พัฒนาชีวิตด้วยปัญญา และความดี
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
10 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
"ประเด็นร้อน TRUE เพิ่มทุน"

TRUE มีหุ้นอยู่ราว 1.453 หมื่นล้านหุ้น พาร์ 10 บาท
TRUE ได้มีมติ เพิ่มทุน 2 ส่วน คือ

1. ให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมในการจองหุ้นเพิ่มทุน อัตราส่วน 2.5725 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน ที่ราคา 6.45 บาท คิดเป็นหุ้นใหม่ราว 5.648 พันล้านหุ้น

2. ออกหุ้นเพิ่มทุนโดยขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่ China Mobile เป็นจำนวน 4.429 พันล้านหุ้น ที่ราคา 6.45 บาทเท่ากัน
สรุปแล้ว TRUE จะออกหุ้นใหม่เป็นจำนวน 10077.71 ล้านหุ้น (หนึ่งหมื่นเจ็ดสิบเจ็ดล้านหุ้น)

หลังเพิ่มทุนแล้ว TRUE จะมีหุ้นเพิ่มเป็น 24607.93 ล้านหุ้น (สองหมื่นสี่พันหกร้อยล้านหุ้น)
โดย China Mobile จะเข้ามาเป็นพันธมิตร โดยถือหุ้น 18%
ผู้ถือหุ้นเดิมจะลดสัดส่วนจาก 100% เหลือ 82%

การเพิ่มทุนครั้งนี้ จะทำให้ TRUE ได้เงิน 65001.25 ล้านบาท (ราวหกหมื่นห้าพันล้านบาท)

ซึ่งแน่นอน เงินที่ได้มานั้นจะเข้ามาอยู่ในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท และทำให้ความเสี่ยงที่ TRUE จะมีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบและต้องเข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการนั้นหมดไปอย่างแน่นอน
โดยเงินที่ได้รับ ส่วนหนึ่งน่าจะนำไปประมูลคลื่น 1800 กลับมา

ในช่วงปลายปีนี้ เพราะ TRUE ยังมีลูกค้าบนคลื่น 1800 เดิมที่ยังไม่โอนย้ายมา TRUEmove H อีกมาก การได้คลื่นกลับมาจะทำให้ปัญหาการโอนลูกค้าหมดไป

เงินอีกส่วนหนึ่งก็น่าจะนำไปคืนหนี้สินบางส่วน เพื่อลดดอกเบี้ยจ่ายให้ลดลงได้มากกว่าที่เป็นอยู่

เห็นหลายคนชอบบอกว่า TRUE มีหนี้สินในงบดุลสูงแสนกว่าล้านบาท อันนั้นก็เป็นการพูดที่ให้ร้ายกับบริษัทมากจนเกินไป เพราะหนี้สินส่วนหนึ่งเป็นหนี้สินที่ไม่มีดอกเบี้ย ส่วนที่มีดอกเบี้ยนั้นแค่ราว 1 แสนล้าน และระยะหลังดอกเบี้ยจ่ายก็ลดลงเรื่อยๆ เพราะ TRUE มีการออกหุ้นกู้ชุดใหม่มาทดแทนชุดเก่าโดยจ่ายดอกเบี้ยถูกลงกว่าเดิม หลังธุรกิจมือถือเริ่มกลับมามี EBITDA เป็นบวกได้ครับ

เครดิต (Wattana Stock)

เน้นหน่อยนะครับ EBITDA เป็นบวกไม่ได้หมายความว่าเป็นกำไรนะครับ เพราะยังมีหนี้สินอยู่อีกจำนวนหนึ่งที่ต้องมีดอกเบี้ยจ่าย (แต่ในอนาคตไม่แน่ครับ) ่ขอเสริมมุมมองในแง่ลบหน่อยนะครับ... การเพิ่มทุนกับนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยนั้นควรเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เจ้าของบริษัทจะทำ เพราะเป็นการขอเงินจากผู้ลงทุน ผู้ให้ความไว้วางใจกับการประกอบกิจการของบริษัท ... ดังนั้นหากใครจะลงทุนกับหุ้น TRUE ต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ 


“เปิดรับสมัครสมาชิก”

เว็บบล็อก“นายแว่นธรรมดา” เปิดรับสมัครสมาชิกรายปีครับ โดยท่านที่สมัครจะได้รับของที่ระลึกจากนายแว่นธรรมดาครับใครยังไม่สมัครต้องรีบหน่อยนะครับ ของแถมล็อตนี้ใกล้หมดละครับสนใจรายละเอียดการสมัครติดตามได้ที่นี่เลยครับ คลิ๊กเพื่อดูรายละเอียดการสมัครสมาชิก

แนะนำเว็บไซค์สำหรับคนอยากมีบ้านหลังแรก และต้องการมองหาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

//www.topofliving.com/ (โดยนายแว่นธรรมดา เช่นเคยครับผม)

logo-topofliving2




Create Date : 10 มิถุนายน 2557
Last Update : 10 มิถุนายน 2557 16:18:33 น. 9 comments
Counter : 2878 Pageviews.

 
๑ เจ้าสัวไม่สับขาหลอกแน่นอนเพราะเจ้าสัวแก่แล้ว เงินทองก็มีมากประเภทใช้ไม่หมดจนชั่วลูกชั่วหลาน
ดังนั้นประเด็นให้ข่าวเท็จเพี่อปั่นราคาหุ้นนี่เลิกคิดไปได้เลย ถ้าจะมีการยกเลิกดีลจริงก็น่าจะเป็นทางฝั่ง
ไชน่าโมบาย แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะไชน่าโมบาย ก็เอาข่าวซื้อหุ้น ทู ไปลงในเวปของตัวเองแล้ว
ดังนั้นในเรื่องนี้ ผมว่าหากเกาหลีเหนือไม่ใช้ขีปนาวุธยิงเข้าไปในจีน ดีลนี้ไม่มีล้มแน่นอน

๒ เทคโนโลยี่โทรคัพท์มือถือต่างๆ ตอนนี้จีนเก่งที่สุดในโลกแล้ว ขนาดไอโฟนก็ยังผลิตในจีน คอมพิวเตอร์
โน๊ตบุ๊คทั้งหลายก็ผลิดในจีนและราคาก็ถูกด้วย

๓ ไชน่าโมบายเป็นผู้ให้บริการมีอถือใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้ใช้งาน ๘๐๐ ล้านคน ดังนั้นต้นทุนและเทคโนโลยี่ต่างๆ
ถูกและดีกว่าเจ้าอี่นๆในโลก เมื่อเข้ามาซื้อหุ้น ทู ก็จะได้เครีอข่ายที่ใหญ่ ซึ่งไทยนั้นเป็นศูนย์กลางของเออีซีแน่ๆ
ดาต้าโรมมิ่ง ฯลฯ จะทำรายได้ให้ทั้ง ทู และไชน่าโมบาย

สรุปคีอ ทู จะเป็นเจ้าของการสื่อสารทางมือถีอและข้อมูลแทนที่ เอไอเอสและดีแตก แน่ๆ ดีแตกทำท่าว่าจะโดนเล่น
งานไม่ให้ประมูลในครั้งต่อไป หากจับได้ว่ามีการถือหุ้นนอมินีแทนต่างชาติ พูดง่ายว่าทรูจะเป็นอันดับหนึ่งแน่ๆ

ขอให้โชคดี ตัวนี้ผมกล้าถือยาวและกะลังถืออยู่ นอนหลับสบายได้ เลยครับ ไม่มีลงมีแต่จะขึ้น


โดย: ตี๋2555 วันที่: 12 มิถุนายน 2557 เวลา:14:28:22 น.  

 
ปรากฏการณ์หุ้นทรู

ข่าวการเพิ่มทุนมโหฬารถึง 6.5 หมื่นล้านบาท สร้างแรงกระเพื่อมให้แก่ตลาดหุ้นไทยเป็นอย่างมาก
เป็นแรงกระเพื่อมในทางบวก ที่ทำให้ยอดรวมมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์ใน

ตลาดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สูงขึ้นเป็น 6.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเฉพาะมูลค่าซื้อขายหุ้น TRUE ตัวเดียวก็ปาเข้าไป 9,235 ล้านบาทแล้ว
หุ้น TRUE เอง ก็ปรับตัวขึ้นมาจาก 7.65 บาท มาเป็น 8.05 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 8.05% และหุ้นทรูก็ยังคงมีทิศทางเดินหน้าต่อไปทั้งราคาและปริมาณซื้อขาย

เป็นปรากฏการณ์หาดูได้ยากมาก ที่หุ้นเพิ่มทุนถึง 70% แล้วราคาไม่ลง แถมยังบวกสวนกระแสขึ้นไปอีก พร้อมกับแรงซื้อที่หนาแน่น
กระแสฟีเวอร์หุ้นทรูที่แรงมาก ยังทำให้เกิดการย้ายพอร์ตลงทุนในหุ้นสื่อสารตัวอื่น อาทิ ADVANC และ DTAC มายังทรู ซึ่งค่อนข้างจะเหลือเชื่อสำหรับหุ้นที่มีพื้นฐานมั่นคงแข็งแกร่ง รวมทั้งจำนวนลูกค้าของหุ้นสื่อสาร 2 ตัวดังกล่าว
หุ้นทรูจะแรงต่อไปได้อีกมากน้อยเพียงใด!

