Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
20 กันยายน 2551
 
All Blogs
 

รักเร่ฯ ตอนที่ 1


“สวัสดีครับคุณกล้าตะวัน ที่เดิมเลยครับ” บริกรหนุ่มยกมือไหว้พร้อมบอกกับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเครื่องหน้าคมคายอย่างคุ้นเคย พร้อมเผื่อแผ่รอยยิ้มไปให้กับหญิงสาวที่ควงแขนเข้ามาด้วยกันตามนิสัยพนักงานบริการที่ดี ไม่สนใจสายตาเหยียดๆที่อีกฝ่ายส่งมาให้ เพราะชินเสียแล้วกับสายตาทุกรูปแบบที่ต้องเจอในอาชีพ มองแว่บเดียวก็จำได้ว่าหล่อนเป็นนางแบบที่กำลังมีชื่อเสียง ไม่รู้คุณกล้าชอบไปได้ยังไงผอมยังกับกุ้งแห้ง บริการหนุ่มนึกนินทาเพื่อนเจ้านายในใจ ด้วยหุ่นของสาวที่กล้าตะวันควงมานั้นเป็นแบบสมัยนิยมคือผอมจนเห็นกระดูก ยิ่งเจ้าหล่อนแต่งตัวโชว์ส่วนโค้งส่วนเว้ายิ่ง...เฮ้อ ไม่เห็นอะไรเล้ย
กล้าตะวันจูงมือคู่ควงเดินดิ่งไปตามที่บริกรบอกด้วยความเคยชิน เขามาที่นี่บ่อยจนกลายเป็นที่ประจำ ด้วยชอบบรรยากาศของร้านอาหารกึ่งผับ เสียงเพลงถูกหู เหมาะแก่การพูดคุยและละเลียดเครื่องดื่มได้อย่างสบายอารมณ์ พนักงานในร้านคุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดี ด้วยเป็นเพื่อนเจ้าของร้านประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งคือรูปลักษณ์ที่เด่นสะดุดตาของเขาที่ใครๆเห็นเพียงครั้งเดียวก็ต้องจำได้ ร่างสูงแข็งแรงแบบคนเล่นกีฬาเป็นประจำ ผิวค่อนข้างขาวแต่ด้วยการที่ชอบอยู่กลางแจ้งมากกว่าทำให้ผิวที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมาเข้มกว่าสีผิวจริงนัก ดวงตาดำใหญ่ภายใต้คิ้วหนา ดูเหมือนจะบอกอารมณ์ของเจ้าของได้อย่างชัดเจนเสมอไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ใด จมูกโด่งเป็นสันรับกับปากได้รูปสวยที่คล้ำไปบ้างเพราะเจ้าของสูบบุหรี่เป็นประจำ ผมหยักศกตัดสั้นเรียบร้อยสะอาดตา ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมตลอดเวลาทำให้ดูดุไปบ้าง แต่ยามใดที่เขายิ้มหรือหัวเราะ มันก็ทำให้เขาดูเป็นหนุ่มน้อยอารมณ์ดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ไงวะกล้า ทำไมเพิ่งมา ไหนว่าไปดูแฟชั่นโชว์เพชร ได้มากี่กะรัตวะ” เพื่อนเขาทัก
“นั่นสิ ส่งแม่เรียบร้อยแล้วเหรอพี่กล้า” ชายหนุ่มอีกคนแทรกขึ้น
“เออ เพราะนายคนเดียว เบี้ยวแม่ ฉันเลยต้องไปแทน” กล้าตะวันชี้หน้าน้องชายในไส้อย่างอาฆาต
“แหม ถ้าคุณกล้าไม่ไปงานนี้ เราคงไม่ได้เจอกันมั้งคะ” แพทหรือประภัสสรคู่ควงของเขาเอ่ยขึ้นอย่างมีจริต ทำเอาเจ้าน้องชายตัวดียักคิ้วแผลบให้
“คุณแพทครับ นี่ภานุวัฒน์ เจ้าของที่นี่ แล้วนั่นกรชนก น้องชายผม เรียกว่ากรเฉยๆก็ได้” ชายหนุ่มแนะนำหล่อนกับผู้ที่นั่งอยู่ก่อน “แล้วนี่คุณแพท เจอกันที่งานเมื่อตอนค่ำ”
ดูดีทั้งพี่ทั้งน้องนางแบบสาวคิดในใจ น้องชายหน้าตาแทบจะถอดแบบจากพิมพ์เดียวกัน มีเพียงสีผิวเท่านั้นที่ดูขาวกว่า ดวงตาคู่นั้นไม่คมกล้าเท่า ท่าทางติดจะขี้เล่นและกะล่อนกว่าพี่ชายมากมายนัก ถ้าที่เพื่อนๆหล่อนคุยกันเมื่อตอนเย็นไม่ผิด ความน่าสนใจของหนุ่มที่หล่อนควงมาไม่ได้อยู่ที่หน้าตาอย่างเดียว หากอยู่ที่ฐานะของครอบครัวที่ได้รับการยืนยันจากเพื่อนๆนางแบบด้วยกันว่าเข้าขั้น ถ้าใครได้ไปเป็นสะใภ้คงสบายไปหลายชาตินั่นซะมากกว่า ที่น่าเป็นห่วงก็คือเขาไม่เคยควงสาวคนไหนนาน สาวๆในวงการนางแบบเคยควงเขามาแล้วหลายคน ทั้งพี่ทั้งน้องลื่นยิ่งกว่าปลาไหลยังไม่มีใครจับติด ตัวหล่อนเองก็อดหวังอยู่ลึกๆในใจไม่ได้ว่าถ้าเขาหยุดที่หล่อนได้ก็คงจะดี ประภัสสรทรุดตัวนั่งลงข้างๆชายหนุ่ม ตามแรงมือที่เขาดึงหล่อนให้นั่งลงข้างกายเขา
“คุณผู้หญิงจะดื่มอะไรดีคะ” บริการหญิงเข้ามาถามหล่อนอย่างนอบน้อม
“คุณกล้าแนะนำแพทหน่อยสิคะ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง” หล่อนสอดมือเข้าไปในอุ้งมือของชายหนุ่มกระตุกเบาๆ ทำท่าเอียงคอยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม
“คุณดื่มไวน์ได้ไหมครับ” เขาหันมามองหน้าหล่อนเต็มๆตา แม่สาวคนนี้ไม่ได้มีอะไรต่างจากดารานางแบบที่เขาเคยควงมาเลย
“ดีค่ะ คุณกล้าสั่งให้แพทหน่อยแล้วกันค่ะ แพทไม่ค่อยทราบเรื่องไวน์เท่าไร”
ชายหนุ่มหันไปบอกบริการสาวที่ยืนรอให้บริการอยู่ ก่อนจะหันไปรับแก้วบรั่นดี ที่น้องชายส่งมาให้
“แล้วไง ทำไมนายมาคนเดียวละวันนี้” พี่ชายถามอย่างแปลกใจ
“แอนเขาติดถ่ายละคร แต่เดี๋ยวจะตามมาพาเพื่อนมาด้วย ผมไม่รู้ว่าพี่จะมีมาเองนี่นา” กรชนกเอ่ยชื่อสาวคนล่าสุดที่เขาควงอยู่ ประโยคหลังเขาลดเสียงลงให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ก็ไม่ได้ตั้งใจ” กล้าตะวันยักไหล่ ก็เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆนี่นา เขาเจอเจ้าหล่อนตอนที่เจ้าของงานพามาแนะนำให้รู้จัก เพราะแม่เขาสนใจสร้อยเส้นที่อยู่บนคอหล่อน แต่ดูหล่อนจะสนใจเขามากกว่า ตามสัญชาตญาณของผู้ชาย เขาทำความรู้จักและนัดแนะออกมาที่นี่ด้วยกันหลังจากส่งมารดาเสร็จ และก็รู้ดีว่าคืนนี้มันจะจบลงที่ไหน

