Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
21 เมษายน 2552
 
All Blogs
 

รักเร่ฯ ตอนที่ 5


อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์แรกในรอบหลายเดือนก็ว่าได้ ที่กล้าตะวันได้ทำงานอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่มีใครมารบกวน สาว ๆ ทั้งหลายเจอฤทธิ์พักตร์พิลาสหายหน้ากันไปเกือบหมด คงเหลือแต่สกุนตลาที่ยังคงวนเวียนอยู่ เพราะมีคุณกรุณามารดาของเขาถือหางอย่างเห็นได้ชัด โชคดีที่อาทิตย์นี้หล่อนไปต่างประเทศเขาเลยโล่งหูไปได้หลายวัน นางร้ายคนสวยช่วยเขาได้เยอะ ตามเมื่อไร หล่อนมาเมื่อนั้น ภาพหญิงสาวนั่งอ่านบทหรือขีดเขียนอะไรไปตามเรื่องที่โซฟามุมห้องกลายเป็นภาพที่เขาเห็นจนเจนตา
“เจ้านายคะ เดี๋ยวบ่ายโมงคุณประพลกับคุณชินานางลูกสาวจะเข้ามาพบ แล้วสี่โมงเย็นมีประชุมกรรมการบริหารค่ะ” สินีนาถเตือนตารางงานของวันนี้ “ให้สั่งอาหารให้ไหมคะ” เลขาสาวเป็นห่วงเจ้านาย เพราะถ้างานยุ่งมากเขามักจะข้ามมื้อกลางวันเสมอ
“ขอกาแฟดีกว่าครับ ขอบคุณ” แล้วเขาก็จมอยู่กับงานและการประชุมจนบ่ายสองโมงกว่า ๆ เมื่อเดินกลับเข้ามาจากไปส่งคุณประพลกับลูกสาว ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท ก็เห็นเลขาคนเก่งยืนดักที่หน้าห้องพร้อมกล่องใส่อาหารในมือ
“ผมไม่ได้สั่งไม่ใช่หรือ” เขาขมวดคิ้ว
“ค่ะ” หล่อนหน้าเสีย “แต่นี่คุณพักตร์แวะเอามาให้ พอทราบว่าคุณมีแขกก็เลยไม่รบกวน เพิ่งกลับไปได้สักครู่”
“แล้วคุณพักตร์ทราบได้ไงว่าผมยังไม่ได้ทานข้าว” เขายังติดใจ
“พอดีเธอโทร. เข้ามาบอกนาถเรื่องคิวงานใหม่ เราก็เลยคุยกันนิดหน่อย คุณพักตร์ก็เลยว่าเดี๋ยวจัดการเอง” สินีนาถบอกอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“บอกหรือเปล่าว่าอะไร” เขามองที่กล่องอาหาร
“สปาเก็ตตี้ทะเลกับสลัดทูน่าค่ะ ของหวานเป็นลิ้นจี่ลอยแก้ว เธอว่าทำเองนะคะ เห็นว่าช่วงนี้ว่าง”
“แล้วคุณนาถทราบหรือเปล่าว่าคุณพักตร์ไปไหนต่อ” เสียงคาดคั้น แต่มุมปากมีรอยยิ้ม
“น่าจะไปเล่นกีฬาค่ะ นาถเห็นใส่ชุดตีเทนนิส” เจ้านายยิ้มออกแล้ว ค่อยยังชั่ว “ให้เขาจัดใส่จานให้นะคะ” หล่อนว่าก่อนเลี่ยงไปจัดการสั่งแม่บ้านประจำบริษัท เมื่อเห็นเจ้านายพยักหน้าน้อย ๆ
รสชาติดีทีเดียว ไม่รู้ว่าพักตร์พิลาสก็เป็นแม่บ้านแม่เรือนได้ด้วย ปกติเห็นแต่ความเปรี้ยวจนเข็ดฟัน เขาเจอหล่อนทีไรเห็นอาละวาดจนสาว ๆ ของเขาแตกกระเจิงทุกที ชายหนุ่มเองก็ยังเคยโดน ปกติเวลาเขาโมโหไม่มีใครกล้าเข้าหน้าติดสักคน แต่หญิงสาวกลับไม่สนใจแถมสามารถทำให้เขาสงบอีกต่างหาก กล้าตะวันหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ก่อน
“นี่คุณ ใจเย็น ๆ สิ ข้าวของพังหมด” เสียงดุ ๆ ถูกส่งมาทันทีที่สิ้นเสียงประตูถูกกระแทกปิดปังใหญ่ เอกสารในมือถูกขว้างกระจัดกระจาย สินีนาถที่วิ่งตามเข้ามาด้วยยืนตัวสั่น
“คุณนาถ รื้อสัญญาไอ้บริษัทบ้านี่มาดูใหม่ซิ หาทางยกเลิกมันได้ก็เอา ทำงานห่วยอย่างนี้ผมทำด้วยไม่ได้” สินีนาถแทบจะวิ่งออกไปเลยเชียว