จากหุ้นทุนจดทะเบียนเดิม 14,530 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 10 บาท จะมีการเพิ่มทุนเข้าไปใหม่อีก 10,078 ล้านหุ้น ขายผู้ถือหุ้นเดิม 5,648 ล้านหุ้น และขายให้พันธมิตร “ไชน่า โมบาย”4,429 ล้านหุ้นในราคาเท่ากัน หุ้นละ 6.45 บาท
ผลดีคือเงินเพิ่มทุนที่ระดมได้ 65,000 ล้านบาท (หากขายได้หมด) จะนำเงินไปใช้เจ้าหนี้แบงก์ 52,000 ล้านบาท จากจำนวนหนี้ที่มีอยู่ประมาณ 1 แสนล้านบาท

ทำให้ภาระจ่ายดอกเบี้ยที่มีอยู่ปีละ 7 หมื่นล้านบาท ลดหายไปทันที 4 พันล้านบาท คงเหลือภาระจ่ายดอกเบี้ยเพียงปีละ 3 พันกว่าล้านบาทเท่านั้น

หนี้สิน/ทุน หรือดี/อี ก็จะลดฮวบฮาบ จากระดับที่ 9 เท่า ก็จะเหลือต่ำกว่า 1 เท่า ทำให้อนาคตดูดีขึ้นเยอะ หนี้สินไม่ได้ท่วมหัวอย่างเก่า การที่หนี้สินกลับมาสู่ระดับที่ต่ำกว่า 1 เท่า ถือว่าทรูกลับมาสู่การดำเนินธุรกิจในระดับปกติเฉกเช่นธุรกิจทั่วไป
หนี้ที่เหลืออยู่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ยังเป็นเรื่องที่อยู่ในวิสัยจะรับมือได้สำหรับธุรกิจที่มียอดขายปีละประมาณ 1 แสนล้านบาท และภายหลังการเพิ่มทุน ก็ยังมีโอกาสจะทำการรีไฟแนนซ์หนี้เงินกู้เพื่อลดภาระต้นทุนทางการเงินได้

อย่างไรก็ตาม ทรูก็ยังมีผลขาดทุนสะสมอยู่อีก 6 หมื่นล้านบาท อันทำให้ไม่สามารถจะปันผลแก่ผู้ถือหุ้นได้ ซึ่งพันธมิตรที่เข้ามาใหม่อย่าง ”ไชน่า โมบาย” คงไม่พึงพอใจแน่ หากใส่เงินเข้ามาแล้วก็ยังขาดทุนซ้ำซาก ไม่มีเงินปันผลจ่ายให้เสียที
แต่ปัญหานี้ก็คงจะแก้ไขได้ไม่ยาก วิธีการที่ใช้กันโดยทั่วไปก็คือ ลดทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสม
พ้นจากวิธีการนี้ไป ก็มองไม่เห็นจะมีนวัตรกรรมใหม่ใดๆ แล้ว เพราะการจะล้างขาดทุนสะสมด้วยผลประกอบประการ คงเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา

หุ้นทรูจะรักษากระแสฟีเวอร์ได้นานแค่ไหนต่อจากนี้ไป ก็คงจะขึ้นกับฝีมือผู้บริหารของทรู คอร์ปอเรชั่นแล้ว
ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ทรูมีกำไร 3,800 ล้านบาท จากรรายการพิเศษในการตั้งกองทุนสาธารณูปโภค ไตรมาส 2 ยังไม่มีความแน่นอนจะเห็นกำไรอีก
ในแง่จำนวนลูกค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทรูยังคงเป็นผู้ตามในอันดับ 3 มีลูกค้าทั้งในความถี่คลื่นเดิมและคลื่นใหม่ 2.1Ghz จำนวน 22 ล้านราย เมื่อเทียบกับ DTAC ในลำดับ 2 ที่ 28.2 ล้านราย และลำดับหนึ่งคือ AIS ที่ 42 ล้านราย

ในแง่ของการทำรายได้ คงต้องดูการทำลูกค้าในคลื่น 2.1Ghz กันแล้ว เพราะไม่มีภาระต้องจ่ายค่าสัมปทาน ซึ่งทรู โมบายก็ยังตามหลัง DTAC และ AIS อยู่ดี
ทรูแจ้งจำนวนลูกค้า 3 จี มีทั้งสิ้น 14 ล้านราย แต่ก็เป็นตัวเลขรวม 3 จี ทั้งบนคลื่น 850 Mhz และ 2.1Ghz ในขณะที่ DTAC มีตัวเลขลูกค้าชัดเจนบนคลื่น 2.1Ghz ที่ 15.9 ล้านราย ส่วน AIS ไปลิ่วที่ 26 ล้านราย ด้วยเครือข่ายที่เหนือกว่าแล้ว
การได้พันธมิตร ”ไชน่า โมบาย” และการเพิ่มทุนครั้งใหญ่กับผู้ถือหุ้นเดิม ทำให้เกิดกระแสความคาดหวังว่าหุ้นทรูจะเป็น ”หุ้นเทิร์นอะราวด์” พลิกฟื้นจากการจากการขาดทุนเป็นกำไรได้อย่างแรง
กองเชียร์ก็แห่แหนตามเชียร์กันอย่างคับคั่ง แต่ก็อย่าลืมว่า ทั้งหมดตั้งอยู่บนความคาดหวัง เมื่อไหร่มีอะไรที่ทำให้ความคาดหวังสั่นคลอน เสียงเชียร์ก็จะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงสาปแช่งไป
กระแส “ทรู ฟีเวอร์” จะหล่อเลี้ยงได้ยาวนานแค่ไหน ขึ้นกับฝีมือผู้บริหารทรูภายใต้การนำของศุภชัย เจียรวนนท์ แล้ว


โดย: ตี๋2555 วันที่: 12 มิถุนายน 2557 เวลา:16:19:25 น.  

 
TRUE - ผลกระทบต่อ ADVANC DTAC มันรุนแรงขนาดนั้นเลยหรือ?? (ตอนที่ 1)

ตอนที่ 1 - China Mobile จะเข้ามาจริงหรือ??
มาจนถึงวันนี้ จน TRUE เลือกทางเดินสุดท้ายด้วยการเพิ่มทุนและหาพันธมิตร และกำลังจะขึ้นเครื่องหมาย XR ปลายเดือน กรกฏาคม แต่ทำไม้ ทำไม กระแสความเกลียดชังหุ้น TRUE ถึงได้มากมายขนาดนี้ เท่าที่อ่านๆมา น้อยคนนักที่จะชื่นชมกับการแก้ปัญหาของ TRUE ส่วนใหญ่มองว่า TRUE เป็นบริษัทบักโกรก แก้อะไรยังไงก็ไม่รอด แต่ก็แปลกนะ ถ้ามันห่วย มันรอดมาได้ยังไงตั้งเป็นสิบปี ทั้งที่ปัญหาก็มีมาโดยตลอด
ประเด็นแรกที่ต้องกล่าวถึงก็คือ ขณะนี้ คนให้ความกังวลกับการเข้าซื้อหุ้นของ China Mobile กันมาก เพราะดันมีข้อความทิ้งท้ายว่า "หาก China Mobile ไม่ใส่เงิน จะกระจายส่วนนั้นให้ผู้ถือหุ้นเดิม" แล้วก็มีการเอาเรื่องนี้มาเป็นกระแสต่อต้าน และให้ระวังการเพิ่มทุนของ TRUE
หากเราพิจารณาให้ดี กรณี BAY TMB หรือหุ้นอื่นๆก่อนหน้านี้ที่มักมีข่าวเรื่องพันธมิตร เรื่องขาย ส่วนใหญ่เป็นลักษณะการเต้าข่าวจาก นสพ. ทั้งนั้น เช่นกรณี ธนาคารทหารไทย ที่ นสพ. หุ้นเต้าข่าวตั้งแต่ธนาคารในจีน เกาหลี ไปยันธนาคารในซิมบับเว จนเขาแซวกันว่า เดี๋ยวจะมีธนาคารจากนอกโลกสนใจทหารไทยบ้างแล้ว จนหลายครั้งต้องมีการออกมาปฎิเสธข่าวทั้งจากทาง TMB หรือธนาคารที่เป็นข่าว

จะเห็นว่า เรื่องแบบนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก บางครั้งแม้ท้ายที่สุดจะเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าอะไรๆยังไม่แน่นอน ก็จะมีการปฏิเสธข่าวเอาไว้ก่อนเสมอ เช่นกรณีของ BAY ที่มีการปฏิเสธข่าวในเบื้องต้นแต่ท้ายที่สุดแล้วก็จริงจนได้

