน้าเราหลายวันแล้วนะ ตั้งแต่กลับจากหัวหินกระมัง”

เสียงเย็นๆ นั้นทำให้หญิงสาวเสียวสันหลังวาบ เธอไม่อยากตอบคำถามเรื่องธีรภัทร์ และนั่นคือสิ่งที่ผู้เป็นย่าต้องการรู้ ฉะนั้นต้องรีบชิ่งโดยด่วน

“คุณย่าขาวันนี้พลอยรีบมาก ขอตัวก่อนนะคะ”

ว่าแล้วก็จ้ำพรวดออกไปทันที แต่แล้วก็ต้องติดเบรกแทบหัวทิ่มอีกครั้งกับน้ำเสียงเข้มงวดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ของผู้เป็นย่า

“เดี๋ยว!”

หญิงสาวหลับตา ถอนใจยาว ก่อนจะหันมาฝืนยิ้มให้คุณหญิง ทำเสียงออดๆ ที่นานครั้งผู้เป็นย่าถึงจะได้ยินจากหลานสาวคนนี้ “วันนี้พลอยมีงานด่วนจริงๆ นะคะคุณย่า ไว้พลอยกลับมาตอนเย็นคุณย่าค่อยชำระความได้มั้ยคะ นะคะคุณย่าขา...พลอยรีบจริงๆ ค่ะ”

ผู้เป็นย่ามองท่าทีรีบร้อนของหลานสาวอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะถอนใจเฮือกใหญ่แล้วโบกมือตัดรำคาญ “เอ้า จะไปไหนก็รีบไป แต่เราบอกเองนะว่าเย็นนี้จะให้ย่าชำระความ อย่าลืมซะล่ะ”

พิศิตาลอบถอนใจ ก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วทำหน้ายุ่งเหมือนยุงตีกัน “จะสิบโมงอยู่แล้วยังไปไม่ถึงไหนเลย จะทันนัดลูกค้ามั้ยวะเนี่ย”

คุณหญิงได้ยินเสียงบ่นของหลานสาวก็ได้แต่ขมวดคิ้วนิ่วหน้า ทอดถอนใจอย่างท้อแท้กับความห้าวเฮ้วที่แก้ไม่หายเสียที

“ดูซิ นอกจากกิริยามารยาทจะไม่งามแล้วยังพูดจาไม่น่าฟังอีก แบบนี้ใครเขาจะอยากได้ไปเป็นสะใภ้ สงสัยต้องรีบวางแผนจัดการแม่พลอยเป็นรายต่อไป!”



เสียงเพลงในจังหวะเร้าอารมณ์กับแสงไฟวูบวาบภายในสถานบันเทิงยามราตรีทำให้คนทั้งสามที่เพิ่งจะตบเท้าเข้ามาต้องใช้เวลาปรับสายตาสักพัก โดยเฉพาะกินรีที่ไม่ถนัดเลยกับการเที่ยวกลางคืน เธอรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในนี้

“พลอยนัดคนอื่นมาเจอกันที่นี่ ป่านนี้ก็น่าจะมาถึงแล้ว คุณเมษช่วยมองหาทีนะคะ ผู้ชายวัยทำงานสามคน” พิศิตาเขย่งปลายเท้าขึ้นบอกใกล้ใบหูของเมษาเพราะภายในผับเสียงดังมากจนต้องตะโกนคุยกัน ก่อนจะมองเวลาที่นาฬิกาข้อมืออย่างพึงพอใจ เธอเผื่อเวลาให้คนที่นัดไว้มาถึงก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะนางเอกต้องมาทีหลัง

“ได้ครับ เดี๋ยวผมช่วยหา” ชายหนุ่มป้องปากตอบอยู่ข้างหูหญิงสาว ก่อนหันไปมองหากลุ่มเป้าหมายอย่างตั้งใจ

“ไม่เอาแล้วได้ไหมพลอย นกกลัว” กินรีเกาะแขนเพื่อนสาวแจ สีหน้าไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด

“ไม่ได้!” พิศิตาย้ำเสียงหนัก จ้องหน้าเพื่อนอย่างจริงจังพร้อมให้กำลังใจ “ถึงคราวที่นกต้องเรียกศักดิ์ศรีคืนแล้ว มั่นใจในตัวเองเข้าไว้ วันนี้นกสวยขาดใจไม่ต้องกลัว”

ไม่ใช่ว่าพิศิตาต้องการปลอบใจเพื่อนเพียงอย่างเดียว ส่วนหนึ่งของคำพูดก็มาจากสิ่งที่สายตามองเห็นด้วย วันนี้กินรีอยู่ในเดรสสั้นสีม่วงอ่อนอวดเรียวขาเพรียวสวย ผมยาวประบ่าถูกดัดเป็นลอนใหญ่ล้อมกรอบใบหน้าสดใสอ่อนเยาว์ ซึ่งตบแต่งด้วยเครื่องสำอางชั้นดีจากช่างมืออาชีพ ขับให้กินรีดูสวยสดใสเป็นพิเศษจนใครเห็นก็ต้องมองซ้ำ

“คราวนี้พี่เอกได้ตาค้างแถมน้ำลายหกด้วยความเสียดายแน่” คนพูดยักคิ้วพร้อมรอยยิ้มกวนๆ

กินรีอดค้อนเพื่อนไม่ได้ ถ้าพิศิตายอมแต่งตัวให้เข้ากับเธอบ้างก็คงดี แต่นี่เจ้าหล่อนกลับแต่งกายด้วยชุดทำงาน แม้วันนี้จะพิเศษหน่อยที่ต้องออกไปพบลูกค้า หากสาวเท่อย่างพิศิตายังคงยึดหลักเก๋ เรียบง่าย สบาย และสะดวกเข้าไว้เช่นเคย ผมยาวถูกรวบมัดไว้ข้างหลัง ใบหน้าอ่อนเยาว์ยังคงสดใสไร้เครื่องสำอางแต่งแต้ม ผิดจากเธอลิบลับ แบบนี้จะให้มั่นใจอย่างไรไหว

“นั่นรึเปล่าครับคุณพลอย” เมษาชี้นิ้วไปยังหนุ่มๆ กลุ่มหนึ่ง ซึ่งมาด้วยกันสามคน

พิศิตามองตามทิศทางของปลายนิ้วนั้นแล้วก็ยิ้มกริ่ม “ใช่เลยค่ะ นั่นแหละเป้าหมายของเรา ไปกันเถอะนก”

ว่าแล้วก็ฉุดแขนเพื่อนให้เดินตามไปโดยเร็ว ขณะที่ฝ่ายโดนฉุดกลับมีท่าทีเหมือนไม่เต็มใจ

เมษามองตามสองสาวด้วยความสงสัย เห็นท่าทางของกินรีแล้วเขาอยากจะคิดว่าเธออ่อนต่อชีวิตที่มีสีสันฉูดฉาดแบบนี้มากมาย หากภาพเมื่อคืนก่อนที่เห็นมันขัดแย้งกันอย่างหาคำอธิบายไม่ได้



ธีรภัทร์กำแก้วเหล้าแน่นจนเส้นเลือดที่มือปูดโปน ดวงตาคมกริบมองตามร่างคุ้นตาที่เดินยิ้มหน้าบานเข้ามาในผับพร้อมหญิงสาวและชายหนุ่มอีกคน ซึ่งมีท่าทีสนิทสนมกันมากจนเห็นแล้วรำคาญตา ผู้หญิงข้างกันนั้นเป็นใครเขาไม่สนใจ แต่ไอ้ผู้ชายข้างกายเธอนั่นมันคนเมื่อคืนก่อนชัดๆ ทำไมต้องเป็นหมอนั่นอีกแล้ว

“มองอะไรอยู่วะธีร์” ณัฐกิจถามอย่างแปลกใจขณะพยายามมองตามสายตาเพื่อนฝ่าแสงสีวูบวาบเวียนหัวและผู้คนมากมาย แต่ยังจับไม่ได้ว่าเพื่อนมองสิ่งใดเป็นพิเศษ

“เจอคนรู้จัก โลกมันกลมจริงๆ ว่ะ” เขาแค่นเสียงตอบ ก่อนกระดกเครื่องดื่มเข้าปากรวดเดียวหมดแล้วเติมใหม่

“คนเดียวกับคืนก่อนรึเปล่าวะ?”

“เออ!” ธีรภัทร์ตอบคล้ายเสียงคำราม วางแก้วเครื่องดื่มลง หันมาสบตาเพื่อนพร้อมบอกเสียงเครียด

“ขอตัวแป๊บนึง แกรออยู่นี่แหละ”

ณัฐกิจถอนใจยาว จิบเครื่องดื่มเย็นๆ รอตามบัญชาของเพื่อนบังเกิดเกล้า หากสายตากลับมองตามธีรภัทร์ไปด้วยความสนใจยิ่ง

“คนรู้จักอะไรของมันวะ เจอทีไรเห็นทำหน้าบึ้งทุกที แล้วดูมันยังอยากจะไปทักเขาอีก ไอ้บ้า!”