ไม่นานนักสาวๆที่กรชนกเอ่ยถึงก็มา คู่ควงคนล่าสุดของเขาเป็นนางเอกละครทีวี เพิ่งเริ่มเล่นละครได้ไม่นาน แต่คนก็รู้จักหล่อนจากการประกวดเวทีใดเวทีหนึ่ง กรชนกเองก็ไม่ได้ใส่ใจ ขอให้สวยแล้วก็คุยกันรู้เรื่องสักระยะนึงก็พอแล้วสำหรับเขา กล้าตะวันกับเขายังไม่คิดที่ปักหลักที่สาวคนไหนอยู่แล้ว และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่คุณกรุณามารดาของทั้งคู่อารมณ์เสียทุกครั้งที่พูดถึง
แอนหรืออัญชิสาพาเพื่อนมาด้วยอีกสองคน คนนึงเป็นสาวหน้าตาสะสวยใช้ได้ชื่อเหมือนนางในวรรณคดี...แก้วกัลยา ที่ได้รับการแนะนำว่าเป็นเพื่อนนางเอกในละครที่กำลังถ่ายทำกันอยู่ อีกคนเป็นสาวสวยจัด...สวยกว่านางเอกเสียอีกหล่อนแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ด กระโปรงยีนส์ตัวสั้นคืบกว่าๆ อวดเรียวขาเนียนสวย ดีว่าได้เสื้อเกาะอกสีขาวชายยาวทิ้งตัวเกือบถึงหัวเข่าช่วยลดความหวาดเสียวเวลาเจ้าหล่อนลุกนั่งไปได้เยอะคนนี้เป็นนางร้าย อัญชิสาเรียกหล่อนว่าพี่พักตร์หรือพักตร์พิลาสท่าทางหล่อนจะอาวุโสสุด แต่คงจะไม่มากนักหรอกดูจากหน้าตา
“แพทไม่ทราบว่าจะมีดาราละครมาด้วย” หล่อนกระซิบกับกล้าตะวัน
“ทำไมละครับ” เขาถามอย่างแปลกใจ
“ปกติพวกเราไม่ค่อยได้เจอกันหรอกค่ะ มันคนละเส้นทาง” หล่อนเก็บคำว่าคนละระดับไว้ได้ทัน ถ้าเพื่อนนางแบบมาเห็นหล่อนนั่งร่วมโต๊ะกับดาราละครทีวีคงโดนล้อแย่ กล้าตะวันจับกระแสดูถูกในน้ำเสียงของหล่อนได้ รู้สึกไม่พอใจนิดหน่อย อย่างน้อยเขาเองก็รู้สึกว่าดารานางแบบเนี่ยมันก็ไม่เห็นจะคนละเส้นทางตรงไหน ก็พวกโชว์หน้าตา ร่างกายให้คนอื่นดูเหมือนกัน
“สาวๆ ดื่มอะไรกันดีครับ” ภานุวัฒน์ ถามในฐานะเจ้าบ้านหลังจากแนะนำให้ทุกคนรู้จักกันอย่างเรียบร้อยแล้ว เขามีทีท่าจะสนใจนางรองอย่างเห็นได้ชัด “คุณแก้วอยากดื่มอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ที่นี่เราทำได้ทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการเลยนะครับ”
“แก้วกับแอนขอน้ำผลไม้ดีกว่าค่ะ พรุ่งนี้ต้องออกกองแต่เช้าเดี๋ยวลุกไม่ไหว” อัญชิสาเป็นคนตอบเสียเอง
“เป็นดารานี่ลำบากใช่เล่นนะคะ เหนื่อยก็เหนื่อยแถมยังต้องถึงเนื้อถึงตัวกับดาราชายไม่รู้กี่คนต่อกี่คนอีกต่างหาก มีละครมาติดต่อแพทให้ไปเป็นนางเอกอยู่เหมือนกัน แต่แพทปฏิเสธไปหมดไม่อยากเปลืองตัว” ประภัสสรยิ้มหวานขัดกับน้ำเสียงโดยสิ้นเชิง
“พักตร์ขอบรั่นดีเหมือนพวกคุณดีกว่าค่ะ ไม่ค่อยชินกับเหล้าแบบผู้หญิงเท่าไร” ก่อนที่จะตวัดตาคู่สวยที่กรีดอายไลเนอร์จนดูคมเฉี่ยว มองแก้วไวน์ในมือประภัสสร “มันดูกระแดะยังไงไม่ทราบ”
กล้าตะวันเกือบกดยิ้มไว้ไม่อยู่ ผู้หญิงคนนี้แสบใช่เล่น ไม่ยักกะรู้ว่าเดี๋ยวนี้นางร้ายในละครกับตัวจริงต้องมีบุคลิกใกล้เคียงกัน
สามหนุ่มสี่สาวคุยกันอย่างออกรส ด้วยคุ้นชินกับการออกสังคม พบเจอคนแปลกหน้ากันอยู่บ่อยๆ มีเพียงประภัสสรเท่านั้นที่ไม่ค่อยสนุกเท่าคนอื่น ด้วยไม่พอใจนักกับการร่วมโต๊ะกับดาราละครทีวี ที่นอกจะสวยเกินหน้าเกินตาหล่อนแล้ว ยังพูดจาไม่ค่อยเข้าหูหล่อนเท่าไร โดยเฉพาะแม่นางร้ายนั่น ขัดหูขัดตาหล่อนมากเป็นพิเศษ ถ้าไม่ติดต้องรักษาภาพต่อหน้าหนุ่มๆแล้วละก็ คงได้มีการอาละวาดกันบ้าง
-----------------------------------------------------------------------
“ให้ตายเถอะลูกชายฉัน เที่ยงแล้วเพิ่งจะเสด็จกันลงมา” คุณกรุณาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูกชายสองคนลงมาร่วมโต๊ะอาหารกลางวัน “ไงจ๊ะพ่อหนุ่มโสดแห่งปี เห็นเด็กมันว่าคุณกล้ากลับมาเมื่อตอนหกโมงเช้า ส่วนคุณกรกลับมาแปดโมง” หล่อนประชดแถมให้
“โธ่แม่ครับ วันนี้วันอาทิตย์” กรชนกหอมแก้มมารดาอย่างประจบ
กล้าตะวันขอกาแฟกับแม่สาวที่คอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ ก่อนคว้าหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านโดยไม่สนใจว่ามารดาจะว่าอย่างไร ปล่อยให้น้องชายเป็นฝ่ายออดอ้อน เดี๋ยวแม่ก็อารมณ์ดีขึ้นเองแหละ
“แม่ไม่ได้ว่าเรื่องตื่นสาย แม่ว่าเรื่องไปไหนกันมา อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะว่าไปค้างกับสาวๆที่ไหนมา”
“หรือแม่จะให้ผมกับพี่กล้าไปค้างกับหนุ่มละครับ”
“นายไปคนเดียวเลย แล้วไม่ต้องชวนฉัน” คนเป็นพี่ท้วง
คุณกรุณาถอนหายใจ เรื่องช่างเจรจาลดเลี้ยวน่ะ ไม่มีใครเกินสองคนพี่น้องนี้ไปได้เลย ยิ่งเรื่องอย่างนี้ยิ่งเข้าคู่กันได้ดิบดี
“แม่ครับ ผมสองคนเป็นผู้ชาย ซ่อกแซ่กไปบ้างมันไม่เสียหาย อีกอย่างเราก็ไม่ได้หลอกใคร เขามากันเองทั้งนั้น พวกผมรับรองว่าไม่ได้ปล้ำเขาอย่างแน่นอน แล้วเราสองคนก็ระวังตัว รับรองแม่จะไม่มีหลานโดยไม่ตั้งใจ” วาจาตรงไปตรงมาของพี่ชายทำเอากรชนกหัวเราะอย่างอดไม่ได้
“นี่พ่อ ไม่คิดจะพูดอะไรมั่งหรือไงให้แม่โวยวายอยู่คนเดียว” เมื่อว่าลูกไม่ได้ หล่อนก็สะบัดไปทางสามีที่นั่งกินข้าวอย่างเงียบๆโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น คุณตรัสเงยหน้าขึ้นทำท่าอันเป็นที่รู้กันกับลูกชายว่า คุณกรุณากำลังจะเริ่มเทศนาอีกแล้ว
“โธ่แม่ จะให้พ่อว่าอะไรได้ พูดมากไปลูกมันจะรำคาญซะเปล่าๆ”
“อ๋อดีนี่ ก็เลยให้ฉันกลายเป็นคนที่ลูกรำคาญอยู่คนเดียวละสิ” หล่อนประชดให้ “กล้ากับกรก็เหมือนกัน เลิกทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาซะที แล้วไอ้พวกดารานางบ่งนางแบ่บอะไรน่ะแม่ขอได้ไหม ลูกคุณหญิงคุณนายเพื่อนแม่เยอะแยะ ร่ำรวยสวยสะกว่า ทำไมมันเลือกกันมาสักคนนะ” หล่อนวกมาที่สองหนุ่มอีก “วันนี้แม่จะไปวันเกิดคุณหญิงสุรีรัตน์เราสองคนต้องไปกับแม่ ห้ามปฏิเสธ แม่อยากให้แกรู้จักหนูวรรณลูกสาวคุณหญิง เพิ่งจบโรงเรียนกุลสตรีมาจากสวิตซ์ น่ารักเชียวแม่ชอบ”
“ให้กรไปคนเดียวนะครับ ผมพึ่งไปงานเพชรกับแม่มาเมื่อวาน” พี่ชายชิงพูดก่อน “เดี๋ยวผมต้องออกไปซื้อของให้ลุงตรัย ว่าจะไปหาสักหน่อยไม่ได้ไปมานานแล้ว” เขาหาธุระให้ตัวเองจนได้
ลุงตรัยที่ชายหนุ่มเอ่ยถึงเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณตรัส รักใคร่สนิทสนมกันดีราวกับเป็นพี่น้องคลานตามกันมา มีกิจการฟาร์มปศุสัตว์และสวนผลไม้ใหญ่โตอยู่ทางภาคตะวันออก คุณตรัยเป็นหนุ่มโสดไม่มีลูกหลานสืบทอดกิจการ รักทั้งกล้าตะวันและกรชนกเหมือนลูก และเคยเอ่ยปากขอหนึ่งในสองหนุ่มให้ช่วยสืบทอดกิจการด้านการเกษตรของแก ด้วยความเสียดายว่าสิ่งที่แกก่อร่างสร้างมาจะต้องมาหมดถ้าแกเกิดเป็นอะไรไป ดังนั้นตั้งแต่เล็กๆพอโรงเรียนปิดเทอมทั้งสองก็จะถูกส่งไปอยู่กับลุงตรัย นอกจากความสนุกสนานตามประสาเด็กผู้ชายแล้ว ก็ยังได้ปลูกฝังความชอบลงในตัวของเด็กๆด้วย และก็ดูเหมือนว่ากล้าตะวันจะรับมามากกว่า ชายหนุ่มชอบขี่ม้า ชอบการใช้ชีวิตกลางแจ้ง นิสัยใจร้อนเอะอะโผงผางของเขาส่วนหนึ่งก็ได้มาจากคุณตรัยนั่นเอง
“นี่พี่กล้า ผมว่านะถ้าซื้อที่ต่อออกไปอีกหน่อยให้มันเลยไปถึงริมแม่น้ำด้านโน้นน่าจะดี ที่เราเคยคุยกันไว้เรื่องทำรีสอร์ท พี่ว่าไง” กรชนกถามอย่างเอาการเอางาน
“ก็ดีนะ พี่ปรึกษากับลุงตรัยแล้วแกก็เห็นด้วย ติดแต่ว่าตอนนี้เจ้าของที่เขาไม่ค่อยว่างมาคุยกับเรา แล้วที่เขาก็สวยมากน่าจะมีคนสนใจอยู่หลายคน”
พอเริ่มคุยเรื่องงาน ผู้เป็นพ่อก็เข้าร่วมวงสนทนาอย่างออกรส ทำเอาคุณกรุณากลายเป็นส่วนเกินไปเสียนี่ แต่หล่อนก็อดภูมิใจกับภาพนี้ของครอบครัวของหล่อนไม่ได้ ท่าทีขี้เล่นและความเป็นเพลย์บอยหนุ่มกลับหายไป เหลือแต่มาดนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ สองพี่น้องมักจะปรึกษากันเรื่องงานอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานที่ฟาร์มหรือบริษัทของตัวเอง แม้กิจการทุกอย่างจะเรียกได้ว่าอยู่ตัวแล้วก็ตาม แต่ในโลกของธุรกิจคู่แข่งใหม่ๆก็เกิดขึ้นมาได้ตลอด การปรับเปลี่ยนแผนการบริหารจัดการให้ทันสมัยอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องจำเป็น และด้วยความรู้ความสามารถของสองหนุ่มบวกกับประสบการณ์ที่สั่งสมมาของคุณตรัสผู้เป็นพ่อหรือคุณตรัยผู้เป็นลุง ทำให้คู่แข่งทั้งหลายรู้ดีว่าการที่จะโค่นพวกเขาให้ล้มนั้นเป็นเรื่องยากเสียเหลือเกิน แค่การได้ส่วนแบ่งการตลาดมาบ้างก็ถือว่าประสบความสำเร็จเพียงพอแล้ว
-----------------------------------------------------------------------

