ผ่าคลอด (ตอนที่1)


--- วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม 2550 --- น้องหมอกอายุเกือบสองเดือน ---



ตามที่สัญญาไว้ว่า จะเล่าเรื่องประสบการณ์คลอดให้ฟัง วันนี้มาทำตามคำสัญญาแล้วค่ะ เริ่มตั้งแต่ที่ค้างไว้จากบล็อคสุดท้าย ก่อนไปคลอดเลยแล้วกันนะคะ

ความเดิมจากบล็อคที่แล้ว ซึ่งทีแรกนัดผ่าคลอดวันที่ 16 มกราคม 50 แต่คุณแม่ทักท้วงอยากให้เลื่อนไปอีก 2 วัน เพราะในปฏิทิน อีกตำราหนึ่ง บอกว่าเป็นวันไม่ดี แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องฟังความเห็นคุณหมอ ซึ่งนัดตรวจครั้งสุดท้าย วันที่ 15 มกราคม 50

วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 50 เก็บของเตรียมตัวออกจากบ้าน เดินทาง(ไกล) ไปโรงพยาบาล เพื่อนัดตรวจครรภ์ครั้งสุดท้าย

ครั้งนี้ความดันวัดได้สูงกว่าปกติ ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อนตลอดการตั้งครรภ์ แต่คุณหมอก็ไม่ได้ว่าอะไร คงเป็นเพราะ พรุ่งนี้ก็เป็นวัดนัดผ่าคลอดแล้ว คลำตรวจหน้าท้อง ก็พบว่าหัวลูกยังคงไม่ลงในอุ้งเชิงกราน และมดลูกยังดันสูงขึ้นเรื่อยๆ คุณหมอจึงพูดถึงนัดวันรุ่งขึ้น เราเลยขอเลื่อนไปอีกสองวัน แต่ตารางเวลาของคุณหมอ ไม่ลงตัว ไม่มีคิวผ่าให้เลย เราจึงตกลงใจนัดผ่าตามกำหนดเดิม คือ วันรุ่งขึ้น มาถึงรพ. ตีห้า โดยให้งดน้ำ และอาหาร ตั้งแต่ ห้าทุ่มของวันนี้

สิ่งแรกที่เรากับสามีทำก็คือ ไปฉลองมื้อใหญ่ ทานบุฟเฟต์สั่งลา เพราะคงไม่มีโอกาสได้ทานแบบนี้ หรือแม้แต่ออกนอกบ้านมาเดินห้าง อีกนานหลายเดือนเลยทีเดียว จากนั้นไปหาห้องพักใกล้กับรพ. เปิดห้องค้างคืนที่นี่ เพราะบ้านไกลจัด ให้ไปกลับคงได้นอนนิดเดียว เมื่อได้ห้องพักแล้ว เราออกมาเดินห้างซื้อของใช้เพิ่มเติมนิดหน่อย รวมถึงหมอนข้างด้วย ตอนนั้นท้องโตมากๆ เหมือนท้องแฝด จำได้ว่าวัดครั้งล่าสุด รอบพุงตรงสะดือ วัดได้ 45 นิ้ว แต่ก็ยังเดินตัวปลิวอยู่

คืนนั้นแอร์ไม่ค่อยเย็นเลย ทำให้เรานอนหลับไม่สนิท ตื่นเพราะร้อนตอนตีสาม แล้วก็นอนไม่หลับอีกเลย จนตีสี่ครึ่งก็เลยปลุกสามี ซึ่งนอนกรนเป็นโรงสีอยู่ข้างๆ ให้อาบน้ำแต่งตัว ไปรพ.กัน เรามาถึงรพ.ตอนตีห้าเศษๆ เซ็นเอกสารเกี่ยวกับการผ่าตัดนิดหน่อย แล้วก็ไปเตรียมตัวที่ห้องรอคลอด จากตรงนี้ไปจะพยายามเล่าให้ละเอียดหน่อยนะคะ เพราะรู้ว่าหลายคนคงอยากรู้ว่า ผ่าคลอดมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