เอกชัยนั่งดื่มอยู่กับเพื่อนอีกสองคนในตอนที่พิศิตาเดินเข้ามาสมทบพร้อมชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาสะอาดสะอ้านและหญิงสาวร่างเล็กบางอีกคน ทั้งเขาและเพื่อนร่วมงานต่างก็หันไปสนใจผู้มาใหม่เป็นตาเดียว โดยเฉพาะเจ้าของวันเกิดที่สวยเด่นมาแต่ไกลจนเห็นคราวแรกแทบจำไม่ได้

พิศิตาอมยิ้มกับท่าทางอึ้งๆ ของเอกชัย ไตรจักร และวิษณุที่จ้องกินรีราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน ใครจะตาค้างก็ไม่สะใจเท่าเห็นเอกชัยตะลึงงัน

สมน้ำหน้า อยากมองข้ามคนดีๆ แถมย่ำยีความรักและศรัทธาของกินรีเสียย่อยยับ คืนนี้คงนอนไม่หลับเพราะความเสียดายมันจุกอก

“ไงพี่เอก พี่ณุ นายไตร มานานรึยัง โทษทีนะ พอดีรถมันติดนิดหน่อยเลยมาช้า ดูนี่สิ เจ้าของงานเป็นไงมั่ง สวยขาดใจไปเลยใช่มั้ยล่ะ”

“พวกผมมาก่อนซักครึ่งชั่วโมงเองพี่พลอย ว่าแต่เจ้าของงานวันนี้ดูสวยขาดใจเลยนะครับ แหม...พี่นกปล่อยให้พวกเราแห้งเหี่ยวมานานสองนะ ความจริงออฟฟิศเราก็มีสาวสวยให้มองพอได้กระชุ่มกระชวยหัวใจบ้างเหมือนกัน”

ไตรจักรยิ้มเผล่ หันไปยักคิ้วให้ ‘สาวสวย’ ด้วยท่าทีเย้าแหย่ตามประสาหนุ่มขี้เล่น

“ก็ถ้ารีบเปิดเผยตัวตนเร็วไปก็อดรู้อะไรดีๆ สินายไตร คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจนี่ เห็นกันอยู่ทุกวัน ใครจะคิดล่ะว่าหน้าซื่อใจคด” พิศิตาว่ากระทบใครบางคน รับเครื่องดื่มเย็นๆ จากไตรจักรมาจิบแก้กระหาย ขณะเหล่ตามองสีหน้ากระอักกระอ่วนของเอกชัยด้วยความสะใจยิ่ง ก่อนจะหันไปทางเมษา

“นี่คุณเมษเป็นเพื่อนพลอยเอง วันนี้พลอยชวนเขามาดื่มฉลองกับเราด้วย ขออนุญาตนะคะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” เมษายิ้มทักทายเพื่อนฝูงของพิศิตาอย่างเป็นกันเอง ขณะลอบสำรวจเพื่อนแต่ละคนของเธออยู่ในใจ

เอกชัยเป็นชายหนุ่มหน้าตาค่อนข้างดี ดูมีเสน่ห์ไม่หยอกสำหรับสาวๆ ไตรจักรดูเด็กกว่าใคร ใบหน้าอ่อนเยาว์ออกแนวอินเทรนด์แบบเกาหลี ส่วนวิษณุค่อนข้างเงียบขรึม อีกทั้งยังใส่แว่นด้วยทำให้เขาดูเหมือนอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมากกว่าหนุ่มออฟฟิศ เพื่อนของพิศิตามีแต่ผู้ชายทั้งนั้น เห็นจะมีแค่กินรีคนเดียวที่เป็นผู้หญิง

เมื่อทำความรู้จักกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วสี่หนุ่มและสองสาวก็ร่วมดื่มฉลองงานวันเกิดของกินรี ซึ่งพิศิตาอุปโลกน์ขึ้นอย่างครื้นเครง คนที่เงียบขรึมมากกว่าใครเห็นจะเป็นเอกชัย รองลงมาก็คือเจ้าของวันเกิดซึ่งโกหกไม่เก่งจึงได้แต่ยิ้มรับคำพูดคนอื่นแล้วเก็บปากเก็บคำให้มากที่สุด จะได้ไม่หลุดความจริงให้ใครจับได้

ผ่านไปสักพักแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเพื่อหวังจะดับความกระดากอายก็เริ่มซึมลึกในกระแสโลหิต กอปรกับแววตาอ้อยอิ่งของคู่กรณีที่แอบชำเลืองมาบ่อยหนก็ทำให้กินรีมีความมั่นใจมากขึ้น เธอจึงกล้าที่จะส่งสายตายิ้มแย้มเชิญชวนให้กับหนุ่มๆ ทั้งในโต๊ะและนอกโต๊ะอย่างทั่วถึง

“ออกไปแดนซ์หน่อยสินก เจ้าของงานต้องเปิดฟลอร์นะ คนอื่นจะได้ตามไป” พิศิตาบอกเมื่อเห็นสายตาเข้มข้นของเอกชัยที่กล้ามองกินรีมากขึ้น คงเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์นั่นเอง

เจ้าของวันเกิดกระดกเครื่องดื่มในมือรวดเดียวหมดก่อนจะพยักหน้ารับ ตอนนี้สายตาของเอกชัยทำให้เธอมั่นใจในตัวเองมากจนกล้าพอจะชวนเมษาออกไปเต้น

“ไปด้วยกันนะคะคุณเมษ เมื่อคืนนกยังไม่ได้ขอบคุณคุณเมษเลยที่พานกไปส่ง ให้เกียรตินกซักเพลงนะคะ”

พิศิตาแสนจะสะใจ หันไปทำหน้าลุ้นๆ กับเมษา ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนโดนบังคับให้ตอบรับจึงโค้งให้กินรีแล้วรับมือของหญิงสาวออกไปวาดลวดลายบนฟลอร์ด้วยกันอย่างสนุกสนาน ด้วยอารมณ์อยากเอาชนะทำให้กินรีงัดท่าเต้นสุดเซ็กซี่ที่เคยเห็นใน MV เพลงสุดฮิตทั้งในและต่างประเทศออกมาวาดลวดลายจนชายหนุ่มหลายคนมองตาไม่กะพริบ

คนเจ้าแผนการอมยิ้ม หันไปมองเอกชัยที่กำลังมองเพื่อนของเธอไม่วางตา มาเสียดายเอาตอนนี้เห็นจะต้องเสียใจแล้วละนะ!

“คุณเมษเขามาจีบนกเหรอพลอย” ในที่สุดปลาตัวใหญ่ก็กินเบ็ดจนได้

“แล้วพี่เอกคิดว่าไงล่ะ เพื่อนพลอยน่ารักออกนะ คุณเมษก็คงมองเห็นเหมือนกัน อีกอย่างเขาก็เป็นคนดี รูปหล่อพ่อรวยครบสูตร น่าสนใจดี ว่ามั้ย” หญิงสาวยิ้มร่า สีหน้าบอกชัดว่าสนับสนุนเต็มที่

“แต่พูดก็พูดนะพี่พลอย ผมเพิ่งเห็นพี่นกสวยหยดก็วันนี้แหละ เห็นทีเราคงต้องปกป้องเอกราชกันหน่อยแล้ว จะปล่อยให้คนนอกมาฉกสาวสวยของเราไปไม่ได้ จริงไหมพี่เอก พี่ณุ” ไตรจักรว่าอย่างขบขัน นึกสนุกตามประสาวัยหนุ่ม

พิศิตาไม่ตอบว่าอย่างไร ได้แต่เหลือบมองเอกชัยอย่างเยาะเย้ยและสมน้ำหน้า อีกสองหนุ่มก็ไม่ตอบคำถามนั้น ต่างคนต่างเงียบใช้ความคิดเพียงลำพัง มีแต่ไตรจักรที่ยังคงพูดคุยหัวเราะอารมณ์ดีกับภาพที่เห็น

คนเจ้าแผนการที่ทำงานสำเร็จด้วยดีอมยิ้มอย่างมีความสุข โดยไม่รู้ตัวเลยว่าอันตรายดำมืดกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้

ดวงตาคมกริบร้อนแรงเพ่งมองเธออย่างโมโหกราดเกรี้ยว และรอเวลาตะครุบเหยื่อด้วยใจจดจ่อ!



ธีรภัทร์หลบมุมอยู่ข้างเคาน์เตอร์บาร์ และแฝงตัวกับนักท่องเที่ยวคนอื่น สั่งเครื่องดื่มมาจิบ ขณะเพ่งสายตามองหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มซึ่งมีชายหนุ่มอีกสามคนร่วมโต๊ะด้วย

“ท่าทางมีความสุขเหลือเกินนะ ทำมาว่าคนอื่นเจ้าชู้ ตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ” เขาบ่นอย่างไม่สบอารมณ์

ไม่รู้ว่าทำไมต้องไม่พอใจที่เห็นพิศิตามีท่าทีดี๊ด๊ากับหนุ่มๆ คนอื่น แต่คิดว่าคงเป็นเพราะเธอเมินเฉยต่อเขาแล้วเห็นผู้ชายธรรมดาพวกนั้นสำคัญกว่าจึงอดรนทนไม่ได้ มันเหมือนถูกลูบคมลบเหลี่ยมมากเกินไป

แล้วดูเถอะ เธอจะมีเพื่อนชายเยอะไปไหน เพื่อนผู้หญิงน่ะคบไว้มากหน่อยก็ได้ เห็นจะมีอยู่คนเดียวมั้ง!



พิศิตานั่งโยกตัวตามจังหวะเพลงและมองเพื่อนรักกับเมษาเป็นระยะ หากมีใครมาฉวยโอกาสทำรุ่มร่ามกับกินรี เธอจะได้เข้าไปช่วยทันเวลา ถึงอย่างไรกินรีก็ไม่ใช่สาวคอเที่ยวและที่เธอชวนมาวันนี้ก็เพื่อแผนการเอาคืนเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้เพื่อนรักทำตัวเหลวไหลหรือมีอันตรายใดๆ มากล้ำกราย

“สวัสดีครับ ขอผมนั่งด้วยคนได้ไหม”

หญิงสาวหันขวับเมื่อรู้สึกว่ามีกระแสลมอุ่นๆ ปะทะที่ใบหูพร้อมเสียงนุ่มน่าฟัง เธอผงะถอยทันทีเพื่อเว้นระยะห่างตามความเหมาะสมเมื่อใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่คุ้นตาสักนิดโน้มมาอยู่ใกล้ชิดเพียงลมหายใจส่งถึง

หนุ่มหล่อส่งยิ้มใส่ตาหญิงสาวอย่างน่ามอง ด้วยรู้ตัวดีว่ารอยยิ้มแบบนี้สยบผู้หญิงมานักต่อนัก ร้อยทั้งร้อยไม่มีพลาด

“ว่าไงครับ ขอผมนั่งด้วยคนได้มั้ย?”