“ไงวะกร ไปงานเลี้ยงวันเกิดคุณหญิงสุรีรัตน์กับแม่มาเป็นไงบ้าง” กล้าตะวันถามยิ้มๆ เมื่อเห็นกรชนกหน้าบูดกลับมา
“น่าเบื่อจะตาย ถ้าพี่กล้าไปนะ ผมว่าพี่คงกลับตั้งแต่สองนาทีแรกที่ก้าวเข้าไปในงานแล้ว” น้องชายว่าอย่างเซ็งๆ
“ฉันไม่ใช่คนไร้มารยาทขนาดนั้นหรอกน่า”
“จริงๆนะ ผมนึกว่าไปงานประกวดเพชร มีแต่คุณหญิงคุณนายแก่ๆ ใส่เพชรกันอย่างกับลิเก สาวๆสวยๆที่คุณแม่โฆษณาไว้ไม่เห็นจะมี”
“แล้วลูกสาวคุณหญิงที่คุณแม่ให้ไปดูละเป็นไง”
“หน้าตาใช้ได้ แต่นุ่มนิ่มเหลือเกิน ทำอย่างกับหลุดมาจากอยุธยาตอนต้น” ยามจะปากจัดขึ้นมา กรชนกก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน
“เกินไป” พี่ชายว่า
“ผมว่าถ้าเจอพี่ พี่ต้องพูดมากกว่าผม คุณลูกน่ะไม่เท่าไรแต่คุณหญิงแม่แกดูท่าอยากได้ลูกเขยเหลือเกิน เห็นบ่นว่าอยากเห็นลูกชายคนโตของแม่นักหนาว่าจะเหมือนผมหรือเปล่า”
พี่ชายแทบสำลักกาแฟที่เพิ่งจิบเข้าไป “เฮ้ย แล้วมาเกี่ยวอะไรกับฉัน ดูนายคนเดียวก็น่าจะพอแล้ว ฉันไม่ใช่ลิงในสวนสัตว์นะโว้ย ที่ใครนึกอยากจะดูก็เข้ามาดูน่ะ”
“สายไปแล้วพี่ชาย ผมได้ยินว่าอาทิตย์หน้า คุณหญิงสุรีรัตน์กับลูกสาวจะมากินข้าวเย็นบ้านเรา เห็นทีจะเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว” กรชนกตบไหล่พี่ชายก่อนจะขอตัวไปพักผ่อน
-----------------------------------------------------------------------
“เจ้านายคะ ข้างล่างโทรขึ้นมาบอกว่าคุณแพทมา จะให้พบหรือเปล่าคะ” เสียงสินีนาถเลขาฯหน้าห้องเขาโทรเข้ามาบอก
“ผมไม่มีนัดอะไรอีกแล้วใช่ไหม”
“วันนี้ไม่มีแล้วค่ะ มีแต่คุณกรุณาโทรมาย้ำเรื่องให้กลับไปทานอาหารเย็นที่บ้านวันศุกร์นี้ให้ได้ค่ะ”
“โอเค ผมไม่ลืมหรอก บอกข้างล่างว่าให้เขาขึ้นมาแล้วกัน”
ในไม่ช้าประตูห้องทำงานเขาก็ถูกเคาะ ร่างโปร่งบางของประภัสสรในชุดรุ่มร่ามราวกับเพิ่งเดินแบบเสร็จก็ถลันเข้ามา หล่อนถลาราวนกปีกหักเข้ามานั่งตักเขา จูบแก้มซ้ายขวา ทำตาวิบวับ
“แพทคิดถึงคุณกล้าม้ากมาก อดใจไม่ไหวถึงต้องมาหาถึงนี่” หล่อนออดอ้อนพร้อมกับซบหน้าลงกับอกกว้าง
“คราวหน้าคุณแพทโทรมาก่อนดีกว่านะครับ เผื่อบางทีผมติดประชุมอยู่คุณจะได้ไม่มาเสียเที่ยว” จริงๆแล้วคือ เขาจะได้หลบทันต่างหาก ชายหนุ่มพยายามที่จะดึงหล่อนให้ออกห่าง “ตอนนี้ผมว่าคุณปล่อยผมก่อนดีกว่า เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี”
“คุณไม่คิดถึงแพทหรือคะ เสียแรงแพทอุตส่าห์ดั้นด้นมาหา” หล่อนว่างอนๆ
“ผมว่าคุณลุกขึ้นนั่งดีๆก่อนดีกว่า” เสียงของชายหนุ่มเริ่มเข้มขึ้น ทำเอาประภัสสรต้องจำใจลุกจากตักมานั่งเก้าอี้สำหรับแขกตรงข้ามกับโต๊ะเขา
“วันนี้คุณว่างหรือ ออกไปทานข้าวกลางวันกันไหม” เขาเอ่ยปากชวน เหมือนเป็นการง้อหล่อนกรายๆ “คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
หล่อนบอกชื่อร้านอาหารญี่ปุ่นในโรงแรมดังกลางเมืองโดยไม่ลังเล ชายหนุ่มยกหูโทรศัพท์สั่งเลขาฯให้โทรจองที่ เพราะรู้ดีว่าเวลากลางวันที่นั่นคนเยอะขนาดไหน
ให้ตายเถอะเป็นเศรษฐีนี่มันดีจริงๆ อยากได้อะไรก็ยกหูสั่งให้คนจัดการให้ ถ้าปล่อยให้ผู้ชายคนนี้หลุดมือไป เพื่อนๆคงรุมด่าหล่อนว่าโง่น่าดู
“ไปกันหรือยังครับ ช้ากว่านี้เดี๋ยวรถจะติด” เสียงของเขาปลุกหล่อนจากภวังค์
“ไปสิคะ” หล่อนยิ้มหวานตอบ ก่อนลุกตามเขาออกจากห้องโดยไม่ลืมที่จะควงแขนชายหนุ่ม วางมาดแสดงความเป็นเจ้าของเขาอย่างเต็มที่
กล้าตะวันหยุดสั่งงานเลขาฯสองสามประโยค ก่อนลงลิฟท์สำหรับผู้บริหารมายังรถคันหรูที่มีคนนำมาจอดเทียบไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มเปิดประตูให้หล่อนขึ้นไปนั่งก่อนที่จะอ้อมไปประจำที่คนขับ นำรถเคลื่อนที่ไปยังจุดหมาย ตลอดเวลาประภัสสรเชิดศีรษะตรงนิ่ง คอของหล่อนที่ยาวอยู่แล้วยิ่งดูยาวขึ้นไปอีก เขาอยากจะถามหล่อนเหมือนกันว่าไม่เมื่อย ไม่กลัวคอเคล็ดบ้างหรืออย่างไร
-----------------------------------------------------------------------