ในกรณีของ TRUE หากยังไม่มีการตกลงกันถึงระดับหนึ่ง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ TRUE จะแอบอ้างเอาชื่อของ China Mobile มาใช้หากินกับราคาหุ้นของตัวเอง หากไม่ได้มีการตกลง ทางฝ่าย China Mobile เอง จะต้องเป็นคนชี้แจงข่าวแล้ว เพราะเขาก็จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะให้มีข่าวมั่วออกมาคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น การที่มีการเปิดเผยชื่อผู้ซื้อขนาดนี้ แสดงว่า มีการตกลงกันเรียบร้อยแล้ว โดยรับรู้กันทั้ง 2 ฝ่าย

เป็นไปไม่ได้!!! ที่คุณศุภชัย จะนั่งประชุมกันอยู่ฝ่ายเดียว โดยไม่มี China Mobile นะครับ!!!
ดังนั้น ประเด็นความกังวลเรื่องการเข้ามาของ China Mobile ผมว่า คนที่เอาข่าวนี้มาเล่นกันมากๆ พวกแรกคือ พวกอคติบังตา เห็นชื่อ TRUE ก็ด่า ก็บอกว่าห่วย เลวเอาไว้ก่อน ส่วนอีกพวกหนึ่งก็คือ พวกที่กะกดหุ้นเอาของ

งั้น ถามต่อว่า ทำไมต้องมีข้อความเผื่อเอาไว้ด้วย ซื้อแล้วก็คือซื้อสิ
อย่าลืมว่า China Mobile เป็นบริษัทจีนนะครับ ซึ่งการทำธุรกิจในจีนนั้นเราก็รู้ๆกันอยู่ว่า มันไม่เหมือนในประเทศอื่นๆ การตกลงซื้อหุ้นเพิ่มทุน เป็นการตกลงระดับบริษัท กับ บริษัท แล้วก็มีการประกาศข่าวออกมา ทาง TRUE ก็แจ้งข่าวใน ตลาดหลักทรัพย์ไทย ทาง China Mobile ก็แจ้งข่าวกับทางตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงแล้ว
แต่ยังต้องมีด่านทางการของจีนด้วยซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แล้วก็ยังเรื่องกฎระเบียบต่างๆที่เราอาจไม่รู้

ผมอยากลองเทียบเคียงกับกรณี Microsoft ซื้อ NOKIA ซึ่งมันไม่ได้เป็นบริษัทของจีนเลยแม้แต่น้อย แต่ยังต้องรอผ่านความเห็นชอบจากรัฐบาลจีน ซึ่งใช้เวลานานมาก จนทำให้ดีลนี้กว่าจะเสร็จก็เมื่อไม่กี่เดือนมานี้

แต่ TRUE เอง คงรอไม่ได้แล้ว เพราะต้องการเงินไปประมูลคลื่น 1800 ถ้าเกิดเหตุขัดข้องทำให้เงินที่จะได้จาก China Mobile ล่าช้า TRUE ก็ต้องหาทางแก้ไขก่อน

อย่างไรก็ตาม ผมให้น้ำหนักว่า ดีลนี้ มันจบไปแล้ว และโอกาสที่ China Mobile จะไม่ใส่เงินนั้น "น้อยมาก" ถ้าเขายังไม่ชัวร์ เขาไม่ให้ TRUE เอาชื่อเขามาใช้หรอกครับ

ผมงงมากเลยนะครับ ที่มีคนเต้าข่าว ธนาคารนู้นนี้สนใจซื้อทหารไทย กลับมีคนมองว่าเป็นจริงชัวร์ เข้าไล่ราคาหุ้นกันมันส์หยด ไม่เห็นมีใครจะออกมาท้วงว่า เอ๊ะ มันชัวร์แล้วเหรอ?? ข่าวจริงก็ยังไม่ออก
แต่กับ TRUE ถึงขนาดออกเป็นข่าวแจ้งตลาด แถมยังมีหลักฐานเอกสารยื่นตลาดฮ่องกงของทางฝั่งผู้ซื้อ แต่กลับมีคนออกมาบอกให้ระวังเป็นข่าวหลอก


โดย: ตี๋2555 วันที่: 14 มิถุนายน 2557 เวลา:9:49:54 น.  

 
TRUE - ผลกระทบต่อ ADVANC DTAC มันรุนแรงขนาดนั้นเลยหรือ?? (ตอนที่ 2)

ตอนที่ 2 - TRUE จะดีขึ้นจริงๆหรือ??

การเข้ามาของ China Mobile เท่าที่สอบถามจากนักวิเคราะห์ เห็นว่าจะขอที่นั่งในบอร์ด 2 - 3 คน จากการถือหุ้น 18%
ทีแรกผมก็ยังแปลกใจว่า ทำไม China Mobile ถึงคิดจะเข้ามาถือแค่18% ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าจะถือถึง 24.9% ก็น่าจะทำได้
อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมอยากให้จับตาดู TRUEIF ให้ดี อย่าลืมว่า TRUE เองไม่ได้อยากถือ TRUEIF ถึง 33% ในตอนแรก ต้องการถือแค่ระดับ 20% เท่านั้นเอง เพียงแต่มันขายไม่หมด ก็ต้องรับไว้เอง และเดือนหน้านี้ก็จะถึงเดือนที่ครบกำหนดการห้ามขายแล้ว เราอาจได้เห็นการขาย TRUEIF ส่วนหนึ่งออกมาจาก TRUE ก็ได้ คนซื้อจะเป็นใคร?? ก็ลองเดาๆกันดูต่อไปละกัน

เอ้ามาต่อกันดีกว่า ว่า TRUE จะดีขึ้นจริงหรือ??
การเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้ TRUE ได้เงินถึง 6.5 หมื่นล้านบาท โดยจะนำเงินไป คืนหนี้สิน 5 หมื่นล้าน และที่เหลือจะเก็บไว้ประมูลคลื่น 1800
ทำไม TRUE ถึงต้องการคลื่น 1800 มากนัก??
ประการที่ 1 - ปัจจุบันนี้ TRUE พยายามขอให้มีการโอนลูกค้าจาก TRUEmove เดิม บนคลื่น 1800 มาอยู่บน TRUEmove H โดยอัตโนมัติ ซึ่งมีหมายเลขที่ยังไม่โอนอีกราว 7 ล้านเลขหมาย และจะหมดช่วงเยียวยาที่ กสทช ต่อให้ 1 ปีในเดือน ก.ย. นี้แล้ว
หากท้ายสุดแล้ว กสทช ยอมให้โอนอัตโนมัติ TRUE จะเอาคลื่นที่ประมูลได้ไปพัฒนาทางด้านอื่นต่อไป แต่ไม่ได้เอามาทำ 4G เพราะปัจจุบัน TRUE ได้หั่นคลื่น 2100 บางส่วนมาทำ 4G ไปแล้ว เพราะ 3G ของทรูไม่ได้ใช้คลื่น 2100 ทั้งหมด แต่มีการใช้คลื่น 800 ที่ได้จากการซื้อ hutch มาทำ 3G เป็นหลัก

ประการที่ 2 - หากยังไง กสทช ก็ไม่ยอมให้มีการโอนลูกค้าโดยอัตโนมัติ ทาง TRUE ก็จำเป็นต้องประมูลให้ได้คลื่น 1800 นี้คืนมา เพื่อรักษาลูกค้าของตัวเองเอาไว้ อย่าลืมว่า 7 ล้านเลขหมายเป็นจำนวนที่สูงมาก TRUE ยังไงก็ต้องสู้ตายกับการประมูล ซึ่งต้องสู้มากกว่า DTAC เพราะสัมปทานเดิมของ DTAC ยังเหลือเวลาอีกหลายปี
DTAC ยังเหลือเวลาอีกหลายปีค่อยๆทยอยให้ลูกค้าย้ายมา TriNet แต่ทรูไม่เหลือเวลาแล้ววววว
ดังนั้น การกันเงินเอาไว้ประมูลคลื่นราว 1.5 หมื่นล้านบาท ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

มาถึงประเด็นหนี้สินกันบ้าง!!! เห็นขาแช่ง พยายามอย่างมากในการชี้ให้เห็นว่า หนี้สินของ TRUE นั้นสูงถึง 2 แสนล้านบาท แล้วได้เงินไปคืนหนี้เพียงแค่ 5 หมื่นล้านบาท หนี้ก็ยังเหลือบาน ปัญหาก็ยังไม่จบ
การจะดูหนี้สินนั้น เราต้องแยกด้วยว่า หนี้สินนั้น มีภาระดอกเบี้ยหรือไม่ และหนี้สินนั้นเกิดจากอะไร แม้ว่าหนี้สินของ TRUE ในงบการเงินจะสูงถึง 2 แสนล้าน แต่เป็นส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยเพียงแค่ 9.5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น

