Carpe Diem !

<<
มกราคม 2559
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 มกราคม 2559
 

ฟินๆที่ Finland

หลังจากผจญภัยในรัสเซียกันมาหลายวัน ในที่สุด เราก็ได้เวลาบอกลาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กแสนสวย แล้วขึ้นรถไฟไปฟินกันที่ฟินแลนด์แล้ว อุตส่าห์ออกจากบ้านตั้งแต่ตี่สี่อีกแล้ว โดยเรียก taxi ให้ไปส่งที่สถานีรถไฟ นั่งๆไปตอนแรก ก็รู้สึกนะว่า เอ๊ะ ทำไมเส้นทางมันไม่คุ้นเคย แต่ก็เชื่อใจคนขับว่า สงสัยจะเป็นทางลัดละม้างงงง ... แต่โชคดีที่เพื่อนเปิด map.me ไปด้วย และรู้สึกว่าเราออกห่างสถานีรถไฟเข้าไปทุกที จึงร้องทักคนขับรถขึ้นมา (คนขับพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ตามเคย) แต่ก็จับใจความได้ว่า เค้าคิดว่าเราจะไปสนามบิน เราจึงรีบทำเสียงรถไฟปู๊นปู๊นให้เค้าฟัง จึงได้เข้าใจกัน และไปถึงสถานีในที่สุด


เราจะออกจากเขตรัสเซีย เพื่อเข้าสู่ประเทศกลุ่มเชงเก้น ด้วยรถไฟยี่ห้อ Allegro สภาพดีตามแบบฉบับสแกนดิเนเวีย (ที่อะไรๆก็ดีไปโม้ด) ดังนั้นบนรถไฟ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ตม. มาตรวจวีซ่า ขนาดเจ้าหน้าที่ยังมีบนรถไฟและตม. ก็ยังมีบุคลิกที่แตกต่างจากในจีนและรัสเซียเลย หน้าตาดี พูดจาสุภาพ ยิ้มแย้ม พูดอังกฤษปร๋อเชียว


Now we're going to take Allegro train to Finland !! The train was extremely clean and comfortable.



เราออกจาก St.Petersburg ตอน 6.40 น. นั่งรถไฟไม่นาน เราก็มาถึงฟินแลนด์ตอน 10.40 น. ไม่รอช้า เราออกเที่ยวกันทันที โดยที่แรกที่เราไปเที่ยว คือ Sibelius Monument อนุสาวรีย์หน้าตาประหลาด ดูคล้ายแคนขนาดยักษ์ ที่่สร้างขึ้นมาให้ Jean Sibelius


Our first destination was Sibelius monument.



จากนั้นเราก็ไปกิน cinnamon bun และโกโก้ร้อนที่่ Cafe Recatta ร้านกาแฟสุดน่ารักริมทะเลสาบ (อยู่ไม่ไกลจาก Sibelius monument) ที่มีกิมมิคเก๋ๆ ด้วยการคืนเงินให้เรา 10 เซนต์ หากเราไปขอเติมเครื่องดื่มเพิ่ม (เก๋มะ เติมเครื่องดื่ม แถมได้เงินคืนอีก) cinnamon bun หอมอร่อยมาก กินแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่น ท่ามกลางอากาศเย็นๆริมทะเลสาบ เลิฟอ่ะ


After that we went to Cafe Regatta, the small lovely cafe near the lake that will give you 10 cent back if you refill for more drink. The cinnamon bun here is to die for !


ลูกค้าที่นี่ก็นั่งตากแดด ปิ้งไส้กรอก พายเรือคานูกันอย่างชิล



พอท้องอิ่มแล้ว เราก็ไปเดินเที่ยวในเมือง และไป National museum of Finland ซึ่งก็เป็นมิวเซียมเล็กๆ จะไม่เข้าก็ไม่รู้สึกว่าพลาดอะไรไป


Then we went to National museum of Finland. Nothing much inside. You can skip this museum if you visit Helsinki and you won't miss anything.



