Group Blog
 
 
ธันวาคม 2557
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
24 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 

My bad guy - หนียังไงก็ใช่เธอ! @ 8 @ ผลลัพธ์




พิณณิศาโดนเรียกตัวเข้าพบคุณหญิงพรรณรายแต่เช้าจึงได้รู้ว่าผู้เป็นย่าตัดสินใจเช่นไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น และยังรู้ด้วยว่าวีรภัทร์ยินดีจัดการทุกอย่างให้เป็นที่พอใจของคุณหญิง ยกเว้นแต่งงานกับเธอ และเธอก็ถูกสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ไปทำงานที่อมรกรุ๊ปอีก เนื่องจากรู้สึกได้ว่ายังมีความกรุ่นโกรธมากมายอยู่ในใจของผู้เป็นย่า พิณณิศาจึงไม่คัดค้านการตัดสินใจของท่าน นอกเหนือไปจากนั้นเธอพบว่าตัวเองรู้สึกอับอายเกินกว่าจะสู้หน้ากับใครได้โดยเฉพาะวีรภัทร์ เขาปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเธอ

เธอเองก็ไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้น แต่การที่เขาปฏิเสธทั้งที่รู้ว่านั่นคือหนทางเดียวที่จะทำให้คุณหญิงหายโกรธ มันทำให้เธออับอาย แม้จะรู้ดีว่าไม่ใช่ความผิดของเขาแต่เธอก็บอกตัวเองไม่ได้ว่าเหตุใดรู้สึกหดหู่เช่นนี้ หญิงสาวไม่กล้าตอบคำถามของตัวเอง

เธอปฏิบัติตามที่ผู้เป็นย่าต้องการเพื่อให้ท่านสบายใจ และพยายามไม่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีก ยังไงก็แล้วแต่ เธอพบว่าไม่สามารถลืมอะไรได้แม้แต่เรื่องเดียว

ในขณะที่คุณหญิงจัดการกับหลานสาวคนเล็ก คุณมณีเองก็ต้องชำระความกับลูกชายคนโตของเธอด้วย

“ตาวีร์นะตาวีร์ ทำไมทำแบบนี้ รู้มั้ยว่าคุณหญิงโกรธมากแค่ไหน ลองบอกแม่ทีซิ ว่าทำไมลูกยอมปกป้องน้องแพงจากนักข่าว แต่ไม่ยอมปกป้องชื่อเสียงของน้องด้วยการแต่งงาน น้องแพงไม่ดีตรงไหน แกออกจะน่ารัก”

วีรภัทร์มองหน้ามารดาด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับเช้ามาพลิกดู ตาคมมองพาดหัวข่าวตัวโตด้วยใจที่เต้นระทึก

‘สาวๆ อกหักกันระนาว วีรภัทร์ นักบริหารหนุ่มไฟแรงควงสาวจู๋จี๋นอกงานเลี้ยง’

ในช่องเล็กๆ มีภาพขณะที่เขาโต้เถียงกับพิณณิศา ด้วยมุมกล้องและความมืดทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังโน้มใบหน้าลงไปหาเธอคล้ายหนุ่มสาวกำลังจะจุมพิตกัน ต่อมาเป็นภาพที่เขากอดเธอไว้อย่างปกป้องโดยไม่เห็นหน้าฝ่ายหญิง หากใบหน้าของเขาดูเคร่งเครียดอย่างหนัก ชายหนุ่มเปิดอ่านต่อในรายละเอียดปลีกย่อยในหน้าซุบซิบโดยเร็ว

‘นักบริหารหนุ่มรูปหล่อ ทายาทคนโตของอมรกรุ๊ปที่สาวๆ ฝันถึงกันทั้งบ้านทั้งเมืองพาสาวนิรนามออกงานเมื่อคืนนี้ ทั้งที่ไม่เคยควงสาวคนไหนมาก่อนโดยที่ทั้งคู่แอบหลบไปจู๋จี๋กันนอกงาน เมื่อนักข่าวเข้าไปขอถ่ายภาพและสัมภาษณ์กลับถูกปฏิเสธไม่ให้ข่าวใดๆ แถมยังกางปีกปกป้องสาวเจ้าด้วยการโอบกอดและปกปิดใบหน้าอย่างเต็มที่

หลังจากได้ยินข่าววงในว่าผู้ใหญ่รู้เห็นเป็นใจให้คบหากับหลานสาวคุณหญิงนายกสมาคมเพื่อเด็กกำพร้าคนดังมาได้พักหนึ่งก็เพิ่งจะมีคราวนี้ที่เห็นข่าวว่าเขาควงสาวออกงาน แต่ก็ไม่รู้ว่าสาวคนนี้จะใช่หลานสาวคุณหญิงรึเปล่า หรือจริงๆ แล้วมีคนรู้ใจที่ผู้ใหญ่ไม่ให้ไฟเขียวถึงต้องปกปิดหมกเม็ดกันขนาดนี้...’