พิศิตาหันไปมองเพื่อนร่วมโต๊ะทีละคน ส่งคำถามผ่านดวงตาว่ามีใครรู้จักผู้ชายคนนี้หรือไม่ หากสายตาทุกคนบอกชัด งงเหมือนกัน หมอนี่เป็นใคร?

หญิงสาวจึงหันมามองหน้าหนุ่มหล่ออีกครั้งอย่างมึนงง หรืออาจเป็นเธอเองที่เบลอเพราะดื่มไปหลายแก้ว “เราเคยรู้จักกันเหรอคะ?”

เขายิ้มเก๋ นั่งลงข้างหญิงสาวโดยไม่ถามอีก แต่แนะนำตัวด้วยท่าทีประหลาดใจ “ผมชื่อดอมครับ เหลือเชื่อจริงๆ ที่คุณไม่รู้จักผม”

พิศิตางงเต้ก ชื่อดอมแล้วไง เธอมีความจำเป็นอะไรที่ต้องรู้จักคนชื่อดอมทุกคนล่ะ?

“ว่าแล้วเชียว พี่ดอมจริงๆ ด้วย ไม่นึกว่าจะเจอที่นี่นะครับ รู้ไหมว่าพี่เป็นขวัญใจของน้องสาวผมเลยนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่”

ไตรจักรตบโต๊ะฉาดใหญ่ ก่อนโพล่งออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้น เพื่อนร่วมโต๊ะจึงหันมามองเขาเป็นตาเดียว หนุ่มน้อยเลยพูดต่ออย่างนึกรำคาญสายตาสงสัยของทุกคน

“พี่ดอมไงครับ พระเอกดาวรุ่งพุ่งแรงที่กำลังดังเปรี้ยงปร้าง ตอนนี้มีละครออนแอร์ด้วย เรื่องอะไรนะ อ๋อ เรื่องแรงรักไง ใช่มั้ยครับพี่ น้องสาวผมพูดถึงทุกวัน ชมแต่พี่ดอมคนเดียวเลย”

คำพูดของไตรจักรทำให้ทุกคนพยักหน้าหงึกหงักเหมือนจะเข้าใจ แต่แล้วก็พากันทำหน้างงอีกที

“แล้วตกลงว่ารู้จักกันเหรอ?” พิศิตาจ้องเขม็งไปที่ไตรจักรซึ่งกำลังคุยฟุ้งเสียงดัง

คนถูกตั้งคำถามทำหน้าเหลอหลา หันไปสบตาดาราหนุ่มขวัญใจน้องสาวอย่างมึนงงเช่นกัน

คนถูกจ้องจึงต้องเฉลยคำตอบให้ทุกคนได้หายข้องใจ “เปล่าครับ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ก็ยังไม่สายไม่ใช่เหรอที่เราจะเริ่มต้นทำความรู้จักกันตั้งแต่วันนี้”

สายตาพระเอกหนุ่มจับจ้องเพียงใบหน้างงๆ ของพิศิตา บอกให้รู้ว่าคนที่เขาอยากทำความรู้จักหมายถึงใคร ทั้งสามหนุ่มเห็นแล้วต่างก็เข้าใจความนัยที่แฝงมา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะพร้อมใจกันเดินออกไปวาดลวดลายที่ฟลอร์เต้นรำ ยกเว้นวิษณุ เขาขอตัวไปเข้าห้องน้ำเนื่องจากไม่ถนัดด้านนี้สักเท่าไร

พิศิตาไม่ใช่สาวน้อยไร้เดียงสาจนดูไม่ออกว่าดาราหนุ่มพูดแบบนั้นเพื่อจุดประสงค์ใด เห็นเพื่อนร่วมโต๊ะโบกมือลาไปหมดก็ยิ่งนึกรำคาญจึงหันมาสบตาดอมตรงๆ ไร้แววเก้อเขินเอียงอายให้เห็นเหมือนที่สาวๆ ส่วนใหญ่เป็นกันเวลามีหนุ่มหล่อมาเกี้ยวพา

ผู้ชายเจ้าชู้ชอบโปรยเสน่ห์ไปทั่วแบบนี้เธอไม่นิยมมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไรสำหรับหญิงสาว เธอไหวไหล่ก่อนจะเอ่ยขึ้นลอยๆ “ท่าทางพวกเขาไม่ค่อยอยากทำความรู้จักกับคุณนะ”

“ไม่เป็นไรครับ เพราะผมอยากรู้จักคุณคนเดียว” อีกฝ่ายตอบยิ้มๆ พร้อมโปรยเสน่ห์ไปกับดวงตาอ้อนได้

หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้าอย่างนึกขัน นอกจากเจ้าชู้แล้วดูจากภายนอกก็เห็นชัดเจนว่าดอมเป็นหนุ่มเจ้าสำอาง แต่งกายเนี้ยบ หรู ดูดีทุกกระเบียดนิ้ว ผู้ชายประเภทนี้น่ารำคาญยิ่งกว่าคนเจ้าชู้เสียอีก เธอจึงสวนกลับแบบไม่เกรงใจ

“ฉันเองก็ด้วย ฉันก็ไม่อยากรู้จักคุณเหมือนกัน ยิ่งเป็นคนดังยิ่งแล้วใหญ่ ชีวิตน่าเบื่อ”

โดนแบบนี้เข้าดาราหนุ่มถึงกับใบ้กินไปพักใหญ่ ประกายแวววาวในดวงตาที่เคยหวานฉ่ำบัดนี้บ่งบอกอารมณ์ไม่พอใจได้เป็นอย่างดี หากพิศิตาเคยสนเสียที่ไหน เธอวิ่งหนีคนพวกนี้มาทั้งชีวิต อย่าให้ต้องเอาตัวเข้าไปพัวพันด้วยเลย เท่าที่ต้องทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ของคุณหญิงพรรณรายก็น่าเบื่อพอแล้ว เธอไม่อยากเพิ่มภาระให้ตัวเองอีก

โดยเฉพาะคนที่คิดจะเข้ามาสานสัมพันธ์ในลักษณะพิเศษกว่าเพื่อนทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก บอกตรงๆ ไม่ประทับใจ!



คนแอบจิตไม่รู้ตัวกัดฟันกรอด กำแก้วเครื่องดื่มแน่น ขณะลอบสังเกตความเคลื่อนไหวของพิศิตากับหนุ่มๆ ของเธออยู่ครู่ใหญ่แล้วโดยไม่ยอมแสดงตัว

อันที่จริงพิศิตาก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่อะไร หน้าตาออกจะจิ้มลิ้มน่ารัก ฐานะทางบ้านและการศึกษาก็ดี หน้าที่การงานก็ไม่ใช่ไก่กา สรุปแล้วเธอเป็นหญิงสาวที่น่าสนใจคนหนึ่ง ไม่แปลกที่จะมีหนุ่มมาขายขนมจีบให้ ที่แปลกคงจะเป็นตัวเขาเองมากกว่า แค่จูบเดียวที่อาศัยประสบการณ์และชั้นเชิงฉกฉวยมาครอบครอง แต่มันกลับทำให้เขาลืมไม่ลง

ธีรภัทร์หลับตาและสลัดศีรษะขับไล่ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้น เขาทั้งหงุดหงิดและไม่เข้าใจตัวเองในเวลาเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็หยุดพฤติกรรมประหลาดๆ นี้ไม่ได้



เมษาเดินดุ่มกลับมายังโต๊ะที่พิศิตานั่งอยู่กับดอมด้วยสีหน้าเครียดเคร่ง ดวงตาคมกริบจ้องมองนักแสดงหนุ่มอย่างไม่พอใจก่อนจะคว้าข้อมือหญิงสาว รั้งให้เธอลุกขึ้นและถอยห่างจากอีกฝ่าย ขยับมายืนกั้นกลางระหว่างคนทั้งสองไว้ราวกับดอมเป็นตัวอันตรายที่เธอไม่ควรเข้าใกล้อย่างยิ่ง

“อย่ายุ่งกับคุณพลอย ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน!”

นัยน์ตาของเมษากร้าวกระด้างอย่างที่พิศิตานึกไม่ถึงว่าคนที่สุภาพอ่อนโยนอย่างเขาจะมองใครด้วยสายตาแบบนี้ได้ เธอทั้งตกใจและไม่เข้าใจท่าทีอันรุนแรงของเขา ได้แต่มองหน้าชายหนุ่มสลับกับดอมอย่างมึนงง

ดอมสบตาอีกฝ่ายนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะไหวไหล่กวนๆ ยกยิ้มมุมปากที่เหมือนจะเป็นการแยกเขี้ยวมากกว่า “ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้ผมยุ่งกับผู้หญิงคนนี้”

เมษาโมโหจนหน้าแดงก่ำ นึกอยากต่อยใบหน้ายียวนของอีกฝ่ายให้สาแก่ใจ เขาไม่มีสิทธิ์ห้ามพิศิตาไม่ให้ยุ่งกับดอม แต่เขามีสิทธ์ห้ามไม่ให้ดอมยุ่งกับผู้หญิงทุกคน!

“ผู้ชายคนนี้ไม่มีสิทธิ์ห้าม แต่ผมมี!”

