#จับหุ้นทำเงิน ลงทุนรับเศรษฐกิจฟื้นตัว กับ หุ้น ADB หรือ บมจ.แอ็พพลาย ดีบี หนึ่งในผู้นำผลิตภัณฑ์กาวและยาแนวและเม็ดพลาสติกคอมปาวด์
แนวคิดการลงทุนในยุคนี้ สำหรับผมต้องขอบอกว่า การเกาะไปกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยภาพรวม ถือเป็นแนวทางที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นที่ยิ่งเศรษฐกิจเติบโต ยิ่งต้องใช้สินค้าของเขามากๆ อย่างหุ้นที่ผมจะขอแนะนำในบทความนี้ก็คือ หุ้น ADB หรือ บมจ.แอ็พพลาย ดีบี ซึ่งกิจการของเขาถือเป็นผู้นำในผลิตภัณฑ์กาวอุตสาหกรรม ยาแนว และเม็ดพลาสติกคอมปาวด์ ที่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้แฝงตัวอยู่ในกิจวัตรประจำวันของเราแทบจะทุกอย่าง ส่วนความน่าสนใจจะเป็นอย่างไร ติดตามได้จากบทความนี้เลย
จากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศยักษ์ใหญ่ฝั่งอเมริกาและยุโรป เริ่มมีสัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจน ทำให้เศรษฐกิจในหลายๆ ประเทศมีทิศทางการปรับตัวดีขึ้น และส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมและการผลิตมีแนวโน้มปรับตัวในเชิงบวกตามไปด้วย
แน่นอนว่าสินค้าที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมอย่างผลิตภัณฑ์ประเภทกาวและยาแนว รวมถึงเม็ดพลาสติก ย่อมได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และนั่นคือที่มาของหุ้น ADB หรือ บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำผลิตภัณฑ์กาวและยาแนว และนวัตกรรมเม็ดพลาสติกคอมปาวด์ จะมีความน่าสนใจแค่ไหน ตามผมมาเลยครับ
ลักษณะธุรกิจของ ADB
บริษัทฯ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มผลิตภัณฑ์กาวและผลิตภัณฑ์ยาแนว (Adhesive and Sealant) ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์กาวชนิดต่างๆ เพื่อใช้ยึดติดวัสดุ และผลิตภัณฑ์ยาแนว โดยมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ เช่น แบรนด์ ADB DB SPARKO DAI-I-CHI และ OMAKU และรับจ้างผลิต (OEM) ให้เจ้าของตราสินค้าชั้นนำในระดับสากล
- กลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ (Plastic compound) ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกพีวีซีแบบนิ่มและแบบแข็ง เส้นใยสังเคราะห์โพลีโพรพิลีน และเม็ดเทอร์โมพลาสติกอิลาสโตเมอร์ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีทีม R&D ที่อยู่ระหว่างวิจัยและพัฒนาเม็ดพลาสติกคอมปาวด์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์ (Medical grade PVC compound) และเม็ดพลาสติกฮาโลเจนฟรีที่มีคุณสมบัติไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ที่เป็นสินค้านวัตกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง
ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์จำหน่ายให้แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ประเทศในกลุ่มอาเซียน ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป และอเมริกา โดยการจำหน่ายโดยตรงให้แก่ลูกค้า และจำหน่ายผ่านผู้จัดจำหน่ายสินค้า (Distributor)
อะไรที่เป็นปัจจัยที่จะทำให้กิจการเติบโต
ADB มียอดขายจากทั้งสองกลุ่มผลิตภัณฑ์ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน โดยมีกลุ่มลูกค้าอยู่ในอุตสาหกรรมหลายประเภท อาทิ อุตสาหกรรมผลิตสายไฟฟ้า ผู้จัดจำหน่ายสินค้า รวมถึงอสังหาฯ และการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เรียกได้ว่า หากภาคอุตสาหกรรมโดยรวมมีแนวโน้มเติบโตขึ้น ก็จะดีต่อกิจการนั่นเองครับ ซึ่งโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ EEC ที่รัฐบาลกำลังผลักดันให้เป็นรูปธรรม ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ดีสำหรับธุรกิจอย่างไม่ต้องสงสัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจผลิตภัณฑ์กาวและยาแนวนั้น ชัดเจนว่าจะเติบโตตามอุตสาหกรรมอสังหาฯ และทุกๆ อุตสาหกรรมที่ต้องใช้กาวและยาแนว ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมรองเท้า อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งผมคิดว่ามีแววที่จะเติบโตสูงเลยทีเดียว เนื่องจากเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ภาคอสังหาฯ และการบริโภคในภาพรวมก็จะฟื้นตัวตามไปด้วย และแน่นอนว่าจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับการใช้เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ไปทำสายไฟฟ้า จากแผนโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าและสายสื่อสารโทรคมนาคมแบบสายอากาศเป็นระบบสายใต้ดินในพื้นที่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจในอีก 10 ปีข้างหน้า (ปี 2559 2568) จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงความต้องการด้านคุณสมบัติของสายไฟฟ้า สายเคเบิ้ล และสายสื่อสารโทรคมนาคมที่จะนำมาใช้ โดยทั้งนี้ บริษัทฯ ก็มีสินค้ารองรับความต้องการในส่วนนี้ไว้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังมีการลงทุนปรับปรุงและพัฒนาเครื่องจักร (upgrade) และใช้เงินลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถผลิตสินค้าต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต เรียกว่าเตรียมความพร้อมไว้แล้วนั่นเอง
สรุปง่ายๆ ว่า ปัจจัยที่จะทำให้เติบโต ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยภาพรวม การบริโภคที่สูงขึ้น และอีกอย่างก็คือ หากกิจการสามารถลดต้นทุน เพิ่มอัตรากำไรสุทธิในบรรทัดสุดท้ายได้ จะเป็นแรงส่งให้หุ้นเติบโตได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
รายได้ และอัตรากำไรของบริษัทฯ
สรุปผลการดำเนินงานที่สำคัญ | ปี 2557 | ปี 2558 | ปี 2559 |
1. รายได้จากการขายกลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ | 686.96 | 712.08 | 725.83 |
2. รายได้จากการขายกลุ่มผลิตภัณฑ์กาวและผลิตภัณฑ์ยาแนว | 710.05 | 722.3 | 685.95 |
รายได้จากการขาย (ล้านบาท) | 1,397.01 | 1,434.38 | 1,411.78 |
อัตรากำไรขั้นต้น (ร้อยละ) | 14.14 | 18.11 | 20.27 |
อัตรากำไรสุทธิ (ร้อยละ) | 1.83 | 2.36 | 5.30 |
กำไรขั้นต้น | ปี 2557 | ปี 2558 | ปี 2559 | |||
ล้านบาท | ร้อยละ | ล้านบาท | ร้อยละ | ล้านบาท | ร้อยละ | |
1. กำไรขั้นต้นกลุ่มผลิตภัณฑ์กาวและผลิตภัณฑ์ยาแนว | 104.28 | 52.80 | 160.48 | 61.77 | 188.19 | 65.76 |
2. กำไรขั้นต้นกลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ | 93.24 | 47.20 | 99.30 | 38.23 | 98.01 | 34.24 |
กำไรขั้นต้นรวม | 197.52 | 100 | 259.79 | 100 | 286.19 | 100 |
1. อัตรากำไรขั้นต้นกลุ่มผลิตภัณฑ์กาวและผลิตภัณฑ์ยาแนว (ร้อยละ) | 14.69 | 22.22 | 27.43 | |||
2. อัตรากำไรขั้นต้นกลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ (ร้อยละ) | 13.57 | 13.95 | 13.50 | |||
อัตรากำไรขั้นต้นรวม (ร้อยละ) | 14.14 | 18.11 | 20.27 |
มาดููรายได้ของบริษัทฯ กันจะพบว่าอยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเติบโตค่อนข้างดี ซึ่งจะเห็นได้ว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์กาวและผลิตภัณฑ์ยาแนวเป็นกลุ่มผลิตที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงและเติบโตดีมาก
โดยทั้งนี้ บริษัทฯ มีการวางแผนและจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการในอนาคตเพื่อสนับสนุนการขยายตัวให้แก่สินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์กาวและผลิตภัณฑ์ยาแนวซึ่งเป็นสินค้าซึ่งสร้างผลกำไรที่น่าสนให้แก่บริษัทฯ ซึ่งจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างกำไรให้แก่บริษัทฯ มากขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเน้นกลยุทธ์ด้านการออกแบบและพัฒนาสินค้าให้ตรงต่อความต้องการของลูกค้าโดยบริษัทฯ มีทีม R&D ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มากกว่า 12 ปีซึ่งเข้าไปมีส่วนร่วมกับลูกค้าในการออกแบบพัฒนาสินค้าต่างๆ ให้ตรงต่อลักษณะการใช้งานมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทฯ ยังมีแผนการวิจัยและพัฒนาสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ เช่น เม็ดพลาสติกพีวีซีเพื่ออุตสาหกรรมการแพทย์ (Medical grade PVC compound) และเม็ดพลาสติกฮาโลเจนฟรี (Halogen free compound) เพื่อสร้างทางเลือกให้แก่ลูกค้า และเป็นการสร้างรายได้และผลกำไรที่ดีให้แก่บริษัทฯ ในอนาคตอีกด้วย