เขาทิ้งตัวโครมลงบนเก้าอี้ ข้าวของตรงหน้าดูจะเกะกะสายตาเขาไปหมดเลยกวาดซะเรียบ
“โมโหอะไรมาคะ” หล่อนเดินเข้ามาหาเขาใกล้ ๆ
“ไอ้บริษัทรับเหมาสร้างรีสอร์ทที่เมืองจันท์ เดือนกว่าแล้วไม่มีอะไรให้ผมดูสักอย่าง”
“แล้วต้องทำลายข้าวของ?”
“ถ้าไม่ระบาย เดี๋ยวจุกอกตาย” ยังมีหน้าเถียง
“แล้วไม่สงสารคนที่ต้องมาเก็บกวาดที่คุณทำไว้หรือไงคะ” หล่อนเก็บของที่กระจัดกระจายอยู่รอบโต๊ะทำงาน
“หน้าที่เขา คุณไม่ต้องเก็บหรอก แล้วผมก็ไม่ได้ทำบ่อย” เขายุดมือหล่อนไว้ “คุณกำลังจะทำให้ผมโมโหอีกคน”
“จะจับฉันขว้างเหมือนแฟ้มนั่นหรือเปล่า” หญิงสาวปรายตามองกองแฟ้มที่ชายหนุ่มขว้างทิ้งเมื่อครู่
“อย่างคุณไม่สมควรโดนขว้าง” เขาดึงหล่อนนั่งบนตัก อารมณ์เริ่มดีขึ้นเมื่อได้กอดคนตัวหอม ๆ “น่ามีไว้ใกล้ ๆ มากกว่า” ตาหวานนั้นเริ่มยิ้มระยับ
“หายโมโหแล้ว?” คนบนตักพยายามลุกขึ้น แต่เขาก็กอดเอวหล่อนไว้แน่น แกะเท่าไรก็แกะไม่ออก
“คุณกำลังยั่วโมโหผม” ยิ่งแกะยิ่งรัดแน่นเหมือนแกล้ง หล่อนเลยนั่งกอดอกทำท่าไม่สนใจ อยากกอดกอดไป “อย่างนี้ยิ่งน่าโมโหกว่า” เขาว่า
“อย่างนี้พอใจไหมคะ” หล่อนหันหน้าเข้าหาเขา คล้องแขนโอบรอบคอชายหนุ่ม จ้องตาตอบอย่างไม่ลดละ แล้วก็รู้ตัวว่าคิดผิด ไอ้ลูกกะตาวิบวับนั่นทำหล่อนหน้าแดงไม่รู้ตัว ต้องก้มหน้าหนีเขาจนได้
“ค่อยยังชั่ว” เขาพึมพำข้างหู เชยคางหล่อนให้สบตา ปากร้อน ๆ นาบลงที่แก้มนวลก่อนที่จะหยุดที่ริมฝีปากเนิ่นนาน ราวผึ้งดูดซับความหวานจากดอกไม้งามไม่รู้จักอิ่ม กว่าเขาจะยอมปล่อย หล่อนก็แทบขาดใจ
“ปล่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็น” พยายามควบคุมตนเองไม่ให้หอบ
“คราวหน้าถ้าผมอาละวาดอีก คุณช่วยมาอยู่ใกล้ผมได้ไหม” เขาทำหน้าตาจริงจัง “คุณเบี่ยงเบนความสนใจผมได้ดี”
“คุณไม่ควรทำลายของ สงสารคนต้องตามเก็บ” หล่อนยังติดใจ
“ผมจะพยายาม โอเคหรือเปล่า”
หล่อนพยักหน้า “งั้นคราวนี้คุณเก็บที่คุณทำได้ไหมคะ” เสียงอ้อนวอน “นะคะครั้งนี้ครั้งเดียว” คราวนี้หล่อนเป็นฝ่ายจูบเขาก่อน แต่สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นฝ่ายสนองปล่อยให้เขาจูบจนพอใจ
สินีนาถแทบไม่เชื่อสายตา ตอนที่เปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นกล้าตะวันกำลังก้ม ๆ เงย ๆ เก็บกองกระดาษที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นห้อง โดยมีพักตร์พิลาสนั่งจิบกาแฟ อ่านนิตยสารอยู่ที่โซฟามุมโปรด
“สัญญาบริษัทรับเหมาค่ะเจ้านาย” หล่อนว่างเอกสารลงบนโต๊ะก่อนจะออกไปเงียบ ๆ แต่ในใจคิดว่ามีเรื่องเม้าเจ้านายเป็นอาหารว่างแล้ววันนี้
“คุณทำให้ผมอายสินีนาถ” เขาย่างสามขุมมาหาหล่อนราวหาเรื่อง
“เสร็จแล้วหรือคะ เมื่อยหรือเปล่ามาซิคะ พักตร์จะนวดให้” หล่อนยิ้มประจบหวานสุดใจ กล้าตะวันถอนหายใจแรงจนอกกระเพื่อมให้ตายเถอะยังไงเขาก็โกรธหล่อนไม่ลง
------------------------------------------

