ขับรถพาเที่ยว เวียงจันทน์ วังเวียง และหลวงพระบาง
ขับรถเที่ยวลาว เวียงจันทน์ วังเวียงและ หลวงพระบาง
ลาว เป็นประเทศที่อยู่ใกล้เมืองไทย ถือเป็นเมืองพี่เมืองน้อง แต่แม่นู๋แอล ก็ไม่เคยไปเยือนสักที เมื่อวาเลนไทน์ ปี 2551 ที่ผ่านมา ก็มีโอกาสได้ขับรถไปกับเพื่อน ๆ ต้องขอบอกว่า ว่าคุ้มค่าจริง ๆ ไม่เคยนึกฝันเลย เมืองมรดกโลกสวยงามจริงๆ ขั้นตอนแรกก็ต้องไปขอพาสปอร์ตรถที่ ขนส่งจังหวัด ถ้าเป็นเจ้าของรถเองก็ไม่ยุ่งยากอะไร เสียเงิน 55 บาท รอสักวันหรือสองวันก็ได้เล่มสีม่วง และอักษรตัว T เป็นสติกเกอร์ติดรถ จากนั้นก็ไปที่ด่านสะพานมิตรภาพไทย ลาว ที่จังหวัดหนองคาย อาจจะเข้าด่านอื่นได้ แต่แม่นู่แอลไม่ทราบจริง ๆ แต่ว่าที่ด่านหนองคายก็สะดวกดีนะ ข้ามฝั่งไปถึงทางเจ้าหน้าที่ลาวก็ให้ความสะดวกดี
ที่เวียงจันทน์ แม่นู่แอล ชอบก็คือ ไม่เห็นมีสาว นุ่งน้อยห่มน้อย หรือยืนเรียกแขกหน้าร้านเลย เมืองเขาสงบเงียบดีจริงๆ ดูทีวีไทย ติดหนังทีวีบ้านเราเหมือนกัน ภาษาก็เลยไม่มีปัญหาที่จะพูด แต่ว่าตำรวจก็คล้ายบ้านเรานะ พอเลี้ยวผิดก็โดยเลย ไม่มีการตักเตือนอยากได้เงินเหมือนบ้านเราเลยล่ะ ต้องเจรจาต่อรอง จาก 800 บาท เหลือ 200 บาท (เราแลกเงินจากตลาดอินโดจีนได้ 280 กีบ ต่อ หนึ่งบาท ) ได้ราคาดีกว่าแลกที่เมืองลาวอีกนะ เราควรมีทั้งเงินดอลล่าห์ เงินบาท และเงินกีบ ไปด้วย ก่อนจ่ายก็ลองคำนวณดูว่า จ่ายแบบไหนคุ้มกว่า โรงแรมถ้าซีวิว ใกล้แม่น้ำโขงก็ราคาแพงสักหน่อย แต่ไม่ถึงบ้านเรา ก็ประมาณ 1800-2500 บาท แต่พวกเราประเภทประหยัดก็ขับรถไปเจอโรงแรมหนึ่งมีที่จอดรถและอากาศดีนะ ใกล้ตลาดด้วย ชื่อ Chaleunxay Hotel ราคาไม่แพง 600-800 บาท (ราคาไม่ค่อยแม่น) แต่ก็ถือว่าโอเคนะ ไม่อับ เช้าขึ้นมาก็เดินไปตลาดได้เลย เช้านี้เป็นเช้าวาเลนไทน์ ก็ขายดอกไม้ ดอกกุหลาบกันเกลื่อนเหมือนกัน วันเดินทางไปวังเวียง โอ้โห ถนน ช่างขึ้นเขาลงเขา คดโค้งเสียจริง ถ้าคนเมารถล่ะแย่เลยล่ะ แต่แม่นู๋แอลสบายมาก ไม่เมาอยู่แล้ว หมอกก็มาก คนขับแทบจะร้องไห้ หนาวก็หนาว หนาวมาก ๆ หนาวถึงกระดูก ปิดแอร์ก็เป็นฝ้าที่รถ ทรมาณมาก ใช้เวลาเดินทางประมาณ สี่ชั่วโมง พอถึงก็หาโรงแรมอันดับแรก ก็ได้โรงแรมชื่อ Vansana ราคา 1400 บาท (40 usd) มองเห็นวิวที่สวยมาก เหมือนกุ้ยหลินเมืองจีน มองจากโรงแรมจะเห็นแม่น้ำสอง น้ำจะค่อนข้างตื้น มีเพียงเรือลำเล็กผ่าน ที่นี่จะเป็นกึ่งกลางระหว่างหลวงพระบาง