สิ้นเสียงคำรามนั้นข้อมือของพิศิตาก็ถูกฉุดคืนจากเมษาพร้อมกับที่ร่างบางเซถลาเข้าไปซบอกผู้ชายอีกคนอย่างง่ายดาย

หญิงสาวไม่รู้ว่าคนอื่นทำหน้ายังไง แต่เธอกำลังอ้าปากค้าง ตกตะลึงเมื่อเห็นหน้าผู้ชายจอมแส่ชัดเจน

โผล่มาจากทิศไหนนี่?

“กลับบ้านกับผมเดี๋ยวนี้เลยพลอย บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าหนีเที่ยว พูดไม่รู้ฟังแบบนี้คงต้องทำโทษกันหน่อยแล้ว”

ใบหน้าคมคายบึ้งจัดขณะก้มลงพูดกับหญิงสาวในอ้อมแขนด้วยเสียงนุ่มเย็นจนคนฟังเสียวสันหลังวาบ แถมยังมีอาการร้อนวูบเห่อขึ้นมาตามผิวแก้มอีกด้วย ถ้าเขาจงใจทำให้คนอื่นเข้าใจผิด เธอแน่ใจว่าเขาประสบผลสำเร็จอย่างท่วมท้นทีเดียวละ

หญิงสาวถลึงตาขุ่นจ้องคนปากไม่ดี เธอไม่อยากทะเลาะกับเขากลางผับ แค่นี้เหตุการณ์ก็ทำท่าจะลุกลามบานปลายไปกันใหญ่แล้วจึงไม่ตอบโต้เขาด้วยคำพูด ได้แต่พยายามสลัดแขนและแกะมือธีรภัทร์ออกหากก็ไม่เป็นผล

เมษามองอาการดิ้นรนของพิศิตาก็รู้ว่าเธอไม่เต็มใจจึงหันไปจ้องหน้าผู้มาใหม่ตาวาว เอ่ยขัดเสียงแข็ง “ขอโทษนะครับ คุณพลอยมากับผม ผมจะไปส่งเธอเอง”

พิศิตาไม่ได้ใส่ใจจะฟังใครพูดกัน เธอพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของธีรภัทร์อย่างขัดใจ รู้สึกอับอายขายหน้าจนอยากแทรกแผ่นดินหนีมากกว่าจะภาคภูมิใจที่มีหนุ่มหล่อมายืนถกเถียงกันราวกับต้องการจะแย่งชิงตัวเธอ ใครจะชอบก็ช่างเถอะ แต่เธออาย!

“คงไม่ได้หรอกครับ ผมบอกแล้วว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์!” ธีรภัทร์เอ่ยนิ่มๆ แต่นัยน์ตาดุดันบอกความตั้งใจ ยิ่งคนตัวเล็กดิ้นรน เขาก็ยิ่งรัดแขนแน่นขึ้น

หญิงสาวรู้สึกถึงอ้อมแขนที่รัดรึงขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งโมโห เมื่ออดรนทนไม่ไหวจึงเงยหน้าขึ้นกัดฟันบอกเสียงเข้ม “ปล่อยฉันนะ!”

“ไม่ คุณต้องกลับบ้านกับผม” เขาก้มลงตอบเสียงเข้มพอกัน

“ฉันมาเองได้ก็กลับเองได้ ปล่อย!”

“ดื้อ!“ เขาเอ็ดสั้นหากมันกระตุ้นต่อมโมโหของคนฟังได้ติดหมัด

“คุณก็เหมือนกัน ยุ่ง!”

คนชอบยุ่งกัดฟันกรอด นัยน์ตาขุ่นจัด กระชับเอวบางเข้ามาแนบตัวมากขึ้นจนหญิงสาวต้องนิ่วหน้าอึดอัด หากเขาไม่ทันมอง หันไปใช้สายตาแข็งกร้าวจ้องหน้าผู้ชายอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างกัน

“ผมไม่อยากมีเรื่องหรอกนะ แต่พวกคุณไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับพลอย อย่ายุ่งกับเธออีก!”

เสียงข่มขู่เอ่ยอ้างสิทธิ์ทั้งที่เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์อะไรมาห้ามคนอื่นไม่ให้ยุ่งกับพิศิตา แต่ที่แน่ๆ ถ้าคืนนี้เขาไม่ได้พาเธอกลับไปส่งให้ถึงบ้านด้วยตัวเองก็คงหงุดหงิดงุ่นง่านจนนอนไม่หลับทั้งคืนแน่

หญิงสาวเม้มปากแน่น เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อยากจะกรีดร้องโวยวายให้ลั่นด้วยความโกรธแค้น ถ้าทำให้แก้วหูของผู้ชายสติไม่ดีดับได้ก็จะยิ่งสะใจ แต่ที่เธอทำได้เพียงแค่กัดฟันข่มใจเอาไว้ ขณะที่ถูกธีรภัทร์โอบกึ่งลากออกไปจากผับท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่เห็นแล้วถึงกับร้อนผ่าวไปทั้งร่างด้วยความอับอายจนต้องปลอบใจตัวเอง

เอาเถอะ ออกไปกับคนบ้าซะตอนนี้ก็คงจะดีกว่าปล่อยให้พวกเขาถกเถียงหรือชกต่อยกันเพื่อแย่งชิงตัวเธอแน่ๆ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว อี๋!

ดอมเพียงแต่อมยิ้มมุมปากอย่างไม่เดือดร้อน ขณะที่เมษาถลันจะตามพิศิตาออกไป แต่กินรีซึ่งคว้าแขนเขาไว้ด้วยสีหน้างุนงงทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดชะงัก เขาเกือบลืมเจ้าของวันเกิดไปแล้ว

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”

หลังจบคำถามของกินรีอีกสามหนุ่มที่มาด้วยกันก็กรูเข้ามาถามไถ่เป็นเสียงเดียว เมษาเลยต้องตอบคำถามของทุกคนให้กระจ่าง เขายังเป็นห่วงพิศิตาอยู่มากแต่ก็จำได้ว่าเคยเจอธีรภัทร์แล้วที่หัวหิน จะว่าสองคนนั้นไม่รู้จักกันก็ไม่ได้ พวกเขานั่งรถกลับกรุงเทพฯ พร้อมกันด้วยซ้ำไป แถมท่าทางคล้ายจะ ‘หวง’ ที่หนุ่มหล่อผู้นั้นแสดงออกก็บอกอะไรได้หลายอย่าง

บางทีทั้งสองคนคงไม่ใช่แค่คนรู้จักธรรมดา และคงไม่เป็นไรถ้าจะปล่อยให้พิศิตาไปกับธีรภัทร์ ดูๆ ไปแล้วก็เหมือนคู่รักทะเลาะกันอยู่ไม่น้อย

ชายหนุ่มตัดสินใจว่าจะไม่ตามสองทั้งคู่ไป แต่ก็ขอตัวกลับก่อนและฝากกินรีไว้กับเพื่อนร่วมงานของเธอ เพราะเขาเองก็มีเรื่องต้องเคลียร์กับใครบางคนเช่นกัน



พิศิตาไม่เต็มใจแน่ๆ ที่ถูกจับยัดเข้าไปในรถสปอร์ตคันหรูของธีรภัทร์ แต่เธอสลัดเขาหลุดเสียที่ไหน พอปิดประตูรถได้คนเอาแต่ใจก็เดินดุ่มไปประจำที่นั่งคนขับทันที ไม่มีเวลาให้หญิงสาวได้คิดหนีด้วยซ้ำ และอันที่จริงเธอก็ไม่แน่ใจว่าอยากจะเล่นไล่จับกับเขาในคืนนี้

“คุณจะพาฉันไปไหน?” เธอหันไปกระแทกเสียงใส่เจ้าของรถที่ทำหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับข้างกันนั้น

“กลับบ้านไง หรือคุณอยากไปต่อที่อื่น”

คำตอบประชดประชันดังขึ้นพร้อมนัยน์ตาคมขุ่นที่ตวัดมองมาอย่างดุดัน

“บ้า!” เธอเข่นเขี้ยวได้เท่านั้น โกรธก็โกรธแต่เหนื่อยมากกว่าที่จะสู้รบปรบมือกับเขาต่อไป คนชอบเอาชนะอย่างธีรภัทร์ไม่มีทางจะยอมรับความพ่ายแพ้ และเมื่อเขาไม่ยอม เธอไม่ยอม เรื่องก็ไม่มีวันจบ ฉะนั้นก็คงต้องมีคนหนึ่งยอมแพ้และก็คงต้องเป็นเธอ

แต่คนชอบเอาชนะมีหรือจะยอมรับชัยชนะที่ได้มาแบบง่ายๆ เขาโน้มตัวเข้าไปหาหญิงสาว ค้ำมือข้างหนึ่งไว้ที่ประตูรถ ยื่นจมูกไปสูดลมหายใจใกล้ๆ พวงแก้มอิ่มเข้าเต็มปอด ก่อนจะถามรวนๆ

“ถามหน่อยเถอะพลอย คุณใช้ครีมอาบน้ำยี่ห้ออะไรถึงได้เนื้อหอมนัก”

พิศิตาผงะหนี หากตัวติดเบาะ หลังติดประตูจนไม่สามารถขยับได้อีกจึงได้แต่ถลึงตาวาววามใส่เขา และยกมือขึ้นดันหน้าอกแกร่งให้ถอยห่างพร้อมมืออีกข้างกำหมัดชูขึ้น ขู่เสียงสั่นเพราะจมูกโด่งนั้นอยู่ใกล้จนเธอหายใจติดขัดไปหมด ทั้งด้วยอารมณ์โกรธและความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้

“ถอยออกไปเลยนะ ไม่งั้นฉันต่อยคุณจริงๆ ด้วย”