เริ่มต้นจากชั่งน้ำหนัก ชั่งได้ 83.6 กก. ขึ้นจากเริ่มท้อง 56 กก. มา 27.6 กก. (เฮ้อ.. ขนาดตั้งใจจะระวังไม่ให้ขึ้นเยอะนะเนี่ย แต่ก็อยากให้ลูกสมบูรณ์อะนะ เลยบำรุงซะเต็มที่ แต่ตอนนี้ลูกอายุเดือนเศษๆ ก็ลดไป 15.2 กก. แล้วค่ะ เลี้ยงลูกอย่างเดียว) แล้วคุณสามีก็ถูกไล่ ให้ไปรอที่ห้องพัก ซึ่งเราจะไปพักหลังคลอด
พยาบาลเอาเสื้อคลุมผ่าตัด ของรพ.มาให้เราเปลี่ยน แล้วมาสวนอุจจาระให้ (ใช้น้ำยาประมาณค่อนขวดน้ำเกลือ ใส่เข้าไปในลำไส้ใหญ่ โดยการเสียบท่อยางเล็กๆ เข้าไปในก้นเรา) น้ำยายังไม่ทันหมดขวด เราจะรู้สึกอยากถ่ายหนัก พยาบาลก็ให้อั้นไว้ จนน้ำยาหมดขวด ก็ให้เราเข้าห้องน้ำ เราก็จะถ่ายหมดไส้หมดพุง เหมือนคนท้องเสีย ไหลโกร๊กเป็นน้ำเลย พอเสร็จจากสวนอุจจาระ พยาบาลก็มาโกนขนให้ เราก็ถามว่า ผ่าคลอดทำไมต้องโกนขนด้วยล่ะคะ (สงสัยมะ) พยาบาลอธิบายว่า คุณหมอจะได้ไม่สับสนระหว่างไหมเย็บแผล กับไหมเรา ฮ่าๆๆ แต่พอเราผ่าเสร็จ ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมต้องโกน เพราะพลาสเตอร์ที่ติดแผล จะติดทับบริเวณที่มีขนพอดี ถ้าไม่โกนออก ตอนดึงพลาสเตอร์ออก ก็คงได้แว็กซ์ขนไปด้วยในตัว หยึ๋ยยย โกนเสร็จก็โล่งๆดีพิลึก แต่เราก็ไม่เห็นหรอก เพราะพุงมันบัง ไม่ได้เห็นมาหลายเดือนแล้วหละ แล้วก็มาถึงขั้นตอนที่หลายคนกลัวกัน นั่นก็คือ สวนปัสสาวะ พยาบาลจะใช้ท่อยางเล็กๆ เสียบสวนเข้าไปในรูปัสสาวะเลย เจ็บนิดๆ แต่รู้สึกขัดๆ รำคาญตัวมากกว่า พยาบาลอีกคนก็มาเจาะใส่น้ำเกลือที่หลังมือซ้าย พร้อมเก็บตัวอย่างเลือดไปจองเลือด เผื่อต้องใช้ถ้าเสียเลือดมากในห้องผ่าตัด เราว่าเจาะน้ำเกลือยังเจ็บกว่าสวนปัสสาวะอีกค่ะ

หม่าม้าขึ้นอืด ก่อนขึ้นเขียง



ตอนนั้นคงสักหกโมงกว่าแล้ว เรานอนรอเวลาเฉยๆที่ห้องนั้น คุณหมอนัดทีมผ่าตัดไว้ตอนประมาณเจ็ดโมงครึ่ง นอนไปสักพักก็ได้ยินเสียง "อุแว๊ๆๆ" ดังขึ้นมา เลยรู้ว่าที่ชั้นนี้ มีห้องคลอดอื่นๆด้วย สักพักหมอก็เข็นรถตู้ปรับอุณหภูมิพร้อมทารกแรกเกิดมา ผู้ชายที่ยิ้มแก้มปริ ท่าทางตื่นเต้น ยืนรออยู่ที่ประตู คงจะเป็นคุณพ่อคนใหม่ หมออธิบายให้ฟังว่า ทารกแรกเกิดทุกคนต้องอยู่ในตู้ปรับอุณหภูมินี้ 4 ชม. เพื่อปรับจากอุณหภูมิในครรภ์มารดา เป็นอุณหภูมิห้อง พร้อมทั้งสังเกตุอาการไปด้วย คุณพ่อกับญาติพี่น้อง ถ่ายรูปกับสมาชิกใหม่สามสี่รูป แล้วพากันออกไป เรานึกในใจว่า อีกไม่นาน ปะป๊ากับน้องหมอกคงได้เจอกันแบบนี้ นอนเล่นไปอีกสักพัก คุณหมอที่เราฝากครรภ์ก็มาถึง เข้ามาทักทาย วิสัญญีแพทย์ก็เข้ามาคุยด้วยนิดหน่อย เมื่อห้องผ่าตัด และทีมพร้อมแล้ว เราก็ถูกเข็นเตียงเข้าไปที่ห้องผ่าตัด