เขาวางหนังสือพิมพ์ลงทั้งที่ยังอ่านไม่จบ ป่านนี้คุณหญิงพรรณรายน่าจะเห็นแล้วและคงกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่เขาเดาใจพิณณิศาไม่ถูกว่าเธอจะรู้สึกเช่นไร ชายหนุ่มนึกโกรธตัวเองที่ลากเธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย

“ถึงตอนนี้เราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วละครับแม่ อีกอย่างเราให้คนไปจัดการแล้ว รับรองว่าพรุ่งนี้จะไม่มีข่าวของพี่วีร์อีกแน่นอน” พีรภัทร์ช่วยไกล่เกลี่ยด้วยเห็นใจพี่ชายที่ถูกเล่นงานแต่เช้า

“ฮึ แก้ไขอะไรไม่ได้ ใช่สิ ตอนนี้เราจะทำอะไรได้ล่ะ ดูซิว่าข่าวมันออกมาน่าเกลียดแค่ไหน นี่ถ้าใครๆ รู้ว่าเป็นหนูแพงนะ โธ่...น่าสงสารจริงๆ เลย” คุณมณีโอดครวญด้วยสีหน้าจะเป็นจะตายราวกับคนที่เสียหายคือลูกสาวในไส้ของตน

“แม่คิดเหรอครับว่ามันจะดีกว่าถ้าจบเรื่องนี้ด้วยการแต่งงาน ถ้าพี่วีร์ประกาศหมั้นกับน้องแพงแบบสายฟ้าแลบ ทีนี้ใครๆ ก็จะได้รู้ชัดละว่าผู้หญิงในภาพเป็นน้องแพง ถึงยังไงน้องแพงก็เสียหายอยู่ดี ผมว่าพี่วีร์คิดถูกแล้วที่ไม่ทำตามความต้องการของคุณหญิง ปล่อยวางเถอะครับ เดี๋ยวเรื่องก็เงียบไปเอง”

พีรภัทร์ให้ความเห็นราวกับเข้าไปนั่งในใจของพี่ชาย

วีรภัทร์มองหน้าน้องชายด้วยสายตาขอบคุณ ถูกแล้ว ถ้าเขายอมให้นักข่าวสัมภาษณ์โดยดี แม้พวกเขาจะไม่เชื่อแต่ข่าวก็คงไม่ออกมาน่าเกลียดขนาดนี้ แต่เมื่อเขาตัดสินใจปกป้องพิณณิศาจากนักข่าวแล้ว เขาก็ไม่สามารถรับผิดชอบชื่อเสียงของเธอด้วยการแต่งงานได้ เพราะนั่นจะทำให้หญิงสาวเสียหายมากกว่าเดิม

“เรื่องเงียบพร้อมถูกคุณหญิงตัดสัมพันธ์น่ะสิ” ผู้เป็นแม่ทำเสียงฟึดฟัด ไม่พอใจ

“แล้วทีนี้แม่จะทำยังไง จบสิ้นกันเรื่องที่หวังจะได้หลานสาวบ้านนั้นมาเป็นสะใภ้ คุณหญิงคงหมดความนิยมชมชอบในตัวลูกชายของแม่แล้ว อย่าว่าแต่ตาวีร์เลย ทั้งตาธีร์และเราอีกคนก็ต้องหมดสิทธิ์ไปตามๆ กัน”

วีรภัทร์เงียบไม่ออกความเห็น ส่วนน้องชายคนเล็กอมยิ้ม พีรภัทร์ดีใจมากกว่าที่จะได้ไม่ต้องคอยระวังตัวว่าเมื่อไรมารดาจะจับเขาใส่พานไปถวายให้หลานสาวคุณหญิงพรรณรายเหมือนพี่ชาย

คุณมณีคร่ำครวญต่อไปอีกสองสามประโยคก็รู้สึกว่าตนยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้จึงคิดจะฮึดสู้ขึ้นอีกครั้ง

เธอต้องไปคุยกับคุณหญิงให้รู้เรื่อง ถูกของพีรภัทร์ สิ่งที่วีรภัทร์ทำก็เพื่อปกป้องพิณณิศา แม้แต่ศาลยังตัดสินโทษจากเจตนาของผู้กระทำผิด ดังนั้นเธอต้องไปอธิบายให้คุณหญิงเข้าใจ!



เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นฝ่าความเงียบ พิริมาสะดุ้งตื่น วาดมือควานหาโดยไม่ยอมลืมตาแม้ว่าแสงอาทิตย์จะสาดทอเข้ามาในห้องนอนแล้วก็ตาม เมื่อพบโทรศัพท์ก็กดรับอย่างงัวเงีย

“ฮัลโหล...”

“มอร์นิ่งครับคุณพรีม” เสียงนุ่มทุ้มคุ้นหูดังขึ้น

หญิงสาวขยี้ตา เหลือบมองนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียงพบว่าอีกห้านาทีจะเก้าโมงเช้า เธอกระแอมให้คอโล่งแล้วย้อนถามอย่างงุนงง “มอร์นิ่งค่ะคุณธีร์ โทร. หาพรีมมีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ”

“ผมโทร. มาปลุกครับ วันนี้คุณมีนัดสัมภาษณ์ตอนสิบโมงครึ่งนะ”

ร่างบางดีดตัวขึ้นจากที่นอนราวติดสปริงพร้อมสะบัดผ้าห่มออก “คุณรู้ได้ไงคะ?”

“ผมรู้ก็แล้วกัน เอาเป็นว่าคุณตื่นแล้วนะ รีบๆ เข้าเถอะครับ ผมจะรอที่ห้องโถง”

พูดจบเขาก็ตัดสายแต่พิริมาก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแว่วมาเข้าหู เธอโยนมือถือลงบนเตียง ใช้นิ้วสางผมที่ยุ่งเหยิงพลางลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัว วิ่งเข้าห้องน้ำอย่างเร็วรี่

ปกตินีน่าต้องโทร. ปลุกเธอให้ตื่นก่อนเวลานัดหนึ่งชั่วโมง และแม้ว่าหญิงสาวจะมีรถเป็นของตัวเองแล้วแต่ผู้จัดการส่วนตัวยังต้องคอยรับส่งเธอด้วย BMW โดยต้องขับรถตัวเองมาเปลี่ยนที่นี่ แต่วันนี้นีน่าหายจ๋อมโดยไม่บอกกล่าว และธีรภัทร์ก็โทร. มาปลุกเธอในเวลาอันกระชั้น

‘พี่นีน่านะพี่นีน่า หายไปไหนกัน ปล่อยให้คนอื่นโทร. มาปลุกเราแทนได้ไง เสียภาพพจน์คนสวยหมด!’



“แม่นีน่าหายไปไหนล่ะ เธอถึงได้มารับแม่พรีม” คุณหญิงเอ่ยถามขณะจ้องมองธีรภัทร์ด้วยแววตาสำรวจลึก

“คุณนีน่าไม่ค่อยสบายครับ เลยขอให้ผมช่วยมารับคุณพรีมไปทำงานแทน”

ชายหนุ่มตอบอย่างสุภาพ สีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

ผู้สูงวัยเขม้นมองหนุ่มรุ่นหลานภายใต้กรอบแว่นชั้นดีราวกับจะมองให้ทะลุไปถึงหัวใจ ครู่หนึ่งก็เอ่ยถามตรงๆ “เธอชอบแม่พรีมของฉันอย่างนั้นรึ?”

ธีรภัทร์แทบสำลักกาแฟ รีบวางแก้วลงบนจานรอง ละล่ำละลักถามหน้าตาตื่น “คุณหญิงว่าอะไรนะครับ”

อีกฝ่ายถอนใจแผ่วเบา “เธอก็ได้ยินชัดแล้วนี่ เฮ้อ...ฉันละปวดหัวจริงๆ เมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านละสิถึงได้กล้ามาที่นี่แต่เช้า”

“คุณหญิงหมายความว่ายังไงครับ ผมไม่เข้าใจ” ชายหนุ่มทำหน้าสุดพิศวง

คุณหญิงรู้ได้ยังไงว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้กลับบ้าน แม่นอย่างกับตาเห็น!



พิริมาใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไปทั้งสิ้นสิบห้านาทีเศษ ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของเธอเลยทีเดียว ที่จริงต้องบอกว่าไม่มีเวลามากกว่านี้ถึงจะถูก เมื่อเห็นแขกหนุ่มนั่งเจี๋ยมเจี้ยมอยู่กับผู้เป็นย่า เธอก็อดยิ้มขันไม่ได้

“มาแล้วรึแม่พรีม” คุณหญิงหันไปทักหลานสาวเมื่อเห็นเจ้าหล่อนแต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมสำหรับการออกไปข้างนอกแล้ว

“คุณย่าขาวันนี้พรีมสายแล้ว พรีมขอตัวเลยดีกว่านะคะ ไว้กลับมาแล้วพรีมจะเข้าไปคุยด้วย” หญิงสาวเดินไปหยุดข้างโซฟาที่คุณหญิงนั่งอยู่แล้วยื่นจมูกไปหอมแก้มคนแก่อย่างเอาใจ

