Carpe Diem !

<<
ธันวาคม 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
12 ธันวาคม 2558
 

Amazing Beijing …ปักกิ่ง : 3 วัน หมดพลังราวกับ 3 ปี


ในที่สุดก็ถึงเวลาออกเดินทาง เราขึ้นเครื่องบินของสายการบิน China southern airline จากกระบี่ไปยัง Shenzhen ครื่องบินของสายการบิน china southern airline ก็ค่อนข้างโอเค ไม่มีอะไรแย่ แถมเที่ยวบินเที่ยวนั้นยังว่าง เราจึงได้นอนยาวสามที่นั่ง หลับเต็มที่เลย สนามบินของเมือง Shenzhen ก็กว้างใหญ่ สะอาด มีอินเตอร์เน็ตให้เล่นเป็นบางพื้นที่


จากนั้นเราต้องต่อเครื่องไปยังปักกิ่งอีกทีนึง โดยจะนัดเจอกับเพื่อนอีกสองคนที่บินมาจากไทยที่นั่น ซึ่งนับว่าเป็นความมั่นใจเกินพิกัดของเรามาก ที่คิดว่าการหากันในสนามบินหลักของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก โดยที่ไม่มีโทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ต มันจะเป็นเรื่องง่ายๆ


สนามบินเมือง Shenzen

เมื่อเราเดินทางมาถึงสนามบินปักกิ่ง ก็เดินไปถามเจ้าหน้าที่ว่าเที่ยวบิน TG ลงมารึยัง เราจึงได้ค้นพบความจริงอันแสนโหดร้ายว่า terminal ที่เรายืนอยู่นั้น เป็นคนละ terminal กับเที่ยวบิน TG จากไทยจะลงจอด ตอนนั้นยังคงมั่นอยู่ค่ะ “โอ๊ย ขำๆ คงจะอยู่แค่คนละตึกใกล้ๆกันนั่นแหละ” 


อย่ากระนั้นเลย เราจึงไปหาวิธีลงทะเบียนใช้เน็ตฟรีที่เครื่อง kiosk ใน terminal (ใช้ passport ในการลงทะเบียน) แล้วรีบไลน์หาเพื่อนว่า มาถึงแล้วนะ ให้รออยู่ตรงนั้น เดี๋ยวจะไปหา ....รอซักพัก เพื่อนไม่ตอบ เดาว่าคงไม่มีเน็ต เราจึงตัดสินใจขึ้นรถ shuttle bus ไปหาเพื่อนเอง 


…แต่ปรากฏว่า นั่งรถชมวิวอยู่นานเกือบ 20 นาที ทำไมยังไม่ถึง terminal ของเพื่อนซักทีฟระเนี่ย หนูเชื่อแล้วค่ะว่าประเทศพี่กว้างใหญ่จริงๆ!!! เรานั่งรถไปก็นึกสงสัยไปว่า สนามบินนี้จะมันกว้างใหญ่ขนาดไหนกันเนี่ย เอ..งานนี้ท่าทางจะไม่หมูซะแล้วววววว


เมื่อไปถึง terminal ของเพื่อน ก็พบว่า “มัน ใหญ่ มาก” อารมณ์คล้ายสุวรรณภูมิบ้านเรา (ในขณะที่ domestic terminal นั้นก็เล็กๆ ประมาณดอนเมือง) เอาละสิ เดินหาเน็ตใช้เพื่อติดต่อเพื่อนดีกว่า เราจึงมุ่งตรงไปหา information counter …..โอ๊ะ ใครน่ะ หน้าตาคุ้นๆ นั่งอยู่ตรงข้างๆ information พอดี๊พอดี


 ….แต่เราก็หาาาาา กันจนเจออออ… 


ขอบคุณเพื่อนที่มี common sense ในการเลือกที่นั่งรอ ปลื้มปริ่มน้ำตาจะไหล  

แต่ เอ๊ะ ทำไมนั่งอยู่คนเดียว หรืออีกคนจะไปเข้าห้องน้ำ ? 