“พี่พักตร์คะ ช่วยแอนดูหน่อยสิว่านั่นใช้คุณกล้าตะวัน พี่ชายคุณกรหรือเปล่า” อัญชิสาหันไปสะกิดให้เพื่อนรุ่นพี่ดู ชายหนุ่มร่างสูงที่เพิ่งก้าวเข้ามาในร้านอาหารพร้อมกับมีหญิงสาวคล้องติดอยู่ที่แขน กำลังเดินตามพนักงานเข้ามาทางที่หล่อนสองคนกำลังนั่งอยู่ ความโดดเด่นทั้งหน้าตาและรูปร่างทำให้ทั้งสองเป็นจุดสนใจได้ไม่ยาก“ใช่สิ พี่จำนางแบบคนนั้นได้” พักตร์พิลาสว่า “ดูเหมือนเขาจะเดินตรงมาทางเรานะแอน”
“แอนคงต้องเข้าไปทักเขา”
“เดี๋ยวก่อนก็ได้ ไว้ให้เขาได้ที่นั่งก่อนแล้วกัน”
พักตร์พิลาสไม่ค่อยอยากเจอเขาเท่าไรนักหรอก จริงๆแล้วไม่ใช่ตัวเขาแต่เป็นแม่คู่ควงเขาต่างหากที่หล่อนไม่ถูกชะตา คนอะไรดูถูกคนอื่นเห็นงานคนอื่นต่ำต้อยกว่าของตัว แต่เหมือนเบื้องบนกลั่นแกล้ง กล้าตะวันกับประภัสสรได้โต๊ะใกล้กับหล่อน เขาขมวดคิ้วนิดๆเมื่อเห็นหน้าหล่อนรู้สึกเหมือนเคยเจอกันมาก่อน ส่วนคนตัวติดกับเขานั้นสะบัดหน้าพรืดราวเกลียดกันมาแต่ปางไหน พักตร์พิลาสส่งยิ้มนิดๆให้เขา คิ้วเข้มนั้นคลายลงเมื่ออัญชิสาลุกขึ้นพนมมือไหว้ ทำให้ชายหนุ่มเดินตรงมาหาสองสาว
“คุณแอนกับคุณพักตร์นั่นเอง ไปไงมาไงครับนี่ นัดนายกรไว้หรือเปล่าครับ” เขาถามคู่ควงคนล่าของน้องชาย
“เปล่าหรอกค่ะ จริงๆวันนี้แอนมีถ่ายละคร แต่พอดีพระเอกเกิดป่วยกะทันหัน ก็เลยต้องยกกอง เราสองคนไม่รู้จะไปไหนก็เลยมาหาอะไรทานกันน่ะค่ะ ได้ยินว่าที่นี่อาหารอร่อยมากก็เลยชวนพี่พักตร์มาลอง” อัญชิสาว่าพลางพยักหน้าไปทางเพื่อนร่วมโต๊ะ
กล้าตะวันหันไปทักทายหล่อนตามมารยาท ผู้หญิงคนนี้แต่งตัวสวยได้ใจดีเหลือเกิน หายากนักผู้หญิงที่กล้าแต่งตัวแล้วออกมาสวยได้เท่า เสื้อสายเดี่ยวสีเดียวกับกางเกงเข้ารูปสีขาว ตัดด้วยเข็มขัดเส้นโตสีชมพูสด ผมยาวสลวยรวบสูงปล่อยหางม้ายาวเคลียแผ่นหลัง เผยให้เห็นใบหน้าเรียวได้รูปแต่งอ่อนๆดูสดใสไปอีกแบบ
“แพทไม่ยักกะรู้นะคะว่า นางเอกกับนางร้ายนี่เขาเข้ากันได้ดีเวลาอยู่นอกจอ เห็นชอบตบตีแย่งผู้ชายกัน” ประภัสสรก้าวเข้ามาร่วมวงสนทนาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
ชายหนุ่มเห็นประกายวาบขึ้นในดวงตาของหญิงสาวทั้งสอง ดูเหมือนนางเอกจะระงับอารมณ์ได้มากกว่า หล่อนหันหน้าหนีไปเสียอีกทาง แต่คงไม่ใช่กับนางร้ายแน่ๆ
“ดิฉันก็ไม่ยักกะทราบเหมือนกันว่า นางแบบไฮโซอย่างคุณแพทจะดูละครน้ำเน่าของพวกเราเหมือนกัน ส่วนใหญ่แฟนละครที่ดิฉันเจอเขาจะแยกแยะได้ว่าอันไหนเป็นเรื่องในละครอันไหนเป็นเรื่องจริง พวกที่แยกแยะไม่ค่อยได้ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กตัวเล็กๆหรือไม่ก็พวกเรียนมาน้อย ไม่ทราบคุณแพทอยู่ในประเภทไหนคะ” พักตร์พิลาสยิ้มหวานใส่หน้าประภัสสร ทำท่าตั้งอกตั้งใจรอฟังคำตอบจากอีกฝ่าย ที่ยืนตัวสั่นราวกับต้องการจะกรี๊ดออกมาดังๆ มากกว่าอยากตอบคำถามนั่น
“ผมว่าเราไปนั่งที่เราดีกว่าไหมครับคุณแพท รบกวนเวลาทานอาหารของคุณแอนกับคุณพักตร์” ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดี รีบตัดบท แยกคู่กรณีออกจากกันเสียจะดีกว่าก่อนจะเกิดการปะทะกันให้ได้อายกันทั่วหน้า “ขอตัวก่อนนะครับ”
เจ้าของโต๊ะยิ้มให้กับเขาอย่างเป็นมิตร ก่อนที่จะหันไปสนใจอาหารตรงหน้า ทำท่าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คุณกล้าไม่เห็นหรือคะว่า แม่นางร้ายนั่นด่าแพท” นางแบบสาวตีโพยตีพาย
“เอาน่า คุณอย่าไปสนใจเขาเลย ไหนคุณว่าอยากทานอาหารร้านนี้นักหนา” เขาเองก็เริ่มอ่อนใจกับหล่อนเหมือนกัน “คุณไม่กลัวเป็นจุดสนใจหรือไง อย่าลืมนะว่าคุณเองก็เป็นคนที่ใครๆก็รู้จัก อย่าให้มามีเรื่องมีราวกันเลย ผมว่า” นั่นเองแหละเจ้าหล่อนถึงสงบอารมณ์ลงไปได้
ตลอดเวลารับประทานอาหาร เขาสังเกตเห็นมีคนที่คงจะเป็นแฟนละครของสองสาวแวะเวียนเข้ามาพูดคุยเป็นระยะๆ แต่ดูทั้งสองไม่ได้แสดงอาการรำคาญหรือเบื่อหน่าย กลับยิ้มแย้มแจ่มใสแจกลายเซ็นต์ให้เป็นอย่างดี ไม่เหลือเค้าความเป็นนางร้ายที่เขาเห็นเมื่อครู่ไว้เลยแม้แต่น้อย สงสัยเจ้าหล่อนคงจะเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
-----------------------------------------------------------------------

