Group Blog
 
 
ธันวาคม 2557
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
26 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
My bad guy - หนียังไงก็ใช่เธอ! @ 10 @ เหตุเกิดที่งานเลี้ยง




พิณณิศากลับมาทำงานที่อมรกรุ๊ปตั้งแต่เมื่อวาน วันแรกของการทำงาน ‘อีกครั้ง’ ผ่านไปอย่างราบรื่น โต๊ะทำงานของเธอถูกจัดไว้ข้างโต๊ะทำงานของวรรณี เลขาฯ ของพีรภัทร์ ซึ่งอยู่หน้าห้องทำงานของชายหนุ่ม และอยู่ชั้นเดียวกับวีรภัทร์หากเป็นคนละปีกตึก ส่วนธีรภัทร์มีสำนักงานเป็นของตัวเองซึ่งกินพื้นที่ทั้งชั้น อยู่ต่ำลงไปอีกหนึ่งชั้น ใช้เป็นศูนย์กลางการทำงานและรองรับบุคลากรด้านการออกแบบโดยเฉพาะ

วันนี้มาทำงานเป็นวันที่สอง ทุกอย่างราบรื่นเช่นเคย แต่เธอก็ยังไม่คลายกังวลเสียทีเดียว ปีกตึกอีกด้านคือสิ่งที่ทำให้เธอไม่ค่อยมีสมาธิ หลายครั้งได้ยินเสียงฝีเท้าของใครสักคนเดินมาจากทิศทางนั้นก็ทำให้ใจเต้นแรงและหวั่นวิตก กระทั่งรู้ว่าเจ้าของฝีเท้านั้นไม่ใช่กรรมการผู้จัดการใหญ่ จังหวะหัวใจค่อยกลับมาเป็นปกติ

แต่เธอไม่รู้ว่าจะโชคดีแบบนี้ไปอีกสักกี่วัน การเผชิญหน้ากันไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายนัก ผลลัพธ์จากเหตุการณ์ในคืนนั้นทำให้เธอไม่กล้าสู้หน้าเขา อย่าว่าแต่คำทักทายเลย แค่จะวางสีหน้าอย่างไรยังไม่รู้ด้วยซ้ำ

“พร้อมจะไปกันรึยังครับคุณผู้ช่วยเลขาฯ”

เสียงทักแกมล้อเลียนที่ดังขึ้นทำให้พิณณิศาหลุดจากภวังค์ หันไปส่งยิ้มให้เจ้านายหนุ่มขณะรวบรวมเอกสารบนโต๊ะเพื่อจัดเก็บให้เรียบร้อย พลางเย้ากลับว่า “เสร็จพอดีเลยค่ะคุณเจ้านาย”

“งั้นก็ไปกันเถอะ พี่รับปากคุณย่าของแพงไว้ว่าวันนี้จะไม่ให้แพงน้อยหน้าใคร” เขามองสำรวจสาวน้อยตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจดเท้าอย่างครุ่นคิด

เธอย่นจมูกนิด ก่อนบ่นไม่จริงจังนัก “มองแบบนี้จะหาว่าแพงไม่เหมาะที่พี่พีร์จะควงออกงานใช่มั้ยล่ะ”

ชายหนุ่มลูบคางตัวเอง พยักหน้าขึ้นลง “ก็ใช่”

หญิงสาวนึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะตอบตรงขนาดนี้ แต่พอสบตาก็รู้ว่าเขาเย้าเล่นเท่านั้น “หาคนควงให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาพูดกับแพงแบบนี้ เดี๋ยวแพงไม่ไปด้วยแล้วจะขายหน้าเพื่อนๆ เอานะคะ”

“ก็นั่นน่ะสิ พี่ถึงต้องพาแพงไปแปลงโฉมซะหน่อย ขืนพาไปทั้งอย่างงี้มีหวังขายหน้าคนอื่นแย่”