และ เวียงจันทน์ ร้านอาหารจะเน้นแบบโต๊ะญี่ปุ่น นั่งเหยียดเท้าและดูทีวีกันกลางวันและกลางคืน จะไม่เห็นเธคแบบบ้านเราเลย เราออกจากวังเวียงของเช้าอีกวันหนึ่ง ประมาณ 10.30 น. อากาศค่อนข้างหนาว ภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง ระยะทาง 193 กิโลเมตร สองข้างทางจะมีหมู่บ้านของชาวเขา หมอกหนามาก บางช่วงมองไม่เห็นถนนเลย ต้องขับอย่างระมัดระวังถนนก็เปียกด้วยหมอก หนาวมาก ๆ ใช้เวลาฝ่าทะเลหมอก 40 กม ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง เห็นวิถีชีวิตชาวบ้าน ที่ต่อสู้ความหนาวโดยการนั่งสุมไฟรวมกัน เด็กเล็กจะเต็มไปหมด บ้านส่วนมากเป็นไม้ไผ่สาน หลังคาหญ้าแฝก สังกะสีบ้าง ครึ่งไม้ครึ่งปูน แต่ส่วนมากเกือบ สี่หรือห้าหลังคาเรือน จะเห็นจานดาวเทียม เพื่อรับชมทีวี พอลงจากภู เข้าเขตเมืองหลวงพระบาง ก็หายหนาว ทุกอย่างเปลี่ยนไป บ้านเมืองเป็นตึกที่สวยงาม ร้านอาหารมากมาย ส่วนมากสไตล์ฝรั่งเศส บ้านเรือนก็จะอนุรักษ์ไว้สมกับที่เป็นเมืองมรดกโลก อากาศเย็นแต่ก็เห็นชาวบ้านใส่เสื้อกันแค่ สองหรือสามตัวไม่ใส่เหมือนทางตะวันตก เราได้บ้านพักกลางเมืองชื่อ เสียงแคนเกสต์เฮ้า ราคา 900 บาทต่อคืน ค่อนข้างใหม่และสะอาด เหนื่อยมากเลยไม่ได้ไปดูที่อื่น ใกล้วัดพูสีด้วย อาหารค่ำก็ไปที่ร้านตำหนักลาว รสชาดค่อนข้างจืดนะ ราคาไม่แพงเหมือนบ้านเรา ร้านค่อนข้างหรูล่ะ จากนั้นก็เดิน ช้อปปิ้ง พยายามพูดลาวนะ ที่จริงพูดไทยเขาก็ฟังออก แต่เขารู้ว่าคนไทย ราคาก็แพงกว่าคนลาว (ตามระเบียบ) เช้านี้ตื่นเต้น เพราะว่าอยากไปตักบาตรข้าวเหนียว ตามที่รู้มา ก็ตื่นก่อนไก่โห่ เดินออกไปข้างนอก อากาศหนาวมาก เดินจากซอยที่พัก แต่รู้สึกปลอดภัยนะ เดินไปสักพักสู่ถนนใหญ่ก็เริ่มเห็นผู้คนที่ออกมาตักบาตร เห็นแม่ค้าเตรียมของมาขายให้ใส่บาตร ราคาไม่แพง 100-200 บาท คอยสักพัก พระก็มารับบิณฑบาตร เกือบสองร้อย แต่ท่านเดินกันเร็วมาก รูปท้ายๆ เป็นเณร ไม่ค่อยมีคนใส่ เพราะว่าใส่รูปแรก ๆ กันหมด ตักบาตรเสร็จก็ชวนหนุ่มน้อย (แต่ออกอาการรักสวยรักงามเหมือนหญิงสาว) เดินขึ้นสามร้อยขั้นเหนื่อยมาก แต่ใครๆ เขาก็มากัน ทำไมเราจะขึ้นไม่ได้ แถมต้องจ่ายค่าขึ้นอีกคนละ 20000 กีบ (คนลาวฟรี) ฝั่งตรงข้ามเขาเรียกว่าวังเจ้าชีวิต ได้ชมบรรยากาศ เมืองหลวงพระบางสวยมาก เห็นแม่น้ำโขง ที่ไหลยาว เห็นสนามบิน เขาอนุรักษ์ความเก่าแก่มีการบูรณะซ่อมแซม จนได้เป็นเมืองมรดกโลก บางแห่งมองไม่เห็นสายไฟระโยงเหมือนบ้านเราเลย สะอาด คนใจดี มีน้ำใจ แม่นู๋แอลไปเดินตลาดไม่ได้เจตนานะ ทำกระเป๋าเงินตก มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาให้ ใจหายแว๊บเลย ถ้าไม่ได้คืน หลายตังอยู่นะ ก็ขอบคุณเขาใหญ่เลย