“แกสองคนนี่ เป็นลูกที่ดีเหมือนกันนะเนี่ย” คุณตรัสอดแซวลูกชายไม่ได้ เมื่อเห็นกล้าตะวันกับกรชนกกลับบ้านแต่หัววัน ตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ให้กลับมากินข้าวเย็นให้ได้ เพราะว่าวันนี้จะมีแขกพิเศษมาทานข้าวที่บ้าน ให้เบื่อหน่ายยังไงสุดท้ายสองหนุ่มก็ไม่กล้าขัดใจมารดาผู้เป็นที่รักยิ่งอยู่ดี
“พ่อก็เหมือนกันแหละ วันนี้มีก๊วนไม่ใช่หรือครับ” กล้าตะวันถาม เพราะรู้ดีว่าทุกวันศุกร์เว้นศุกร์บิดาต้องมีสังสรรค์กับก๊วนตีกอล์ฟด้วยกัน
“จริงๆแล้ว เราน่ะเป็นผู้ชาย ยังไงก็เป็นผู้นำ ทำไมเราถึงให้ผู้หญิงคนเดียวมาสั่งเราได้ เราควรปฏิวัติดีมั๊ยครับพ่อ” กรชนกเกิดอยากจะเรียกร้องสิทธิขึ้นมา เริ่มปลุกระดมมวลชน
“มันก็น่าจะได้ละนะ ถ้าผู้หญิงที่แกพูดถึงไม่ใช่เมียพ่อ หรือว่าแม่แกเอง” คนเป็นพ่อประชดกลับ ก่อนจะพากันหัวเราะเป็นที่ครื้นเครง