เธอหันไปทำหน้างอใส่เขา ชายหนุ่มเลยยิ้มขัน เฉลยว่า “ก็แพงหน้าตายังกะเด็กมัธยม ขืนพี่ควงไปออกงาน คนอื่นจะหาว่าไม่มีน้ำยาถึงกับต้องหลอกเด็กมาด้วยน่ะสิ รู้มั้ยว่าตอนเจอกันครั้งแรกพี่คิดว่าแพงอายุซักสิบหกสิบเจ็ดเท่านั้น”

“แพงจะคิดว่านั่นเป็นคำชมก็แล้วกันนะคะ” เธอยอมจบเรื่อง เพราะเป็นสาวหน้าเด็กก็คงดีกว่าเป็นเด็กหน้าแก่ละ

พีรภัทร์พาคู่ควงเฉพาะกิจมาแปลงโฉมที่ร้านของเจ๊หลิน ตรีนุชเคยมาใช้บริการที่นี่บ่อยๆ หลายครั้งเขาต้องมารอเธอแต่งตัวเพื่อไปร่วมงานแสดงภาพถ่ายด้วยกันทำให้กลายเป็นคนรู้จักมักคุ้นพอสมควร

สาวใหญ่วัยสี่สิบต้นจับพิณณิศาหมุนตัวสามร้อยหกสิบองศา ก่อนจะแตะแก้มใสไว้นิ่งๆ พิศใบหน้ารูปไข่ทั้งซ้ายขวา เพื่อตัดสินว่าสาวน้อยนางนี้เหมาะสมกับการแต่งหน้าแต่งตัวอย่างไร ครู่เดียวหล่อนก็ได้ข้อสรุปที่พอใจ

“หน้าหวานซ่อนเปรี้ยวนะเรา ตามเจ๊มาทางนี้เลย ส่วนคุณสุภาพบุรุษกรุณารอข้างนอกนะคะ”

แล้วพิณณิศาก็ถูกพาเข้าไปในห้องแต่งตัว เจ๊หลินแต่งหน้าสาวน้อยวัยใสโดยเน้นโทนสีธรรมชาติ ผมยาวสลวยถูกแบ่งข้างให้เท่ากันและมัดรวบต่ำไว้ด้านหลัง เผยใบหน้ารูปไข่ให้สวยเด่นชวนมอง ชุดที่เลือกให้คือเกาะอกยาวกรอมเท้าสีแชมเปญจากแบรนด์ดังระดับโลก

เมื่อยืนอยู่บนรองเท้าส้นสูงก็ยิ่งขับเน้นให้เรือนร่างอรชรดูเพรียวระหงมากขึ้น แอกเซสซอรี่มีเพียงตุ้มหูเพชรเม็ดเล็กที่ส่องประกายล้อแสงไฟและคลัทช์สีทองแบรนด์เดียวกับชุด เพียงเท่านี้สาวน้อยหน้าตาแฉล้มสดใสก็กลายร่างเป็นหญิงสาวผู้สง่างามในบัดดล พีรภัทร์เห็นครั้งแรกยังแทบจำไม่ได้

“นี่แพงจริงหรือ?”

“อย่าทำให้แพงเสียความมั่นใจได้มั้ยคะ” สาวน้อยเริ่มรู้สึกประหม่า ทั้งที่ปรึกษาเจ๊หลินกับกระจกเงาแล้วก็เห็นพ้องว่าคืนนี้ตนดูงามสง่าขึ้นมากโข ผิดกับการออกงานคราวแรกลิบลับ

เขายิ้มน้อยๆ แววตาชื่นชมจากใจ “พี่จะบอกว่าแพงสวยมากต่างหากล่ะ”

ว่าแล้วก็อดคิดไม่ได้ พิณณิศามีความจิ้มลิ้มน่ารักคล้ายคลึงพิศิตาส่วนหนึ่ง อีกส่วนคือความสวยเก๋ของพิริมา ทำให้ใบหน้าของเธอออกแนวหวานซ่อนเปรี้ยวกำลังดี หากพี่ชายคนโตได้มาเห็นพิณณิศาที่เป็นสาวเต็มตัวเช่นนี้แล้วจะยังปฏิเสธการรับผิดชอบชื่อเสียงของเธออยู่อีกไหม คำถามนี้น่าสนใจจริงๆ