กล้าตะวันเงยหน้าจากแฟ้มรายงานการประชุมขึ้นมองนาฬิกา...เกือบสามทุ่ม ป่านนี้สินีนาถคงกลับไปนานแล้ว เพราะไม่ได้รับคำสั่งให้อยู่รอ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่เริ่มทำงานร่วมกัน ชายหนุ่มรู้ว่าตนเองรวมถึงบิดาและน้องชายทำงานหนักกว่าคนอื่น แต่นั่นก็เพราะการเป็นเจ้าของกิจการ งานทุกอย่างทุกรายละเอียดต้องผ่านสายตาอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
ร่างสูงขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถ พร้อมบิดกายไปมาขับไล่ความเมื่อยขบจากการนั่งอยู่ท่าเดียวเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ตัดสินใจเก็บเอกสารเข้าที่ เตรียมตัวกลับบ้าน ก่อนจะปรายตาไปเห็นสิ่งที่เลขาเอามาวางไว้ให้
‘เจ้านาย ฝากคืนคุณพักตร์ด้วยนะคะ’ เขาอ่านโน๊ตที่สินีนาถทิ้งไว้พร้อมถุงใส่กล่องอาหาร ล้างแล้วอย่างดี ป่านนี้เจ้าของกล่องจะทำอะไรอยู่นะ ไวกว่าทุกความคิดชายหนุ่มยกโทรศัพท์ขึ้นกดหมายเลขที่หลัง ๆ เริ่มจำได้ขึ้นใจ
“พักตร์พิลาสพูดค่ะ” เสียงหวานสดใสมาตามสาย
“อิจฉาคนว่างงานจัง คุณอยู่ไหนน่ะ” เสียงห้าวทุ้มถูกทอดให้ยาวกว่าปกติ ราวกับเหน็ดเหนื่อยเสียเต็มประดา
“อยู่บ้านค่ะ เสียงคุณแย่จัง มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมยังอยู่ที่ทำงาน เหนื่อยนิดหน่อย คุณยังพอมีสปาเก็ตตี้เหลืออยู่หรือเปล่า”
“หมดแล้วละค่ะ ถ้าคุณอยากทานวันหลังจะทำไปให้อีก”
“วันนี้ได้ไหม...ผมหิว ไม่อยากไปกินที่ร้านไม่อยากเจอคน วันนี้ผมเจอคนเยอะแยะไปหมด”
“ทำไมไม่กลับบ้านละคะ” ปลายสายเงียบกริบ หล่อนเรียกเขาหลายครั้ง รู้ดีว่าเขายังถือหูอยู่ สงสัยจะงอนที่ไล่กลับบ้าน
“จะออกมาหรือยังคะ จะได้เตรียมไว้ให้” เหอะ...ง้อหน่อยก็ได้
“ถ้าคุณลำบากใจ ก็ไม่เป็นไรครับ” เขาทำเสียงน่าสงสาร
“มาเถอะค่ะ เดี๋ยวจะสั่งที่ลอบบี้ไว้ คุณขึ้นมาเลยแล้วกัน”
เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มก็มากดกริ่งหน้าประตูห้องหล่อนเสียแล้ว
“มาไวจังค่ะ” หล่อนว่า
“ผมหิว ก็เลยเหยียบซะมิด”
“ขับรถเร็ว อันตรายนะคะ” หล่อนนำเขาไปยังโต๊ะอาหาร
“ทำไมมีที่เดียว ไม่ทานด้วยกันหรือครับ”
“ฉันทานแล้ว คุณทานเถอะค่ะ”
“งั้นนั่งเป็นเพื่อนได้ไหม”
พักตร์พิลาสพยักหน้า เดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำส้มให้ชายหนุ่มและตนเอง ก่อนนั่งดูคนหิวจัด จัดการกับอาหารตรงหน้าหมดอย่างรวดเร็ว พร้อมของหวานคือไอศครีมเค้กอีกหนึ่งชิ้น
“ผมล้างจานให้” เขาเสนอตัว
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่กี่ใบเอง คุณไปนั่งดูทีวีเถอะ”
และเมื่อหญิงสาวเดินกลับออกมาจากห้องครัวก็เห็นร่างสูงนอนหลับเหยียดยาวอยู่บนโซฟาเบดที่หล่อนกางออกมานอนอ่านหนังสือเล่นเมื่อตอนกลางวัน...คงเหนื่อยจัด ปล่อยให้นอนไปสักพักเดี๋ยวค่อยปลุก ขืนให้ขับรถไปง่วง ๆ เป็นอะไรไปหล่อนจะบาปเสียเปล่า ๆ
พักตร์พิลาสกลับออกมาอีกทีจากอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน ก็เห็นเขายังหลับอยู่ แอร์คงจะเย็นนอนกอดอกซะด้วย เจ้าของห้องตัดสินใจปลุกแขกให้กลับบ้านเสียที
“คุณกล้าคะ...คุณกล้าตื่นได้แล้วค่ะ ดึกมากแล้ว” หล่อนเรียกเขาเบา ๆ เงียบสนิท ไม่มีการตอบสนอง เรียกอยู่หลายครั้งก็ยังไม่ตื่น จึงตัดสินใจเขย่าตัว คราวนี้ได้ผล ร่างสูงเหยียดยาวไปตามโซฟาเริ่มขยับตัว ลืมตาขึ้นงง ๆ มองไปรอบ ๆ ก่อนงัวเงียลุกขึ้นนั่ง
“ไปล้างหน้าเถอะค่ะ กาแฟสักถ้วยนะคะจะได้ตาสว่าง ขับรถจะได้ไม่ง่วง” หล่อนทำท่าจะผละไปชงกาแฟให้
“นอนนี่ไม่ได้เหรอ” เขาโยเย คว้าข้อมือหล่อนไว้แน่น ว่องไวผิดคนเพิ่งตื่นนอน
“คงไม่ได้หรอกค่ะ ที่นี่มีห้องนอนเดียว” ใจหล่อนเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อเขาดึงมือหล่อนไปชิดริมฝีปาก ประทับจุมพิตหนัก ๆ ลงบนฝ่ามือนุ่ม
“ก็นอนกับคุณ” พูดไม่พูดเปล่าดึงหล่อนเข้าไปกอดไว้เสียอีก พร้อมฝังหน้าลงในเรือนผมนุ่มสลวย
“ผมคุณห๊อมหอม ตรงอื่นจะหอมเหมือนกันหรือเปล่า” เพื่อเป็นการพิสูจน์ เขาซอกซอนจมูกและปากไปทั่วใบหน้างามก่อนหยุดที่ริมฝีปากอิ่ม เรี่ยวแรงที่จะขัดขืนไม่รู้หายไปไหนหมด ไม่เท่านั้นยังตอบสนองเขาเสียอีก ฝ่ามืออุ่นป่ายเปะปะไปทั่วจนพบสายเสื้อคลุมชุดนอน เขากระตุกมันออกอย่างง่ายดาย ผ้านิ่มลื่นมือไหลลงไปกองอยู่รอบเอวหญิงสาว อวดร่างงามในชุดนอนบางเบา ร่างขาวเนียนขยับให้เขาถอดมันออกได้ถนัด ๆ อวดทรวดทรงองค์เอวของสาวเต็มไว...สดสวย...งดงาม ในไม่ช้าสิ่งปิดกั้นสายตาทุกชิ้นก็ถูกกำจัด
พักตร์พิลาสได้ยินเสียงชายหนุ่มครางสะท้าน ยามเมื่อสายตาเขาสำรวจไปทั่วร่างงามสมส่วน “คุณพักตร์ คุณสวยเหลือเกิน” ตามด้วยมือและริมฝีปากร้อนผ่าวกระตุ้นให้อีกฝ่ายตอบสนอง มือเรียวควานหากระดุมเสื้อเชิ้ตเพื่อจะปลดมันออก แต่ดูเหมือนไม่ทันใจ เจ้าของเสื้อจึงถอดมันออกทางศีรษะก่อนจะโยนทิ้งอย่างไม่แยแส ตามด้วยกางเกงทั้งตัวนอกตัวใน ถ้าเขาเป็นไฟหล่อนก็เป็นน้ำมัน ประกายไฟที่เขาจุดขึ้นในตัวหล่อนมันกำลังเผาผลาญทุกอย่างให้มอดไหม้ เขาอุ้มร่างอุ่นจนร้อนด้วยแรงอารมณ์ที่เขาเป็นผู้ปลุกขึ้น พาไปยังห้องนอน วางร่างเนียนละมุนตาลงบนเตียงนุ่มก่อนจะทาบร่างตามลงไป จูบเร่าร้อนเร่งเร้าไล่ตามฝ่ามือที่ลูบไล้ไปทั่วร่าง
“ให้ผมนะคุณพักตร์” เขากระซิบขอหล่อนแผ่วเบา
“ค่ะ...คุณกล้า” เสียงกระซิบตอบราวละเมอ แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามทำนองของธรรมชาติจนสุดทาง