แขกพิเศษมาถึงแล้ว คุณกรุณาออกไปรับถึงหน้าบ้าน ดูหล่อนตื่นเต้นเป็นนักหนา ก็แม่สาวน้อยที่หล่อนหมายตาให้ลูกชายนั้น ถึงหน้าตาจะไม่สวยเด่นเหมือนบรรดาคู่ควงของลูกชายที่หล่อนเห็นโฉบไปโฉบมาตามหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ความมีหน้ามีตาฐานะที่ทัดเทียมกัน ก็ทำให้หล่อนดูสวยขึ้นในสายตาของคนเป็นแม่ที่อยากจะให้ลูกชายลงหลักปักฐานเสียทีกับคนที่เหมาะสมกัน
คุณหญิงสุรีรัตน์กับลูกสาวมาในเครื่องแต่งกายราวกับมางานกาล่าดินเนอร์ สองหนุ่มอดค่อนในใจไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวันนี้แม่ของเขาถึงประโคมเครื่องเพชรเสียมากมายขนาดนั้น ผู้เป็นลูกสาวนั้นดีกว่าหน่อย หล่อนมาในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนยาวกรอมเท้า ผมสีดำปล่อยยาวสยายคาดศีรษะด้วยผ้าผืนโตสีเดียวกับชุด ผิวขาวจัดนั้นดูซีดเมื่อหล่อนก้าวเข้ามาสู่แสงไฟสว่างในตัวบ้าน ใบหน้าได้รับการตบแต่งมาอย่างดี พอจะช่วยให้หล่อนไม่จืดชืดจนเกินไปนัก
สองหนุ่มกระพุ่มมือไหว้คุณหญิงสุรีรัตน์อย่างงดงาม
“ไหว้พระเถอะจ้ะ คนนี้คงเป็นกล้าตะวันคนพี่ใช่ไหม คราวก่อนวันเกิดป้าไม่ยอมไปงานนะ”
“ผมต้องขอประทานโทษคุณหญิงป้าด้วยครับ เผอิญผมติดธุระสำคัญจริงๆ” ชายหนุ่มยกมือไหว้ขอโทษอีกครั้ง “รับรองงานปีหน้าผมไปแน่ๆครับ”
“หนูวรรณของแม่ สวัสดีพี่เขาสิจ๊ะ” คุณหญิงรุนหลังลูกสาวให้ทำความรู้จักกับสองหนุ่ม
“กรชนกเคยเจอกันแล้วนี่นา คนนี้พี่กล้า กล้าตะวันลูกชายคนโตของน้าจ้ะ” คุณกรุณาอาสาเป็นผู้แนะนำ
หญิงสาวยกมือไหว้สองหนุ่มอย่างแช่มช้อย หล่อนเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบชั้นดี กล้าตะวันเกรงว่าคนมือหนักๆอย่างเขาจับหล่อนเบาๆหล่อนอาจจะแตกได้เหมือนกัน น่าจะเหมาะกับเจ้ากรมากกว่า อย่างน้อยมันก็มือเบากว่าเขาเยอะ
ส่วนกรชนกก็ว่าหล่อนน่าจะเหมาะกับคนอย่างพี่ชายมากกว่า ความอ่อนหวานของหญิงสาวน่าจะเหมาะกับคนแข็งๆอย่างกล้าตะวันจะได้ถ่วงดุลย์กัน เขาคงทนไม่ได้ถ้าจะต้องมีเมียเงียบๆติ๋มๆ เขาชอบคนประเภทที่เขาสามารถพูดคุยปรึกษาได้ทุกเรื่องมากกว่า
บรรยากาศอาหารเย็นเป็นไปอย่างเรียบร้อย คุณกรุณากับคุณหญิงสุรีรัตน์เป็นผู้ควบคุมการสนทนาแทบจะทั้งหมด นานๆทีคุณตรัสจะออกความเห็นบ้างยามถูกภรรยากระตุ้น ส่วนสองหนุ่มพี่น้องก็ชวนหญิงสาวคุยตามมารยาท แต่วรรณรดาก็ไม่ได้เป็นเพื่อนคุยที่ดีสักเท่าไรเลย ถามคำหล่อนก็ตอบคำบางทีก็ได้แต่ยิ้มอายๆ คำตอบส่วนใหญ่ของหล่อนคือ “แล้วแต่คุณแม่ค่ะ” “คุณแม่ว่าดีวรรณก็ว่าดี” สองพี่น้องได้แต่คิดในใจว่า ถ้าชีวิตนี้หล่อนไม่มีแม่หล่อนจะทำอะไรได้บ้างไหมเนี่ย
“เป็นไง หนูวรรณน่ารักอย่างที่แม่บอกหรือเปล่า” คุณกรุณาหันมาถามลูกชาย หลังส่งแขกกลับไปแล้ว
“ไม่ไหวมั้งครับ ผมอยากมีเมีย ไม่ใช่มีลูก” กล้าตะวันว่าไปนั่น
“ผมก็เหมือนกันครับแม่ ผมไม่อยากได้เมียที่วันๆพูดได้แต่ ค่ะ ค่ะ แล้วแต่พี่กรสิคะ” กรชนกทำเสียงอ่อนเสียงหวานเลียนแบบวรรณรดา ทำเอาทั้งพ่อและพี่ชายอดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อนึกถึงต้นแบบ
“แม่ไม่สนใจว่าแกสองคนจะคิดยังไงไว้ลองดูว่าทางโน้นเขาสนใจคนไหน แล้วตอนนั้นค่อยมาว่ากันอีกที” ผู้เป็นแม่สะบัดเสียงอย่างงอนๆ ก่อนจะขึ้นไปชั้นบนอย่างไม่สบอารมณ์นัก ส่วนบิดาก็ได้แต่หัวเราะหึๆเดินตามขึ้นไปอีกคน
“ตกลง เราเป็นผู้ถูกเลือกเหรอวะ” คนพี่เกาศีรษะแกรก “ไปหาเหล้ากินดีกว่า” ไม่เกี่ยวกันเท่าไร แต่ก็เอาเถอะ
กรชนกเด้งตัวขึ้นโดยอัตโนมัติ “ผมไปด้วย” ก่อนจะวิ่งตามพี่ชายที่เดินลิ่วนำไปยังโรงรถแล้ว