รายการหลักๆที่อยู่ในหนี้สินของ TRUE กลับเป็นรายการ เจ้าหนี้การค้า หรือ Account Payable ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการบันทึกหนี้สินจากกรณีพิพาทระหว่าง CAT กับ TRUE ในเรื่องความเป็นเจ้าของของโครงข่าย ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ถ้าท้ายสุดเคลียร์กับ CAT ได้ส่วนนี้ก็จะหายไป และไม่ควรให้ความสำคัญกับส่วนนี้
ส่วนหนี้สินที่ไม่มีดอกเบี้ยอื่นๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของการประกอบธุรกิจอยู่แล้ว ส่วนที่เราควรให้ความสำคัญมากๆก็คือ หนี้สินที่ "มีภาระดอกเบี้ย"
หาก TRUE สามารถคืนหนี้ได้ 5 หมื่นล้าน จะทำให้สามารถลดดอกเบี้ยจ่ายไปได้ถึง ปีละ 4000 ล้านบาท (ต้นทุนดอกเบี้ยกู้ยืมของ TRUE เฉลี่ย 8%) หรือไตรมาสละ 1 พันล้าน ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยจ่ายในงบการเงินของ TRUE ลดลงจากเฉียด 2 พันล้านต่อไตรมาสเหลือเพียง 1 พันล้านต่อไตรมาส

บางคนอาจบอกว่า ยังเยอะอยู่ เอ้า งั้นมาดูกันต่อไป
การลดหนี้สินลงได้นี้ จะทำให้ Interest-bearing debt to Equity ratio (อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน) ลดลงเหลือเพียงราว 0.6 เท่า หรือหากใช้ Total Debt to Equity ratio ก็จะลดเหลือเพียง 2 เท่านิดๆ ซึ่งถือว่าดีขึ้นมากๆ และมีโอกาสสูงมากที่บริษัทจัดอันดับเครดิตจะปรับอันดับเครดิตของ TRUE ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่แค่ขั้นเดียว น่าจะมีอย่างน้อยก็ 2 ขั้น
นั่นจะทำให้ หุ้นกู้ของ TRUE จากเดิมที่ถูกจัดอันดับ "ขยะ" หรือ Junk bond นั้นกลับขึ้นมาอยู่ในระดับที่ "สามารถลงทุนได้" หรือ investment grade

ซึ่งหลังจากนั้น หุ้นกู้ที่ TRUE ออก ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึง5 - 6% เหมือนแต่ก่อนแล้ว ตรงนี้จะทำให้ TRUE สามารถลดดอกเบี้ยจ่ายลงไปได้ระดับหนึ่ง (หุ้นกู้ส่วนใหญ่มีอายุสั้น ทำให้สามารถรีไฟแนนซ์ด้วยการออกชุดใหม่มาทดแทนชุดเก่าได้เร็ว)
ในส่วนของหนี้สินกับสถาบันการเงิน จะขอลดดอกเบี้ยคงไม่ได้ แต่อาจมีการรีไฟแนนซ์ โดยการกู้ก้อนใหม่ดอกถูกกว่า ไปโปะยอดเก่าที่ดอกแพง
ดังนั้น ถ้ามองไปข้างหน้า อัตราดอกเบี้ยจ่ายของ TRUE คงจะไม่สูงในระดับ 8% แล้ว คงจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ จากอันดับเครดิตที่ดีขึ้นที่ทำให้ TRUE จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้น้อยลงได้ และนั่นจะทำให้ดอกเบี้ยจ่ายของ TRUE จะต่ำกว่า 1 พันล้านบาทต่อไตรมาสในระยะต่อๆไป
ลักษณะเช่นนี้ จะเกิดขึ้นกับ TRUEIF เช่นเดียวกันด้วย เหตุผลคืออะไร??

แม้ว่า TRUEIF จะปรับตัวขึ้นได้ ก็ควรจะมีคนมาเช่าเสาเช่าอุปกรณ์เพิ่มมากขึ้น มันก็จริงอยู่หรอก

แต่อย่าลืมว่า ทำไม TRUEIF ต้องจ่ายผลตอบแทนถึงปีละ 8.5% ในตอนออกขาย สาเหตุที่ต้องจ่ายขนาดนั้นเพราะคนมองว่า ผู้ออกคือ TRUE ซึ่งมีฐานะการเงินที่ง่อนแง่น ทำให้ความเสี่ยงต่อการซื้อ TRUEIF ซึ่ง TRUE เป็นผู้ออกและเป็นผู้เช่าด้วยนั้นค่อนข้างสูง นั่นจึงทำให้คนไม่กล้าจะซื้อ TRUEIF แม้จะให้ผลตอบแทนสูงปรี๊ด
แต่จากความเข้มแข็งทางการเงินที่เพิ่มขึ้นของ TRUE จะทำให้ภาพของ TRUEIF เปลี่ยนไป ความเสี่ยงที่เคยถูกประเมินว่าสูงจะลดลง เมื่อความเสี่ยงลดลง จะทำให้คนอยากซื้อมากขึ้น และมองว่าผลตอบแทน 8.5% นั้นน่าสนใจมาก

ก็ขึ้นอยู่กับนักลงทุนว่า คาดหวังผลตอบแทนจาก TRUEIF เท่าไหร่ สมมติถ้าการที่ TRUE ดีขึ้น จะทำให้นักลงทุนมองว่า ผลตอบแทนจาก TRUEIF เพียงแค่ 7% ก็น่าสนใจแล้ว ราคาของ TRUEIF ก็สามารถขึ้นไปสูงถึง 12 บาทได้ แม้จะไม่มีผู้เช่าเพิ่มมากขึ้นเลยก็ได้
ดังนั้น การเพิ่มทุนครั้งนี้ของ TRUE จึงส่งผลบวกต่อ TRUEIF อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


โดย: ตี๋2555 วันที่: 14 มิถุนายน 2557 เวลา:11:44:39 น.  

 
สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นต่อจากนี้คืออะไร??

ถึงตอนนี้ อาจมีคนถามว่า ทำไมอยู่ๆผมกลับมาเชียร์ TRUE
ถ้าอ่านดีๆ ผมเชียร์ TRUE มาตลอด เพียงแต่ผมอยากให้ระวังเรื่อง "เพิ่มทุน" กับผู้ถือหุ้นเดิมเท่านั้น เพราะคนหลายคนมักซื้อหุ้นจนเต็มเงินที่ตัวเองมี

นอกจากนั้น เมื่อมันยังมีความไม่แน่นอนว่าบริษัทจะเลือกใช้ทางใดในการแก้ไขปัญหา เราควรรอความชัดเจนก่อนดีกว่า เพราะก่อนหน้านี้ก็มีความกังวลว่าส่วนของผู้ถือหุ้นอาจติดลบ ซึ่งอาจส่งผลให้หุ้นติด SP ได้
แต่มาถึงตอนนี้ ทุกอย่างเคลียร์แล้ว ประเด็นส่วนผู้ถือหุ้นติดลบจนอาจต้องเข้าฟื้นฟูกิจการ ไม่มีอีกต่อไปถ้าเพิ่มทุนสำเร็จ

TRUE เลือกแล้วที่จะเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเดิมส่วนหนึ่ง และหากเงินจากพันธมิตรอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเมื่อทุกอย่างมีความชัดเจน และ TRUE สามารถแก้ปัญหาของตัวเองได้ ก็ไม่แปลกถ้าจะกลับมาเชียร์หุ้น TRUE อีกครั้ง
อ้อ ผมไม่ใส่ใจกับ "ราคาเหมาะสม" ที่โบรกให้นะครับ เพราะสำหรับหุ้นที่คาดหวังการ Turnaround ราคาหุ้นมันจะวิ่งแบบบ้าคลั่งเพื่อตอบรับการหลุดพ้นจากการขาดทุนมานาน และตอบรับการเปิดศักราชใหม่ของผลประกอบการ ผมเชื่อว่าหุ้น TRUE สามารถเล่นขึ้นไปสูงกว่านี้ได้มาก แม้ราคาเหมาะสมของนักวิเคราะห์จะยังไปไม่ถึงก็ตาม ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องอยู่บนเงื่อนไขว่า ผลประกอบการสามารถพลิกฟื้นได้จริงๆนะ!!!

หลังจากเพิ่มทุนเข้ามาครั้งนี้ TRUE คงต้องมารอลุ้นว่าไตรมาส 4 ปีนี้จะพลิกกลับมากำไรได้หรือไม่ แต่โอกาสที่จะทำให้งบปี 57 กลับมาเป็นบวกได้ คงจะไม่มาก

แต่ในปี 58 หากบริษัทกลับมาเป็นกำไรได้ต่อเนื่องทุกไตรมาส น่าจะเป็นเวลาอันเหมาะสมที่จะทำการ "ล้างขาดทุนสะสม" เพื่อเตรียมจ่าย "เงินปันผล" เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี!!!!
ซึ่งโอกาสที่จะกำไรในปี 58 นั้นก็สูงมาก เพราะดอกเบี้ยจ่ายคงลดลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้นค่าเสื่อมราคาของโครงข่ายเก่าก็จะตัดหมดภายในไตรมาส 3 ปี 57 แล้ว ทำให้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 57 เป็นต้นไป TRUE จะไม่มีภาระการดอยค่าสินทรัพย์ที่สูงถึงราวไตรมาสละ 1.6 พันล้านอีก

นั่นหมายความว่า งบไตรมาสของ TRUE จะต้องดีขึ้นอย่างน้อยก็ 2.6 พันล้านบาทต่อไตรมาส ซึ่งนั่นก็หมายความว่า โอกาสพลิกกลับมากำไรได้ทุกไตรมาสนั้นสูงมาก
การล้างขาดทุนสะสมนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่า บริษัทจะต้องการสร้างกระแสมากขนาดไหน