ตรวจสุขภาพทางการเงินกันหน่อย
สรุปฐานะทางการเงินที่สำคัญ | 31 ธันวาคม 2557 | 31 ธันวาคม 2558 | 31 ธันวาคม 2559 |
สินทรัพย์รวม (ล้านบาท) | 885.38 | 948.10 | 1,072.39 |
หนี้สินรวม (ล้านบาท) | 639.98 | 675.22 | 774.82 |
ส่วนของผู้ถือหุ้น (ล้านบาท) | 245.40 | 272.88 | 297.57 |
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) | 2.61 | 2.47 | 2.60 |
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ร้อยละ) | 2.82 | 3.76 | 7.49 |
อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ร้อยละ) | 11.45 | 13.31 | 26.54 |
สุขภาพทางการเงิน หรือตรวจงบดุลของกิจการถือว่าผ่านฉลุยครับ โดยปี 2559 ADB มีสินทรัพย์สุทธิรวม 1,072 ล้านบาท และเติบโตขึ้นทุกปี ในขณะที่หนี้สินโตช้ากว่าสินทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันมีหนี้สินเพียง 774 ล้านบาท และหนี้สินบางส่วนอาจเป็นหนี้สินทางการค้าอีกด้วย
สำหรับส่วนของผู้ถือหุ้นก็เติบโตตามสินทรัพย์ที่โตขึ้น ในปีล่าสุดมีส่วนของผู้ถือหุ้นเกือบ 300 ล้านบาท แต่สิ่งที่ต้องติดตามก็คือ หนี้สินต่อทุนค่อนข้างสูงถึง 2.6 เท่า ซึ่งหากได้เงินจากการนำหุ้นเข้าตลาด หนี้สินต่อทุนจะลดลงไปเอง ที่สำคัญอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นสูงถึง 26.54% ในปีล่าสุด
จำนวนหุ้นที่เสนอขาย
สำหรับจำนวนหุ้นที่เสนอขายมีทั้งหมด 180,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 30.00 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้
มูลค่าที่ตราไว้ (par) 0.50 บาทต่อหุ้น มูลค่าตามราคาบัญชี (Book value) 0.71 บาทต่อหุ้น ซึ่งคำนวณจากส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 ซึ่งเท่ากับ 297.57 ล้านบาท และหารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ก่อนการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้จำนวน 420,000,000 หุ้น
ข้อสรุปหุ้น ADB
สำหรับข้อสรุปของหุ้น ADB ก็คือ หุ้นตัวนี้มีแนวโน้มเติบโต และจะเติบโตไปกับเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงตลาดต่างประเทศที่เริ่มฟื้นตัว เนื่องจากเป็นสินค้าที่นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่แฝงอยู่ในการใช้ชีวิตประจำวันของเรา หรือใช้ในงานก่อสร้าง โดยการเติบโตจะมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภาพใหญ่ รวมทั้งการที่บริษัทฯ มีทีม R&D ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านการผลิตซึ่งทำให้บริษัทฯ สามารถผลิตสินค้าที่หลากหลายและสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้เสมอในอนาคต
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามก็คือคู่แข่งในตลาด และเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีหรือไม่ อย่างไร ซึ่งถ้าราคาหุ้นไม่แพงจนเกินไป ก็ถือว่าเป็นหุ้นที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ
ใครยังอ่านข้อมูลไม่จุใจ เข้าไปติดตามข้อมูลของกิจการเพิ่มได้ที่นี่ครับ https://www.adb.co.th/
การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน ผู้เขียนเพียงให้ข้อมูล ไม่รับผิดชอบต่อผลการลงทุนของท่านในทุกกรณีนะครับ
#นายแว่นลงทุน
[เกี่ยวกับผู้เขียน]
นายแว่นธรรมดา หนึ่งในกูรูหุ้น FINOMENA และผู้ก่อตั้ง //www.topofliving.com ผู้เขียนหนังสือ ลงทุนหุ้นโตเร็ว และหนังสือขายดี กลยุทธุ์จับจังหวะลงทุนหุ้น ปัจจุบันเป็นนักลงทุนอิสระ นักเขียนอิสระ ขอถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุน เผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