“เอาเถอะ รีบไปเสีย เดี๋ยวจะสาย” ผู้เป็นย่าว่าอย่างเอ็นดูแกมหมั่นไส้ ก่อนหันไปทางชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในห้องด้วย “ฝากแม่พรีมด้วยนะ”

“ครับผม” เขาตอบด้วยความยินดีและเผื่อแผ่รอยยิ้มกรุ้มกริ่มไปยังหลานสาวคุณหญิงด้วย

พิริมาเพียงแต่อมยิ้ม แล้วทั้งสองคนก็เดินเคียงกันออกมาที่รถ

“ไปรถผมนะครับ” เขาขอร้องพลางมองไปที่รถของตัวเอง

“ยังไงก็ได้ค่ะ”

“วันนี้คุณหญิงถามอะไรแปลกๆ นะครับ มีเรื่องอะไรรึเปล่า” เขาชวนคุยระหว่างเดินไปที่รถ

“ถ้าคุณตั้งใจมารับพรีมละก็ช่วยไปส่งพรีมให้ทันอัดรายการด้วยแล้วกัน เดี๋ยวพรีมเล่าให้ฟังระหว่างทางนะคะ”

“โอเคครับ ผมจะเหยียบให้มิดเลย คุณอย่าบ่นทีหลังก็แล้วกัน”

“รับรองไม่บ่นแม้แต่คำเดียวค่ะ” เธอยืนยันหนักแน่นเมื่อเข้าไปนั่งในรถและคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างเรียบร้อย

ชายหนุ่มตามขึ้นไปประจำตำแหน่งพลขับในเวลาอันรวดเร็ว พาสาวสวยทะยานสู่ท้องถนนด้วยสปีดเร็วเท่าที่การจราจรจะเอื้ออำนวย ระหว่างนั้นพิริมาก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้เขาฟังไปด้วย

“งั้นก็แปลว่าคุณหญิงไม่อยากได้พี่ชายผมเป็นหลานเขยคนโตแล้ว เยี่ยมไปเลย” ธีรภัทร์ว่าพลางหันไปยิ้มใส่ตานางแบบสาวอย่างมีความหมาย

“ดูคุณไม่เดือดร้อนเลยนะคะ”

“ทำไมผมต้องเดือดร้อนด้วยครับ เรื่องนายวีร์กับน้องแพงมันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องของเราซะหน่อย”

เธอกลั้นยิ้มไม่อยู่ ไม่เคยเห็นใครที่มีความมั่นใจในตัวเองเกินร้อยแบบนี้มาก่อน ต้องยอมรับว่าผู้ชายคนนี้น่าสนใจมากจริงๆ

ธีรภัทร์รอแล้วรออีก หากปลาสาวสวยกลับไม่ยอมงับเหยื่อสักที ผู้หญิงคนอื่นคงแย้งหน้าแดงไปแล้วถ้าเขาพูดถึงขนาดนี้ แต่เธอกลับเพียงแค่อมยิ้มและนั่งเฉยเหมือนไม่ได้ยินถ้อยคำลึกซึ้งที่เขาหยอดไป สุดท้ายฝ่ายที่ทนไม่ไหวก็คือคนตกปลา

“ผมชักจะเขินแล้วนะครับ คุณไม่ยอมรับมุกเลย” ชายหนุ่มโอดครวญเมื่อหักพวงมาลัยเข้ามาจอดรถหน้าสตูดิโอที่พิริมารับงานไว้ตามข้อมูลที่นีน่าให้มา

หญิงสาวหัวเราะ ก้มมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือเรือนหรู “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ คุณทำเวลาได้ดีมากเลย”

เธอพูดไปคนละเรื่อง ก่อนจะสบตาเขาแล้วถามยิ้มๆ “เข้าไปด้วยกันมั้ยคะ”

“ผมเข้าไปได้?” เขาถาม สีหน้าซ่อนความแปลกใจไว้ไม่มิด

“ก็แล้วทำไมจะไม่ล่ะคะ” เธอยิ้มหวาน ฉวยกระเป๋าแล้วลงไปยืนรอนอกรถ

รอยยิ้มยินดีผุดพรายทั่วใบหน้าคมสัน แล้วร่างสูงก็ตามลงมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่กลัวจะเป็นข่าวกับผมหรือไง”

“ถ้ากลัวพรีมก็ไม่ชวนหรอกค่ะ แต่ถ้าคุณกลัวก็...ตามใจ” เธอไหวไหล่แล้วเดินนำเข้าไปก่อน