เมื่อเดินเข้าไปทัก เพื่อนแจ้งข่าวร้ายว่า รอแป๊บนึง เพราะอีกคน เพิ่งตัดสินใจขึ้นรถ shuttle bus เพื่อไปหาเราที่อีก terminal .... เจี๊ยก !!!  กว่าจะไป กว่าจะกลับ ก็คงอีก 40 นาทีสินะ หึๆ ก็นั่งรอกันต่อไป แต่ก็ภูมิใจนิดๆนะว่า เฮ้ยยยย แม้จะไม่มีเน็ตหรือโทรศัพท์ เราก็อุตส่าห์หากันเจอจนได้นะเนี่ย เก่งจริงๆ ฮ่าๆ 


เมื่อหนุ่มหล่อที่สุดในแก๊งค์(เพราะมีผู้ชายคนเดียว) กลับมา เราจึงได้ฤกษ์เดินทางไปยังที่พัก เราเลือกที่จะพักที่ Beijing Hutong Inn จาก //www.booking.com ห้อง triple room ที่ราคาไม่แพง มี internet ให้ใช้ได้ในห้องนอน  Location ก็ถือว่าใช้ได้ แม้จะดูเป็นย่านเมืองเก่า แต่ก็อยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน บริเวณใกล้เคียงก็มีร้านอาหาร แมคโดนัลด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต พอจะฝากท้องไว้ได้ 


ภาพจาก https://www.booking.com


วันรุ่งขึ้น การผจญภัยในเมืองจีนของเราก็เริ่มขึ้น เมื่อเราตัดสินใจที่จะเดินทางไปกำแพงเมืองจีนโดยรถบัส เท่าที่หาข้อมูลมาล่วงหน้านั้น เราจะต้องเดินทางไปยัง Deshengmen tower gate เพื่อขึ้นรถบัสสาย 919 เพื่อไปยังด่าน Badaling ยอดฮิต เมื่อเดินไปถึงจุดจอดรถ ก็ได้พบกับมวลมหาประชาชนมากมาย โดยเฉพาะตรงแถวที่จะขึ้นรถ 919 แต่เราก็มิได้ท้อถอย เดินไปเพื่อสอบถามและซื้อตั๋ว แต่กลับได้คำตอบมาว่า ไปสาย 919 ไม่ได้ เค้าไปไปด่าน Badaling แล้ว ต้องไปสาย 877 แทน …


ตอนนั้นเราก็งงว่า เอ๊ะ แต่หาข้อมูลมา ใครๆก็บอกว่าไป 919 ได้นะ แถมคิวยังยาวเหยียด เราเชื่อว่าคนเหล่านี้ต้องไปกำแพงเมืองจีนชัวร์ เราก็ไม่ยอมเชื่อ ไปต่อคิวกับเค้าด้วย เมื่อถึงคิว เราพยายามจะขึ้นไปบนรถ โดยจะจ่ายเงินสดกับคนขับรถแล้วตีเนียนๆไปเฉยๆ (เนื่องจากช่องขายตั๋วเค้าไม่ยอมขายตั๋วให้) แต่คนขับ ก็ดันถามอะไรไม่รู้เป็นภาษาจีน ซึ่งเราไม่เข้าใจ แต่ก็พยายามบอกเค้าว่าจะไป Badaling เค้าก็ไล่พวกเราลงจากรถทันที …เฮ้ย !! งงอ๊ะ ! เกิดอะไรขึ้น ลองถามคนจีนที่ต่อคิวดู ก็ไม่มีใครพูดอังกฤษได้ ลองมั่วขึ้นไป 2-3 รอบ เค้าก็ไล่เราลงทุกรอบ เราสามคนจึงตัดสินใจกันว่า วันนี้ ถอยไปตั้งหลักก่อนดีกว่า หาข้อมูลก่อนว่า 877 ไปถึง Badaling จริงไหม แล้วค่อยกลับมาลุยใหม่พรุ่งนี้


.


