Carpe Diem !

<<
มกราคม 2559
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 มกราคม 2559
 

From Russia with love : 3 days in Moscow

ในที่สุด วันนี้ก็มาถึง !! วันที่เราจะออกเดินทางด้วยรถไฟขบวนหลักของสาย trans-Siberia คือ ขบวนที่มีชื่อว่า 001 Rossiya เป็นเวลานาน 3 วัน



แต่ก่อนจะได้ขึ้น ก็มีเรื่องให้ตื่นเต้น (อีกแล้ว !!) เพราะตั๋วที่เราจองนั้น มีเราเป็นผู้จองเพียงคนเดียว แต่มีรายชื่อผู้โดยสารที่เหลือ พร้อมเลขที่นั่งระบุอยู่ด้านหลังตั๋ว แต่คุณลุงเจ้าหน้าที่ประจำโบกี้ แกไม่ยอมให้เราขึ้น เพราะแกบอกว่า ไม่มีชื่อผู้โดยสารทุกคนระบุอยู่ เราเถียงกับคุณลุงจนรถไฟใกล้จะออก (เถียงกันแบบต่างคนต่างไม่เข้าใจ เพราะลุงพูดอังกฤษไม่ได้ และเราก็พูดรัสเซียไม่ได้ แล้วจะเถียงกันรู้เรื่องมั๊ย พูด !!) โชคดีที่ supervisor ของคุณลุงเดินผ่านมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากพลิกดูตั๋ว 2-3 ที เค้าก็อนุญาตให้เรา 3 คนขึ้นรถไฟไปได้ เย้ !! ....ก็แค่นั้นอ๊ะ ลุงจะทำให้ยากทำไมคะ

(หลังจากนั้นคุณลุงคนนี้ ก็คอยแซวและแกล้งเราทุกครั้งที่มีโอกาส ตลอดเวลา 3 วัน จนเพื่อนๆร่วมโบกี้ต้องคอยแอบดู เวลาที่เราจะต้องเดินไปกดน้ำร้อนฟรีข้างๆห้องพักเจ้าหน้าที่ เพื่อจะลุ้นว่า คราวนี้คุณลุงจะแกล้งอะไรเราอีก)


And finally, the beginning of the longest train ride in my life by 001 Rossiya train (the mothership, or in this case; train) in transiberia railway has begun.



เราเลือกที่จะเดินทางด้วยรถไฟชั้นสอง ที่มี 6 เตียงต่อ 1 compartment โดยไม่มีประตูกั้น ดังนั้นความโกลาหลจึงเต็มร้อย ในขณะที่ความเป็นส่วนตัวนั้นไม่มีเลย อิอิ พวกเราสามคนจึงได้ใช้เวลาสามวันบนรถไฟ ไปกับการเฮฮา สนทนา ดื่มชา เล่นไพ่ กับเพื่อนใหม่ รวมไปถึงการทะเลาะกับคุณป้ามหาภัยที่เตียงล่างของเราด้วย


It was the 6-bed compartment carriage (without the door between each compartment). So there was no privacy at all !! But it was also a good opportunity to make friends.

We spent 3 days and 3 nights on the train drinking tea, playing traditional Russian and the unknown-origin card games, talking (in different languages) with our new friends, planning our trip and Dam also taught me about the stock investment (he even had the powerpoint presentation for that).



นี่เป็นโฉมหน้าของเพื่อนร่วมทางของเรา  จากซ้ายไปขวา :

-Virginia คุณครูประถมแสนน่ารักชาวอเมริกัน ที่มาสอนภาษาอังกฤษที่มอสโคว์ และเป็นทูตสันตวไมตรีประจำตู้รถไฟนี้ ถ้าไม่ได้ Virginia ทุกคนในตู้นี้คงไม่ได้รู้จักกัน

ผลงานการเป็นทูตของเวอร์จิเนีย ได้แก่ ..