“ทูนหัว ดีหรือเปล่า” เขาถามหล่อนอย่างอ่อนโยน เมื่อพายุได้พัดผ่านไปแล้ว แต่ยังกอดหล่อนไว้ในอ้อมแขน หล่อนหวานเหลือเกินหวานไปทั้งตัว ให้เขาชิมอีกกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
“อะไรดีคะ?” หล่อนยังงงอยู่
“ก็เมื่อกี้ เราสองคน ดีหรือเปล่า” สายตาคมเต้นระริกล้อแสงไฟจับจ้องรอคำตอบ
“ถามทำไมคะ?” พักตร์พิลาสถามอุบอิบไม่กล้าสบตาคู่นั้น ได้แต่ซุกซบอยู่บนแผงอกกว้าง
“ถ้าไม่ดี คราวหน้าจะได้ปรับปรุง” เขาบอกหน้าตาย อ้อมแขนกดกระชับขึ้นให้รู้ว่าต้องการคำตอบ”อย่างน้อย ดีเท่าคนก่อนหรือเปล่า”
“ไม่ทราบสิคะ ผู้ชายเขาแข่งกันเรื่องนี้ด้วยหรือ”
“แปลว่าไม่ดีเท่า”
“เปล่าค่ะ” คนในอ้อมแขนส่ายหน้าไปมาอยู่บนอก พร้อมกับรีบอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ “เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะบอกได้ยังไง คุณเป็นคนแรกที่พักตร์ยอมให้มาไกลได้ขนาดนี้”
เขาผงกศีรษะเพื่อที่จะมองหน้าหล่อนชัด ๆ ตากลมแป๋วของหล่อนบอกให้เขารู้ว่าหล่อนพูดจริง มิน่าเขาถึงรู้สึกแปลก ๆ มันไม่เหมือนพวกผู้หญิงที่เขาเคยผ่าน
“ผมขอโทษ...ผมไม่นึกว่าผมจะได้จากคุณ คุณโตเมืองนอก ดูเปรี้ยวปรู๊ดปร๊าด แล้วคุณก็จูบเก่งจนผมคิดว่า...คุณคงผ่านอะไรมาเยอะ” เขาหยุดคิดอยู่นานกว่าประโยคสุดท้ายจะหลุดออกมาได้
“ฝรั่งเวลาออกเดทเขาไม่ปล่อยผู้หญิงกลับบ้านโดยไม่ได้จูบหรอกค่ะ แล้วคุณคงไม่คิดว่าคนอย่างฉันจะไม่มีใครขอเดทด้วยหรอกนะ” พักตร์พิลาสอดค้อนเขาไม่ได้
ท่าทางแสนงอนมองยังไงก็น่ารักในสายตาของกล้าตะวัน
“ดูจากการจูบของคุณแล้ว เดาได้ว่าไม่น้อยแน่ ๆ” เขานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนตัดสินใจถาม “แล้วจูบผมดีเท่าคนก่อน ๆ ได้หรือเปล่า”
“อยากรู้จริง ๆ หรือคะ” หล่อนลูบแก้มเขาเบา ๆ
เขาส่ายหน้า “เปล่าหรอก ผมรู้แล้วว่าผมได้มากกว่าพวกนั้นเยอะ เมื่อกี้ผมก็รู้สึกเหมือนกันว่าคุณทำอะไรไม่ค่อยถูก คุณทำให้ผมนึกถึงตัวเองตอนครั้งแรกเหมือนกัน”
“แล้วพักตร์สู้ คนก่อน ๆ ของคุณได้หรือเปล่า” สิ้นคำถาม หล่อนกับเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะกดจูบหนัก ๆ ลงบนริมฝีปากช่างยอกย้อนนั่น
“คุณพักตร์ ขอบคุณที่คุณไว้ใจยอมให้กับผม”
---------------------------------------------------------