ดังนั้นเราจึงเปลี่ยนแผนไปเที่ยวพระราชวังต้องห้าม และจัตุรัสเทียนอันเหมินกันแทน โดยนั่ง Subway มาลงที่สถานี Tiananmen Xi, Tiananmen Dong หรือ Qianmen

ก่อนจะเข้าไปยังเขตพระราชวังต้องห้ามนั้น มีทหารตรวจ scan กระเป๋ากันค่อนข้างละเอียดทีเดียว ถ้าเดินตัวเปล่า พกแค่กล้อง จะสะดวกมาก ภายในก็คนเยอะตามคาด แต่ก็เพลิดเพลินดี แย่งกันดู แย่งกันถ่ายรูป เป็นที่สนุกสนาน ฮ่าๆ



เราเที่ยวชมที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน และพระราชวังต้องห้ามกันจนบ่ายแก่ๆ จากนั้นเราจึงไปเที่ยวกันต่อที่สนามกีฬารังนก โดยนั่ง subway มาลงที่สถานี Olympic sport center (ถ้ามาตอนกลางคืน จะได้ดูไฟสวยกว่านี้)


หลังจากนั้น ก่อนกลับที่พัก เราก็ไปเอาตั๋วรถไฟที่จะใช้เดินทางจากปักกิ่งไปมองโกเลีย ที่นั่นมีเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่อง พวกเราจึงถามเค้าถึงวิธีการไปกำแพงเมืองจีนด่าน Badaling ก็ได้รับการยืนยันว่า ควรที่จะไปรถบัสสาย 919 เนื่องจากเป็นสายที่วิ่งตรง และเร็วที่สุด ในขณะที่สาย 877 จะจอดหลายป้าย และใช้เวลานานกว่ามาก และเราอาจจะงง ลงไม่ถูกป้ายได้ เราจึงฟ้องไปว่า เราพยายามขึ้นสาย 919 แล้ว แต่เค้าไม่ให้เราขึ้น เจ้าหน้าที่ก็งงว่าทำไมถึงไม่ให้ขึ้น และยังยืนยันว่า สาย 919 นั่นแหละ ถูกแล้ว !!


.

.

.


จากนั้นวันรุ่งขึ้น เราก็ยังคงไม่ยอมแพ้ เดินทางออกแต่เช้า เพื่อไปกำแพงเมืองจีนกันอีกรอบ วันนี้ สถานการณ์ดูจะแย่กว่าเดิม เนื่องจากมีฝนตกปรอยๆอีกด้วย นอกจากจะมีคนเยอะแล้ว ยังจะมีแม่ค้าขายร่ม ขายเสื้อกันฝนตะโกนขายกันให้วุ่นวาย


เราก็เดินกันอย่างมั่นใจ ไปต่อคิวสาย 919 และโดนไล่ออกมาตั้งแต่ยังไม่ขึ้นไปบนรถ (งงอ่ะว่าเค้ารู้ได้ไงว่าเราไม่ใช่คนจีน) ..ทันใดนั้น เราก็เหลือบไปเห็นคุณแม่ฝรั่งท่านหนึ่ง พร้อมลูกชาย ลูกสาว คุณยาย และกระเป๋าเดินทางใบโตอีกหนึ่งใบ เราคิดว่า ครอบครัวนี้จะต้องไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนแน่ๆ จึงเข้าไปชวนคุย คุณแม่ชาวอเมริกันท่านนี้ ก็ยืนยันกับเราว่า เค้าก็หาข้อมูลมาว่าต้องขึ้นสาย 919 เหมือนกัน เดี๋ยวเราจะไปด้วยกัน “Stick with me and we will get on this bus !!” ขุ่นแม่ขยิบตายืนยันด้วยความมั่นใจ ขุ่นลูกอย่างเราก็มั่นใจไปด้วย