1. การช่วยเจรจากับคุณป้าชาวรัสเซียสองคน ที่นอนเตียงล่างของแดมและหวาน คุณป้าได้ซื้อป้าโอมุลตากแห้งมาจากเอียร์คุตส์ แล้วใส่กล่องโฟม วางไว้บนหัวนอนของแดมและหวาน ...ปลาตากแห้งสามวัน กลิ่นมันก็ต้องโชยเป็นธรรมดา เมื่อแดมเอาปลามาวางไว้ด้านล่าง ป้าก็ไม่ยอม เพราะกลัวปลาเน่า จึงต้องมีการเจรจากันเกิดขึ้น โดยมีเวอร์จิเนียเป็นล่าม ....แต่บทสรุป เมื่อเราก็ไม่ยอม และป้าคงเห็นว่าจะต้องอยู่ร่วมกันบนรถไฟอีก 3 วัน ป้าจึงยอมให้เอาปลาลงมาไว้ด้านล่างในตอนที่แดมกับหวานจะนอน แต่ตอนกลางวัน ขอให้เราเอาปลาไปไว้ด้านบน (เพื่อจะได้โดนแอร์) เป็นการพบกันครึ่งทาง

2. การสอนให้คุณลุง แก๊งค์นักเรียนนายร้อย และพวกเรา เล่นไพ่รัสเซีย และไพ่ที่ชื่อว่าคาบู ที่เวอร์จิเนียเพิ่งไปเรียนมาจากเพื่อนชาวอิสราเอลที่โฮลเทลในมองโกเลีย

3. เจรจาเรื่องผ้าปูที่นอนที่หายไป ของครอบครัวชาวจีน กับจนท.ประจำตู้ (ซึ่งก็งงกันมากว่าหายไปไหน ในเมื่อทุกคนก็อยู่บนรถไฟกันแทบจะตลอดเวลา ผ้าปูก็ปูอยู่บนเตียงที่ก็นั่งหรือนอนทับกันตลอดเวลา แล้วมันจะหายไปได้อย่างไร)


- คุณลุงอาร์ตทิส (สารภาพว่าจำชื่อไม่ได้ และคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ก็คุยกันนะ 55) รู้แค่ว่าคุณลุงเป็นศิลปินวาดรูป และแกยังวาดรูปเหมือนให้หลายๆคนในตู้นี้ วาดสวยมากด้วย


- Sasha : หนุ่มน้อยทหารเกณฑ์ เตียงบนของเรา พูดน้อย ขี้อาย


- อีกหนึ่งสาวศิลปินของเรา : ผู้ทำให้ตู้รถไฟของเราเหมือนโรงเรียนอนุบาลย่อมๆ ทั้งสอนวาดภาพระบายสี วาดภาพเหมือน สอนพับกระดาษ ร้องเพลง


- สมาชิกโรงเรียนอนุบาลจำเป็น ได้แก่ แฝดสามชาวรัสเซีย หนึ่งหนุ่มน้อยชาวเกาหลี และสองพี่น้องชาย-หญิงจากเมืองจีนอีกด้วย


Let's get to know our new friends. From left to right...

-Lovely Virginia, an American teacher who currently work in Moscow and also Miss. congeniality of this carriage. She helped us negotiate with the Russian aunties about the foul-smell Omul fish, the Chinese family about the mysteriously disappeared bedsheet and the youngster gangs (yes, I mean us ;p) to communicate during the card games.


- Mr.Artist (sorry I can't remember his name) : We know him as the artist and he knows us as the eye doctor, the old(people) doctor (That's Wann: the internal medicine doctor) and the oil engineer. We talked quite a lot, eventhough we couldn't speak Russian and he couldn't speak English at all !!! haha


- Sasha, the shy and quiet Russian soldier who slept on my upper bunk bed.


- Again, we cannot remember her name, because we secretly called her Jenny (as in Forrest Gump) : she's also the artist who created the little kindergarten school in this carriage, with her drawing class and singing class.


The members of our kindergarten school in this carriage : Russian triplet, 1 Korean boy and 2 Chinese siblings.