“Hi! พี่กล้า” กล้าตะวันได้ยินเสียงสกุนตลาก่อนจะเห็นตัวเสียอีก คนที่กำลังจะเอนกายนอนอ่านหนังสือบนเปลยวนในศาลาพักผ่อนริมสระว่ายน้ำ ต้องกระเด้งกายขึ้นมานั่งหลังตรง รอรับ ‘แขก’
“สวัสดีครับ คุณนิดหน่อย”
“เห็นคุณน้าบอกว่าพี่กล้านอนเล่นอยู่ที่ swimming pool นิดหน่อยเลยอาสามาดูเองน่ะค่ะ”
“มีธุระอะไรหรือครับ”
“ฟังห่างเหินจังเลยนะคะ ไม่เจอกันแค่ two weeks เอง” กล้าตะวันพยายามฝืนสีหน้าให้เป็นปกติกับภาษาไทยปนอังกฤษของอีกฝ่าย
“คุณน้าให้มาตามให้เตรียมตัวออกไป dinner cruise ล่องเจ้าพระยาคืนนี้ได้แล้วค่ะ”
“อ๋อ...ครับ ฝากคุณนิดหน่อยบอกคุณแม่ด้วยแล้วกัน ว่าผมกำลังจะไปอาบน้ำ แต่งตัว”
แม่เขายังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะจับคู่เขากับสกุนตลา ที่ยิ่งนานเขาก็ยิ่งเห็นว่าไม่มีทางจะเข้ากันได้ ตอนนี้เขาถูกใจพักตร์พิลาสที่สุด แต่ก็รู้ว่ามารดาคงไม่ยอมที่จะได้ลูกสะใภ้ที่มีข่าวไม่เว้นแต่ละวัน ไม่รู้ว่าพวกนักข่าวขยันไปหาข่าวหล่อนจากไหนนักหนา ตั้งแต่หล่อนควงกับเขา แล้วก็ล้วงควักประวัติที่หล่อนเคยควงคนนั้นคนนี้ออกมาประโคมเสียยาวเหยียด จนมารดาเขาเอ่ยปาก
“แม่ไม่ได้รังเกียจหรอกนะกล้า ที่เขาเป็นดาราต้องโดนคนนั้นคนนี้กอดไม่ซ้ำหน้า แม่เข้าใจว่านั่นมันเป็นการแสดง แต่นี่กล้าดูสิเขาผ่านผู้ชายมากี่คนแล้ว”
“แม่ครับ มันก็แค่ข่าว” เขาพยายามแย้ง ไม่กล้าบอกมารดาว่าพิสูจน์มาแล้วว่าหล่อนผ่านมากี่คน
“กล้าจะแน่ใจได้ยังไง เขาบอกยังไงก็เชื่อละสิ แม่ไม่อยากได้สะใภ้ที่ผ่านมาไม่รู้กี่มือแล้วหรอกนะ”
กล้าตะวันเองก็มึนศีรษะกับเรื่องพักตร์พิลาสไม่น้อย นี่ล่าสุดยังมีข่าวพระเอกหนุ่มคนดังช่องเดียวกันออกมายอมรับว่ากำลังพยายามชนะใจหล่อนอยู่ โดยไม่สนหรอกว่าหล่อนเป็นแฟนใครหรือควงใครอยู่ แม่เขาเลยยิ่งมองดาราเลวร้ายไปใหญ่ พาลไปว่าไร้ศีลธรรมอะไรไปโน่น ตัวเขาเองต่อให้ดื้อรั้นแค่ไหนแต่ถ้ามันต้องขัดใจบุพการีอย่างรุนแรงเขาก็ไม่อยากทำ แม้ความสัมพันธ์ทางกายจะเกินเลยและเขาก็ยอมรับว่าเขาชอบหล่อนมาก ยิ่งได้ใกล้ชิดความรู้สึกยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะใช้คำว่ารักกับหล่อนและตนเอง ด้วยกลัวว่าจะผิดหวังหากวันหนึ่งเขาต้องตัดสินใจเลือก ในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับหัวใจตัวเอง

การรับประทานอาหารเย็นพร้อมการล่องเรือไปตามแม่น้ำเจ้าพระยานั้นต้องเป็นความคิดของแม่ใครคนใดคนหนึ่งแน่ ๆ กล้าตะวันและกรชนกหลบมาหลายงานแล้วจนมารดายื่นคำขาดว่า ถ้ายังจะเบี้ยวกันอีกก็จะไม่สนใจความรู้สึกใครแล้วจะจับหมั้นจับแต่งให้รู้แล้วรู้รอดไปไม่ต้องศึกษาดูใจกันให้ยืดเยื้ออีก ผู้ชายจะกระไรหนักหนา ลองผู้หญิงรักแล้วล่ะก็อยู่ ๆ กันไปก็รักได้เองแหละ สองพี่น้องเลยต้องยอมตามใจมารดาบ้าง เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา
อาหารอร่อย ทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำบวกกับเสียงเพลงบรรเลงจากนักดนตรี ทำให้บรรยากาศโรแมนติกไม่น้อย หากคนที่ไปด้วยเป็นคนที่ถูกใจ หลายอย่างน่าจะดีกว่านี้ มื้อนี้ไม่มีผู้ใหญ่มาด้วย มีแต่กล้าตะวันกับสกุนตลาและกรชนกกับวรรณรดาที่สวยหวานน่ารักตามแบบของหล่อน หน้าตาพอจะมีสีสันขึ้นมาบ้างจากการแต่งแต้ม แต่สกุนตลาลูกพี่ลูกน้องกลับเต็มที่ด้วยชุดราตรีหรูกับเครื่องเพชรชุดไม่เล็กนักแถมใบหน้าก็ระบายมาเสียจนหลายคนหันมามอง กล้าตะวันอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นพักตร์พิลาสก็คงเรียกสายตาคนได้พอ ๆ กัน แต่คนละแบบแน่ ๆ เพราะนี่หลายคนมองมาที่พวกเขาสี่คนแล้วหันกลับไปหัวเราะต่อกระซิกกันเป็นระยะ
“คนมองเราใหญ่เลยนะคะพี่กล้า เขาคงคิดว่าพวกเราน่ะ perfect match แน่ ๆ” สกุนตลามั่นใจนักหนากับสายตาของผู้คนที่มองมา
“ครับ วันนี้หนูนิดหน่อยสวย” เขาไม่รู้จะพูดอะไรให้ดีไปกว่านี้ พูดออกไปแล้วก็อยากเตะไอ้น้องชายตัวดีนักมันแอบชูนิ้วโป้งให้เขาทั้งสองนิ้ว คนเป็นพี่ทำสายตาล้อน้องชายว่า ไม่ได้ดีไปกว่ากันนักหรอก เหมือนมากับตุ๊กตา พาเดินไปทางไหนก็ไป ไม่มีปากมีเสียง ถามอะไรก็ตอบสั้น ๆ ราวกับถูกตั้งโปรแกรมไว้แล้ว สองสาวมีความน่าเบื่อพอกันเพียงแต่คนละแบบ
คืนนั้นพอส่งคู่ดินเนอร์เสร็จ สองหนุ่มต่างแยกย้ายไปหาคนที่หัวใจเรียกร้อง กรชนกไปรับอัญชิสาที่กองถ่ายและคงจะอยู่ด้วยกันจนเช้า กล้าตะวันก็เช่นกันพอรู้ว่าพักตร์พิลาสอยู่บ้านเขาก็ตรงดิ่งไปหา พอไปถึงได้ก็ทิ้งตัวนอนแผ่หราบนโซฟาหน้าทีวีนั่นเอง
“เหนื่อยหรือคะ” หล่อนถามอย่างเป็นห่วง
“เปล่า แค่รู้สึกเบื่อ ๆ” เขาหลับตา
หญิงสาวจึงเลี่ยงออกมาปล่อยให้ชายหนุ่มอยู่ตามลำพัง ก่อนกลับมาพร้อมแก้วบรั่นดี เขาลืมตามอง หล่อนยื่นแก้วให้ แล้วถอยไปนั่งสุดมุมอีกด้านของโซฟาเงียบ ๆ ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง เทน้ำสีอำพันลงในลำคอรวดเดียวหมด เอนกายลงหนุนตักหล่อน
“อีกสองอาทิตย์ผมจะไปเมืองจันท์ อาจจะอยู่นานต้องคุมงานสร้างรีสอร์ท”
“น่าสนุกออกค่ะ ได้เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน”
“ไปกับผมได้หรือเปล่า” เขากุมมือหล่อนแนบอก
“จะมีคนตามไปกวนถึงที่โน่นเชียว” หล่อนนึกถึงหน้าที่หลักของตนเป็นอย่างแรก
“ไม่หรอกมั้ง ผมแค่อยากให้คุณไปด้วย”
“อาจมีเปิดกล้องละครเรื่องใหม่” ถึงจะปลื้มแต่หญิงสาวก็ยังลังเล
“ผมเพิ่มเบี้ยเลี้ยงให้คุณเป็นสองเท่า” เสียงชายหนุ่มราวเด็กถูกขัดใจ
“ฉันดูเห็นแก่เงินขนาดนั้น?” หล่อนเลิกคิ้วถาม
“ทำไมชอบปฏิเสธผม”
“ไม่ได้ว่าอย่างนั้นซะหน่อย”
“ก็คุณบอกว่า มีละครเรื่องใหม่ กับไอ้เจ้าพระเอกที่มันตามจีบคุณอยู่รึไง” คราวนี้ตัวโมโหเริ่มวิ่งฉิว และคงเป็นตัวโมโหหึงอย่างไม่ต้องสงสัย
“เดี๋ยวนี้อ่านข่าวดาราด้วย” แต่พักตร์พิลาสกลับขำ
“แล้วมันจริงหรือเปล่า เห็นมันว่ามันไม่สนว่าคุณคบใครควงใครอยู่ตอนนี้”
“ทำไมต้องเรียกเขาว่ามัน”
“ผมไม่ชอบมัน” ยังยืนยันคำเดิม
“รู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรือคะ”
“เปล่า ผมไม่ชอบขี้หน้าซะอย่าง จะเรียกมันว่ามัน มัน มัน” คนขี้โมโหเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“เด็ก” หล่อนว่าไม่มองหน้า
“มันเด็กกว่าผมอีก”
“ฉันหมายถึงพฤติกรรม ไม่ใช่อายุ”
เขาโกรธหล่อนจริง ๆ คราวนี้ ร่างสูงลุกขึ้นหันศีรษะกลับไปนอนทางเดิม แถมเอาหมอนปิดหน้าเสียอีก
“ตกลงจะนอนตรงนี้” หล่อนพยายามดึงหมอนออก แต่ไม่สำเร็จ “ตามใจ ไม่อยากนอนกับเด็กเหมือนกัน เดี๋ยวฉี่รดที่นอน” คราวนี้หล่อนยั่วสำเร็จ เขาสะบัดหมอนออก
“ผมจะกลับบ้าน” หันมาจ้องหล่อนอย่างเอาเรื่อง
“ดี ฉันก็กำลังจะนอน” ไม่พูดเปล่า หล่อนกระตุกสายเสื้อคลุมออก เผยร่างงามในชุดนอนสีหวานยาวระพื้น มองเห็นรูปทรงอย่างชัดเจนท้าแสงไฟ ยิ่งคนที่เคยเห็นยิ่งไม่ต้องใช้จินตนาการมากก็เห็นภาพทะลุปรุโปร่ง