แขนขวาของเราถูกจับกางออก ผูกกับแท่นวางแขน และติดเครื่องวัดความดัน และชีพจรอัตโนมัติ หมอและผู้ช่วย ช่วยกันจับตัวเราพลิกตะแคงขวา นอนตัวงอๆ เพื่อบล็อคหลัง และฉีดยาแก้ปวด เจ็บนิดหน่อย พอสิวๆ จากนั้นก็พลิกตัวกลับมา ผูกแขนซ้ายซึ่งมีสายน้ำเกลือที่ข้อมือไว้กับแท่นวางแขน ในขณะที่ผู้ช่วยคนหนึ่งเอาม่านมาบังตรงหน้าอก ไม่ให้เราเห็นท่อนล่าง แพทย์ก็ทดสอบว่าเรายังมีความรู้สึกหรือไม่ รู้สึกซ่าๆที่ขารึยัง แล้วจับตัวเราตะแคงนิดๆ เพื่อไม่ให้ความดันตก ตอนนั้นเราเริ่มชา ไม่รู้สึกท่อนล่างแล้ว ทีมแพทย์ก็เริ่มลงมีดผ่าตัด วิสัญญีแพทย์เอาหน้ากากออกซิเจน ซึ่งไม่ค่อยพอดีกับหน้าเรามาครอบให้ ก็เลยทับจมูกบ้าง ทิ่มตาบ้าง ต้องคอยบอกให้หมอขยับให้ สักพักเราเริ่มรู้สึกคลื่นไส้มากขึ้นทุกที จนเริ่มพูดไม่ออก ส่งเสียงแผ่วเบาบอกหมอว่า "คลื่นไส้จังเลยค่ะ" หมอบอกว่า "ถ้าจะอาเจียนแล้วบอกนะ" เราก็บอกเลย "จะอาเจียนแล้วค่ะ" หมอเอาถาดรองมาติดข้างแก้ม ให้เราเอียงหน้าไปอาเจียน แล้วคอยเช็ดให้ จากนั้นก็อาเจียนกันไปตลอดการผ่าตัด จนหมอต้องระวังจังหวะที่จะลงมีดกันดีๆ เพราะท้องมันกระเพื่อมเวลาอาเจียน พออาเจียนหนักๆเข้า ก็คัดจมูก หายใจไม่ออก จนกลัวว่า ฉันจะตายไม๊เนี่ย กระซิบบอกหมอ หมอได้ยินว่า "คันจมูก" ยังพูดว่า "ทำไมคันเร็วจัง" (บางคน ร่างกายมีปฏิกริยากับมอร์ฟีน จะมีอาการคัน) กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง แทบแย่ หมอเอายาหยอดจมูกให้ ก็ค่อยๆดีขึ้น ส่วนสูติแพทย์ที่กำลังผ่าอยู่ก็ใกล้จะได้ตัวน้องหมอกแล้ว ผู้ช่วยคนหนึ่งกดท้องด้านบน จนเรารู้สึกอึดอัดไปหมด

จวนแล้วๆ



แล้วหมอก็เอาคีมดึงหัวน้องหมอกออกมา เสียงร้อง "โอ้โหๆ!" กับเสียง "อุแว๊ๆ" ดังขึ้น แทบจะพร้อมกัน