St. Basil cathedral

หลังจากผ่านไปสามวันสามคืนเต็มๆ เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็เดินทางไปถึงมอสโคว์ เวอร์จิเนียก็แสนจะน่ารัก พาเราไปซื้อตั๋วรถไฟใต้ดิน พร้อมบอกทางขึ้นเรียบร้อย จากนั้นเราก็ไปเก็บกระเป๋าที่โฮสเทลเสร็จ แล้วก็รีบออกไปเที่ยว red square, St. Basil cathedral ที่ใฝ่ฝันมานานกันทันที


After 3 days and 3 nights on the train, we finally arrived Moscow. Virginia was so kind to help us buy the metro ticket and tell us the way to go to our hostel. After checked in, we went to the red square and St.Basil cathedral straight away.



State historical museum


โดยรอบของ red square ก็จะเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญต่างๆ ได้แก่ St.Basil cathedral, ห้างสรรพสินค้ากุม, Kremlin, State historical museum, Lenin's Mausoleum (ที่เก็บศพของเลนิน แต่เค้าไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปมา ต้องไปดูเองเท่านั้น ฟรี)




ด้านข้างของ State historical museum ก็จะเป็นสวนสาธารณะ ที่มีดอกไม้สวยงาม มีร้านอาหาร น้ำพุ และห้างสรรพสินค้าใต้ดิน สามารถเดินเล่นฆ่าเวลา หรือหาอาหารรับประทานได้แถวนี้



ที่ขายตั๋วเข้าชม Kremlin ก็อยู่ในสวนนี้นี่เอง




Day 2 : วันรุ่งขึ้น เราก็ตื่นแต่เช้าเพื่อไป Kremlin เริ่มต้นจากการเข้า Armoury chamber ที่แสดงสมบัติล้ำค่า เพชรพลอย รถม้า เครื่องบรรณาการ อาวุธ เสื้อเกราะให้ชม และมี audioguide ให้ยืมฟรี



จากนั้นเราก็เข้าชมส่วนที่เป็น Architectural complex และ Cathedral ต่างๆ (บางแห่งฟรี บางแห่งต้องซื้อตั๋วจึงจะเข้าได้)



นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เป็น Ivan the Great Bell tower complex (ดูรายละเอียดของตั๋วได้ด้านล่าง)



จากนั้นช่วงบ่าย เราก็ไปเดินเล่นย่านช็อปปิ้ง และเที่ยวสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ที่เวอร์จิเนียแนะนำมา (จำชื่อไม่ได้แล้ว) สวนสาธารณะที่นี่จะมีเบาะยางสีน้ำเงิน เอาไว้ให้คนมานั่งเล่น นอนอ่านหนังสือ พักผ่อนด้วย



และพอใกล้ค่ำ เราก็เริ่มทัวร์ดูสถานีรถไฟใต้ดินกัน ซื้อตั๋วใบเดียว โดดขึ้นโดดลงมันทุกสถานีที่เค้าบอกว่าสวย ตราบใดที่ยังไม่ออกจากสถานี ก็ไม่ต้องซื้อตั๋วเพิ่มจ้า


Then we started our metro-hopping tour in the evening.



And we ended the day by going back to the red square at night again.


เรากลับไปดูไฟที่จัตุรัสแดง เพื่อปิดท้ายวันนี้อย่างสวยงาม ^^






Day 3 : วันรุ่งขึ้น เราก็นั่ง metro ไปยัง Izmailovosky Souvenir Market ตลาดขายของที่ระลึกราคาไม่แพง และแวะกินไก่ย่าง แกะย่าง หมูย่าง แซลมอนย่าง สารพัดสิ่งย่าง ในตลาดนี้ คนขายคงคุ้นเคยกับคนไทยเป็นอย่างดี เพราะพูดคำว่า "ไก่ย่าง หมูย่าง แกะย่าง" เป็นภาษาไทยได้ด้วย



Photo from : //moscowdailyshot.blogspot.com/2010/10/izmailovsky-souvenir-market.html