“แบบนี้ค่อยมั่นใจขึ้นหน่อย” เธอยิ้มเขินๆ

เมื่อทั้งคู่พร้อมแล้วพีรภัทร์จึงหันไปขอบคุณเจ๊หลินที่ช่วยเนรมิตให้พิณณิศาเป็นคู่ควงที่สวยจับตาในคืนนี้ อีกฝ่ายแย้มยิ้มด้วยความภาคภูมิไม่ยอมถ่อมตัว ก่อนสองหนุ่มสาวจะเดินผ่านประตูร้านออกไปหล่อนก็แอบกระซิบกับชายหนุ่ม

“ตาถึงนะคะคุณพีร์”

เขารู้สึกขบขันกับความคิดนั้น แต่ก็ไม่ได้แก้ไขความเข้าใจผิดของสาวใหญ่



เจ้าบ่าวเจ้าสาวยืนต้อนรับแขกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเปี่ยมสุขอยู่หน้าซุ้มดอกไม้สดสีขาวที่ตั้งเด่นอยู่หน้าห้องจัดเลี้ยง บรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมเป็นสักขีพยานต่างก็มีสีหน้าไม่ผิดแผกกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่นสุขสันต์

พีรภัทร์ก้าวขาไม่ออกเมื่อเห็นใบหน้าหวานละมุนประดับรอยยิ้มชื่นของเจ้าสาว ข้างกันนั้นคือเจ้าบ่าวผู้โชคดีที่เขาไม่อาจห้ามความริษยาในใจได้

พิณณิศาต้องพลอยหยุดนิ่งไปด้วยเพราะคู่ควงของเธอไม่ขยับทั้งที่กำลังจะเดินไปถึงคู่บ่าวสาวหน้างานแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความฉงนเป็นที่สุด

“พี่พีร์เป็นอะไรรึเปล่าคะ”

ชายหนุ่มสะดุ้ง รีบละสายตาจากเจ้าสาวคนสวยกลับมาหาคนข้างกาย “เปล่าจ้ะ เราเข้าไปกันเถอะ”

เขารั้งตัวหญิงสาวเข้ามาใกล้อย่างจงใจ กว่าจะตั้งตัวได้พิณณิศาก็ถูกพามายืนหน้าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเสียแล้ว

“สวัสดีครับคุณพีร์” เจ้าบ่าวทักทายอย่างยินดีเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของเจ้าสาวมาร่วมงาน เขารู้ว่าพีรภัทร์มีความสำคัญต่อตรีนุชมาก หากชายหนุ่มไม่มาในคืนนี้ เจ้าสาวของเขาต้องเศร้าแน่

“ยินดีด้วยนะครับ” ชายหนุ่มกลบเกลื่อนความรู้สึกในใจด้วยรอยยิ้มบางเบา

“นึกว่าคุณจะมาไม่ได้ซะแล้ว” ตรีนุชทักพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวานที่เผื่อแผ่ไปให้พิณณิศาด้วย

“แพงเป็นผู้ช่วยเลขาฯ ของผมครับ นี่คุณพงศธรกับตรีนุชเพื่อนพี่เองจ้ะ” พีรภัทร์แนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันตามธรรมเนียม

“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ แล้วก็ขอแสดงความยินดีกับพวกคุณด้วย คุณตรีนุชเป็นเจ้าสาวที่สวยมากเลยค่ะ”

พิณณิศายังไม่เคยไปร่วมงานแต่งของใครมาก่อน นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ได้แสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน งั้นผมก็เป็นเจ้าบ่าวที่โชคดีมาก จริงไหมครับนุช” เจ้าบ่าวยิ้มรับหน้าตาสดใส ก่อนจะหันไปเย้าเจ้าสาว

“คุณธรก็...อายคนอื่นบ้างสิคะ”

เจ้าสาวว่าพลางหยิกแขนเจ้าบ่าวอย่างขัดเขิน

“อายทำไมล่ะ ก็นุชของผมสวยจริงๆ นี่”

“แน้” ตรีนุชทำตาเขียวใส่เจ้าบ่าว แต่ใบหน้าสวยหวานแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย

พงศธรเห็นเจ้าสาวอายม้วนจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เชิญถ่ายรูปด้วยกันก่อนเข้างานนะครับ”

พีรภัทร์ขยับไปยืนข้างเจ้าบ่าว ขณะที่พิณณิศาก็ยืนข้างเจ้าสาว ฉีกยิ้มให้ช่างภาพบันทึกไว้ ก่อนจะเข้าไปข้างใน

“เจ้าสาวสวยมากเลยเลยนะคะ อย่างกับเจ้าหญิงแน่ะ คุณพงศธรก็น่ารัก ท่าทางเป็นคนอารมณ์ดีด้วย เหมาะสมกันจริงๆ บรรยากาศในงานก็หวานโรแมนติกดีจัง สงสัยต้องยุให้พี่พรีมแต่งงานไวๆ แล้วละ” พิณณิศาเจื้อยแจ้วอย่างตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศและผู้คน ทุกอย่างดูน่าสนใจไปหมดสำหรับเธอ

ชายหนุ่มเพียงแต่ยิ้ม ไม่ตอบอะไร เมื่อพบโต๊ะว่างจึงรุนหลังสาวน้อยคนงามให้นั่งลง ก่อนจะเดินไปตักของกินเล่นมาเสิร์ฟให้ถึงที่ เขานั่งคุยกับเธอครู่ใหญ่จึงเอ่ยขึ้น “แพงนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ พี่ขอไปทักทายเพื่อนเดี๋ยวเดียว”

“ตามสบายค่ะ ไม่ต้องห่วงแพงหรอก รับรองว่าจะอยู่เฉยๆ ไม่ก่อเรื่องอีกเด็ดขาด คราวที่แล้วเข็ดจนตาย” เธอว่าพร้อมรอยยิ้มสดใส ก่อนจะหันไปสนใจบรรยากาศรอบงานตั้งแต่พีรภัทร์ยังไม่ผละไปด้วยซ้ำ

เขาอมยิ้มอย่างเบาใจแล้วเดินจากไปเงียบๆ จุดหมายคือบริเวณหน้างาน ในจุดที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน แต่สามารถมองเห็นเจ้าสาวได้เต็มตาโดยไม่มีใครรบกวน รอยยิ้มแห่งความสุขสมหวังบนใบหน้าสวยหวานทำให้เขาทั้งเจ็บปวดและเป็นสุขในเวลาเดียวกัน

ชายหนุ่มกำลังจะเดินกลับเข้าไปในงานแล้วแต่เห็นจากหางตาว่าเจ้าสาวเดินห่างออกไปจากซุ้มดอกไม้หน้าห้องจัดเลี้ยงเพียงลำพัง แรงกระตุ้นในใจผลักดันให้ขาของเขาก้าวตามไปเงียบๆ

หญิงสาวออกมาจากห้องน้ำก็เห็นร่างสูงคุ้นตายืนนิ่งอยู่เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างเลยเดินเข้าไปทัก “พีร์...คุณมาเข้าห้องน้ำเหมือนกันเหรอคะ”

เขาสบตาเธอด้วยแววเศร้าลึก “เปล่า ผมแค่...อยากแสดงความยินดีกับคุณ”

เธอระบายยิ้มอ่อนหวาน “ขอบคุณมากนะคะพีร์ คุณดีกับนุชเสมอ ถ้าไม่มีคุณคอยช่วยเหลือนุชก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้บ้าง คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของนุชเลย รู้ใช่มั้ยคะ”

“ผมดีใจที่นุชมีความสุข ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ ผม...เป็นเพื่อนคุณเสมอ” นัยน์ตาคมทอดมองใบหน้าหวานละมุนอย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

“ไม่รู้ว่าแค่คำขอบคุณจะพอรึเปล่าสำหรับทุกอย่างที่คุณทำให้นุช” เธอว่าพลางดึงมือเขามากุมไว้

ชายหนุ่มยิ้มเศร้า อยากถ่ายทอดทุกความรู้สึกในหัวใจให้เธอรับรู้ผ่านมือที่กระชับแน่น แต่ไม่ว่ายังไงหญิงสาวก็คงจะไม่รับรู้ เธอไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนคนนี้อยากเป็นมากกว่าเพื่อน