หม่าม้าเฝ้ามองน้องหมอกเป็นครั้งแรก ในขณะที่แพทย์กำลังตรวจน้องหมอก



อุแว๊ๆ



กุมารแพทย์รับตัวน้องหมอกไปตรวจ ทำความสะอาด ห่อตัว แล้วขานว่า "แข็งแรง" ส่งตัวมาเปิดให้เราดูจุ๋มจิ๋ม "ผู้หญิงนะคะ" แล้วก็เอาน้องหมอกมาหอมแก้มเราหนึ่งที ถ่ายรูป น้องหมอกก็ร้องอุแว๊เสียงดังลั่น กุมารแพทย์รีบพาตัวออกไป เสียงหมอคุยกันว่า ตัวโตมากเลย จากตอนนี้ ปะป๊ากับน้องหมอกคงได้เจอกันที่ห้องข้างนอกแล้ว ปะป๊าได้อุ้มน้องหมอกก่อนหม่าม้าเสียอีก

น้องหมอกในตู้ปรับอุณหภูมิ



สูติแพทย์ทำคลอดรกต่อ และลงมือเย็บแผล แต่เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว เพราะหมอฉีดยานอนหลับให้ เราก็สะลึมสะลือ จนการผ่าตัดใกล้จะเสร็จ เมื่อการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เราก็ถูกเข็นเตียงออกมาพักที่ห้องรอดูอาการ

ที่ห้องนี้เรายังคงอาเจียนอยู่เรื่อยๆ ทั้งๆที่ฉีดยาแก้คลื่นไส้แล้ว แถมยังเริ่มคันใบหน้า และตามตัว (อาเจียนจากผลข้างเคียงของยาชาบล็อคหลัง, อาการคันจากผลข้างเคียงของมอร์ฟีน ซึ่งบางคนจะไม่เป็นอะไรเลย แต่เราเล่นเหมาสองอย่างเลย) ท่อนล่างยังรู้สึกชาอยู่ รู้สึกเมื่อย อึดอัด แต่ขยับตัวไม่ได้ ร้อนจนเหงื่อออกเต็มหลัง พยาบาลต้องเปิดแอร์ให้ และ รื้อผ้าห่มที่ห่มอยู่ออก เราต้องนอนอยู่ห้องนี้สองชม. จึงจะย้ายขึ้นไปที่ห้องพักผู้ป่วย ซึ่งสามีรออยู่ที่นั่น ขณะที่นอนรอ พยาบาลมาแจ้งน้ำหนัก และส่วนสูงของน้องหมอกว่า น้องหมอกน้ำหนักแรกเกิด 4100 กรัม ยาว 53 ซม. นี่แหละเหตุผลว่า ทำไมที่ห้องผ่าตัด ทีมแพทย์ถึงร้อง "โอ้โหๆ!" กัน

วันแรกของการผ่าตัด เมื่อขาเริ่มหายชา เราขยับตัวได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากนัก เพราะเวียนหัวมาก ขยับตัวนิดหน่อย ก็อาเจียนตลอด คันไปทั้งตัว เกาจนทรมาน บางที่เกาไม่ถึงเพราะยังขยับตัวไม่ค่อยได้ ก็ต้องให้สามีมาช่วยเกาให้ คันตั้งแต่หัวจรดเท้า อาการคลื่นไส้อาเจียน หายในวันรุ่งขึ้น แต่อาการคันยังเป็นต่อไปอีกวัน และเมื่อดีขึ้น ก็แทนที่ด้วยการปวดแผล (เพราะหมายถึงมอร์ฟีนเริ่มหมดฤทธิ์ ก็เริ่มปวดแผลผ่าตัด) หมอยังคงสั่งงดน้ำงดอาหาร ตลอดทั้งวัน จนวันรุ่งขึ้น ถ้าเราลุกเดินได้ใกล้ๆ หมอจะให้เราทานอาหารเหลวได้ เราก็พยายามจะลุกเดิน เพื่อให้ลำไส้ทำงาน จะได้ทานอาหารได้ เพราะหิวมากๆ เลย และอยากจะฟื้นตัวเร็วๆ จะได้ลงไปดูลูกที่ห้องเด็กอ่อน