กรณีที่ 1 - หาก TRUE ต้องการสร้างกระแสให้หุ้นตัวเองมากๆ TRUE อาจตัดสินใจลดพาร์เพื่อล้างขาดทุนสะสมและส่วนต่ำมูลค่าหุ้นในไตรมาส 4 ปีนี้ และเริ่มจ่ายปันผลเล็กน้อยจากผลประกอบการไตรมาส 4 ปั 57 ที่คาดว่าจะออกมากำไรทันที

กรณีที่ 2 - หาก TRUE จะเก็บการล้างขาดทุนสะสมไปสร้างสตอรี่ในปีหน้า ก็รอไปล้างเอาปี 58 ก็ได้ และก็ไปจ่ายปันผลของผลประกอบการปี 58 ในต้นปี 59

ณ ปัจจุบัน TRUE มีขาดทุนสะสมราว 6.1 หมื่นล้านบาท และมีส่วนต่ำมูลค่าหุ้นที่ต้องล้างก่อนจ่ายปันผล 7.46 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตามการเพิ่มทุนครั้งนี้ ต่ำกว่าราคาพาร์ นั่นทำให้จะเกิดส่วนต่ำมูลค่าหุ้นอีก 3.58 หมื่นล้านบาท ทำให้ส่วนต่ำมูลค่าหุ้นจะเพิ่มเป็น 1.10 แสนล้านบาท

ถ้ารวมกับขาดทุนสะสม TRUE จะมีภาระต้องล้างสองส่วนนี้ก่อนจ่ายปันผลรวมทั้งสิ้นราว 1.71 แสนล้านบาท!!!
แต่หลังการเพิ่มทุน TRUE จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วในงบดุล 24,607,928,152 หุ้น หรือ 2.4608 แสนล้านบาทที่พาร์ 10 ดังนั้น

จะเห็นว่า มันเหลือเฟือกับการลดพาร์เพื่อไปล้างส่วนต่ำและขาดทุนสะสมที่มีเพียง 1.71 แสนล้าน

ดังนั้น TRUE สามารถลดพาร์ลงมาเหลือ 3 บาท ก็เพียงพอที่จะล้างขาดทุนสะสมและส่วนต่ำดังกล่าวได้แล้ว

**ข้อมูลที่ผมมีคือ การล้างขาดทุนสะสม จะล้างจนกลับมาเป็นบวกในคราวเดียวไม่ได้ ต้องล้างให้เหลือขาดทุนเล็กน้อย และให้ใช้ผลประกอบการเป็นตัวพลิกให้งบกลับมาเป็นกำไรสะสม แล้วจึงจ่ายปันผล
แต่หากใครมีข้อมูลเพิ่มเติมว่าปัจจุบันนี้สามารถลดพาร์เพื่อพลิกให้กลับมาเป็นกำไรสะสมในทันทีได้แล้ว ก็ช่วยบอกด้วยละกันนะครับ***
จะเห็นว่า เรื่องการลดพาร์เพื่อล้างขาดทุนสะสม ล้างส่วนต่ำ และจ่ายปันผลนั้น จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน แต่จะปลายปีนี้ (2557) หรือจะไปเกิดในปี 2558 อันนี้ต้องเป็นเรื่องของทาง TRUE จะตัดสินใจ
อย่างไรก็ตาม ถ้าคิดว่าอยากสร้างสตอรี่จริงๆ ต้องกล้าลดในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ในทันที และจ่ายปันผลจากผลกำไรไตรมาส 4 นี้เลย แม้จะน้อยนิดก็ตาม แต่ก็สร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี และจะเป็นตัวเร่งราคาหุ้นที่ดีมากอย่างหนึ่งด้วย

อ่า แต่ผมไม่ใช่ลูกหลาน CP อ่ะนะ ผมคงตอบแทนเขาไม่ได้ รอเขาพิจารณาละกัน

ทีนี้ มัน turn around เต็มตัวหรือยังล่ะ?? เพิ่มทุน หาพันธมิตร คืนหนี้ ลดดอกเบี้ยจ่าย เครดิตเรตติ้งดีขึ้น อัตราดอกเบี้ยจ่ายค่อยๆลดลง ทำในช่วงที่ธุรกิจมือถือกำลังกลับมาสร้างกำไร ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้เป็นต้นไป มีทุนเหลือเฟือจะล้างขาดทุนสะสมส่วนต่ำ เตรียมจ่ายเงินปันผลได้
โอเค เข้าใจตรงกันนะ!!!!


โดย: ตี๋2555 วันที่: 14 มิถุนายน 2557 เวลา:11:50:06 น.  

 
เกิดอะไรขึ้นกับราคาหุ้น ADVANC กับ DTAC ทำไมต้องลง หลายคนงุนงงว่า กลัว China Mobile กันขนาดนี้เลยหรือ??

จริงๆแล้วเขาไม่ได้กลัว China Mobile มากมายขนาดนั้นหรอกครับ แต่มันเป็นเรื่องของ Asset allocation สำหรับนักลงทุนสถาบัน
สำหรับกองทุนที่ใช้ MSCI เป็นเกณฑ์ เขาต้องมีหุ้น TRUE อยู่แล้วล่ะ เพราะ TRUE ติด MSCI ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว

แต่สำหรับกองทุนอื่นล่ะ หลายๆกองทุน มีการกำหนด % การลงทุนในหุ้นกลุ่มสื่อสารเอาไว้ ซึ่งก่อนหน้านี้ เงินส่วนนี้ก็กระจายไปยังหุ้น ADVANC DTAC INTUCH เป็นหลัก โดยไม่มีใครสนใจหุ้น TRUE เลย อาจไม่มีเก็บในพอร์ตเลยด้วยซ้ำ

แต่เมื่อ TRUE ประกาศเพิ่มทุน และผู้จัดการกองทุนมองว่า นี่คือสิ่งที่ดีสำหรับ TRUE และน่าสนใจที่จะสะสมหุ้น TRUE ได้แล้ว
ถามว่า อยู่ๆเขาจะซื้อหุ้น TRUE เพิ่มเข้าไปเลยได้หรือไม่?? ไม่ได้นะครับ!!! เมื่อจะซื้อ TRUE ก็ต้องขายหุ้นตัวอื่นออก และคงเป็นไปได้น้อยที่จะซื้อ TRUE แล้วไปขายหุ้นธนาคาร เพราะถ้าทำอย่างนั้นอาจทำให้ % ของหุ้นสื่อสารสูงกว่าที่กำหนดไว้

ดังนั้น เมื่อต้องการซื้อ TRUE ก็จำเป็นต้องขาย ADVANC DTAC INTUCH ออกเท่านั้น เพื่อคงสัดส่วนของหุ้นสื่อสารในพอร์ตการลงทุนให้เท่าเดิม

นี่ก็เป็นเหตุผลง่ายๆที่จะใช้อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ADVANC และ DTAC
แม้หุ้นอย่าง ADVANC จะไม่สมควรลงมาเลยก็ตาม แต่ก็คงสู้แรงการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันไม่ได้

สำหรับ ADVANC แล้ว ผมว่ามันลงมาเกินเหตุ เพราะ ADVANC ยังไงก็คงเป็นเบอร์ 1 ไปอีกนาน
แต่ DTAC นี่สิค่อนข้างน่ากลัว แถมยังเจอตรวจสอบจากอาการปากเสีย พูดอะไรไม่ดูสถานการณ์ก่อน เลยยิ่งทำให้ถูกขายหนักขึ้น
***วิเคราะห์การแข่งขันที่จะเกิดขึ้น*****

China Mobile เข้ามาในช่วงแรกนี้ น่าจะใช้เวลาในการศึกษาองค์กรภายในสักระยะหนึ่ง อาจจะต้องเข้ามาปรับปรุงการดำเนินงานภายในของ TRUE ให้เรียบร้อย ปรับนู่นปรับนี่ ถ้าต้องการให้มีการร่วมมือกันระหว่าง China Mobile กับ TRUE ก็ต้องมีการจัดระบบอะไรต่างๆ
เป็นไปไม่ได้นะครับ ที่ China Mobile จะเข้ามาแล้วมาเล่นสงครามราคาฟาดฟันกันให้ตายไปข้างหนึ่ง

หลายคนมองไปสมัย Orange ที่เข้ามาทำราคาต่ำเตี้ย ก็ไม่แปลกนะครับ ตอนนั้น TRUE เพิ่งเข้ามาในสมรภูมิ ฐานลูกค้าต่ำมากเพราะเข้ามาทีหลังคนอื่น ไม่มีทางใดที่จะทำให้ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกเสียจากการ "หั่นราคา"

แต่ตอนนี้ ลูกค้าของ TRUE ไม่ได้น้อยแล้ว ตาม DTAC อยู่ไม่มากนัก ดังนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องมาเล่นสงครามราคาเพื่อหั่นมาร์จิ้นของตัวเอง คนที่กังวลว่าธุรกิจมือถือจะกลับมาย่ำแย่เพราะสงครามราคา ผมว่ามองในแง่ร้ายเกินไป