ชายหนุ่มยิ้มกริ่มพลางชูกำปั้นเหมือนคนที่กำชัยชนะไว้ในมือ ก่อนจะก้าวตามร่างบางมาจนทันแล้วกระซิบบอกเธอเสียงแผ่วให้ได้ยินกันแค่สองคน “ผมอยากเป็นข่าวกับคุณจนตัวสั่นเลยละ”

พิริมาอมยิ้มแต่ไม่ตอบว่าอย่างไร แล้วคนในสตูดิโอก็กรูกันเข้ามาทักทายพร้อมพาหญิงสาวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า รวมถึงแต่งหน้าและทำผมใหม่ให้พร้อมสำหรับอัดรายการ ส่วนธีรภัทร์ก็ยืนกอดอก ทำหน้าหล่อรอคอยหญิงสาวอยู่แถวนั้นด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง



“คุณหญิงว่าอะไรนะคะ?” คุณมณียกมือทาบอก น้ำเสียงตกใจแกมยินดี เกือบๆ จะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“ฟังไม่ผิดหรอกคุณมณี ลูกชายคุณนี่หยิ่งนัก ฉันละหมั่นไส้จริงเชียว คอยดูฉันบ้างก็แล้วกันว่าจะทำยังไงต่อไป” คุณหญิงว่าอย่างมาดหมาย เมื่อได้รับโทรศัพท์จากคุณมณี เธอก็รับนัดออกมาพบทันทีโดยไม่ลังเล

“คุณหญิงหมายความว่าเรื่องเมื่อคืนนี้แค่ลองหยั่งเชิงตาวีร์ดูเท่านั้นเองจริงๆ หรือคะ” ผู้อ่อนวัยกว่าถามย้ำเพื่อความมั่นใจ

“ก็อย่างที่ฉันบอกไปนั่นแหละ ลูกชายคนโตของคุณนี่ถูกใจฉันจริงๆ ถ้าคุณยังไม่เปลี่ยนใจก็เอาอย่างที่ฉันบอก เว้นแต่ว่าทางคุณจะมีอะไรขัดข้อง”

คุณมณียิ้มหวาน โบกมือให้ว่อน “โอ๊ย...ไม่มีค่าไม่มีเลย ดิฉันเห็นด้วยกับคุณหญิงทุกอย่าง ดีค่ะ ดิฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าตาวีร์จะทำยังไงกับแผนการของเรา ว่าแล้วดิฉันยังหมั่นไส้ไม่หายเลยนะคะเรื่องเมื่อคืน ถ้ายังเป็นเด็กเล็กๆ อยู่ละก็จะหวดก้นโชว์จริงๆ ด้วย”

หญิงชราอมยิ้มเยือกเย็นพลางเชิดใบหน้าสวยสง่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงท่าทีอวดดีของวีรภัทร์ในตอนที่ปฏิเสธหลานสาวคนเล็กของเธออย่างไม่ไว้หน้า

‘เด็กเมื่อวานซืนอย่างเธอรึจะมาต่อกรกับคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนได้ อีกหน่อยเราจะได้รู้กัน หึๆ’

คุณมณีโล่งใจเป็นนักหนาเมื่อได้รู้ว่าแท้จริงแล้วคุณหญิงยังไม่เปลี่ยนใจเรื่องจะเกี่ยวดองกัน

เธอคิดว่าวีรภัทร์จะทำเสียเรื่องแล้ว แต่ปรากฏว่าเหตุการณ์เมื่อคืนยิ่งทำให้คุณหญิงพรรณรายนิยมชมชอบในตัวลูกชายคนโตของเธอมากขึ้น นึกไม่ถึงเลยว่าการกระทำของวีรภัทร์เมื่อคืนนี้จะทำให้เรื่องมันง่ายขึ้นตั้งเป็นกอง

ความอยากเอาชนะของคุณหญิงมีมากจนกระทั่งคิดแผนการล่วงหน้ามาแล้วว่าจะจัดการกับวีรภัทร์อย่างไรดี คราวนี้เธอคงได้ลูกสะใภ้สมใจนึก!



ธีรภัทร์กลายเป็นแขกประจำบ้านศุภกุลไปโดยปริยาย ข้ออ้างที่ว่านีน่าไม่ค่อยสบายทำให้เขาได้รับสิทธิ์เป็นสารถีจำเป็นของพิริมาในยามที่งานไม่ล้นมือ บางทีหญิงสาวเสร็จงานดึกๆ ดื่นๆ ชายหนุ่มก็ยังเสมอต้นเสมอปลายและไม่เคยปริปากบ่นสักคำ นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนรุดหน้าอย่างรวดเร็ว เขามีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เธอ หญิงสาวเองก็ไม่รู้สึกอึดอัดหรือลำบากใจที่มีเขาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ

วันนี้พิริมามีถ่ายแบบทำโปสเตอร์สำหรับงานโฆษณาน้ำหอมตัวหนึ่ง ชายหนุ่มแวะมารับหญิงสาวในตอนบ่ายหลังเคลียร์งานของตัวเองได้และนัดแนะกับนีน่าไว้แล้วว่าให้เคลียร์คิวพิริมาให้ว่างสำหรับเขาด้วยค่าเสียเวลาที่แพงหูฉี่ แต่ธีรภัทร์ก็ยินดีจ่ายเพื่อแลกกับเวลาที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับสาวสวยอย่างเป็นส่วนตัว

“มานานรึยังคะ” หญิงสาวเดินเข้ามาหาชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มสดใสหลังเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว

เขายิ้มเก๋ จ้องตาเธอตรงๆ ด้วยความชื่นชมที่ไม่ปิดบัง “คำถามบอกชัดว่าคุณรู้ คุณนีน่าปากโป้งเหรอครับ”

“เพิ่งรู้ตอนเห็นรถคุณต่างหาก เสร็จงานปุ๊บคุณก็โผล่มาปั๊บพร้อมกับการหายตัวไปของพี่นีน่า และเวลาว่างตลอดทั้งบ่ายนี้ พรีมเลยไม่ค่อยแปลกใจค่ะ”

เขาหัวเราะ “งั้นผมไม่อ้อมค้อมละ ผมยังไม่ได้ทานมื้อเที่ยงเลย เคลียร์งานเสร็จก็บึ่งรถมานี่ ไปนั่งทานอะไรเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหมครับ”

“ไม่ปฏิเสธค่ะ ตราบใดที่ใครชวน...คนนั้นจ่าย”

เขาอมยิ้มแล้วเปิดประตูรถให้หญิงสาว “ด้วยความยินดีครับ”

ธีรภัทร์พาพิริมาไปกินอาหารญี่ปุ่นและนั่งคุยกันสบายๆ ในห้องสี่เหลี่ยมกะทัดรัดแสนน่ารัก หัวข้อสนทนาคือเรื่องสัพเพเหระทั่วไปจนถึงถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของคนในครอบครัวแต่ละฝ่าย

นั่นทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าข้อเท้าของพิศิตายังไม่หายดี และแน่นอนว่าเจ้าหล่อนคงเพิ่มความเกลียดชังที่มีต่อเขาขึ้นอีกหลายเท่า ซึ่งเขาก็พอเข้าใจ คนเคยทำงานและออกภาคสนามเกือบทุกวันแต่ต้องมานั่งๆ นอนๆ อยู่กับบ้านคงเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากสำหรับเธอ

“แล้วน้องแพงล่ะครับ ตอนนี้ทำอะไร” รายนี้ชายหนุ่มมีความรู้สึกเห็นใจปนสงสารอยู่ด้วย เพราะสาวน้อยตาโตคนนั้นเป็นหัวคะแนนเบอร์หนึ่งของเขาเลยทีเดียว

“ก็นั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านเป็นเพื่อนพลอยไงคะ” หญิงสาวว่าแล้วก็อดขำไม่ได้ สองคนพี่น้องคุยกันได้นานเสียที่ไหน สามคำดี สี่คำทะเลาะละไม่ว่า

“น่าเห็นใจนะครับ น้องแพงคงเหงาแย่”

“ก็คงเหงาบ้างแหละค่ะ ยายแพงงอแงอยากไปทำงานตั้งนานแล้ว ต้องกลับมานั่งแกร่วอยู่บ้านแบบนี้ก็ดูซึมๆ ไปเหมือนกัน คงต้องรอให้คุณย่าเย็นลงก่อนแล้วพรีมค่อยช่วยพูดอีกที”

เขาพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะยิ้มบางๆ เมื่อเห็นเธอวางตะเกียบและจิบน้ำชาอย่างผ่อนคลาย “ได้พักอย่างนี้แล้วรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ”

“ก็ดีนะคะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก นึกแล้วก็อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจัง ขอบคุณมากเลยนะคะที่ทำให้พรีมได้พักผ่อนครึ่งวัน” เธอยิ้มให้เขาด้วยความรู้สึกดีๆ ที่ออกมาจากหัวใจ

“งั้นเราไปเดินย่อยกันหน่อยดีมั้ยครับ”

“ที่ไหนคะ” หญิงสาวทำหน้าสงสัย

เขาอมยิ้มอย่างมีเลศนัย “ที่ที่คนไม่เยอะ ไม่ต้องระวังตัว และทำให้เราได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งไงครับ”

“มีที่แบบนั้นด้วยเหรอคะ?”