เมื่อรถสาย 919 มาถึง คนที่ไวสุดคือ คุณยายค่า !!!! คุณยายอาศัยช่วงชุลมุน ผลุบขึ้นไปนั่งแป้นแล้นบนรถเรียบร้อยโรงเรียนจีน พวกเราก็เกาะหลังขุ่นแม่อย่างใกล้ชิด (ชิดยิ่งกว่าลูกแท้ๆเค้าอีก พูดเลย) ปรากฏว่า เมื่อขุ่นแม่ก้าวขึ้นบนรถ แน่นอน..ขุ่นแม่ผมทองตาฟ้า หน้าตาคอเคเชี่ยน คุณพี่คนขับรถและกระเป๋ารถก็ไล่คุณแม่ลงทันที คุณแม่ยังคงสู้ บอกคนขับรถว่า “คุณยายขึ้นไปบนรถแล้ว เธอจะไล่ชั้นลงได้อย่างไร” ….แต่แทนที่พี่กระเป๋า จะให้เราขึ้นรถตามคุณยายไป นางกลับไปลากตัวคุณยายมาจากที่นั่ง และไล่คุณยายลงมาจากรถพร้อมกับพวกเรา ….โอ้โห สุดยอดมาก พี่ขอยอมแพ้


ในที่สุด เรา 7 คนจาก 2 ประเทศ ก็ลงมายืนงงๆกันอยู่นอกรถ พร้อมกับที่รถสาย 919 ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป (ทั้งคันมีแต่คนจีน) เราถามคุณแม่ว่า คุณแม่จะเอาไงต่อไปคะ คุณแม่บอกว่า ไม่รู้สิ อาจจะขึ้นรถตู้มั้ง เพราะว่ามีกระเป๋าใบใหญ่ คงไม่สะดวกจะไปขึ้นรถไฟอีก เราจึงกล่าวขอบคุณและบอกลาคุณแม่ พร้อมตัดสินใจว่า งั้นเราไปกำแพงเมืองจีนด้วยรถไฟกันเถอะ


อย่านะ!!! อย่าแม้แต่จะคิดว่าการขึ้นรถไฟ มันจะชิลๆสบายๆต่างกับรถบัส …เปล่าเลยค่า (ความมหัศจรรย์ของกำแพงเมืองจีน มันเริ่มต้นตั้งแต่การเริ่มเดินทางไปเลยป่ะเนี่ย !!) 


พอไปถึงสถานีรถไฟ ก็ได้พบว่า ช่องที่ขายตั๋วรถไฟขบวนไป Badaling นั้น เปิดขายเป็นช่วงเวลา และตั๋วช่วงเช้าขายหมดแล้ว ต้องรอช่วงบ่าย จึงจะเปิดขายอีกที แต่ตอนนี้คิวซื้อตั๋วช่วงบ่ายน่ะ ยาวประมาณ 10 เมตรแล้ว เรา 3 คน จึงประชุมวิสามัญกันว่า “ควรพอหรือรอต่อไป?” แต่เพื่อนเริ่มถอดใจ บอกว่า ถ้าจะไป ก็ไปวันนี้ เหนื่อยและเพลียมากแล้วกะ Badaling พรุ่งนี้ขอพักไปที่อื่นบ้าง 


เราจึงสลับกันมาต่อคิว และไปหาอะไรกินที่ห้างใกล้ๆสถานี และเมื่อใกล้ถึงเวลาขายตั๋ว การเบียดแทรกและแซงคิวก็เกิดขึ้น เบียดกันได้เบียดกันดี แบบที่ไม่รู้ว่าจะต่อคิวไปเพื่อ ?!! แต่ในที่สุด เราก็ได้ตั๋วมาสามใบ เย้ !!! ความพยายามอยู่ที่ไหน กำแพงเมืองจีนอยู่ที่นั่น