“คิดว่าหมัดของคุณจะทำอะไรผมได้เหรอพลอย หึ...ทีตอนนี้มาทำเป็นกลัว เมื่อกี้เห็นทำหน้าระรื่นจะตาย ถ้ารู้จักกลัวก็ไม่ควรมาเที่ยวในที่แบบนี้กับผู้ชายทีละหลายๆ คน แถมยังดื่มตั้งหลายแก้วอย่างนั้น กลัวไม่เมารึไง”

เขาดุ หากนัยน์ตาคมไม่ขุ่นขึ้งเหมือนเคย จ้องนิ่งที่ใบหน้าแดงก่ำของหญิงสาว มือซ้ายรวบกำปั้นของเธอไว้แล้วกดลงบนเบาะนั่งทั้งที่พิศิตาต้านแรงเขาไว้จนสุดกำลังแต่ก็ไม่เป็นผล

เธอจ้องหน้าเขาอย่างโกรธๆ กัดปากจนห้อเลือดเมื่อตระหนักถึงความเสียเปรียบของตัวเอง ธีรภัทร์อยู่ใกล้เกินไปและมันก็ทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์ในคอนโดมิเนียมของเขาจนร้อนผ่าวทั้งใบหน้า เขาว่าผู้ชายแรงเยอะกว่าผู้หญิงก็คงจะจริง ขืนสู้ด้วยกำลังเธอก็แพ้ยับเยินเท่านั้น เขาอยากพูดหรือคิดอะไรก็ปล่อยไปเถอะ เธอไม่จำเป็นต้องอธิบาย ถึงอย่างไรก็ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกันนอกจากเรื่องงานอยู่แล้ว

ชายหนุ่มถอนใจยาวขณะมองสบดวงตาแวววาวที่จ้องเป๋งอย่างไม่หลบเลี่ยงและไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหาสักคำ แต่แทนที่จะพอใจเขากลับยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น “เป็นใบ้หรือไง แก้ตัวหน่อยก็ได้ ไม่ต้องเต็มใจยอมรับทุกข้อกล่าวหาขนาดนั้น ถึงมันจะจริงแต่ผมอยากฟังคำแก้ตัวมากกว่า”

“เอ๊ะ” คราวนี้เธอชักเหลืออด

“จะเอายังไงกันแน่ฮะ จะไปส่งฉันใช่มั้ย งั้นก็ออกรถสิ จะหาเรื่องกันไปถึงไหน สนุกนักรึไงที่ได้ข่มขู่คนอื่น คิดว่าตัวเองเป็นใคร อยากทำอะไรก็ทำ อยากหาเรื่องใครก็ได้ใช่มั้ย คนเอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล!”

“ไม่มีเหตุผลแถมยังเอาแต่ใจอีกด้วย?” เขาเลิกคิ้ว สีหน้ายียวน

“ใช่ เอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล บ้าอำนาจ!” ว่าแล้วก็เพิ่มให้อีกข้อหาหนึ่งเสียเลย

“ผมว่าข้อกล่าวหาของคุณมันดูไร้น้ำหนักไปหน่อยนะ ถ้าจะให้ดีมันต้องทำแบบนี้ด้วยถึงจะครบสูตร”

เขาล็อกใบหน้ารูปไข่ด้วยมือขวา บังคับไม่ให้เธอส่ายหนีในตอนที่ก้มลงไปบดจูบเอาแต่ใจ บทเรียนจากผู้ชายไร้เหตุผลและบ้าอำนาจอย่างที่เธอต่อว่า

หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่เบี่ยงหน้าหนีอย่างไรก็ไม่พ้น ทำได้แค่เพียงส่งเสียงอู้อี้ในลำคออย่างเจ็บใจ กำหมัดทั้งสองข้างทั้งจิกทั้งทุบร่างใหญ่ให้ถอยห่างหากเขาก็ไม่สะทกสะท้าน เหมือนเธอเอามือทุบกำแพงหินอย่างไร้ประโยชน์ เมื่อสู้แรงไม่ไหวจึงหยุดดิ้นรน ปล่อยให้เขาแสดงอำนาจจนพอใจ

ชายหนุ่มหยุดรุกรานเมื่อรู้สึกว่าหญิงสาวเลิกต่อต้าน ค่อยๆ ผละใบหน้าออกห่าง เอ่ยขึ้นอย่างผู้ชนะ

“ผู้ชายเอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล และบ้าอำนาจจริงๆ มันต้องแบบนี้”

เธอรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ เจ็บจี๊ดไปถึงกลางใจ โกรธจนตัวสั่นมือสั่นไปหมด ขอบตาร้อนผ่าวและเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตาแต่ไม่ยอมให้มันไหลออกมาต่อหน้าเขา ริมฝีปากแดงระเรื่อจากรอยจูบสั่นระริกขณะรวบรวมคำต่อว่าด้วยความคับแค้นใจ

“คนสารเลว คุณไม่มีสิทธิ์มาทำกับฉันแบบนี้ ฉันเป็นคน มีชีวิตจิตใจ ไม่ใช่ของเล่นของคุณ!”

‘คนสารเลว’ นิ่งงันเมื่อเห็นร่องรอยความเจ็บช้ำในดวงตาคู่สวย เขาไม่เคยคิดว่าเธอเป็นของเล่น ไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ สาบานได้ ที่ทำลงไปทั้งหมดเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องปล้ำจูบใคร มีแต่สาวๆ จะเสนอให้ละไม่ว่า แต่ตอนนี้น้ำตาของเธอทำให้เขารู้สึกผิด รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเลวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

“พลอย...ผมเสียใจ”

เสียใจ? เขาจะพูดคำว่าเสียใจอีกกี่ครั้งถึงจะเพียงพอกับความรู้สึกที่เธอเสียไป แค่บอกว่าเสียใจทุกอย่างก็จบงั้นหรือ ง่ายไปหน่อยมั้ง!

หญิงสาวเมินหน้าหนี ไม่พูดอะไรสักคำ บอกให้รู้ด้วยการกระทำว่าไม่ยกโทษให้ กะพริบตาถี่ๆ ให้หยาดน้ำตาเหือดแห้งขณะเปิดประตูรถแต่มันเปิดไม่ออก เธอพยายามงัดประตูและใช้มืออีกข้างทุบปังๆ ถ้าทุบให้รถคันนี้พังคามือได้ก็จะรีบทำไม่เสียเวลาคิดจนนิดเดียว

ชายหนุ่มถอนใจยาว ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีกในสถานการณ์นี้ เอื้อมมือไปรวบมือเล็กไว้ทั้งสองข้างแล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่อ่อนลงมาก หากยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำตามความต้องการของตัวเอง “ผมจะไปส่ง”

“ฉันกลับเองได้” เธอดึงมือออก พยายามทุบประตูต่อไปด้วยความโมโห

ธีรภัทร์ไม่ฟัง คาดเข็มขัดนิรภัยให้หญิงสาว เธอปัดมือเขา เขาก็ปัดมือเธอทิ้งอย่างไม่ไยดีและบังคับจนสำเร็จแล้วพารถเคลื่อนตัวออกไปจากลานจอดด้านหลังผับ

พิศิตาเม้มปากแน่น หอบหายใจหนักๆ ด้วยความโมโหที่ยากจะระงับ แต่รู้ดีว่าเธอไม่มีทางเอาชนะเขาได้จึงกระแทกเสียงบอกห้วนๆ “ฉันจอดรถไว้บ้านนก ฉันต้องกลับไปเอารถ”

“พรุ่งนี้ค่อยไปเอา วันนี้ผมจะไปส่งคุณเอง”

“แต่ฉันต้องทำงานนะ ถ้าไม่มีรถแล้วฉันจะไปทำงานยังไงฮะ?”

“เดี๋ยวผมไปรับ” เขาตอบง่ายๆ

“ว่างมากนักรึไงถึงได้มีเวลาตามกวนประสาทชาวบ้านเขาทุกวี่วันน่ะ?”

“ผมไม่ใช่คนว่างงาน แต่ถ้าเป็นคุณ ผมมีเวลาให้”

ชายหนุ่มสบตาเธออย่างจริงจัง อาจเป็นเพราะแววเจ็บช้ำในดวงตาของหญิงสาวก็ได้ที่ทำให้เขาพูดแบบนี้ออกมา อยากไถ่โทษหรือ เขาเองก็ไม่แน่ใจนัก เท่าที่รู้ตอนนี้คือไม่อยากให้เธอโกรธเกลียดจนไม่ยอมมองหน้ากันอีก

หญิงสาวชะงัก แต่สบตาเขาแล้วก็ดันพูดอะไรไม่ออก แต่แล้วเธอก็นึกโมโหตัวเองที่ไปคิดอะไรกับคำพูดของคนพรรค์นี้ ผู้ชายอย่างธีรภัทร์อยากทำอะไรก็ทำ ไม่เคยนึกถึงจิตใจใคร คำพูดของเขาก็คงเหมือนกัน อยากพูดอะไรก็พูดออกมา เขาอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่พูดมันกินความนัยลึกซึ้งแค่ไหน ทำไมเธอต้องใส่ใจและเอามาตีความให้วุ่นวายด้วย ก็แค่คำพูดของคนไร้หัวคิดเท่านั้น!