วันรุ่งขึ้นหมอเห็นว่าเราขยับตัวได้ดี ลุกเดินได้บ้างแล้ว ก็ให้ถอดสายสวนปัสสาวะออก และให้รับอาหารเหลวได้ เราดีใจสุดๆ จนอาหารยกเข้ามา.... โอ้..พระเจ้า มันเป็นอาหารเหลวจริงๆ มีน้ำมา 4 แก้ว ได้แก่ น้ำขิง น้ำข้าว น้ำซุป น้ำเสาวรส และเราก็ต้องกินน้ำสี่แก้วแบบนี้ทุกมื้อตลอดทั้งวันที่สอง ไม่ได้ช่วยให้หายหิวเล้ยยย พอน้ำเกลือหมด และเราไม่มีอาการแน่นท้อง ท้องอืด แปลว่าลำไส้ทำงานได้แล้ว หมอก็อนุญาติให้รับอาหารอ่อนๆได้ ก็เลยได้เริ่มกินโจ๊ก และ ข้าวต้ม ค่อยยังชั่วหน่อย วันที่สองนี้เองที่เราขอรถเข็นลงไปดูน้องหมอก ได้ดูน้องหมอกกำลังหลับพริ้มผ่านกระจกห้องเด็กเป็นครั้งแรก น้องหมอกผมดกดำเต็มศีรษะ ตัวโตกว่าใครๆในห้องเด็ก "เรามีลูกแล้วจริงๆเหรอนี่"

หม่าม้ามาเยี่ยมน้องหมอก



โปรดติดตามตอนต่อไป ..... ตอนนี้ยาวมากแล้วค่ะ ขออนุญาติยกยอดไปตอนต่อไป น้องหมอกเจอกับหม่าม้าแล้วเป็นอย่างไร, ประสบการณ์ baby blue, น้องหมอกกับตู้อบ, กลับบ้านเรากันเถอะลูก และเรื่องวุ่นๆ กับการเลี้ยงน้องหมอก แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ


Create Date : 15 มีนาคม 2550
Last Update : 19 ตุลาคม 2551 12:34:45 น. 19 comments
Counter : 11050 Pageviews.

 
ยินดีด้วยนะคะ น้องตัวโตดีจัง


โดย: tiara วันที่: 15 มีนาคม 2550 เวลา:15:11:53 น.  

 
อ่านแล้วคิดถึงตัวเอง ตอนนั้นเราก็รู้สึกคลื่นไส้แต่ไม่ถึงกับอาเจียนอ่ะค่ะ ลูกน่ารักจังค่ะ ยินดีด้วยนะค่ะ


โดย: yoko วันที่: 15 มีนาคม 2550 เวลา:16:03:02 น.  

 
ยินดีด้วยค่ะ ขอให้น้องเป็นเด็กเลี้ยงง่ายนะค่ะคุณแม่


โดย: Ben´s Mom (Surayo ) วันที่: 15 มีนาคม 2550 เวลา:16:08:31 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ...

ยินดีด้วยน่ะค่ะ..ขอให้น้องแข็งแรง น่ารัก เลี้ยงง่าย ๆ ค่ะ


โดย: จิชฎา วันที่: 15 มีนาคม 2550 เวลา:16:39:30 น.  

 
น้องตัวโตมากเลย เยอะกว่าน้องมิวอีก

น้องมิวคลอดเอง นน.3650 คะ

ยินดีด้วยคะ สำหรับสมาชิกใหม่ เย้เย้


โดย: นู๋มิวจัง วันที่: 15 มีนาคม 2550 เวลา:17:39:14 น.  

 
น่ารักจังเลยค่ะ ตัวเองก็ตื่นเต้นเหมือนกันเหลือเวลาอีกแค่ 4 อาทิตย์กว่าๆเองอ่ะค่ะ ขอให้น้องกับคุณแม่สุขภาพแข็งแรงนะค่ะ เขียนบรรยายได้สนุกมากๆเลยค่ะ


โดย: เหมียวขาว IP: 202.57.156.172 วันที่: 15 มีนาคม 2550 เวลา:17:39:28 น.  

 
ยินดีด้วยค่า

การผ่าตัด ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด จริงมั้ยคะ


โดย: juriojung วันที่: 15 มีนาคม 2550 เวลา:19:24:57 น.  

 
ยินดีด้วยน๊า....คะ
เกิด 16 มกราก็ดีนะคะ เพราะเป็นวันครูอ่ะค่ะ
ขอให้แข็งแรงทั้งคุณแม่คุณลูกเลยนะคะ


โดย: I am SeRaPh วันที่: 15 มีนาคม 2550 เวลา:20:00:20 น.  

 
น้องหมอกแข็งแรง เลี้ยงง่ายไหมจ๊ะ


โดย: tookjah วันที่: 15 มีนาคม 2550 เวลา:20:13:46 น.  