ADVANC คงเป็นบริษัทที่ลอยตัวไปแล้ว ถึง TRUE จะมี China Mobile ก็คงยังไม่สามารถผงาดมาสู้กับ ADVANC ได้ในระยะอันใกล้นี้ เพราะลูกค้าของ ADVANC มี brand loyalty สูงมาก แต่เป็นฝ่าย TRUE ต่างหากที่ลูกค้ามีความภักดีต่อแบรนด์ต่ำที่สุด
นอกจากนั้น ADVANC เองก็เลือกใช้กลยุทธเชิงรุกอยู่แล้ว เพราะต้องการเป็นผู้นำให้ได้อย่างน้อย 1 ปี (ก้าวหน้ากว่าคู่แข่ง 1 ปี) หลังจากระยะหลังๆ คู่แข่งจี้ตูดมาเยอะ จนระยะห่างเหลือแค่ครึ่งปี
ดังนั้น ถ้าเบอร์ 1 เลือกจะใช้กลยุทธเชิงรุก ก็ไม่ง่ายนักที่เบอร์ 3 จะไล่มาทันในทันทีทันใดนะ

ตรงกันข้ามกับ DTAC ซึ่งเป็นองค์กรที่ค่อนข้างช้า และใช้นโยบายแบบ conservative งบลงทุนก็ลดน้อยลง พอ TRUE สามารถหาพันธมิตรได้ ซึ่งแน่นอนว่า TRUE คงต้องเลือกใช้กลยุทธเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันก็มีความไม่แน่นอนเสียแล้ว ว่า DTAC อาจโดนแซงจนตกไปเป็นเบอร์ 3 ได้ในอีกไม่นาน

การที่ DTAC ต้องปรับตัวขนานใหญ่ และอาจต้องเพิ่มงบลงทุนเพื่อแข่งกับ TRUE ที่หาพันธมิตรได้ นั่นย่อมส่งผลกระทบต่องบการเงินของ DTAC

การปรับตัวให้ใช้กลยุทธเชิงรุกมากขึ้น หลังจากที่ใช้กลยุทธแบบอนุรักษ์มาตลอด จะทำให้เกิดการบานปลายขึ้นหรือไม่ก็ไม่รู้ เพราะมันต้องปรับทั้งองค์กร

นอกจากนั้นเรื่องคลื่น 1800 ที่ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์มองว่า DTAC อาจไม่ต้องการคลื่นนี้ก็ได้ เพราะสัมปทานยังเหลืออายุอีกหลายปี และ DTAC ก็มีคลื่นในมือเยอะมากจนใช้ไม่หมดแล้ว
แต่การที่ TRUE ได้พันธมิตรมา มันก็สร้างความไม่แน่นอนเสียแล้ว ถ้า DTAC ไม่แย่งคลื่นมา จะทำให้ TRUE กลายเป็นเสือติดปีกที่ได้คลื่นไปพัฒนาเทคโนโลยี พัฒนาการบริการจนทำให้แซง DTAC ขึ้นเป็นเบอร์ 2 ได้ในที่สุด

ดังนั้นงบการประมูลคลื่นจึงต้องถูกจับเข้ามารวมด้วยสำหรับ DTAC อย่างแน่นอน จากที่ก่อนหน้านี้คาดกันว่า "อาจไม่ต้องประมูล" และถ้าต้องการประมูลให้ได้ ราคาคลื่นมันจะต้องไปถึงเท่าไหร่??
ยิ่งมีข่าวว่า DTAC ถูกตรวจสอบเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติ (ซึ่งถ้าเอากันตามตรงมันก็เกินอ่ะนะ เพียงแต่ไปยักย้ายถ่ายเทอยู่ในมือ nominee เช่นเดียวกับ ADVANC นั่นล่ะ) และอาจถูกสกัดไม่ให้เข้าประมูลคลื่น 1800 อันนี้เลยยิ่งกระทบกับราคาหุ้นของ DTAC อย่างหนัก เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็หมายความว่า กสทช ยื่นดาบให้ TRUE เอามาฟัน DTAC โดยเฉพาะ

แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่า ท้ายสุด มันก็ได้ประมูลกันทุกเจ้านั่นล่ะ แต่ความมันส์จะบังเกิด เพราะคลื่นมีแค่ 2 แต่ผู้ประมูลมี 3 ราย หึ หึ ADVANC ยกให้เขาไปก่อนเลย เหลือเบอร์ 2 กับ 3 ที่รายหนึ่งอยากได้ใจจะขาด อีกรายก็ต้องประมูลให้ได้เพื่อขัดขาอีกฝ่าย สนุกแน่!!!
สรุปว่า ตอนนี้ เรายังบอกอะไรไม่ได้แน่ชัดหรอก ว่าการเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรของ China Mobile จะทำให้เกิดอะไรขึ้นกับอุตสาหกรรมมือถือของไทย ทุกอย่างคือสิ่งที่คาดการณ์กันล่วงหน้าทั้งนั้น รายที่มองว่าได้ประโยชน์กับ TRUE สุดๆก็เป็นการคาดการณ์ รายที่มองว่า TRUE แทบไม่ได้ประโยชน์ มันก็คือการคาดการณ์เหมือนกัน
แต่ที่แน่ๆก็คือ DTAC จะต้องปรับตัวอย่างมากกับการเข้ามาของ China Mobile เพราะลำพัง TRUE ไม่มีพันธมิตรก็มีคนมองว่า อีก 4 - 5 ปี DTAC จะถูกแซงอยู่แล้ว

นี่ยิ่งมีพันธมิตรมาร่วม อาจทำให้ DTAC โดนแซงได้เร็วกว่านั้นก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม การปรับลงลงของราคาหุ้นในช่วงนี้ น่าจะเกิดจากการลดความเสี่ยงและการทำ asset allocation ใหม่ของนักลงทุนสถาบัน
ถ้าจะซื้อ ควรรอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน เพราะถ้าเขายังปรับพอร์ตกันไม่เสร็จ ซื้อเข้าไปก็มีแต่โอกาสลง
ในส่วนของ TRUE ผมอยากให้มองเยอะๆนะครับ การเข้ามาของ China Mobile ไม่ใช่จะมองเห็นความร่วมมือของธุรกิจมือถือเท่านั้นนะ เพราะการที่ China Mobile เลือกจะเข้ามาซื้อหุ้นของ True Corp นั่นแสดงว่าเขาเลือกที่จะเข้ามาร่วมมือกับธุรกิจอินเตอร์เน็ตหรือเคเบิ้ลทีวีด้วยนะครับ

โดยเฉพาะธุรกิจ broadband internet ผมว่ามีความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับ China Mobile ได้ด้วยนอกเหนือไปจากธุรกิจมือถือ
ยังคงยืนยันเหมือนเดิม ใครมี่มีทุนต่ำถือต่อ หาเงินมาเพิ่มทุนที่ 6.45 บาทนะครับ
คนที่ยังไม่มีจะรอมาซื้อเพื่อเพิ่มทุนตรงนี้ อาจจะแพงกว่าคนที่เขาเก็บตอนถูกๆมาเยอะ แต่ถ้าคิดจะถือยาวๆไปถึงปีหน้ารอการ turnaround ก็น่าสนใจมาก หรือถ้าไม่เช่นนั้น รอให้ขึ้นเครื่องหมาย XR แล้วค่อยซื้อก็ได้ครับ

การเข้า Cash Balance ของ TRUE ผมมองว่าเป็นความตั้งใจของผู้ทำราคาหุ้นตัวนี้ เหมือนทุกรอบที่ผ่านมา เพราะเมื่อเข้า cash balance ปริมาณการ bid offer จะลดน้อยลงกว่าปกติ ทำให้สามารถไล่ราคาได้ง่ายมาก หรือกดราคาลงมาได้ง่ายมากเช่นกัน
แต่สำหรับผม นี่กำลังเป็นปฐมบทของการลากราคาหุ้น TRUE แล้ว เพราะไม่มีช่วงไหนจะเหมาะสมเท่าช่วงเวลานี้ มีทั้งเรื่องพันธมิตร เรื่อง turnaround และเรื่องปันผลอีก

ดูประวัติหุ้นเจ้าสัวอย่าง CPF CPALL ได้เลย เจ้าสัวเปิดกรงขังเท่านั้นล่ะ ขอแค่นั้น เพราะหุ้นเครือ CP เขาก็รู้กันทุกคน ถ้าเจ้าสัว "ไม่อนุญาตให้ขึ้น เล่นให้ตาย มันก็ไม่ขึ้น"

แต่ถ้าเจ้าสัวยอมให้ขึ้น ก็แจกเงินยิ่งกว่าคุณตันแจก POSCHE ล่ะครับ


โดย: ตี๋2555 วันที่: 14 มิถุนายน 2557 เวลา:11:54:54 น.  