“ผมพูดจริงๆ นะ” เขาย้ำราวกับรู้ว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไรอยู่

“หุบปากแล้วขับรถไปเถอะ”

เธอทำเสียงรำคาญ หันหน้าไปมองด้านข้างอย่างหงุดหงิด

ต่างคนต่างเงียบไปครู่ใหญ่ แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นเบาๆ “พลอย...ผมเสียใจจริงๆ นะ ถ้าคุณโมโหมาก อยากจะตบหน้าผมสักที หรือจะทำมากกว่านั้นก็ได้

ผมยินดี ถ้ามันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น”

“หยุดพูดซะที ฉันไม่อยากฟัง”

ไม่มีอะไรจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้ ยิ่งเขาพูดเหมือนว่าแคร์เธอนักหนาทั้งที่ปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นของเล่นราคาถูก มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ลงไปอีก

ไม่มีเสียงสนทนาดังขึ้นอีกจนกระทั่งถึงหน้าบ้านศุภกุล พิศิตารีบปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเปิดประตูรถ แต่เป็นอีกครั้งที่เปิดไม่ได้ เธอถอนใจเสียงดังก่อนจะหันไปมองหน้าเขา

“ปลดล็อกให้ฉันด้วย ฉันเหนื่อย อยากพักแล้ว”

“พรุ่งนี้เช้าผมมารับนะ” เขาบอกด้วยเสียงจริงจัง

“ไม่ต้อง ฉันไปของฉันได้” เธอปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไย ไม่เสียเวลาคิดด้วยซ้ำ

“แต่ผมจะมา ตกลงตามนี้แหละ”

“บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง ไม่มีใครเรียกร้อง เข้าใจมั้ย?”

“ผมจะมารับคุณพรุ่งนี้เช้า หวังว่าเราจะพบกันเมื่อผมมาถึง” เขาไม่สนใจว่าเธอจะปฏิเสธเสียงแข็งเพียงใด

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้เรียกร้อง ไม่ต้องมา” เธอย้ำเสียงหนัก ชัดเจนทุกถ้อยคำจนนึกว่าหัวข้อนี้จะยุติลงแล้ว ที่ไหนได้ ธีรภัทร์ไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เลย

“ถึงคุณไม่ได้เรียกร้อง แต่ผมไม่อยากเป็นคนสารเลวในสายตาคุณ เข้าใจไหม”

เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้ เพียงแค่จะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถให้เท่านั้น ก่อนจะถอยกลับมานั่งหลังตรงหลังพวงมาลัยเช่นเคย

พิศิตาชะงัก ตกใจแล้วก็มึนงงตามลำดับ พอเข้าใจว่าเขาพูดอะไรก็หันขวับไปจ้องชายหนุ่มเขม็ง หากได้เห็นเพียงเสี้ยวหน้าคมที่มองตรงไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ไม่มีโอกาสได้สบตาเขาอีกจึงไม่รู้ว่าคนพูดจริงจังแค่ไหน เธอยักไหล่แล้วลงไปจากรถ

ช่างเขาเถอะ เขาอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพูดอะไรออกมา อยากจะบ้าอะไรก็ปล่อยเขาไป ธีรภัทร์ไม่ได้มีค่ามากพอให้เธอต้องแคร์สักหน่อย

“พรุ่งนี้เจอกันนะ รอผมก่อน อย่าเพิ่งไปทำงาน ผมจะมารับแต่เช้า”

เธอไม่ตอบแถมยังปิดประตูรถใส่หน้าเขาด้วย เดินไปกดออดโดยไม่เหลียวหลังพลางบ่นงึมงำ “คนบ้า...ผีเข้าผีออกรึไง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ทำตัวกวนประสาทที่สุด”

ธีรภัทร์รอจนกระทั่งมีเด็กในบ้านมาเปิดประตูรั้วให้พิศิตาจึงค่อยออกรถไปช้าๆ ภายในใจเต็มไปด้วยความสับสน

เขากำลังทำอะไรอยู่? นั่นคือคำถามที่ยังไม่มีคำตอบชัดเจน

พิศิตาแอบหันกลับไปมองตามท้ายรถของธีรภัทร์พลางทอดถอนใจหนักหน่วง มันยากที่จะห้ามไม่ให้ทำเช่นนั้นได้เมื่อคำพูดกินนัยลึกซึ้งของเขายังก้องดังอยู่ในหู แม้จะบอกตัวเองว่าไม่ต้องใส่ใจกับคำพูดไร้การกลั่นกรองจากปากของผู้ชายคนนั้น แต่เธอกลับทำไม่ได้อย่างใจคิด

ถ้าคนเราสั่งหัวใจตัวเองได้ก็คงดี เธอจะได้ลบทุกอย่างที่เกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ออกให้หมดโดยเฉพาะสัมผัสที่เอาแต่ใจและไม่มีความหมายอะไรนอกจากความอยากเอาชนะของผู้ชายนิสัยเสียคนหนึ่ง แต่ยิ่งอยากลืมกลับยิ่งนึกถึงและจดจำได้แม่นยำอย่างเหลือเชื่อ จิตใจของมนุษย์ช่างเป็นเรื่องที่ซับซ้อนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดในโลกจริงๆ ใจตัวเองแท้ๆ แต่เธอกลับควบคุมมันไม่ได้เลย



คุณหญิงพรรณรายนั่งหน้าตึงรออยู่ที่โต๊ะอาหาร เมื่อขบวนหลานๆ และผู้ติดตามกิตติมศักดิ์อย่างนีน่าทยอยลงมารับของเช้าจนครบองค์ประชุม นมอิ่มก็ส่งสัญญาณให้เด็กเสิร์ฟอาหารเช้า หญิงชราส่งสายตาพิฆาตไปยังหลานสาวคนรองเขม็ง หลังจากที่เจ้าหล่อนติดคำอธิบายเธอมาหลายวัน หากวันนี้ไม่ให้เด็กไปเคาะประตูบอกแต่เช้าว่าเธอรอกินข้าวด้วย ป่านนี้เจ้าหล่อนก็คงแจ้นไปทำงานแล้ว

คนถูกจ้องพอจะรู้ตัวว่าตกเป็นเป้าหมายจึงตัดสินใจเปิดปากก่อนเพื่อความได้เปรียบ “เมื่อคืนพลอยไปกินเลี้ยงกับเพื่อนที่ออฟฟิศค่ะ กลับมาถึงก็ดึกแล้วเลยยังไม่ได้เข้าไปหาคุณย่า แล้ววันนี้พลอยก็มีงานด่วนแต่เช้า...”

พูดยังไม่ทันจบประโยคดีก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างสูงเดินตามเด็กรับใช้เข้ามาในห้องอาหาร ดวงตาเบิกกว้างมองเขาอย่างตกตะลึงและพูดไม่ออก

อีตาบ้านี่จะมาทำไมแต่เช้า ใจคอจะรังควานกันไม่เลิกใช่มั้ย?

“สวัสดีครับคุณหญิง” ธีรภัทร์ไม่สนใจแววตาขุ่นเคืองของพิศิตา หันไปพนมมือไหว้ประมุขของบ้านอย่างนอบน้อม

ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังแขกหนุ่มด้วยความแปลกใจ โดยเฉพาะคุณหญิงที่ทราบดีว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขากับพิริมาเรียกว่าเดินมาถึงทางตันแล้ว เธอไม่นึกว่าชายหนุ่มจะอยากมาเหยียบที่นี่อีกด้วยซ้ำ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่ใช่ในเร็ววันนี้ หากมารยาทในการรับแขกก็มิได้บกพร่องแต่ประการใด

“มาแต่เช้าเลยนะ นั่งก่อนเถอะ ทานอะไรมารึยังล่ะ รับข้าวต้มด้วยกันสิ นิดเตรียมข้าวต้มให้คุณธีร์อีกที่นึง”

“ขอบพระคุณครับคุณหญิง ผมเองก็ตั้งใจมาขอฝากท้องที่นี่เหมือนกัน รบกวนด้วยนะครับ”

เขายิ้มและนั่งลงตามคำเชิญ ก่อนจะหันไปตัดพ้อพิศิตาด้วยเสียงอ้อนๆ ซึ่งจงใจให้คนอื่นได้ยินด้วย

“นี่คุณไม่ได้บอกคุณหญิงเหรอครับพลอย ว่าผมจะมาทานข้าวด้วย เมื่อคืนผมก็บอกคุณแล้วนะ หรือว่าเราคุยกันหลายเรื่องคุณเลยจำไม่ได้ น่าน้อยใจจัง”

ทุกคนล้วนได้ยินชัดเจนเต็มสองหูและต่างก็มีสีหน้ามึนงงไม่แพ้กัน หากสองสาวในนั้นมีอาการหนักหนากว่าใคร พิศิตาหน้าเหวอ หันไปถลึงตาใส่คนหน้าไม่อายที่นำระเบิดลูกใหญ่มาทิ้งลงบนตักเธอตั้งแต่เช้า แต่ไม่อยากจะถกเถียงกับเขากลางโต๊ะอาหารที่มีคุณหญิงนั่งเป็นประธานจึงไม่ได้พูดอะไร

ขณะที่พิริมานั่งนิ่ง รู้สึกชาไปทั้งใบหน้าและมีอาการเจ็บแปลบเล็กๆ ที่หัวใจ ธีรภัทร์มาที่นี่เพราะพิศิตาอย่างเปิดเผย เขาไม่ได้มาบ้านศุภกุลเพราะเธออีกต่อไปแล้ว

คุณหญิงหันไปจ้องหลานสาวคนรองซึ่งยังมีคดีอุกฉกรรจ์ติดตัวด้วยสายตาคาดโทษ บอกให้รู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีการซักถามกันต่อแน่

ธีรภัทร์อมยิ้ม ชิงตอบแทนหญิงสาวด้วยความหวังดี (ประสงค์ร้าย)

“คืออย่างนี้ครับคุณหญิง เมื่อวานพลอยไปกินเลี้ยงกับเพื่อนที่ออฟฟิศ ผมเป็นห่วงก็ตามไปด้วย เห็นว่าดึกมากแล้วเลยขับรถมาส่ง ส่วนรถของพลอยทิ้งไว้ที่บ้านคุณนก เช้านี้ผมเลยมารับพลอยไปทำงาน เดี๋ยวตอนเย็นๆ จะไปส่งพลอยเอารถที่บ้านคุณนกเอง คุณหญิงไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”

“อ้อ เรื่องเป็นอย่างนี้เอง จริงรึแม่พลอย” หญิงชราถามหลานสาวด้วยแววตาคาดคั้น

“ค่ะ” หญิงสาวตอบสั้น เรื่องที่เขาว่ามานั้นอาจจะบิดเบือนจากความเป็นจริงไปบ้าง หากโดยรวมแล้วก็ใช่ เธอจึงไม่ปฏิเสธ ทว่ามือที่จับช้อนคนข้าวต้มปลาในถ้วยเกร็งแน่น เหลือบมองหน้าระรื่นเกินเหตุของตัวปัญหาก็ยิ่งขัดใจ

ไอ้คนปากมาก!