“ถ้านุชพอจะช่วยอะไรคุณได้บ้างก็บอกนะคะ น้องแพง...เธอน่ารักดี นุชรู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น ไม่รู้ว่าใช่คนนี้รึเปล่าที่จะทะลุกำแพงในหัวใจของคุณได้ นุชจะดีใจมากถ้าคุณมีใครจริงๆ จังๆ ซะที”

รอยยิ้มของเธอเจือแววเศร้าจนเขาอยากจะดึงหญิงสาวเข้ามากอดแนบกาย แล้วชายหนุ่มก็ทำดังใจปรารถนา

นี่อาจเป็นครั้งเดียวและสุดท้ายที่เขาจะทำเช่นนี้ได้

หญิงสาวนิ่งอึ้ง ความอบอุ่นลอยอวลในบรรยากาศ แล้วเธอก็กอดตอบเขาอย่างเต็มใจ ก่อนจะสารภาพบางอย่างออกมา “รู้สึกดีจัง คุณคงไม่รู้ ถ้าคุณเคยทำแบบนี้กับนุชบ้าง นุชคงมีความกล้ามากพอที่จะบอกว่า...รักคุณ”

ร่างสูงนิ่งขึงราวต้องคำสาป ความปั่นป่วนในช่องท้องเกิดขึ้นโดยฉับพลันเมื่อได้ยินคำว่า ‘รัก’ จากตรีนุช พอตั้งสติได้ก็คลายวงแขนออกเพื่อมองหน้าหญิงสาวให้เต็มตา ความสับสนฉายชัดในดวงตาคู่คม

เมื่อกี้เธอเพิ่งบอกเขาว่า ‘รัก’ ใช่ เธอพูดว่ารัก แต่ทำไมเขาไม่เคยรู้มาก่อน ทำไมนะ ทำไม?

ชายหนุ่มพูดอะไรไม่ออก ได้แต่จ้องมองหญิงสาวอย่างคาดไม่ถึง เมื่อเห็นแววตาอ่อนหวานที่เธอส่งมาให้ พลันความกังขาก็หายไป แทนที่ด้วยความโกรธเกรี้ยวและเจ็บปวดอย่างรุนแรง

‘ไอ้งั่งเอ๊ย! ทำไมแกถึงโง่ได้ขนาดนี้ ทำไมไม่เคยมองออกเลยว่านุชคิดยังไง บ้าที่สุด!’

“ก็ดีแล้วที่คุณไม่เคยทำ ไม่งั้นนุชคงเข้าใจผิดไปกันใหญ่ อย่าคิดมากนะคะ นุชไม่เป็นไรหรอก แค่อยากบอกให้คุณรู้ นุชไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องทำให้คุณสนใจนุชบ้าง แค่คุณดีกับนุชและแค่นุชได้มอบความรู้สึกดีๆ ให้คุณก็พอแล้วค่ะ แต่จากนี้ไปนุชจะรักคุณธรและดีกับเขาให้มาก จะไม่ทำให้เขาเสียใจที่เลือกนุชเป็นเจ้าสาว อวยพรให้เราสองคนด้วยนะคะ”

เธอยิ้มหวานปนเศร้า ก่อนเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบแก้มชายหนุ่มเบาๆ ราวกับจะบอกว่าจากนี้ไปเธอจะหยุดรักเขาเสียที

“ขอบคุณมากนะคะ ดีใจจัง ในที่สุดก็ได้พูดมันออกมาซะที ต่อไปนุชจะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจอีก เรายังเป็นเพื่อนกันใช่มั้ยคะ”

พีรภัทร์ได้แต่นิ่งอึ้ง แน่นอกจนแทบหายใจไม่ออก ก่อนหน้านี้เขามัวทำอะไรอยู่ เขาเองที่เป็นคนปล่อยเธอไปโดยไม่ได้พยายามทำอะไรสักอย่าง แบบนี้แล้วเขาจะเรียกร้องอะไรได้ จะขอให้เธอกลับมาได้อย่างไร จะบอกเธอได้อย่างไรว่าเขาเองก็มีเธออยู่ในหัวใจมานานแล้ว