ชายหนุ่มลุกขึ้นก่อนแล้วยื่นมือให้หญิงสาวเกาะ เธอรับความช่วยเหลือจากเขาโดยดี แรงบีบกระชับจากมือใหญ่ทำให้พิริมาอดเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาไม่ได้

ชั่วเสี้ยววินาทีนั้นเองที่เธอรู้สึกว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะ มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน หญิงสาวรั้งมือกลับเมื่อยืนได้มั่นคง กล่าวขอบคุณเบาๆ แล้วเดินออกมาจากห้องอาหารโดยมีร่างสูงตามมาติดๆ

เขาอมยิ้ม รู้สึกจริงๆ ว่าพิริมาเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและมีเสน่ห์หาตัวจับยาก ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งหลงใหลและไม่อยากถอยห่าง



“ที่นี่เหรอคะ?” หญิงสาวถามเหมือนไม่อยากเชื่อ เมื่อเขาพาเธอเดินเข้าร้านขายเสื้อผ้าธรรมดาๆ ร้านหนึ่ง

เขาอมยิ้ม “ครับ เราต้องเริ่มจากที่นี่แหละ”

ตอบเท่านั้นก็รุนหลังเธอให้เข้าไปด้านในด้วยกัน เจ้าของร้านสาวสวยโผล่มาต้อนรับขับสู้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วเธอก็ถูกอีกฝ่ายจับแต่งตัวใหม่ จากสาวเปรี้ยวนำสมัยกลายร่างเป็นเด็กสาวมาดเซอร์ภายในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที และเมื่อออกมาจากห้องแต่งตัวก็พบธีรภัทร์ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนง่ายๆ แว่นกันแดดสีชาและหมวกแก๊ปสองใบ

เขายิ้มกริ่มมองเธอตั้งแต่ศีรษะจดเท้าด้วยความพึงพอใจ พิริมาสวมเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับยีนขาเดป รองเท้าผ้าใบ ผมยาวเป็นคลื่นถูกถักเปียหลวมๆ ไว้สองข้างพร้อมแว่นกันแดดสีชาที่ปิดบังใบหน้าไปเกือบครึ่ง สุดท้ายคือหมวกแก๊ปในมือเขา มันถูกสวมลงบนศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน

พิริมายังงงไม่หาย ขณะที่ชายหนุ่มเอื้อมมือไปรับถุงกระดาษที่ใส่ชุดเดิมของหญิงสาวจากน้อยหน่ามาถือไว้เองแล้วกล่าวคำขอบคุณอย่างคนคุ้นเคยกัน ก่อนจะคว้าข้อมือพิริมาพาออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว ขึ้นรถได้ก็บึ่งออกนอกเมืองทันที

“นี่เรากำลังจะไปไหนกันคะ แล้วทำไมต้องแปลงโฉมด้วย ไหนคุณบอกว่าคนไม่เยอะไง” เธอถามอย่างสงสัย

“วันธรรมดาคนไม่เยอะหรอกครับ แต่ถ้าจะเที่ยวให้สนุกก็ต้องแต่งตัวแบบนี้แหละ”

คำตอบของเขาไม่ได้ให้ความกระจ่างมากนัก จนกระทั่งถึงที่หมาย พิริมาจึงได้รู้ตัวว่าถูกพามาปล่อยแก่

“สวนสนุก!” เธอร้องออกมาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ทั้งขำและนึกไม่ถึงจริงๆ

เขาเปิดประตูรถให้หญิงสาวพร้อมยื่นมือให้เธอยึดไว้ “เรากลับไปเป็นเด็กอีกครั้งกันเถอะครับ”

พิริมาหัวเราะและส่ายหน้าอย่างพูดอะไรไม่ออก แต่เธอก็ยินดีที่จะส่งมือให้เขาแล้วเดินไปซื้อตั๋วเพื่อย้อนเวลาสู่วัยเด็กด้วยกัน ธีรภัทร์เลือกซื้อตั๋วแบบไม่รวมราคาเครื่องเล่นเพราะตอนนี้ใกล้จะเย็นแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงสวนสนุกก็จะปิด ไม่มีทางที่เขาและเธอจะตะลอนทัวร์ไปกับเครื่องเล่นทุกชิ้นได้ครบภายในเวลาอันจำกัด

หญิงสาวทำให้เขาทึ่งเมื่อเครื่องเล่นแต่ละอย่างที่เธอเลือกล้วนแต่เป็นเครื่องเล่นหวาดเสียว ทำให้หัวหมุนและชวนคลื่นไส้ทั้งนั้น เขานึกว่าเธอคงไม่กล้าเล่นอะไรโลดโผน ที่ไหนได้ แม่คุณเอาหมดทุกอย่างที่เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดของเด็กๆ ได้ล้นหลาม ตัวเขาเองว่าชอบกีฬาผาดโผนแล้วยังต้องยกธงขาวให้เธอเลย