“ลุกซิคะ วันนี้ฉันอยากนอนตรงนี้” หล่อนเบียดกายแทรกระหว่างเขากับพนักโซฟา ดูซิ จะทนได้สักแค่ไหน เขาพลิกตัวหันหลังให้กลัวอดใจไม่ไหวกับความเย้ายวนตรงหน้า อ้อมแขนเรียวกอดเขาจากด้านหลัง มือนุ่มเอื้อมมาปลดกระดุมเสื้อเขา ลูบไล้อกกว้างอย่างเอาใจ ริมฝีปากอุ่นจุมพิตแก้มสากเว้าวอน แต่เขาก็ยังนอนนิ่ง ใจแข็งกว่าที่หล่อนคิด
ตาบ้า...ไม่รู้รึไงว่าต้องข่มความอายแค่ไหนถึงจะทำอย่างนี้ได้ ความน้อยใจแล่นขึ้นมาจุกที่ลำคอ พักตร์พิลาสลุกขึ้น พูดออกมาโดยไม่มองหน้าคู่กรณี “ออกไปแล้ว ล็อคประตูให้ด้วยนะคะ” เสียงหล่อนสั่น ก่อนเดินหายไปยังห้องนอน กล้าตะวันได้ยินเสียงประตูปิดสนิทจึงลุกขึ้นเดินตามแนบหูกับประตู ก่อนเปิดตามเข้าไปอย่างแผ่วเบา หล่อนร้องไห้
ร่างสวยสมส่วนนั่งหันหลังให้อยู่บนเตียง ไหล่หล่อนสั่นจากแรงสะอื้น เขาตกใจวิ่งเข้าไปกอดหล่อนไว้ในอ้อมแขน
“คุณพักตร์เป็นอะไร ร้องไห้ทำไมครับ”
คนขี้น้อยใจพยายามดิ้นสุดแรงให้พ้นอ้อมกอดเขา “คนบ้า รู้ไหมว่าต้องใช้ความกล้าแค่ไหนที่จะทำอย่างเมื่อกี้ได้”
“โกรธผมหรือ ไม่เอาน่า ผมขอโทษ” เขารั้งตัวหล่อนออกห่างเพื่อจะดูหน้าให้ชัด ๆ หล่อนสะบัดหนี ทิ้งกายลงนอนหันหลังให้เขา
“เวลาคุณโกรธ คุณสวยมากรู้ไหม” เขาไล้มือไปตามส่วนโค้งส่วนเว้าของหล่อนแผ่วเบา ออกแรงรั้งหล่อนให้หันมาเผชิญหน้า หญิงสาวพยายามขืนตัวไว้แต่ก็สู้แรงคนแข็งแรงกว่าไม่ได้ จึงรัวกำปั้นหนัก ๆ ไปที่หน้าอกกว้างนั้น
“ผมเจ็บนะคุณ” กล้าตะวันยึดมือหล่อนไว้ พลิกตัวกกกอดหล่อนไว้เบื้องล่าง
“ผมขอโทษ ทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธ” ริมฝีปากนุ่มพรมจูบซับน้ำตาให้หล่อนอย่างอ่อนโยน
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ หญิงสาวเบือนหน้าหนีเมื่อเขาก้มหน้าเข้ามาใกล้ เขาจึงเลื่อนไปจูบซอกคอของหล่อนแทน ริมฝีปากของเขาเลื่อนต่ำลงมาเรื่อย ๆ สัมผัสได้ถึงความต้องการสนองที่เจ้าตัวฝืนมันไว้ ริมฝีปากเม้มสนิทและร่างที่เกร็งแน่นนั่นยิ่งยั่วให้เขาอยากเอาชนะ ระดมความสามารถจากประสบการณ์ที่สั่งสมมานานปีปลุกเร้าจนได้ยินเสียงครางเบา ๆ มือที่กำแน่นเริ่มเลื่อนมาเกาะเกี่ยวบ่าเขาไว้
“คุณกล้าขา พอแล้ว” เสียงหวานสั่นด้วยแรงอารมณ์ที่เขาปลุกขึ้นมา
เขาเลื่อนริมฝีปากขึ้นไปหาริมฝีปากหล่อนอีกครั้ง คราวนี้หล่อนตอบสนองเขาอย่างเร่าร้อนพอกัน ปลายเล็บมนของหล่อนจิกแผ่นหลังเขาจนเป็นรอยแดง เมื่อเขาพาหล่อนไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุดของความปราถนา
“เด็กทำอย่างนี้ไม่ได้หรอกนะ” เขายิ้มอย่างผู้ชนะ เมื่อลดตัวลงมานอนเคียงข้าง
“ไหนว่าจะกลับบ้านไง ทำไมยังอยู่อีก” หล่อนย้อนบ้าง
“เปลี่ยนใจแล้ว กลับบ้านไปก็นอนคนเดียว นอนนี่ยังมีอะไรให้ทำได้บ้าง” มือหนายังไล้วนอยู่ที่ทรวงอกนุ่มประกอบคำพูด
“พอเถอะค่ะ ช้ำหมดแล้ว” หญิงสาวค้าน เมื่อริมฝีปากเขาเริ่มทำงานอีกครั้ง
“ผมยังไม่อิ่มเลย คุณทั้งเปรี้ยว ทั้งหวานมัน ไปทั้งตัวอย่างนี้ กี่ครั้งก็ไม่เบื่อ”
“ไม่ใช่ของกินซะหน่อย” เสียงคัดค้านนั้นเปลี่ยนเป็นเสียงคราง เมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากที่เลื่อนต่ำลงไปกว่าหน้าท้อง
“คุณจะทำให้พักตร์ขาดใจตาย” เสียงพ้อกระเส่า
“ผมจะตายพร้อมคุณ”
แล้วก็อีกครั้งที่สองร่างร้อยรัดรวมเป็นหนึ่งเดียว
----------------------------------------------------------
“อรุณสวัสดิ์ครับ” กล้าตะวันกดจูบแรกของวันลงบนหน้าผากเนียน เมื่อเห็นเห็นคนในอ้อมกอดกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับแสง ก่อนตาคู่งามจะมองหน้าเขาอย่างเต็มตา
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” หญิงสาวจุมพิตปลายคางของเขาตอบ
ทุกสิ่งที่ฉายออกมาในดวงตาของคนทั้งคู่เหมือนมีมนต์สะกดให้ตาต่อตาต่างสบกันเนิ่นนาน ราวจะถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลสู่เบื้องลึกของหัวใจกันและกัน
กล้าตะวันยันกายขึ้นพิงพนักหัวเตียง พร้อมกับดึงร่างคนให้อ้อมกอดตามขึ้นมาให้พิงซบอยู่กับอก นิ้วเรียวยาวลูบศีรษะหญิงสาวเล่น ก่อนจะเอ่ยวาจาที่ทำให้หัวใจคนฟังกระตุกวูบ
“คุณพักตร์...ผมว่าเราเลิกเล่นละครเป็นแฟนกันได้แล้ว”
เขาเบื่อหล่อนแล้วใช่ไหม ผู้ชาย...เบื่อง่าย ยิ่งผู้ชายอย่างเขามีผู้หญิงมากหน้ามาเข้าคิวรอ ยิ่งเบื่อง่ายกว่าใคร ๆ เขาพร้อมทั้งหน้าตา ฐานะหน้าที่การงาน