 
เลื่อน 1800 ออกไปความเป็นผู้นำของ AIS จะลดลง

ราคาหุ้น ADVANC ปรับลดลงรุนแรงหลังเมื่อวานนี้ คสช สั่งนำโครงการใหญ่ 4 โครงการที่ต้องผ่าน กสทช กลับมาศึกษารายละเอียด เพื่อให้มีการดำเนินการที่เหมาะสม

ปัญหาคือ เราไม่รู้ว่ามันจะเลื่อนออกไปอีกนานแค่ไหน ซึ่งปัญหาของ AIS เองก็จะมากขึ้นเรื่อย นั่นคือ

- ปัจจุบัน AIS มีคลื่น 2100 และ 900 อยู่ในมือ ส่วนคลื่น 1800 ที่เป็นคลื่นของ DPC นั้น หมดสัมปทานไปแล้วพร้อมๆกับ TRUEMOVE เมื่อปีที่แล้ว แต่ยังมีลูกค้าที่ไม่ยอมโอนย้ายเครือข่าย และเพื่อป้องกันการซิมดับ กสทช จึงได้มีช่วงเวลาเยียวยาต่อไปจนถึง 15 ก.ย. ปีนี้

- คลื่นที่มีแผนจะประมูลเร็วที่สุดก็คือ คลื่น 1800 ซึ่งเป็นคลื่นของ AIS และ TRUEMOVE ที่หมดสัมปทานไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ส่วนคลื่น 900 ของ AIS จะหมดสัมปทานในปี 2558 ซึ่ง กสทช มีแผนจะประมูลต่อจากคลื่น 1800 เป็นการทำแต่เนิ่นๆป้องกันปัญหาซิมดับ

- ผลกระทบกับผู้ใช้บริการในเรื่องการเลื่อนประมูลคลื่น 1800 นั้น ฟาก AIS นั้นน้อยมาก เพราะเหลือลูกค้า DPC ที่ยังไม่ยอมย้ายเครือข่ายน้อยมาก หากไปเทียบกับ TRUE ที่ยังเหลือลูกค้าที่ยังไม่โอนมา TRUEMOVE H อีกกว่า 7 ล้านเบอร์

- สิ่งที่น่ากังวลต่อเนื่องสำหรับ AIS ก็คือ หากการประมูลมีทีท่าจะถูกดองเอาไว้เป็นปี ในปี 2558 สัมปทานคลื่น 900 ของ AIS ก็จะหมดตามไปด้วย และยังมีลูกค้าส่วนนี้จำนวนพอสมควรที่ยังไม่ได้ย้ายเข้าไปยัง AIS 3G 2100 ซึ่งนั่นจะทำให้ AIS ต้องประสบปัญหาเดียวกับที่ TRUE กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้

- เรื่องน่าหนักใจที่สุด อยู่ที่ความถี่ของคลื่นที่เหลือให้บริการของ AIS นั้นจะน้อยกว่าคนอื่น ยิ่งถ้าเทียบกับจำนวนฐานเลขหมายแล้ว จะทำให้ประสิทธิภาพการให้บริการของ AIS ต่ำลง เพราะทั้งคลื่น 1800 และ 900 หมดสัมปทาน ก็จะเหลือเพียงคลื่น 2100 ไว้ให้บริการลูกค้า ซึ่งนั่นหมายความว่า โอกาสที่ AIS จะพัฒนา 4G มาแข่งกับ TRUE หรือ DTAC ได้อย่างทัดเทียมนั้น แทบเป็นไปไม่ได้ ซึ่งขัดกับนโยบายของ AIS เองที่ต้องการเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่อง

- ถามว่าทำไม่ TRUE ถึงทำ 4G ได้ นั่นก็เพราะ หลักๆแล้ว TRUE ให้บริการ 3G บนคลื่น 850 ควบคู่ไปกับคลื่น 2100 ทำให้เหลือคลื่น 2100 มาเจียดทำ 4G ได้อย่างเหลือเฟือ แม้จะไม่มีการประมูลคลื่น 1800 เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ TRUE ก็จะยังสามารถให้บริการได้ และพัฒนา 4G ได้โดยไม่ต้องกลัวคลื่นเต็ม (แต่ TRUE ต้องกังวลกับลูกค้า 7 ล้านเลขหมายว่าจะเป็นอย่างไร หากไม่มีการประมูลคลื่นกลับมา กสทช จะเยียวยาต่อ จะโอนไปให้ CAT หรือจะยอมให้โอนย้ายอัตโนมัติ ยังไม่มีคำตอบ)

- แต่ AIS หากไม่มีคลื่น 1800 กลับมา AIS จะแทบไม่มีโอกาสทำ 4G ได้ นั่นจะทำให้ศักยภาพในการแข่งขันของ AIS ตกลงในทันที และยิ่งถ้าหากปล่อยให้ TRUE ขยายพื้นที่ให้บริการ 4G บนคลื่น 2100 ไปได้เรื่อยๆ เกมนี้ AIS จะตกเป็นรองทันที เพราะลูกค้าที่ต้องการใช้บริการความเร็วสูงขนาดนั้น ส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายเดือน กระเป๋าหนัก ซึ่งยอมจ่ายค่าบริการสูงเพื่อแลกกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อันถือว่าเป็น "ลูกค้าชั้นดี" กรณีนี้จะคล้ายกับตอนที่ TRUE ชิงความได้เปรียบในการให้บริการ 3G ผ่านคลื่น 850 ด้วยการซื้อ HUTCH ในขณะที่คนอื่นต้องรอประมูล 2100 จึงเริ่มให้บริการได้อย่างเต็มที่

- นักวิเคราะห์ประเมินว่า แม้ปัจจุบัน 4G บนคลื่น 2100 จะไม่เป็นที่นิยม ทำให้ไม่มีเครื่องมือถือที่รองรับมากนัก แต่หากเกิดการดองการประมูล 1800 ออกไป และทั้ง TRUE และ DTAC เลือกพัฒนา 4G บนคลื่น 2100 ไปก่อนโดยไม่รอคลื่น 1800 ทางผู้ผลิตมือถือก็ต้องปรับตัวด้วยการนำเข้าหรือผลิตให้มือถือของตนรองรับ 4G 2100 เพื่อมาขายในประเทศไทยอยู่ดี

- การเลื่อนประมูล 1800 ออกไป ยิ่งนานเท่าไหร่ จะยิ่งเกิดผลเสียกับ AIS อย่างหนัก นักวิเคราะห์มองตรงกันว่า AIS จำเป็นต้องประมูลคลื่น 1800 กลับมาให้ได้ ทุกค่ายฟันธงตรงกันว่า ในการประมูลนี้ ยังไง AIS ก็ต้องได้คลื่นมา slot หนึ่งนอน ส่วนอีก slot ก็ไปสู้กันเองระหว่าง TRUE กับ DTAC

แต่ตอนนี้ เกมพลิก หาก คสช ต้องการเช็คบิล กสทช ตามที่ สตง เสนอมา การไม่มี กสทช จะทำให้การประมูลต้องเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนดหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง TRUE กับ DTAC คงรีบเดินเกมปูพรมเปิดบริการ 4G โดยเฉพาะ TRUE ที่คลื่น 2100 เหลือเฟือที่จะสามารถให้บริการได้อย่างเต็มที่ในเขตกรุงเทพ

ในขณะที่ AIS ก็ตกในสภาพ "ง่อยรับประทาน" เพราะถ้าจะฝืนตัดคลื่น 2100 มาทำ 4G ก็อาจทำให้การให้บริการด้านเสียงและ 3G บนคลื่น 2100 มีคุณภาพที่ต่ำลงกว่าที่เป็นอยู่
เฮ้อ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆเลย ADVANC


โดย: ตี๋2555 วันที่: 18 มิถุนายน 2557 เวลา:8:50:17 น.  

 
Yield ปีละ 9% ก็ตามนั้นครับ เพราะตอนที่ TRUE ตั้งกองมา กลัวขายไม่ได้ก็เลยต้องสร้างแรงจูงใจด้วยการให้ผลตอบแทนที่สูง แต่ถึงกระนั้น กองก็ยังขายไม่หมด ทางผู้รับประกันการจัดจำหน่ายต้องรับหน่วยไว้เองพอสมควร นอกจากนั้นยังมีผู้ถือหน่วยชื่อแปลกมาถือด้วย (แต่ตอนนี้หายไปเหลือชื่อแปลกๆแค่รายเดียว คงมีการขายให้คนอื่นต่อไปแล้ว)

มูลค่าหน่วยจะลดลงตามจำนวนปี อันนี้ไม่แน่ครับ กองที่มูลค่าหน่วยลดลงไปเรื่อยๆนั้น จะเป็นกองประเภทสิทธิการเช่า หรือที่เรียกว่า leasehold แต่สำหรับกอง TRUEIF มันมีความแตกต่าง คือ ณ วันนี้มันเป็น leasehold ครับ เพราะว่ามีทรัพย์สินบางส่วนกองเป็นเจ้าของเอง และก็มีทรัยพ์สินหลักอีกส่วนหนึ่งที่กองยังไม่ได้เป็นเจ้าของ เพราะมีบุคคลที่ 3 อย่าง CAT เข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน ส่วนนี้ก็เลยเป็นลักษณะของสิทธิการเช่า