จากนั้นเราก็เดินไปเที่ยวจนทั่วเมือง เดินเล่นย่านช็อปปิ้ง และห้าง Stockmann ห้างที่ใหญ่ที่สุดของฟินแลนด์ (แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมาแฮะ)



เรารักการที่เค้าวาดรูปคนจูงเด็ก แทนที่จะเป็นรูปผู้ใหญ่เดินคนเดียว เป็นมุมเล็กๆน้อยๆ ที่บ่งบอกว่าประเทศเหล่านี้ คงให้ความสำคัญกับเด็กและครอบครัวมาก



และกิจกรรมการล็อคกุญแจที่สะพานก็ยังมีแม้กระทั่งที่ฟินแลนด์



จากนั้น วันรุ่งขึ้นเราก็เริ่มต้นวัน ด้วยการไปเที่ยวโบถส์หิน หรือ  Temppeliaukio Church ที่ดูเรียบง่าย แต่เก๋


We went to the Temppeliaukio Church (Rock Church) the next morning.



่อด้วย Helsinki cathedral รวมทั้ง senate square ที่อยู่ตรงข้ามกับ Cathedral 




สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตได้คือ แม้ว่าจะอยู่ติดกับรัสเซีย และแทบจะเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่เจริญและคุณภาพชีวิตของประชาชนดีที่สุดในโลก แต่ทุกอย่างที่นี่ช่างดูสงบ เรียบง่าย สบายตา เหลือเกิน แตกต่างจากรัสเซีย ที่ทุกอย่างดูใหญ่โต เว่อร์วังอลังการมาก


Uspenski Cathedral

แล้วเราก็ไปหาอะไรกินกันที่ market square ริมทะเล ชอบบรรยากาศแบบนี้มากกกก....

เราสั่งซุปแซลมอนกับมันฝรั่ง ที่มาพร้อมกับขนมปังอาหารสัตว์ (เราเรียกแบบนี้ เพราะกลิ่นมันเหมือนเวลาเราเดินผ่านร้านขายอาหารสัตว์เลยอ่ะ กลิ่นประหลาดๆ) และชา


Then we went to market square at the seaside. We ordered Salmon soup with bread and tea.



เราตั้งใจจะขึ้นเรือไปปิคนิคที่ Suomenlinna Sea Fortress แต่นั่งกินซุปนานไปหน่อย จึงพลาดเรือรอบแรก ก็เลยไปเดินเตร็ดเตร่ที่ old market hall เพื่อรอเรือเที่ยวถัดไป


We missed the first ferry to Suomenlinna Sea Fortress, so we went to the old market hall while waiting for the next ferry.



ภายในตลาดก็สะอาด น่าเดิน มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ของสด ผัก ผลไม้ และห้องน้ำให้เข้าฟรี สำหรับลูกค้าร้านอาหาร (ต้องขอกุญแจห้องน้ำมาจากเจ้าของร้านที่เราไปซื้อของ)



ในที่สุด เราก็ได้ขึ้นเรือเฟอรี่ เพื่อไปยัง Suomenlinna Sea Fortress


Finally we got on the ferry to the fortress.



Here we are : Suomenlinna Sea Fortress, one of the biggest sea fortress in the world and also one of the UNESCO world heritage site.




ในป้อมก็จะมีอดีตอาคารทำการของทหาร คาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านไอติมน่ารักๆ


Lovely cafe in the fortress.



เราเดินเล่นใน fortress กันประมาณ 3-4 ชม. แล้วก็นั่งเรือกลับมาเดินสำรวจเมืองต่อ  



มีคอนเสิร์ต Jazz ในสวนสาธารณะให้ฟังฟรีด้วย


Jazz concert in the park.



วันรุ่งขึ้น เรานั่งเรือเฟอร์รี่ เที่ยว 7 โมงเช้า จากเฮลซิงกิ ไปเมืองทาลลิน ประเทศเอสโทเนีย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. ภายในเรือมีร้านอาหาร สนามเด็กเล่น อินเตอร์เน็ตให้ใช้ฟรี


We took the ferry to Tallin, Estonia the next morning.





Travel tips :  เราสามารถตรวจสอบตารางเดินเรือ และซื้อตั๋วเรือเฟอร์รี่จากเฮลซิงกิ ไปเอสโตเนียได้ที่เว็บไซต์นี้ //www.tallinksilja.com/en/web/int/helsinki-tallinn-one-way-trips


จะมีเรือให้บริการประมาณ 3 ค่าย เลือกได้ตามความสะดวก //www.directferries.co.uk/helsinki_tallinn_ferry.htm (แต่ทริปนี้เราใช้บริการของ Tallink Silja line)





Create Date : 01 มกราคม 2559
Last Update : 2 มกราคม 2559 11:39:00 น. 0 comments
Counter : 586 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

nystagmus
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Google
..comprendre c'est pardoner.. ..live as if you will die tomorrow.. learn as if you will live forever.. gandhi
[Add nystagmus's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com