สุดท้ายสองหนุ่มก็มาหยุดที่ร้านของภานุวัฒน์ ส่งพี่ชายแล้วกรชนกขอเอารถไปรับอัญชิสามาด้วย ส่วนกล้าตะวันเขากำลังเบื่อประภัสสรเลยพาลไปถึงคู่ควงคนอื่นๆด้วย หล่อนเล่นตามเขาไปทุกที่จนเขารำคาญทุกวันนี้โทรศัพท์หล่อนเขารับบ้างไม่รับบ้าง การอยู่ในหมู่เพื่อนโดยไม่มีผู้หญิงข้างกายน่าจะทำให้เขาสนุกกว่า ปลอดโปร่งโล่งหูกว่ากันเยอะ
“วันนี้มาคนเดียว?” ภานุวัฒน์ ทักอัญชิสาเมื่อเห็นหล่อนจูงมือเข้ามากับกรชนก
อัญชิสายิ้มอย่างรู้ทัน “เดี๋ยวแก้วคงตามมา แอนโทรไปหาให้แล้วค่ะ”
“แล้วคุณพักตร์ล่ะครับ” ภานุวัฒน์ ถามแก้เขิน ที่นางเอกสาวรู้ทัน
“คงไม่มาหรอกค่ะ พี่พักตร์กลัวเจอคุณแพท เห็นหล่อนไม่ค่อยชอบพวกเราเท่าไร” หญิงสาวตอบตรงๆ
“วันนี้แพทเขาไม่มาหรอกครับผมไม่ได้ชวน ถ้าคุณพักตร์อยากจะมาสนุกกับพวกเราก็ได้ คุณแอนลองโทรบอกหล่อนสิครับ” กล้าตะวันว่า
อัญชิสาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาพักตร์พิลาสทันที สนทนากันสองสามคำก่อนวางสาย หญิงสาวหันมายิ้มกับหนุ่มๆ “พี่พักตร์อาจจะตามมาดึกหน่อยค่ะ วันนี้มีงานสัมภาษณ์กับถ่ายหนังสือน่ะค่ะ”
แก้วกัลยามาถึงก่อน ภานุวัฒน์ ดีอกดีใจอย่างเห็นได้ชัด เหลือแต่กล้าตะวันคนเดียวที่ไม่มีคู่ ชายหนุ่มนั่งจิบบรั่นดีอย่างสบายอารมณ์ มีสาวๆเมียงมองมาทางโต๊ะเขาหลายคน มีคนนึงใจกล้าเดินตรงเข้ามาชวนเขาคุย พอเห็นเขาคุยด้วยหล่อนก็เลยนั่งแช่อยู่อย่างนั้นไม่ไปไหนอีก
“เคทเคยเห็นคุณในหนังสือหลายฉบับ แต่ตัวจริงคุณหล่อกว่ามากเลยค่ะ ทั้งพี่ทั้งน้องเลย” หล่อนเริ่มตีสนิท ชายหนุ่มยิ้มรับซ่อนความเบื่อหน่ายไว้อย่างมิดชิด พวกเพื่อนๆหล่อนยุหล่อนให้เข้ามาหาชายหนุ่มคนเดียวที่ดูท่าจะว่างอยู่โต๊ะนี้ เผื่อคืนนี้จะได้มีคนเลี้ยงเหล้า พอได้มามองใกล้ๆเขาหล่อกว่าที่หล่อนคิดไว้มากมายนัก เพื่อนหล่อนว่าเขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง หล่อนไม่สนหรอกว่าเขาจะไฟแรงขนาดไหน หล่อนสนแต่ว่าเขารวยขนาดไหนต่างหาก
พักตร์พิลาสตามมาเมื่อเกือบห้าทุ่ม หนุ่มๆดื่มกันไปหลายแก้วแล้ว หญิงสาวมาในชุดเดรสสั้นเปิดไหล่สีแดงสดขับผิวเนียนละเอียดดูผุดผ่องใต้แสงไฟ
“วันนี้พักตร์ก็เป็นส่วนเกินอีกแล้ว” หล่อนว่าขำๆเมื่อเห็นหนุ่มสาวแต่ละคนต่างมีคู่ของตนแล้ว แม้แต่กล้าตะวันที่อัญชิสาบอกว่าเขาไม่ได้พาแม่นางแบบจอมดูถูกคนมาด้วย ก็มีคนคุยเป็นเพื่อน แม่สาวนั่นอยากจะนั่งบนตักเขาซะมากกว่า ดูจากท่านั่งเบียดกระแซะชายหนุ่มจนแทบจะแบนติดพนักเก้าอี้
“คุณพักตร์ดื่มอะไรดีครับ” กรชนกถาม
“ขอน้ำส้มดีกว่าค่ะ น้องจ๋าขอข้าวผัดปูร้อนๆซักจาน” หล่อนหันไปสั่งบริกรสาวที่ยืนรออยู่อย่างอ่อนหวาน “น้ำซุปขอเป็นเกี๊ยวกุ้งแทนดีกว่านะจ๊ะ” พอเห็นหนุ่มๆทำหน้างง หล่อนจึงรีบอธิบาย “ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้ทานอะไรเลยค่ะ วันนี้มีถ่ายหนังสือ ต้องทำตัวให้แบนกว่าปกติหน่อย หิวจนกินวัวทั้งตัวได้เลยนะคะเนี่ย”
“ผมเพิ่งเคยเห็นสาวๆทานอาหารหนักๆ หลังสองทุ่มเป็นคนแรก” กล้าตะวันว่า
“สงสัยคุณกล้าตะวันเจอแต่นางแบบหุ่นเพรียวๆมั้งคะ” หล่อนอดแขวะเขาไม่ได้ “ไม่เคยเจอดาราหิวโซอย่างดิฉันมาก่อน”
“แต่เคทว่า คุณรักษาหุ่นหน่อยก็ดีนะคะ เป็นดาราถ้าอ้วนเวลาเข้ากล้องน่าเกลียดน่าดู”
ให้ตายเถอะนายกล้าตะวัน ผู้หญิงของนายแต่ละคน วาจาไม่ค่อยเข้าหูเลยสักคน
“งั้นวันนี้ดิฉันขอยอมเป็นดาราน่าเกลียดสักวัน มิฉะนั้นความหิวอาจทำให้ดิฉันฆ่าคนได้”
เอาแล้วไง เจ้าหล่อนพร้อมจะอาละวาดใครต่อใครได้ทุกเมื่อจริงๆ โชคดีที่อาหารมาซะก่อน พักตร์พิลาสจึงหันไปใส่ใจกับอาหารตรงหน้ามากกว่าที่จะต่อล้อต่อเถียงกับแม่สาวคนใหม่ของกล้าตะวัน ในไม่ช้าหล่อนก็จัดการกับอาหารทั้งหมดอย่างราบคาบ
“พ่อครัวผมเห็นคุณพักตร์ทาน ต้องดีใจแน่ๆเลยครับ” ภานุวัฒน์ อดแซวไม่ได้ เมื่อเห็นอาหารทุกอย่างหมดเกลี้ยง เกลี้ยงจริงๆ
“อาหารร้านคุณวัฒน์อร่อย” หล่อนย้ำเมื่อเห็นสีหน้าไม่เชื่อถือของเขา “ไม่ได้ชมเพราะหิวนะคะ วันก่อนพักตร์แวะมาทานกลางวันกับเพื่อน เพื่อนพักตร์ยังชมเลยค่ะ” หล่อนว่าอย่างจริงใจ
“งั้นหรือครับ เดี๋ยวผมจะสั่งเด็กไว้ ว่าถ้าคุณพักตร์มาอีก ให้ลดให้เป็นกรณีพิเศษ ในฐานะที่พูดจาถูกหูเจ้าของร้าน”