เมื่อได้ตั๋วแล้ว เราก็ยังต้องไปต่อคิวที่ประตูรั้วก่อนเข้าชานชาลา เราก็รู้สึกว่ามันแปลกดีนะ ปกติสถานีรถไฟที่อื่น ผู้โดยสารก็สามารถจะเดินไปรอรถไฟกันที่ platform ได้ทันที ไม่ต้องกั้นรั้วขนาดนี้ ….แต่เชื่อไหม ขนาดว่ามีรั้วกั้นนะ คุณพี่ๆทั้งหลาย ก็ยังคงจะเบียด ดัน และแทรกตัวเข้ามา จนงงว่า จะเบียดกันมาทำไม๊ เบียดมาก็ไปไม่ได้ เพราะเค้ากันรั้วอยู่


แต่ที่ Amazing กว่านั้นคือ เมื่อรถไฟมา การแซงคิวก็เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น และวินาทีที่เจ้าหน้าที่เปิดประตูรั้วออก ประชาชนทั้งหลาย ก็พร้อมใจกัน วิ่ง วิ่ง วิ่ง !! ไปยังรถไฟ จนเรา 3 คน (รวมทั้งฝรั่งหลายคน) ก็เกิดอุปทานหมู่ วิ่งไปกับเค้าด้วย วิ่งๆไปซักพัก ก็เริ่มงงตัวเองว่า เราจะวิ่งทำไมฟระเนี่ย รถไฟก็ไม่ได้จะรีบออกไปไหน เราก็เลยหยุด แล้วเดินดูอาม่า อาโกวทั้งหลายวิ่งแซงหน้าเราไปเพื่อจะรีบไปจับจองที่นั่งบนรถไฟ


แน่นอน เราไม่มีที่นั่งหรอกค่ะ เราจึงต้องยืน สลับกับนั่งพื้นไปตลอดทาง ประมาณเกือบ 2 ชม. จนถึงด่าน Badaling (ระหว่างทาง แอบมองไปบนถนน ชั้นเห็นนะ ! ว่ารถสาย 919 มันก็มาด่าน Badaling นี่นา แล้วทำไมเค้าถึงไม่ให้เราขึ้นอ๊ะ ยังไม่เข้าใจจนบัดนี้)


เมื่อไปถึง Badaling เราก็ซื้อตั๋ว แล้วขึ้นไปเที่ยวกำแพงกัน กำแพงก็ยิ่งใหญ่ดี ค่อนข้างชันและลื่น แต่ที่น่ากลัวกว่าคือคนจีนที่พยายามแทรกตัวมาหามุมถ่ายรูป บางทีถึงขั้นเบียดจนเราแทบลื่นล้มยังมี



และเหมือนจิ๋นซีฮ่องเต้จะเกลียดเรา เดินได้ซัก 40 นาที ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก และกำแพงเมืองจีนมีข้อห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวอยู่บนกำแพงยามฝนตกหนัก เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะโดนฟ้าผ่าสูงมาก ….เอาล่ะสิคะ คราวนี้ บรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลาย ก็พยายามจะวิ่งลงจากกำแพง นึกสภาพกำแพงที่สูง ชัน ลื่น พร้อมคนมากมายแย่งกันวิ่งลง ….โอ้โห คิดว่าจะต้องเอาชีวิตมาสังเวยที่นี่ซะแล้ว


แต่ในที่สุด เราก็เปียกปอนเป็นลุกหมาตกน้ำ กลับมาต่อคิว (แบบที่ไม่รู้จะต่อทำไม ในเมื่อก็แซงกันอยู่ดี) เพื่อขึ้นรถไฟกลับ ….แน่นอนค่ะ เบียดกันแทบตายตามเดิม


และความโชคร้ายยังไม่ได้จบง่ายๆแค่นั้น ระหว่างทาง เราก็นั่งบนพื้นรถไฟตามเดิม พร้อมนักท่องเที่ยวอีกมากมาย เรียกว่า บนรถไฟนั้นแทบจะไม่มีที่เดินกันเลยล่ะ เมื่อมาถึงครึ่งทาง อยู่ดีๆรถไฟก็หยุดกึ๊ก พร้อมเสียงประกาศเป็นภาษาจีน (ที่มีคนจีนข้างๆแปลให้) ว่า เนื่องจากฝนตกหนัก ทำให้ทางรถไฟขัดข้อง อาจจะต้องเสียเวลาแก้ไขโดยไม่ทราบว่าจะเสร็จเมื่อไร …..เฮือกกกก !!


