Carpe Diem !

<<
ธันวาคม 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
8 ธันวาคม 2558
 

The longest train ride in my life : From Beijing to Venice : The prequel

The prequel

เราจะนั่งรถไฟไปยุโรป !! นี่คือสิ่งที่เราฝันจะทำมาตั้งแต่เด็กๆ ได้แรงบันดาลใจมาจากการดูรายการวีซ่าของพี่เรย์ แมคโดนัลด์ (เกิดทันกันไหม ?) แต่แน่นอน ด้วยข้อจำกัดของเวลา การเงิน รวมทั้งเพื่อนร่วมทาง (รัสเซียนะคุณ ถึงชั้นจะกล้าบ้าบิ่น เดินทางคนเดียวมาหลายครั้ง แต่ชื่อเสียงความน่ากลัวของรัสเซีย ก็ทำให้เราไม่กล้าที่จะเดินทางไปคนเดียวอยู่นั่นเอง และการหาเพื่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวได้เป็นเดือนๆนี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ) ก็ทำให้ความฝันนี้ต้องซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจมาตลอด

จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่ง ที่กำลังจะลาออกจากงาน และต้องการจะเดินทางไปเที่ยวยุโรปกับแฟนเป็นครั้งแรก นานสามเดือน …เอาละสิ โป๊ะเชะ !! เราต้องการเพื่อน เพื่อนก็ต้องการเราให้ช่วยนำทางในการออกผจญภัยครั้งแรก การเดินทางจากเอเชียไปยุโรปด้วยรถไฟครั้งนี้จึงถือกำเนิดขึ้น

เราเริ่มวางแผนการเที่ยวครั้งนี้ ด้วยการนั่งเครื่องบินไปลงที่ปักกิ่ง จากนั้นเราจะนั่งรถไฟต่อไปเรื่อยๆ จากปักกิ่ง -> มองโกเลีย-> รัสเซีย -> ฟินแลนด์ -> เอสโตเนีย -> ลัตเวีย -> ลิทัวเนีย -> โปแลนด์ -> สาธารณรัฐเชค -> ออสเตรีย -> สโลวีเนีย -> สโลวาเกีย -> ฮังการี -> อิตาลี

รวมทั้งหมด 14 ประเทศ 47 วัน

เริ่มจากการวางแผน เราวางแผนที่จะเดินทางในฤดูร้อน คือช่วงเดือนมิถุนายน -กรกฏาคม เนื่องจากการแพคกระเป๋าทำได้ง่าย เบา ไม่ต้องหอบเสื้อโคทตัวใหญ่ๆไปให้เปลืองที่ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็เปิดให้เข้าชมหมด กลางวันยาวนาน มืดช้า ทำให้เที่ยวกันได้อย่างเต็มที่ และค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็ต้องแลกมากับการที่ตั๋วรถไฟ ตั๋วรถบัส รวมทั้งที่พัก จะมีราคาแพง และค่อนข้างจะเต็มเร็ว

เมื่อได้ช่วงเวลาที่จะเดินทางแล้ว ประชากรประเทศโลกที่สามแบบเราก็ต้องเตรียมขอวีซ่ากัน ความเก๋มันอยู่ตรงที่ คนไทย ไม่ต้องขอวีซ่าเข้ารัสเซีย (เป็นที่ประหลาดใจกับเพื่อนๆชาวประเทศโลกที่หนึ่ง โดยเฉพาะชาวอเมริกันหรือยุโรป ที่เราพบเจอระหว่างทางยิ่งนัก) และมองโกเลีย ดังนั้น เราจึงต้องขอแค่วีซ่าจีน และเชงเก้นเท่านั้น

สำหรับวีซ่าจีนนั้น เราไม่จำเป็นต้องไปทำเอง สามารถเตรียมเอกสาร แล้วฝากบริษัททัวร์ หรือเพื่อนที่เดินทางด้วยกันไปทำแทนได้ แต่วีซ่าเชงเก้นนั้น ต้องไปทำเอง เพราะว่าจะต้องมีการเก็บข้อมูล biometric พวกลายนิ้วมือด้วยนั่นเอง

หลักการขอวีซ่าเชงเก้น คือให้ขอจากประเทศที่เราจะพำนักอยู่นานสุด ในกรณีที่พักนานเท่าๆกันหมดทุกประเทศ จึงจะขอจากประเทศที่เราเดินทางเข้าเป็นประเทศแรก ในกรณีนี้ เราจึงเลือกขอจากประเทศฟินแลนด์

การขอวีซ่าจากฟินแลนด์ ไม่ยาก แต่ตรวจเอกสารค่อนข้างละเอียด สามารถทำได้จากที่ vfs (มีค่าบริการเพิ่ม) หรือไปทำที่สถานทูต (ไม่เสียค่าบริการ แต่ต้องจองคิว เพราะรับแค่วันละ 5 คนเอง)