 
ยินดีด้วยค่ะ น้องหมอกตัวโตแข็งแรงดีจัง
อ่านเรื่องเล่าของคุณแม่แล้ว อดขำไม่ได้ คุณเล่าตลกจริง ๆ จะเข้ามาอ่านตอนต่อไปนะคะ (ว่าแต่ว่านน.ที่ขึ้นมาตั้ง 20กว่ากก. คุณทำได้ไงคะ)


โดย: เตย IP: 58.64.79.73 วันที่: 15 มีนาคม 2550 เวลา:20:38:06 น.  

 
น้ำตาไหลเลยค่ะดีค่ะเข้าใจและก้อเห็นภาพมากขึ้นซึ้งมากค่ะ น้องน่ารักมากค่ะยินดีด้วนน่ะค่ะ


โดย: อร IP: 210.86.146.251 วันที่: 16 มีนาคม 2550 เวลา:10:30:23 น.  

 
ยินดีด้วยค่ะ น้องคงเลี้ยงง่ายนะคะ ขอให้มีสุขภาพดีทั้งแม่และลูกนะคะ คิดถึงตัวเองตอนผ่าเหมือนกัน เราก็อาเจียน แต่หลังจากผ่าคลอดเสร็จแล้วและขึ้นไปพักบนห้องเรียบร้อยแล้ว ถึงได้อาเจียนและเริ่มคันยุกยิกเหมือนกันค่ะ ตอนนี้น้องน้องมะปรางได้ 3 เดือนครึ่งแล้ว ก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้แล้ว ยินดีด้วยนะคะ


โดย: แหม่ม IP: 203.147.33.1 วันที่: 16 มีนาคม 2550 เวลา:15:28:36 น.  

 
โห..แม่น้องหมอกเขียนละเอียดสุดๆเลยค่ะ นี่ขนาดย้อนหลังไป 2 เดือนนา..

ป.ล. โลโก้ใหม่น่ารักจังค่ะ


โดย: LuckyMoby วันที่: 20 มีนาคม 2550 เวลา:0:38:31 น.  

 
ขอบคุณนะคะ อ่านแล้วได้ความรู้เยอะเลย คลอดที่โรงพยาบาลอะไรคะ คลอดที่โรงพยาบาลอะไรค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ


โดย: ณัฐ IP: 58.10.96.92 วันที่: 20 มีนาคม 2550 เวลา:13:50:05 น.  

 
ขอบคุณทุกคำอวยพรเลยค่ะ คลอดที่โรงพยาบาลลาดพร้าวค่ะ


โดย: ณัฏฐา วันที่: 20 มีนาคม 2550 เวลา:14:10:09 น.  

 
ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าจะผ่าแล้วล่ะ อ่านแล้วเริ่มกลัวว่าจะผ่าดีไหมเนี่ย โอ๋ท้องใหญ่มากๆเลย รู้สึกเท้าจะบวมด้วยนะ แอบเห็น คริคริ


โดย: gebadius IP: 203.177.230.40 วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:12:41:29 น.  

 
หวัดดีค่ะโอ๋
ผึ้งเอง ขอเวปลิงค์มาดูน้องหมอก
โอ๋เขียนละเอียดมาก ๆ
อ่านแล้วนึกถึงตัวเองวันคลอด
ไว้ว่าง ๆ จะไปเยี่ยมน้องใหม่นะค้า
คราวนี้ต้องบอกพี่กบให้เลี้ยงส้มตำในสวน
บรรยากาศดีจริงๆ


โดย: ผึ้ง IP: 202.142.193.21 วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:11:45:08 น.  

 
ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้มากๆเลย


โดย: เซย่า IP: 118.173.156.212 วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:14:18:08 น.  

 
อยากทราบว่าคุณหมอผ่าคลอดชื่ออะไรคะ ใช่พญ.เย็นฤดี รึป่าวคะ เพราะกำลังตัดสินใจจะฝากท้องอยู่พอดีเลยคะ อยากขอความมั่นใจ


โดย: ญาดา IP: 203.28.128.13 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2555 เวลา:12:52:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ณัฏฐา
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 91 คน [?]




คนธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากมีสุขภาพแข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดี ^^
New Comments
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
15 มีนาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ณัฏฐา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.