ในสัญญาระบุว่า CAT มีสิทธิที่จะใช้สิทธิซื้อทรัพย์สินเหล่านี้ไป ภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่า มันไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะ CAT ไม่มีเงิน

นอกจากนั้น ในการจัดตั้งกองทุนยังระบุด้วยว่า ท้ายที่สุดแล้ว (หาก CAT ไม่ใช้สิทธิซื้อ) กอง TRUEIF มีสิทธิซื้อทรัพย์สิน ซึ่งก็คือเสาสัญญาณ มาเป็นทรัพย์สินของกองทุนเองเลย ซึ่งก็เชื่อกันอีกว่า ท้ายที่สุด ทรัพย์สินเหล่านี้ก็จะตกเป็นของกองอยู่ดี

ดังนั้น แม้วันนี้ TRUEIF จะมีทรัพย์สินทั้งส่วนของ Freehold และ Leasehold แต่ท้ายที่สุดทรัพย์สินจะตกเป็นกรรมสิทธิของกองทั้งหมด ทำให้กองทุนมีสถานะเป็นกองทุน Freehold โดยสมบูรณ์

ด้วยเหตุนี้ ถ้ามองว่า TRUEIF จะมีสถานะเป็น freehold มูลค่าหน่วยลงทุนก็จะไม่ลดลงตามอายุของกองทุนนะครับ

ประเด็นรายได้ ทรัพย์สินของกองนี้ทั้งกองก็มีรายได้มาจาก CAT และ TRUE เท่านั้น (ทรัพย์สินในส่วน leasehold นั้น CAT มีการเช่าใช้อยู่ด้วย) และก็คาดว่า คงไม่มีผู้ให้บริการอื่นนอกเหนือจากนี้มาเช่าใช้ ในขณะที่ TRUEIF พยายามชี้แจงว่า ในอนาคตจะมีคนมาเช่า แต่ใครจะมาเช่าล่ะ??

ดังนั้น รายได้ของ TRUEIF ตลอดระยะเวลา 11 ปี ก็จะมีความแน่นอนตามอัตราค่าเช่าที่เก็บ ซึ่งถ้าจำไม่ผิด จะเป็นค่าเช่าที่ระบุตายตัวไว้เลย ไม่มีส่วนที่เป็นค่าเช่าผันแปรตามจำนวนการใช้บริการ ทำให้มั่นใจได้ว่า ผลตอบแทนที่จะได้รับจากกองทุนจะเป็นไปตามที่หนังสือชี้ชวนประมาณการไว้ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่เหลือ

อย่างไรก็ตาม กองทุนมีความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สำคัญเลยก็คือ เมื่อครบสัญญาแล้ว TRUE จะยังคงต่อสัญญาเช่าทรัพย์สินเหล่านี้หรือไม่?? หากเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลง จะทำให้ทรัพย์สินบางส่วนต้อง obsolete ไป และไม่มีมูลค่า ทำให้มูลค่าของ TRUEIF ลดน้อยตามลงไปด้วย

นอกจากนั้น หากมีการต่อสัญญากันจริงๆ TRUE เองจะต่ออายุการเช่าทรัพย์สินที่ราคาเท่าไหร่?? แน่ใจได้อย่างไรว่าจะเช่าในราคาเท่าเดิมหรือสูงขึ้น ไม่ลดต่ำลงกว่าปัจจุบัน

จึงสรุปได้ว่า กอง TRUEIF มีความน่าสนใจในแง่ผลตอบแทน และความแน่นอนของรายได้ แต่ทุกอย่างจะยังคงมีความไม่แน่นอนรออยู่เมื่อกองทุนครบอายุในอีก 11 ปีข้างหน้า ผู้ที่จะลงทุนก็ควรจะพิจารณาเองว่า รับกับความเสี่ยงที่รออยู่ในวันข้างหน้าได้หรือไม่ เมื่อแลกกับผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนอื่น มันก็คือกฏ risk-return tradeoff นั่นเอง


โดย: ตี๋2555 วันที่: 1 กันยายน 2557 เวลา:11:39:12 น.  

 
บรรดาแมงเม่าเป่าหูว่าเป็น "หุ้นปั่น" ... คุณเคยมีประสบการณ์นี้ ใช่หรือไม่?

หุ้น TRUE อดีตเป็นหุ้นที่เหมือนจะไม่มีพื้นฐานรองรับ กำไรไม่มีให้เห็นในงบ แต่หารู้ไม่ แนวทางการขยายกิจการของเจ้าสัว คือ การเน้นสร้างเครือข่ายทางธุรกิจและเน้นฐานลูกค้าก่อนเปลี่ยน Intangible Assets เป็นกำไร คล้ายหุ้น Amazon ในอดีต ที่แมงเม่าหัวทองร้อง ยี้! เพราะ P/E สูง ดู Amazon ทุกวันนี้เป็นตัวอย่าง ว่าเมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม เขากอบโกยกำไรจากสิ่งที่สร้างมาได้มหาศาลแค่ไหน

ทุกวันนี้ TRUE มีความพร้อม ทั้งลูกเล่นการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯ เพื่อดึงกำไรในอนาคตมาใช้ รวมถึงเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งอย่าง China Mobile ... หาก TRUE ไม่ใช่ของดี China Mobile จะเข้ามาทางนี้ทำไม ทำไมไม่ไปร่วมทุนกับ DTAC ซึ่งผู้บริหารดูอนุรักษ์นิยมกว่า

ดีลลับวงในที่ TRUE กับ China Mobile เคยเจรจากันเมื่อ 2 ปีก่อน ได้รับการเปิดเผยจากผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม เหยี่ยวข่าวตัวพ่อแห่งสำนักงานนักสืบปัวโรต์ พบเอกสารข้อตกลงร่วมที่หลุดมาจาก Wikileak ระบุ เจ้าสัวไทยเคยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนด้วยราคาที่เหมาะสมที่ 15 บาท แต่ได้รับการปฏิเสธจากนายใหญ่แห่งแผ่นดินจีน เนื่องจากตอนนั้น TRUE อยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงต่อส่วนทุนติดลบและยังหาเงินปรับโครงสร้างหนี้ไม่ได้

สุดท้าย มาจบกันตรงที่ เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนราคาถูก แต่เงื่อนไขคือ China Mobile ต้องเอาราคาขึ้นไปให้ถึง 20 บาท เพื่อทดแทนผลประโยชน์ที่เจ้าสัวเสียไป

การมาของ China Mobile ได้รับการสนับสนุนจากทางการจีนแบบลับๆ เนื่องจากจีนมีข้อพิพาทกรณีหมู่เกาะเหนือคาบสมุทรกับหลายประเทศใน ASEANs จึงไม่สามารถดำเนินธุรกิจข้ามชาติภายใต้สัญชาติจีนได้โดยตรง ต้องหันมาพึ่ง TRUE ในการออกหน้าแทน

ที่ปรึกษาชั้นอ๋องของ TRUE เองก็รู้งาน การใช้สายสัมพันธ์กับธนาคารที่มีคนหนุนหลังเป็นผู้มากด้วยบารมีในการนำกองทุน TRUEIF ออกขาย และมีการปรับกำไรจากการเพิ่มมูลค่าเพื่อตกแต่งงบให้สวย ไม่ใช่ได้มาเพราะดวง แต่เป็นการเดินหมากที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว รอชงให้ China Mobile ได้สานต่อช่วงกลางเกมของกระดานเอง

วงในคาด TRUE วิ่งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ มุ่งสู่ 20 บาท ในไตรมาสนี้ ก่อนข้ามไปที่เป้า 40 บาท ภายใน 3 ปี หลัง Story ออกครบ

นักวิเคราะห์ผู้มากประสบการณ์ใช้ข่าววงในนี้เป็นความลับสวรรค์ที่ยอมให้เปิดเผย เพื่อไต่เต้าสู่ระดับ "ประธานเม่า" โกยเงินจากการสัมนา กระเป๋าตุง

อย่าช้า อย่ารอ และอย่าเสียศรัทธาในหุ้น TRUE

ขอให้โชคดี


โดย: 123 IP: 202.28.7.239 วันที่: 22 มกราคม 2558 เวลา:15:19:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตี๋2555
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




สวัสดีครับผม "นายแว่นธรรมดา" ผู้เขียนหนังสือขายดี "รวยหุ้นแบบ VI ไม่เสี่ยง" หนังสือ "หุ้น 5 พารวย" และเป็นผู้ก่อตั้ง http://www.naiwaen.com เว็บไซค์การลงทุนในหุ้น กองทุนรวม และ Money Market อีกมากมาย
และ http://www.topofliving.com เว็บไซค์เกี่ยวกับการเลือกซื้อบ้านหลังแรก การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยนิยามส่วนตัวก็คือ ทำให้ความมั่งคั่ง กลายเป็นเรื่อง "สนุก"
หากต้องการข้อมูลข่าวสารการลงทุนอย่างรวดเร็ว และเชื่อถือได้ แวะไปกด LIKE ที่นี่นะครับ https://www.facebook.com/NaiwaenTammada

ผมยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆ นักลงทุนทุกท่าน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
Free counters!
New Comments
Friends' blogs
[Add ตี๋2555's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.