อย่ากระนั้นเลย ประชาชนชาวจีนทั้งหลายจึงเริ่มหาอะไรทำยามว่าง ด้วยการ ..ซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากเจ้าหน้าที่ประจำตู้รถไฟ นั่งกินกันอย่างสนุกสนาน กินเสร็จก็ทิ้งถ้วยกองซ้อนๆกันไว้ จนกองถ้วยล้ม น้ำบะหมี่ไหลนองเต็มพื้น (–“) ในที่สุด เราก็ถึงสถานีรถไฟปักกิ่งตอน 2 ทุ่ม (แทนที่จะเป็น 6 โมงเย็น) พร้อมกับสภาพรถไฟที่พูดได้คำเดียวว่า “ดูไม่จืด” จากกองถ้วยบะหมี่มากมาย เศษถุงขนม กระดาษหนังสือพิมพ์รองนั่ง เห็นแล้วสงสารเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดมาก เราเองก็แทบสลบ เป็นวันที่เหนื่อยมากๆ


สิ่งมหัศจรรย์ของโลกนี่มันมหัศจรรย์จริงๆ !!


Travel tips :

- ลงทะเบียนใช้เน็ตฟรีในสนามบินได้ที่เครื่อง Kiosk สีเขียวๆ โดยจะต้องสอดหน้าพาสปอร์ตเข้าไปในเครื่องเพื่อ scan ข้อมูล แล้วเครื่องจะปรินท์ code เพื่อให้เรา login ใช้ internet ได้

- อย่าเก็บข้อมูลหรือเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในการเที่ยวประเทศจีน ไว้ใน gmail หรือ facebook เพราะมันจะถูก block !! ส่งไปใน hotmail หรือเมล์อื่นๆไว้ด้วย ส่วนไลน์ เข้าได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ไม่ค่อย stable

- ดูข้อมูลเพิ่มเติมของกำแพงเมืองจีน ด่านป้าตาหลิงได้ที่ //www.badalinggreatwall.com/

- ควรหาอะไรกิน ก่อนที่จะเข้าไปในจัตุรัสเทียนอันเหมิน เพราะแถวนั้นไม่ค่อยมีของกิน จะมีอีกทีคือ ภายในพระราชวังต้องห้าม (มีข้าวราดหน้าเนื้อ และลูกชิ้นขาย แต่ราคาค่อนข้างแพง) และด้านหลังพระราชวังต้องห้าม จะมีร้านอาหารค่อนข้างเยอะ

- ไม้ selfie ในจีนมีขายทั่วทุกหัวระแหง และราคาไม่แพง แต่คุณภาพนี่ไม่แน่ใจ

- ถ้าอยากถามข้อมูลเรื่องการเดินทางไปด่านป้าตาหลิงที่สถานีรถไฟ ให้เดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ด้านใน เธอจะมีกระดาษหนึ่งแผ่น ยื่นให้เราอ่านข้อมูลเอาเอง

- ถ้าจะซื้อของที่ระลึกที่ร้านด้านหน้ากำแพงเมืองจีน ขอให้ต่อราคาแบบหารสิบ (ราคาจะค่อนข้างแพงกว่าที่อื่น) หรือแกล้งเดินหนี พ่อค้าจะรีบลดราคาลงอย่างรวดเร็ว




Create Date : 12 ธันวาคม 2558
Last Update : 1 มกราคม 2559 22:57:48 น. 0 comments
Counter : 884 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

nystagmus
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Google
..comprendre c'est pardoner.. ..live as if you will die tomorrow.. learn as if you will live forever.. gandhi
[Add nystagmus's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com