THIS IS MY WORLD
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
7 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 

Gravity…ความเวิ้งว้าง อวกาศ และคุณค่าของชีวิต


Director: Alfonso Cuarón

Writers: Alfonso Cuarón, JonásCuarón

Stars: Sandra Bullock, GeorgeClooney

แค่ได้เห็นโปสเตอร์ที่ปล่อยออกมาช่วงแรกก็ทำให้อยากดู “Gravity” เสียแล้วยิ่งได้อ่านข้อมูลคร่าวๆ พร้อมเสียงเชียร์ของนักดูหนังหลายๆท่านก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่า ถ้าพลาดไปคงเสียใจแน่ๆ แม้ว่าจริงๆแล้วไม่ค่อยชอบหนังที่เกี่ยวกับอวกาศเท่าไรนัก (ปีนี้ดูแค่ Star trek into darknessเท่านั้น) แต่ดูจากตัวอย่างแล้ว Gravity เป็นเรื่องราวของการเอาตัวรอดเมื่อตกอยู่ในสภาวะอันตรายในอวกาศเนื้อเรื่องคงเต็มไปด้วยความเครียด ลุ้นและอึดอัดและนี่คือแรงจูงใจที่ทำให้ตัดสินใจตีตั๋วไปดู


Gravity(ชื่อไทย มฤตยูแรงโน้มถ่วง) เป็นเรื่องราวของ ดร.ไรอัน สโตน (SandraBullock) เจ้าหน้าที่วิศวกรการแพทย์ (medical engineer) ที่กำลังปฏิบัติงานซ่อมแซมยานพร้อมกับ แมตต์ โคลวาสกี (GeorgeClooney) นักบินอวกาศ แต่แล้วกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อยานของพวกเขาถูกขยะอวกาศพุ่งเข้าชนและไรอันเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตและต้องดิ้นรนหาทางกลับโลกให้ได้


หนังมีความยาวทั้งหมด 90 นาที และทั้ง 90นาทีก็เป็นเวลาที่นั่งอึดอัดและกดดันเป็นอย่างมาก ด้วยมุมกล้องที่โคลงเคลงหมุนติ้วประหนึ่งเรากำลังลอยเท้งเต้งพยายามคว้าอะไรสักอย่างอยู่ในอวกาศเช่นเดียวกับไรอันด้วยความที่หนังไม่ใส่เรื่องราวเกินจริงลงไปทำให้เรารู้สึกร่วมกับตัวละครได้เป็นอย่างดีและคอยเอาใจช่วยตลอดเวลาว่าจะเกิดเคราะห์ร้ายอะไรอีกมั้ยเธอจะได้กลับบ้านหรือเปล่า


เนื่องจาก Gravity เป็นหนังที่เนื้อเรื่องหลักคือการเอาชีวิตรอดของตัวเอกถ้านับดูจากหนังแนวๆ นี้ที่เคยดูก็คงจะมี Cast away (2000)และ 127 Hours (2010) ความกดดันระหว่างดูส่วนตัวแล้วคิดว่า Gravityยังมีน้อยกว่า 127 Hours อาจเพราะอวกาศเป็นเรื่องค่อนข้างไกลตัวหรือไม่ก็เป็นเพราะฉากตัดแขนของเจมส์ ฟรันโก้ที่ทำให้หดหู่ไปหลายวัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า Gravity ไม่ดี เพราะภายในเวลา 90 นาทีหนังสามารถเล่นกับความรู้สึกคนดูได้อย่างชาญฉลาด ส่วน Life of Pi (2012) นั้นเอาชีวิตรอดเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยกดดันเพราะภาพสวยแพรวพราวและความน่ารักของ ริชาร์ด ปาร์กเกอร์


(Spoileralert)