หล่อนกล่าวขอบคุณเขา ก่อนขอตัวไปห้องน้ำ กล้าตะวันกะเวลาสักครู่หนึ่งจึงขอตัวไปห้องน้ำบ้าง เขายืนดักรอหล่อนตรงทางเข้า พักตร์พิลาสทำหน้าสงสัย เมื่อเห็นเขา
“คุณพักตร์ช่วยผมหน่อย” เขาเอ่ยกับหล่อนเป็นคำแรก “ช่วยทำให้คุณเคทเลิกยุ่งกับผมหน่อยได้ไหม”
หญิงสาวเห็นหน้าลำบากใจของเขาแล้วอดสงสารไม่ได้ หล่อนไม่พูดอะไรแต่กลับคล้องแขนหล่อนเข้ากับเขาควงกันกลับมาที่โต๊ะ ทีท่าสนิทสนมของทั้งสองคนแค่ชั่วหนึ่งห้องน้ำ เรียกรอยยิ้มจากเพื่อนร่วมโต๊ะได้เป็นอย่างดีเพราะต่างเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น พักตร์พิลาสนั่งลงอีกข้างของกล้าตะวัน หล่อนยัดมือหล่อนใส่ในอุ้งมือเขา แม่สาวนั่นเริ่มชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ทำท่าไม่สนใจยังคงเบียดกระแซะเขาอยู่เหมือนเดิม
“เมื่อกี้คุณบอกเคทว่ามีสวนที่จันทบุรี ว่างๆพาเคทไปเที่ยวบ้างได้ไหมคะ” ไม่พูดเปล่ายังยื่นมือมาเขย่าต้นขาชายหนุ่มอีก เสียงและสีหน้าออดอ้อน อย่างที่เจ้าตัวคงคิดว่าน่ารักซะเต็มประดา
“สวยมากเลยนะคะ ถ้าคุณเคทอยากไปคราวหน้าเราชวนหล่อนไปด้วยก็ได้นะคะกล้า” พักตร์พิลาสชวนคุย “ไปกันหมดนี่เลยดีกว่า พักตร์ชอบเพื่อนเยอะสนุกดี ปกติเราไปกันสองคนเหงาออกใช่ไหมคะ” ตาสวยมองมาที่เขาหวานเยิ้ม กล้าตะวันอดยิ้มตามไม่ได้ ทั้งขำทั้งทึ่งในความแสบของหล่อน
“นี่คุณสองคนเป็นแฟนกันเหรอ” สาวเคทเพิ่งรู้สึก “ทำไมคุณไม่บอกเคทคะว่ามีแฟนแล้ว” หล่อนแหวใส่กล้าตะวัน
“ก็คุณไม่ได้ถาม อีกอย่างผมเห็นคุณคุยดีๆ แล้วมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผม ผมจะมีใครเป็นแฟนใครทำไมผมต้องบอกคุณ” เขาก็เริ่มฉุนเหมือนกัน เพิ่งเจอกันไม่ถึงชั่วโมงมาตวาดเขาเสียแล้ว
“อย่าใช้คำว่าแฟนกับเราเลยค่ะ พักตร์เป็นดาราต้องรักษาภาพพจน์ เราเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันมากเท่านั้นเอง” หล่อนลากคำว่า 'มาก' เสียยาวเหยียด
“เชอะ ก็แค่นางร้าย เห็นเรื่องไหนเรื่องนั้นผู้ชายมีกี่คนเห็นนอนไปด้วยหมด ไม่รู้มีติดพันมานอกจอหรือเปล่า เป็นแค่ดารานึกว่าตัวเองวิเศษมาจากไหนทำเป็นรักษาภาพ” เจ้าหล่อนไม่ยอมลดละ
กล้าตะวันรู้สึกได้มือเรียวในอุ้งมือเขากำแน่นผิดปกติบอกได้ถึงความโกรธของเจ้าของ เขาบีบมือหล่อนเตือนสติ ดูเหมือนจะไม่ได้ผลดวงตาคู่หวานเมื่อครู่กำลังวาวโรจน์ เขาล่ะกลัวใจหล่อนจริงๆ แต่ก่อนที่พักตร์พิลาสจะโต้ตอบอะไรไป กลับมีเสียงตวาดกลับมาด้วยความโกรธไม่แพ้กัน
“เป็นดารามันต่ำกว่าพวกคุณตรงไหน” อัญชิสากับแก้วกัลยาลุกขึ้นยืนอย่างเอาเรื่อง
เพื่อนๆที่โต๊ะหล่อนคงเห็นท่าไม่ดีพากันมาลากแม่สาวขี้วีนนั้นออกไป หนึ่งในนั้นยังมีมารยาทพอที่จะกล่าวขอโทษ
“สงสัยดิฉันจะไม่ค่อยถูกกับพวกผู้หญิงของคุณกล้าตะวัน ดูพวกหล่อนเกลียดดิฉันกันทุกคน” พักตร์พิลาสกล่าวอย่างติดตลก เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติ
“ยังไงผมก็ขอบคุณคุณก็แล้วกัน” เขาว่าอย่างจริงใจ “ว่าไปจริงๆแล้วผมก็กำลังจะไปบ้านที่จันทบุรี ไปเที่ยวกันไหมครับ ไปกันหมดนี่แหละ”
“นั่นสิ ผมก็ไม่ได้ไปนานแล้วไม่รู้ว่าไอ้ขุนแผนมันเป็นไงบ้าง” กรชนกยกมือสนับสนุน “ม้าตัวโปรดของผมเอง ไปด้วยกันนะแอน ผมว่าคุณต้องชอบไร่ลุงผมแน่”
สรุปได้ว่าทั้งหมดตกลงจะไปบ้านไร่ กว่าจะได้เวลาที่ลงตัวของทุกคนก็ทำเอาเหนื่อย สาวๆงัดคิวงานมาเช็คกันให้วุ่น โชคดีที่ละครที่หล่อนทั้งสามกำลังถ่ายทำอยู่จะปิดกล้องในอีกสามวันข้างหน้า หลังจากที่ถ่ายทำไม่ได้หยุดมากว่าสี่เดือน ถือโอกาสไปพักผ่อนหลังทำงานหนัก




 

Create Date : 20 กันยายน 2551
1 comments
Last Update : 12 เมษายน 2555 11:50:40 น.
Counter : 350 Pageviews.

 

รออ่านอยู่ ช่วยอัพให้หน่อยนะคะ

 

โดย: aumpai IP: 203.170.251.178 25 พฤศจิกายน 2551 11:55:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ลูกไก่พองลม
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




งานเขียนทุกชิ้นใน blog นี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย ห้ามทำซ้ำหรือเเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต
Friends' blogs
[Add ลูกไก่พองลม's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.