คุณหญิงวางสีหน้าสงบจนกระทั่งอาหารเช้าที่แสนจะอึดอัดจบลง ทุกคนจึงแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง



“น้องพรีมโอเคมั้ยคะ?” นีน่าถามเสียงอ่อนเมื่อเข้ามานั่งประจำหน้าที่พลขับให้นางแบบสาวที่เอาแต่เงียบตั้งแต่ธีรภัทร์โผล่หน้าเข้ามาในบ้านศุภกุล

“ค่ะ เรารีบไปกันดีกว่านะคะพี่นีน่า พรีมไม่อยากสายตั้งแต่วันแรก” เสียงตอบราบเรียบพอๆ กับใบหน้า พิริมาเก็บงำทุกความรู้สึกของตัวเองไว้ในใจได้มิดเม้น

ผู้จัดการส่วนตัวถอนใจเบาๆ เป็นห่วงความรู้สึกของพิริมา หญิงสาวถูกบีบบังคับหลายอย่างในพักนี้จนอาการเครียดลุกลามมาถึงหล่อนด้วย

“ถ้าน้องพรีมยังไม่พร้อมทำงานวันนี้ พี่นีน่าช่วยได้นะคะ”

“พรีมไม่เป็นไรจริงๆ รีบไปดีกว่านะคะ”

เมื่อเจ้าตัวยืนยันหนักแน่น นีน่าเลยจำเป็นต้องออกรถไปตามระเบียบ

วันนี้พิริมามีนัดถ่ายภาพนิ่งกับกองถ่ายทำโฆษณาน้ำหอมแบรนด์ไทยตัวหนึ่งซึ่งมีโพรเจกต์จะตีตลาดเอเชียในปีนี้ และมีแพลนจะตีตลาดโลกในอีกสองปีข้างหน้า น้ำหอมตัวนี้เป็นคอลเล็กชันใหม่รับลมหนาวภายใต้คอนเซปต์ความหอมเย้ายวนใจที่ส่งให้ผู้หญิงสวยได้อย่างสมบูรณ์แบบ

งานนี้เจ้าของผลิตภัณฑ์ติดต่อนีน่ามาเอง แถมคนประสานงานยังกระซิบว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ต่างก็ลงมติเป็นเอกฉันท์ในการเลือกนางเอกโฆษณา แน่นอนว่านีน่าไม่แปลกใจกับเหตุผลนั้น พิริมาเป็นผู้หญิงที่สวยสมบูรณ์แบบทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะทางสังคม เพอร์เฟกต์ราวกับเดินออกมาจากในฝันของผู้ชายทุกคน

งานนี้จะนำมาซึ่งชื่อเสียงเงินทองและงานชิ้นอื่นๆ อีกมากมายก่ายกอง แต่น่าเสียดายที่อาชีพนางแบบคงจะอยู่กับพิริมาอีกไม่นาน เสร็จจากงานหมั้นก็คงจะมีงานแต่งตามมา หลังจากนั้นยังไม่รู้เลยว่าพีรภัทร์จะยอมให้หญิงสาวทำงานต่อไหม หรือต่อให้เขาอนุญาตแต่ดีกรีความแรงของพิริมาคงตกฮวบทีเดียว เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีในวงการบันเทิง คนโสดจะได้เปรียบกว่า ใครที่คิดมีคู่ในระหว่างนี้คงต้องทำใจไว้เลยว่าอาจแรงไม่ถึง

นีน่านึกเสียดายโอกาสงามๆ แทนพิริมาและตัวหล่อนเองด้วย ลำพังหญิงสาวคงไม่เท่าไร ชีวิตไม่ได้ลำบากลำบนถึงขั้นต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองงกๆ เพื่อแลกกับรายได้มาประทังชีวิตและจุนเจือครอบครัวอย่างใครอีกหลายคน อาชีพนางแบบก็เป็นแค่ตัวเลือกหนึ่งในหลายๆ ตัวเลือกของพิริมาเท่านั้น หากขาดงานนี้ไปหญิงสาวก็ไม่ได้ลำบากอะไร ผิดกับหล่อนที่รายได้คงหดหายไปเป็นกอง

คิดแล้วก็เศร้าใจ แต่อย่างน้อยที่สุดหล่อนก็ไม่ต้องถูกบีบให้หมั้นและแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก เรื่องนี้ทำให้นีน่ารู้ว่าการเกิดมามีพร้อมทุกอย่างก็ใช่ว่าจะให้ความสุขกับชีวิตได้เสมอไป ยิ่งสวย ยิ่งรวย ยิ่งเลือกไม่ได้!



เมื่อท้ายรถคันหรูของพิริมาแล่นผ่านรั้วบ้านศุภกุลออกไปแล้วพิศิตาก็หันมาเล่นงานคนข้างๆ ทันที “คุณพูดแบบนั้นได้ยังไงฮะ รู้มั้ยว่ามันทำให้คนอื่นเข้าใจผิด”

ธีรภัทร์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งที่ทำงาน”

ชายหนุ่มเข้าประจำที่คนขับ ซ่อนความรู้สึกสับสนมากมายเอาไว้เมื่อได้พบ ‘อดีตคนเคยพึงใจ’ ที่ตอนนี้กลายเป็น ‘ว่าที่น้องสะใภ้’ ของเขาไปแล้ว เขาปฏิเสธไม่ได้ว่ายังรู้สึกเจ็บๆ คันๆ ในหัวใจเมื่อเห็นหน้าพิริมา เจ็บใจตัวเองนัก!

เมื่อเขาไม่ยอมต่อปากต่อคำด้วยพิศิตาเลยได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโมโห ทำไมเธอจะไม่เห็นว่าพิริมาหน้าซีดเซียวแค่ไหนตั้งแต่เห็นเขาโผล่เข้ามาในห้องอาหาร แถมธีรภัทร์ยังมาทำท่าสนิทสนมกับเธอจนชวนให้คนอื่นเข้าใจผิด ดูก็รู้ว่าเขาจงใจ แล้วยังมีหน้ามาตีมึนใส่อีก คนอะไรหน้าทนเหลือรับ!

หญิงสาวออกอาการฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่งก็เปิดประตูเข้าไปนั่งในรถอย่างกระแทกกระทั้น เธอก็อยากจะเล่นตัวบ้างหรอก แต่วันนี้ต้องหอบงานหลายอย่างเข้าออฟฟิศ เดินทางด้วยรถสาธารณะคงไม่สะดวกนัก มีคนไปส่งมันก็ดี สะดวกสบาย ที่สำคัญไม่ต้องจ่ายค่าแท็กซี่เอง...ประหยัด!

ธีรภัทร์ขับรถไปโดยไม่พูดอะไรสักคำทำให้คนนั่งข้างๆ อดหันไปมองไม่ได้ เมื่อเห็นเสี้ยวหน้าเย็นชาของเขาแล้วก็เข้าใจทันทีว่าไม่ใช่แค่พิริมาคนเดียวที่เสียใจ ที่เขาแสร้งทำตัวสนิทสนมกับเธอต่อหน้าทุกคนก็คงเพราะอยากกู้หน้าตัวเองคืนบ้าง เวลาเพียงเท่านี้คงยังไม่พอสำหรับเยียวยาบาดแผลของเขา ความคิดนั้นทำให้เธอเงียบไปตลอดทางจนถึงที่หมาย

“เย็นนี้ผมมารับคุณไปเอารถนะ”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันไปเอง”

เธอคว้ากระเป๋าสะพายคล้องไหล่ รวบเอางานทุกอย่างที่วางบนตักมาหอบไว้ในอ้อมแขน มืออีกข้างผลักประตูรถ จังหวะที่กำลังจะก้าวขาลงไปก็ได้ยินเสียงเขาเอ่ยขึ้น

“ผมบอกแล้วไงว่าจะมารับ”

หญิงสาวละมือที่ผลักประตูรถ หันกลับมา ใบหน้าเรียบเฉยพอๆ กับอีกฝ่าย “บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง”

“ผมก็บอกแล้วไงว่าจะมา” เขายอมแพ้ที่ไหนล่ะ ยิ่งเห็นท่าทีต่อต้านของเธอก็ยิ่งพานหงุดหงิดขึ้นไปอีก

พิศิตาหลุบตาต่ำ ข่มความไม่พอใจ ผลักประตูรถออก แต่ก่อนที่เธอจะลงไปยืนข้างนอกเต็มตัวก็หันมาบอกเขาด้วยเสียงเรียบเย็นและห่างเหินจนชายหนุ่มรู้สึกได้

“ฉันบอกคุณแล้วนะ”

เท่านั้นแหละ ร่างบางก็เดินลิ่วเข้าไปในตึกสองชั้นโดยไม่เหลียวหลัง

ธีรภัทร์อึ้งงัน ดวงตาที่ว่างเปล่าของพิศิตาเมื่อครู่นี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกคนทั้งโลกหันหลังให้ จู่ๆ ก็ร้อนรน ว้าวุ่นใจ อยากจะตามไปพูดกับเธอให้รู้เรื่องแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ขอร้องให้เธออย่าทำเย็นชากับเขาหรือ...แล้วมันเพื่ออะไรล่ะ?