วัดอีกแห่งคือวัด เชียงทอง ที่อยู่ติดแม่น้ำโขง ถือว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของคนลาว เป็นสถานที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจและอยู่ในโปรแกรมการเดินทางเที่ยวเมืองลาว จากนั้นก็เหมาเรือไป 1000 บาท เพื่อไปถ้ำติ่ง ไกลมากจากทางเรือเกือบสองชั่วโมง ไปกลับ สี่ชั่วโมง เพื่อไปชมพระพุทธรูปจำนวนมากมายในถ้ำ แต่สำหรับแม่นู๋แอล ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ชอบบรรยากาศในตัวเมืองหลวงพระบางมากกว่า ที่สนใจมากๆ ก็คือ ผ้าถุง ผ้าไหม ผ้าฝ้าย กระเป๋า ที่เขาทอมือ ก็อดซื้อมาเมืองไทยไม่ได้ เพราะว่าราคาไม่แพงเท่าไหร่ (แต่ต้องต่อสุด ๆ เหมือนกัน) ถ้ามีโอกาศอยากมาอีกค่ะ แต่ขับรถมันไกลเหลือเกิน ที่นี่รถเช่าก็ต้องเช่าพร้อมคนขับ มันไม่ส่วนตัวเลย ก็กำลังคิดอยู่ว่า ระหว่างนั่งเครื่องมา แต่มาเช่ารถพร้อมคนขับ กับการขับรถมาเอง อย่างไหนจะคุ้มกว่ากันค่ะ
นี่คือสติกเกอร์ที่ต้องติดไว้หน้ารถค่ะ
นี่คือหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ตสำหรับรถยนตร์ค่ะ
พิพิธภัณฑ์ของลาวในเวียงจันทน์
ด่านแรกที่เราต้องผ่านก็คือด่านนี้ล่ะค่ะ
บรรยากาศตลาดในเวียงจันทน์ (ช่วงวาเลนไทน์)
โรงแรมที่พักในเวียงจันทน์ อยู่ใกล้ตลาดค่ะ เช้าก็เดินไปชมตลาดได้ แถมมีที่จอดรถกว้างขวาง
ระหว่างเดินทางตามเส้นทางหลวงของลาว จากเวียงจันทน์ไปวังเวียงค่ะ
นี่คือวังเวียงค่ะ พังงาบ้านเราก็งามไม่แพ้กันนะคะ แต่จะทำอย่างไร ให้นักท่องเที่ยวมาก ๆ เหมือนวังเวียง (นี่ล่ะ คือปัญหา) พร้อมที่พักราคา 1400 บาทต่อคืนค่ะ
เส้นทางที่ต้องใช้ฝีมือสักหน่อย จากวังเวียงไปหลวงพระบาง เพราะว่านับภูเขาได้หลายร้อยลูก หนาวก็หนาว หมอกก็ลง แหม ช่างได้บรรยากาศเที่ยวเมืองนอกซะไม่มี
ถึงซะที หลวงพระบาง ตื่นแต่เช้าไปตักบาตรข้าวเหนียวและไปไหว้พระธาตุพูสีค่ะ (ขอนอนก่อนค่ะ ตีสองแล้ว ไว้จะมา up รูปหลวงพระบางให้ค่ะ)
Create Date : 03 พฤษภาคม 2551 |
|
12 comments |
Last Update : 3 พฤษภาคม 2551 1:58:17 น. |
Counter : 2727 Pageviews. |
|
|
|