“อ้าว นุชมาอยู่ตรงนี้เอง ผมตามหาตั้งนาน เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เสียงพงศธรดังขัดจังหวะ ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้เจ้าสาวพร้อมมองใบหน้าสวยเศร้าของเธออย่างห่วงใย

“ไม่เป็นไรค่ะ เรากลับเข้าไปในงานกันเถอะ” เธอยิ้มก่อนเอื้อมมือไปเกาะแขนเจ้าบ่าวอย่างเอาใจ

“รีบๆ ตามเข้าไปในงานนะคะพีร์ เดี๋ยวจะถึงตอนสำคัญแล้ว”

หญิงสาวหันกลับไปส่งยิ้มให้พีรภัทร์เหมือนกับว่าเป็นรอยยิ้มบอกลา...ลาจากความรู้สึกที่เธอเคยมีต่อเขา

ชายหนุ่มยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปวดหนึบที่อกซ้าย ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะก้าวเดิน ตอนนี้เขาทำได้แค่เจ็บปวด เสียใจ และสมน้ำหน้าตัวเอง

“น้องพรีมขามาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ พี่นีน่าเดินหาจนเมื่อยตุ้มไปหมดแล้วเนี่ย เร็วเข้าเถอะค่ะ ชุดฟินาเล่ต้องขึ้นเวทีภายในห้านาทีนี้นะคะ”

เสียงโวยวายของใครบางคนช่วยดึงสติของชายหนุ่มกลับมา เขาหันไปมองรอบตัวก็เห็นผู้จัดการสาวประเภทสองของพิริมายืนอยู่หลังเสากลมต้นหนึ่ง หล่อนกำลังลากร่างเพรียวระหงในชุดราตรีสีแดงเจิดจ้าเดินจากไป ใบหน้าสวยจัดที่ได้รับการตบแต่งอย่างงดงามในแบบที่เรียกว่า ‘สวยเจ็บ’ หันกลับมาแวบหนึ่ง แต่เมื่อสบตากับเขาเข้าอย่างจังเธอก็รีบหันกลับไปโดยเร็วเหมือนคนกำลังหนีความผิด

ชายหนุ่มมองตามจนเห็นว่านีน่ากับพิริมาหายลับไปยังห้องจัดเลี้ยงฝั่งตรงข้ามกับงานแต่งงานของตรีนุช หน้าห้องมีป้ายบอกว่าเป็นงานแฟชั่นโชว์ในชื่อ ‘ราตรีสีเลือด’ นั่นคือคำอธิบายว่าเหตุใดพิริมาจึงมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ แต่จุดที่นางแบบสาวยืนอยู่ก่อนหน้าที่ผู้จัดการของเธอจะมาลากตัวไปนั้นอยู่ห่างจากเขาเพียงเสากลมกั้นไว้ และขนาดของมันก็ใหญ่มากพอจะบังคนทั้งห้าคนได้มิด

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้...

ลืมไปได้เลยหากคิดว่าพิริมาไม่ได้ยินอะไร เธอต้องได้ยินแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงจะไม่มองกลับมาที่เขาด้วยสีหน้าแปลกๆ อย่างนั้น แต่ว่าเธอได้ยินแค่ไหนก็เป็นอีกเรื่องและเป็นปัญหาที่เขาต้องแก้ไขด้วยตนเอง

ชายหนุ่มหรี่ตามองตามทิศทางที่สาวแท้กับสาวเทียมหายลับไป

เรื่องที่เกิดขึ้นต้องถูกขุดหลุมฝังตรงนี้ และเขาต้องแน่ใจว่าพิริมาจะทำเช่นเดียวกันด้วย!









Create Date : 26 ธันวาคม 2557
Last Update : 26 ธันวาคม 2557 11:36:52 น. 0 comments
Counter : 546 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nawapat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




...เขียนเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หนักก็หยุด สนองนี้ดมันไปตามอารมณ์ ^^"...
Friends' blogs
[Add nawapat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.