พิศิตามาถึงโต๊ะทำงานก็เห็นกินรีนั่งรออยู่แล้วด้วยใบหน้าสดใสกว่าเมื่อวานหลายเท่า เห็นแบบนี้เธอก็สบายใจ

“มาแล้วเหรอพลอย” ฝ่ายนั่งรอทักทายเสียงใส

หญิงสาวยิ้มให้เพื่อน วางกระเป๋าลงพร้อมยิงคำถามด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ กลัวจะมีคนได้ยินด้วย “เมื่อคืนเป็นไงมั่ง ทำไมนกกลับกับพี่ณุได้ คุณเมษไปไหนล่ะ”

เมื่อคืนพอเข้าห้องตัวเองได้พิศิตาก็รีบโทร. หากินรีจึงทราบว่าเพื่อนรักกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วโดยที่วิษณุเป็นคนไปส่ง แต่ยังไม่ทันได้ซักไซ้ว่าไปยังไงมายังไงก็ถูกกินรีถามกลับเรื่องธีรภัทร์ เธอจึงตัดบทว่าค่อยคุยกันวันนี้แทนเพราะไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน

“คุณเมษบอกว่ามีธุระด่วนก็เลยขอตัวกลับก่อน พอพลอยไม่อยู่แล้วนกก็ไม่กล้าอยู่ต่อเลยชวนคนอื่นกลับด้วย ตอนแรกพี่เอกขอมาส่งแต่ไตรบอกว่าบ้านพี่ณุอยู่ทางเดียวกับบ้านนก นกเลยขอติดรถเขากลับ ตลกมากเลยพลอย นกไม่รู้มาก่อนว่าพี่ณุอยู่หมู่บ้านใกล้ๆ นกน่ะเอง”

คนเล่านัยน์ตาเป็นประกาย นึกถึงเหตุการณ์หลังจากพิศิตากลับไปแล้วด้วยความสะใจเล็กๆ

หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก ยิ้มบางๆ กินรีดูมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นและมีความสุขขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “นกดูแข็งแกร่งขึ้นนะ”

คำชมของพิศิตาทำให้กินรียิ้มกว้าง ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อย “ยายนกจอมปอดแหกคนนั้นตายไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วพลอย ต่อไปนี้จะมีแต่กินรีผู้เข้มแข็ง ดูซิว่าวันนี้นกสวยรึเปล่า”

เธอมองเพื่อนรักอย่างไม่เชื่อสายตา คงเพราะกินรีดูสวยขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วพอเห็นเพื่อนแต่งหน้าอ่อนๆ และแต่งตัวสดใสกว่าเคยจึงไม่ทันได้เอะใจในลุคใหม่ของเพื่อน

“ว้าว...เยี่ยมไปเลยนก มันต้องอย่างนี้สิ”

กินรียิ้มบางๆ กุมมือเพื่อนไว้ “ขอบคุณมากนะพลอย นกรู้สึกดีขึ้นมากจริงๆ ต่อไปนี้นกจะเข้มแข็ง ไม่ทำตัวอ่อนแอสนิมสร้อยเหมือนเดิมละ”

อะไรบางอย่างในคำพูดของเพื่อนรักสะกิดต่อมความเป็นตัวของตัวเองของพิศิตาให้ทำงาน “ดีแล้วละนก เราต้องเข้มแข็ง อย่าอ่อนแอเป็นอันขาด เพราะนั่นจะเป็นการเปิดโอกาสให้คนอื่นทำร้ายเราได้”

“ว้าว...วันนี้พี่นกสวยอีกแล้วนะครับเนี่ย มีนัดกับหนุ่มที่ไหนรึเปล่า” เสียงทักล้อเลียนของไตรจักรดังขึ้นพร้อมร่างสูงทะมัดทะแมงเดินเป่าปากเข้ามาหาสองสาวรุ่นพี่

พิศิตาส่ายหน้าแต่ก็อดยิ้มไม่ได้ “ไม่มีนัดแล้วสวยไม่ได้เหรอฮะ”

“สวยได้คร้าบ ว่าแต่เมื่อไหร่พี่พลอยจะใส่กระโปรงสั้นๆ พลิ้วๆ ให้ผมกับคนอื่นได้เห็นเป็นบุญตามั่งล่ะ เมื่อคืนพี่นกทำเอาใจผมแทบละลาย ดีนะที่เคยเห็นพี่นกใส่กระโปรงอยู่บ่อยๆ แต่ถ้าเป็นพี่พลอย ผมต้องหัวใจวายแน่ๆ ไม่รู้จะมีบุญได้เห็นรึเปล่า”

หนุ่มรุ่นน้องยักคิ้วทะเล้นใส่สาวรุ่นพี่ด้วยความสนิทสนม

“นายไตร! เดี๋ยวเหอะ” พิศิตาชี้หน้าคาดโทษ แต่ใบหน้ารูปไข่ระบายด้วยรอยยิ้มขบขันเสียมากกว่า

กินรีกับไตรจักรเลยหัวเราะประสานเสียงกันสนุกสนาน บรรยากาศที่ทำงานในวันนี้จึงเริ่มต้นด้วยรอยยิ้มและความครื้นเครงไปตลอดทั้งวัน

ทันทีที่เคลียร์งานบนโต๊ะเสร็จพิศิตาก็รีบร้อนเก็บของออกจากออฟฟิศ เธอไม่คิดจะทำตามคำสั่งของใครทั้งสิ้น

กินรียังเข้มแข็งขนาดนั้น แล้วเธอจะอ่อนแอกว่าเพื่อนได้ยังไงล่ะ!

หญิงสาวบอกตัวเองแบบนั้น ไม่ยอมค้นหาเหตุผลของอารมณ์แปลกๆ ในพักหลังนี้ เลิกใส่ใจและเลิกเป็นกังวลเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง

‘ไม่มีใครทำร้ายเราได้นอกจากตัวเราเอง’

เธอท่องประโยคนี้จนขึ้นใจแล้วขึ้นแท็กซี่ไปเอารถที่จอดไว้บ้านกินรีตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนที่คนเอาแต่ใจจะมาเจ้ากี้เจ้าการวุ่นวายกับชีวิตและความรู้สึกของเธอมากไปกว่านี้



ธีรภัทร์แวะมารับพิศิตาในเวลาสี่โมงเย็น เขามาก่อนเวลาเลิกงานของเธอหนึ่งชั่วโมง แต่ก็ต้องผิดหวังกลับไปเมื่อกินรีบอกว่าพิศิตาออกไปแล้วตั้งแต่บ่ายสามโมง เธอตั้งใจไม่รอเขา

‘คำไหนคำนั้นจริงๆ นะพลอย’

ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิด ใจมันร่ำๆ จะตามไปเอาเรื่องเธอถึงบ้านค่าที่ปล่อยให้เขามารอเก้อ แต่แล้วก็คิดไม่ออกว่าจะอาละวาดกับเธอให้ได้อะไรขึ้นมา ที่เขาตามตอแยพิศิตาอยู่นี่ก็คล้ายจะมีเหตุผลมากกว่าการใช้เธอเป็นเครื่องมือเอาคืนพิริมาเข้าไปทุกทีแล้ว เห็นได้ชัดว่ายิ่งเขาวุ่นวายกับเธอมากเท่าไร พิศิตายิ่งมีท่าทีต่อต้านเขามากเท่านั้น และมันก็ทำให้เขาวุ่นวายใจ

เขาไม่ควรจะแคร์ความรู้สึกของพิศิตาถ้าคิดจะเอาคืนพิริมาให้สาแก่ใจ แต่เขาพบว่าตัวเอง ‘แคร์’ ไม่รู้เพราะอะไร เมื่อหาคำตอบไม่ได้ก็ได้แต่กลับห้องชุดของตัวเองด้วยอารมณ์หงุดหงิด พาลรีพาลขวางและเป็นอยู่อย่างนั้นทั้งสัปดาห์

ชายหนุ่มไม่ได้เจอพิศิตาอีกเลยตั้งแต่วันนั้น ไม่พบใครที่จะทำให้นึกถึงครอบครัวศุภกุลเนื่องจากตื่นเช้าก็มุ่งตรงไปยังสถานที่ก่อสร้างเรือนหอที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่ ตกเย็นก็กลับห้องชุดโดยไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย ไม่ติดต่อกับใคร ไม่กลับบ้าน ไม่เข้าบริษัทใหญ่ คล้ายต้องการหลบหน้าผู้คนทั้งโลก

แต่แม้ไม่ได้พบเจอบุคคลที่จะทำให้นึกถึงครอบครัวศุภกุลและเรื่องราวที่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ แต่ลึกลงไปเขาไม่เคยลืมคนในครอบครัวนี้ได้จริงๆ แม้แต่วันเดียว โดยเฉพาะผู้หญิงสองคนที่ปัดยังไงก็ไม่พ้นหัวสักที

หนึ่งคือพิริมา...ผู้หญิงที่เขาจะไม่มีวันลืม สองคือพิศิตา...ผู้หญิงที่เขาไม่ได้อยากจดจำ หากกลับลืมไม่ลงสักนาที

ชายหนุ่มไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองแม้แต่น้อย ความสับสนนี้ทำให้เขาถอยห่างจากคนบ้านนั้นเพื่อตั้งหลักให้มั่นคง เขาต้องการความมั่นใจมากกว่านี้ ก่อนจะเดินหน้ากับแผนการของตัวเอง










Create Date : 27 ธันวาคม 2557
Last Update : 27 ธันวาคม 2557 13:01:45 น. 0 comments
Counter : 539 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nawapat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




...เขียนเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หนักก็หยุด สนองนี้ดมันไปตามอารมณ์ ^^"...
Friends' blogs
[Add nawapat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.