หลังจากกินมาม่า กล้วย อดๆอยากๆกันไปหลายมื้อบนรถไฟ เราก็ต้องมาส่งเสริมเศรษฐกิจรัสเซียและถลุงเงินในกระเป๋าของเราและเพื่อนร่วมทางกันบ้าง ด้วยการมาแฮฟลันซ์กันที่ Cafe Pushkin ร้านอาหารสุดหรูของมอสโคว์ ร้านอาหารนี้เดิมเคยเป็นห้องสมุดมาก่อน ตกแต่งสวยมาก รสชาติเริ่ด บริการเยี่ยม ราคาแรง (สัญลักษณ์ยูโร 4 ตัวใน lonely planet) แต่โอเค เพราะอร่อยทุกอย่างจริงๆ


เราสั่ง Pancake with black stergeon caviar and sour cream ที่แพงที่สุดในชีวิต (3 ชิ้นนั่น ราคา 2000 บาท !! ปาดเหงื่อแปบบ..), beef stroganoff หรือเนื้อวัวราดซอสครีมกับเห็ด อร่อยมากๆ, น่องไก่ทอด ที่นุ่มมากจนเราสงสัยว่า มีเนื้อไก่จริงปะ หรือว่าเอาทิชชู่ชุบน้ำปั้นเป็นรูปน่องไก่กันแน่ :p และซุปบีทรูท หรือที่เราเรียกว่า Borscht ที่เป็นซุปของยูเครน แต่ก็หากินได้แพร่หลายในประเทศแถบนี้


ของหวานก็เป็นแค้กช็อคโกแลตยัดไส้แยม wild berry เสิร์ฟกับซอสวานิลลา และเมอร์แรงราดวอดก้า และซอสมินท์กับสตรอเบอรรี่ ซึ่งจานนี้มีวิธีการเสิร์ฟที่อลังการ ด้วยการเอาวอดก้าไปอุ่นไฟ แล้วราดลงบนเมอแรงค์ ทำให้เมอแรงค์ละลายนิดๆ และเราก็ได้รสชาติที่หวานๆของวอดก้าเวลากิน แต่ไม่มาววววว ..

Lunch at cafe Pushkin. This elegant restaurant use to be the library before. The food was superb, service was excellent and the price was expensive as you can guess. We ordered Russian pancake with black caviar, beef stroganoff, borscht and some melt-in-the-mouth chicken dish (which I cannot remember its name).The desserts were also fantastic.



หลังจากกระเพาะหนัก แต่กระเป๋าเบากันไปแล้ว เราก็กลับโฮสเทลเพื่อไปเตรียมตัวออกเดินทางไปยัง St.Petersburg ต่อในวัันพรุ่งนี้


Cafe Pushkin




















Travel Tips : รายชื่อสถานีรถไฟใต้ดินที่สวยงาม เผื่อใครจะสนใจไป metro hopping tour บ้าง


1. Belarusian Metro Station

2. Kiyevskaya (Koltsevaya Line)

3. Mayakovskaya Metro station

4. Elektrozavodskaya Metro Station

5. Komsomolskaya Metro Station

6. Kievskaya Station

7.Slavyanskiy Bulvar Metro Station

อื่นๆ Taganskaja Metro Station




Download print version at : //ms2010.cosmos.ru/img/metrobig_e.jpg


- ชนิดของตั๋วเข้าชม Kremlin (กรุณาไปแต่เช้า เพราะคิวยาวมาก และมีตั๋วหลายชนิดให้เลือกซื้อ ลองอ่านเงื่อนไขดีๆ ที่ขายตั๋วจะดูในสวนข้างๆ Kremlin)





Create Date : 01 มกราคม 2559
Last Update : 2 มกราคม 2559 10:02:08 น. 0 comments
Counter : 821 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

nystagmus
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Google
..comprendre c'est pardoner.. ..live as if you will die tomorrow.. learn as if you will live forever.. gandhi
[Add nystagmus's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com