หลังจากเล่นเฮอร์ริเคนครบสามรอบแล้วธีรภัทร์ก็ต้องคว้าข้อมือเล็กไว้ก่อนที่เธอจะพาเขาไปหกคะเมนตีลังกากับอะไรที่หวาดเสียวอย่างนี้อีก

“มีอะไรคะคุณธีร์” เธอถามอย่างแปลกใจ จ้องหน้าเขางงๆ

“พักซักครู่เถอะครับ คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างรึไง ผมเวียนหัวอยากจะอ้วกเต็มทีแล้ว” สีหน้าของเขาบอกชัดว่าไม่ไหว

“คุณโอเคมั้ยคะ พรีมขอโทษ พักก่อนก็ได้ค่ะ” เธอบอกอย่างรู้สึกผิด

ชายหนุ่มรั้งข้อมือเล็กไปนั่งพักด้วยกันที่ม้านั่ง “ถามจริงๆ นะครับ ครั้งสุดท้ายที่คุณมาสวนสนุกมันเมื่อไหร่กัน”

“ก็...นานมากแล้วนี่คะ พรีมจำไม่ได้” หญิงสาวยิ้มเขินๆ ขณะมองหน้ายุ่งๆ ของเขา เธอไม่นึกว่าจะได้เห็นผู้ชายคนนี้ยอมแพ้อะไรง่ายๆ

ธีรภัทร์เหมือนจะรู้ตัว มือใหญ่เลื่อนมาลูบใบหน้าตัวเองแล้วบอกเสียงอ่อย “ขายหน้าจริงๆ เลย ผมเป็นคนพาคุณมาที่นี่เองแท้ๆ”

เธอหัวเราะสดใส ดูเหมือนเด็กมากกว่าสาวสวยในวัยเบญจเพส

“พรีมขอโทษค่ะ ถ้าทำให้คุณรู้สึกแย่ แต่มันนานจนจำไม่ได้ว่าเคยมาที่นี่ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ วันนี้สนุกมากเลยนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ”

คำขอบคุณพร้อมรอยยิ้มหวานๆ ของสาวสวยพอจะชดเชยความอับอายและทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

“ผมดีใจนะที่คุณชอบ ว่าแต่คุณไม่ได้จงใจแกล้งให้ผมขายหน้าใช่มั้ยครับ”

หญิงสาวมองเขาตาโต รีบปฏิเสธเสียงหลง “เปล่านะคะ พรีมจะแกล้งคุณทำไม คุณใจดีกับพรีมขนาดนี้”

ชายหนุ่มอมยิ้มแล้วฉวยโอกาสกุมมือเล็กนุ่มเอาไว้ “งั้นผมขออะไรเป็นการตอบแทนหน่อยได้มั้ยครับ”

พิริมาไม่ได้ชักมือกลับ แต่เธอยิ้มให้เขาและเอียงคอถามอย่างน่ารัก “อะไรคะ?”

“นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมจะมาสวนสนุกกับคุณ คราวหน้าเราไปที่อื่นกันบ้างนะ”

คำขอนี้คล้ายคำพูดธรรมดา แต่ทั้งเขาและเธอต่างก็รู้ว่ามันมีอะไรลึกซึ้งมากกว่านั้น

เธออมยิ้ม ค่อยๆ ดึงมือกลับอย่างนุ่มนวล ผินหน้ามองไปทางอื่น ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่นัยน์ตาคมแพรวพราวของผู้ชายคนนี้ “ลองถามพี่นีน่าดูก็แล้วกันค่ะ ว่าพรีมจะมีเวลาว่างแบบนี้อีกมั้ย”

ธีรภัทร์อมยิ้ม ไม่แปลกใจที่อะไรๆ ก็ช่างลงตัวไปหมดในช่วงเวลานี้ นึกอยู่แล้วว่าตัวเองมีเสน่ห์มากพอจะทำให้พิริมาสนใจได้ แต่ที่ยังสงสัยคือตอนนี้เธอหลงเสน่ห์เขา หรือว่าเขากันแน่ที่เป็นฝ่ายหลงเสน่ห์เธอเข้าอย่างจัง

เท่าที่จำได้ เขาไม่เคยต้องการให้ความสัมพันธ์ครั้งไหนยืนยาวเท่าความสัมพันธ์ครั้งนี้มาก่อนเลย









 

Create Date : 24 ธันวาคม 2557
0 comments
Last Update : 24 ธันวาคม 2557 10:31:38 น.
Counter : 760 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


nawapat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




...เขียนเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หนักก็หยุด สนองนี้ดมันไปตามอารมณ์ ^^"...
Friends' blogs
[Add nawapat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.