เมื่อได้วีซ่ามาแล้ว เราก็ทำการจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก (จริงๆก็ต้องจองไว้ตั้งแต่ที่จะไปยื่นขอวีซ่า แต่เมื่อได้วีซ่าจริง เราอาจจะมีการปรับแผน หรือเลือกที่พักใหม่กันอีกที) สำหรับตั๋วเครื่องบิน ครั้งนี้ เราใช้บริการของเว็บไซต์ cheaptickets.com และบินกับ china southern airline เนื่องจากมีเที่ยวบินออกจากกระบี่ ไปยังกรุงเทพ และมีราคาไม่แพง เพียงแต่จะต้องไปต่อเครื่องที่ Shenzhen ก่อนจะไปถึงปักกิ่ง ได้ตั๋วมาในราคา 5,968 บาท

ส่วนที่พัก แน่นอน เราก็ใช้บริการของ //www.booking.com และ //www.hostelbookers.com นั่นเอง เจ้าแรกนั้น free cancellation แต่เจ้าที่สอง ข้อดีคือ มักจะมีโฮสเทลที่ราคาถูกกว่าใน booking.com เสมอ แต่ข้อเสียคือ ถ้าเรายกเลิกการจอง เราก็ต้องเสียมัดจำ 10% ไปฟรีๆ (ไม่มีค่าบริการ)

ที่พัก ตั๋วเครื่องบินพร้อมแล้ว คราวนี้ก็มาจองตั๋วรถไฟกันดีกว่า จริงๆแล้ว เราสามารถที่จะไปซื้อตั๋วรถไฟ จากเมืองที่เราจะเดินทางได้ ซึ่งจะไม่ต้องเสียค่าบริการของ agency และสามารถยืดหยุ่นแผนการเดินทางได้ แต่ด้วยความที่เราเดินทางในช่วงหน้าร้อน ซึ่งเป็น high season จึงมีโอกาสสูงมาก ที่จะไม่มีตั๋ว และถ้าไม่มีตั๋ว แผนการเดินทางของเราก็จะรวนไปหมด เพราะรถไฟบางขบวน ก็มีแค่ 1 ขบวน/1 สัปดาห์ พลาดขบวนนี้ รออีกทีก็สัปดาห์หน้า เราจึงจองไปก่อนดีกว่า เพื่อความมั่นใจ

ครั้งนี้เราใช้บริการของ https://trains.realrussia.co.uk/transsib/ ซึ่งเป็น agency ของประเทศอังกฤษ เชื่อถือได้ และมีพนักงานคอยช่วยเหลือ หากเรามีคำถาม เราสามารถกรอกเมืองต้นทาง เมืองปลายทาง รวมทั้งเมืองและจำนวนวันที่เราจะแวะพักระหว่างทางในแต่ละเมือง ทางเว็บก็จะมีรถไฟขบวนต่างๆให้เราเลือกตามสะดวก เมื่อเลือกได้ พนักงานจะส่งเมล์มาเพื่อยืนยันการจอง และวิธีการชำระเงิน จากนั้น จึงจะส่งเมล์ e-ticket มาให้เราปรินท์ไปใช้ (บางขบวน ก็ไม่มี e-ticket แต่จะต้องเอาใบ reservation ไปออกตั๋วที่

agency ในประเทศนั้นๆอีกที ดังนั้น อย่าลืมอ่านเงื่อนไขดีๆนะจ๊ะ)

การแลกเงิน เราจะต้องแลกเงินหยวน รูเบิล และยูโรไปก่อน สำหรับประเทศมองโกเลีย จะใช้เงินสกุลทุกรุก ซึ่งเราอาจจะแลกไปเลยจากไทย หรือเอาเงินหยวนที่เหลือจากจีน หรือยูโร หรือ US dollar ไปแลกได้ที่ประเทศมองโกเลีย

เมื่อเตรียมตัวเดินทางกันพร้อมแล้ว ครั้งหน้า เราจะมาเริ่มออกเดินทางสู่ประเทศจีนกัน …Stay tune !!









Create Date : 08 ธันวาคม 2558
Last Update : 9 ธันวาคม 2558 10:49:30 น. 2 comments
Counter : 717 Pageviews.  
 
 
 
 
เย้ๆๆๆ มาตามอ่านด้วยคนค่าาาาาา
 
 

โดย: I wanna be a freelancer วันที่: 8 ธันวาคม 2558 เวลา:17:13:02 น.  

 
 
 
ยินดีค่า คุณ I wanna be a freelancer
 
 

โดย: nystagmus วันที่: 12 ธันวาคม 2558 เวลา:14:40:17 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

nystagmus
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Google
..comprendre c'est pardoner.. ..live as if you will die tomorrow.. learn as if you will live forever.. gandhi
[Add nystagmus's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com