พักตร์พิลาสสะบัดตัวออกจากอกอุ่นเมื่อครู่ บัดนี้มันร้อนเหมือนเปลวไฟลามเลีย น้ำตาอุ่น ๆ คลอเต็มหน่วยตา แม้จะพยายามกล้ำกลืนแต่บางหยดยังตกต้องรดอกกว้าง
กล้าตะวันอมยิ้มเมื่อเห็นร่างในอ้อมแขนกระตุกแรงเมื่อเขาจบคำพูด พร้อมกับสัมผัสได้ถึงสายน้ำอุ่นบนแผงอก เขาไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่หล่อนมีให้เขา และตอนนี้ยิ่งแน่ใจ อ้อมกอดหลวม ๆ จึงรัดแน่นกว่าเดิม เมื่อคนตัวเล็กแรงเยอะ เริ่มดิ้นแรงขึ้นทุกที
“ฟังก่อนสิครับ...มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด” ชายหนุ่มกดกระชับร่างนุ่มให้ซุกซบลงที่เดิม และรีบพูดต่อเพื่อมิให้ความเข้าใจผิดครอบงำเป็นเวลานาน
“ที่ผมว่าเลิกเล่นละครเป็นแฟนกัน ผมหมายความว่า...” เขาแกล้งหยุดเพื่อดูปฎิกิริยาของอีกฝ่าย เมื่อเห็นหล่อนนิ่งราวตั้งอกตั้งใจฟังคำพูดของเขา จึงเอ่ยต่อ “หมายความว่า...ให้คุณกับผมเป็นคนรักกันจริง ๆ ไม่ต้องเล่นละครอีกต่อไปแล้ว”
คราวนี้พักตร์พิลาสเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเต็มตา ก่อนจะยันกายขึ้นนั่งหลังเหยียดตรงให้ใบหน้าได้อยู่ในระดับเดียวกัน ดวงตาคู่เดิมเป็นประกายวาวจากหยาดน้ำเมื่อคู่ จับจ้องอีกฝ่ายเพื่อค้นหาและค้นพบความจริงจังและจริงใจในดวงตาคู่คมเจิดจ้าคู่นั้น
“ผมรักคุณนะคุณพักตร์” คำรักเรียบง่ายชัดเจน เหมือนกับตัวคนพูด
เขารักหล่อนหรือ...รักหล่อนเหมือนที่หล่อนรักเขาใช่ไหม
หญิงสาวเป็นคนซื่อตรงต่อความรู้สึกของตนเอง หล่อนไม่ใช่คนด้อยประสบการณ์เคยผ่านการรักและการถูกรักมาพอควร สำหรับกล้าตะวันแล้วแม้ที่ผ่านมาเขาไม่เคยบอกด้วยวาจา แต่ด้วยการกระทำ หล่อนรู้ว่าความรู้สึกที่เขามีให้คงไม่ต่างกัน และวันนี้...ตอนนี้ เขากำลังบอกหล่อนในสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้...อยากฟัง...จากปากของคนอันเป็นที่รัก
น้ำตาที่คลอหน่วยจากความผิดหวังน้อยใจเมื่อคู่ เปลื่ยนเป็นน้ำตาของความปลื้มปิติอุ่นซ่าน กว่าหล่อนจะเอื้อนเอ่ยวาจาออกมาให้คนที่อดทนรออย่างใจเย็นได้ฟังก็อีกนานโขในความรู้สึก
“พักตร์ก็รักคุณค่ะคุณกล้า” หญิงสาวพูดได้แค่นั้น เพราะความรู้สึกที่ประดังประเดเข้ามาทำหล่อนพูดไม่ออก และเพราะริมฝีปากได้ถูกปิดผนึกแนบแน่นจากริมฝีปากของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน
“ไปพบพ่อกับแม่ผมกันนะ ผมอยากทำทุกอย่างให้ถูกต้อง พ่อคุณกับแม่เลี้ยงคุณด้วย เราจะบินไปพบท่านด้วยกัน”
“คุณแน่ใจนะคะว่าคุณแม่คุณจะไม่รังเกียจพักตร์” ยิ่งสาวถามย้ำ
ตลอดเวลาที่รู้จักและคบหากัน กล้าตะวันพูดเสมอเรื่องที่มารดาของเขาต้องการให้เขากับกรชนกแต่งงานกับคนที่มีหน้ามีตาทัดเทียมกัน และผู้หญิงคนนั้นคงไม่ใช่หล่อนอย่างแน่นอน ท่าทีของคุณกรุณาที่เคยพบสองสามครั้งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบหล่อน
“แรก ๆ อาจจะยากหน่อย คุณทนได้หรือเปล่า” นี่ก็เป็นเรื่องหนักอกของเขาเช่นกัน คุณกรุณาไม่ชอบดารา ไม่ชอบนางแบบ ไม่ชอบพวกเต้นกินรำกิน ตามที่ท่านเรียก
“พักตร์ไม่อยากให้คุณลำบากใจ” หญิงสาวลูบแก้มสากระคายมือของเขาอย่างอ่อนโยน
“ผมเชื่อว่าคนอย่างคุณ ใครได้รู้จักจริง ๆ ต้องอดรักอดหลงคุณไม่ได้แน่นอน และแม่ผมไม่ใช่ผู้หญิงใจแข็ง” เขาปลอบทั้งหล่อนและตนเองไปด้วยในคราวเดียว
“ให้ความรักของเราสองคนเป็นที่ตั้งนะคุณพักตร์”
“ค่ะคุณกล้า เราสองคนจะอดทน หากเกิดอะไรขึ้น เราจะนึกถึงความรักของเราเป็นอย่างแรก”
แล้วเขาก็จูบเธออีก ปิดประทับคำมั่นที่มีให้แก่กันด้วยภาษากาย ความรักหอมหวานสำหรับคนแรกรัก หากวันข้างหน้ามันจะขม ก็ขอตักตวงความหวานชื่นของวันนี้ไว้ให้ได้มากที่สุดเช่นกัน




 

Create Date : 21 เมษายน 2552
2 comments
Last Update : 23 มีนาคม 2555 0:38:07 น.
Counter : 1030 Pageviews.

 

คุณกรุณานี้เธอจะกรุณาสมชื่อไหมนะ
เธอหวงลูกชายซะขนาด

 

โดย: aumpai IP: 203.170.251.178 22 เมษายน 2552 8:08:54 น.  

 

รอนาน อยากให้มาอัพอีกจังเลย

 

โดย: mm IP: 124.157.191.231 18 กุมภาพันธ์ 2553 14:03:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ลูกไก่พองลม
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




งานเขียนทุกชิ้นใน blog นี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย ห้ามทำซ้ำหรือเเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต
Friends' blogs
[Add ลูกไก่พองลม's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.