ฉากที่ไรอันจะยอมแพ้เพราะยานไม่มีเชื้อเพลิง แล้วจู่ๆ แมตต์ก็มาเคาะกระจกแล้วบอกทางรอดให้แก่ไรอันฉากที่แมตต์กลับมานี่แหละที่ทำให้เราผ่อนคลายและรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้อบอุ่นและมีสติเสมอแม้ในยามคับขัน (คุ้นๆว่า ในหนังจะกล่าวว่าเค้าเป็นนักบินที่จะได้ปลดประจำการแล้วคงผ่านอะไรมาโชกโชนพอควร) แต่ความจริงแล้วมันเป็นเพียงเสี้ยวความคิดก่อนจะตายของไรอันต่างหากและนั่นทำให้เธอไม่ถอดใจและกลับมาสู้อีกครั้ง


นอกจากการเอาชีวิตรอดจากอวกาศให้ได้แล้ว ตัวหนังยังมีพล็อตรองอีกคือเรื่องลูกสาวของไรอันที่เสียชีวิตไปและทำให้เธอรู้สึกเหมือนไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ไปทำไมการลอยคว้างบนอวกาศ ก็คงเหมือนชีวิตของไรอันยามที่ต้องเผชิญความจริงที่ว่าคนสำคัญในชีวิตของเธอได้จากไปแล้วแล้วเธอควรจะสู้ต่อเพื่ออะไร


ฉากสุดท้ายที่ไรอันเสี่ยงดวงครั้งสุดท้ายเพื่อกลับโลกให้ได้ จนสุดท้ายที่เธอโผล่พ้นน้ำขึ้นมาพร้อมได้สัมผัสผืนดินเป็นครั้งแรกเราคิดว่าเธอรู้แล้วว่าที่เธอพยายามต่อสู้มาทั้งหมดนี้เพื่ออะไร...เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่และใช้มันให้คุ้มค่าแทนคนสำคัญของเธอที่ไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตนั้นอีกแล้ว


ขอสดุดีให้แก่การแสดงของ Sandra Bullock ที่แบกตัวหนังไว้ทั้งเรื่องแต่ก็ทำให้เราลุ้นและเอาใจช่วยตลอดเวลาการแสดงของเธอสร้างพลังอย่างมากในหนัง (หุ่นก็ดี กล้ามเนื้อแข็งแรงเหมาะสมกับบทบาทมาก) และการแสดงอันแสนอบอุ่นของ George Clooneyที่แม้จะโผล่มาไม่นานแต่แมตต์เป็นคาแร็กเตอร์ที่มีภาวะผู้นำ (แม้จะพูดมากไปเรื่อยเปื่อยก็ตาม)เป็นตัวละครที่ออกแบบมาเพื่อให้คนดูอย่างเรา (และไรอัน)เหมือนมีที่พึ่งพิงก่อนจะต้องออกไปผจญความโหดร้ายของอวกาศกันต่อไป


Gravityเป็นผลงานการกำกับและเขียนบทร่วมของ Alfonso Cuarón ผู้กำกับคนเก่งที่เคยดูผลงานของเขาก่อนหน้านี้เพียงเรื่องเดียวคือ HarryPotter and the Prisoner of Azkaban (2004) และเป็นภาคที่เราชอบมากกว่า2 ภาคแรกเสียด้วย นอกจากนี้อีกหน้าที่ที่ลืมไม่ได้เลยเพราะมีส่วนทำให้หนังตื่นเต้นและกดดัน เห็นจะเป็นดนตรีประกอบโดย StevenPrice ที่มาได้ถูกจังหวะทั้งเคียดเค้นและผ่อนคลายในตอนท้าย ส่วนด้านภาพและเทคนิคคงไม่ต้องเอ่ยอะไรมากเพราะทุกคนคงประจักษ์กันด้วยตาตัวเองอยู่แล้ว


ประมาณ 180 นาทีที่ไรอันลอยเคว้าง หมุนติ้ว และหนีตายอย่างอลหม่านมันเป็นนาทีแห่งชีวิตที่เหมือนได้เกิดใหม่เธอได้ทิ้งไรอันคนเดิมที่เหมือนอยู่ไปวันๆ เอาไว้บนอวกาศอันไกลโพ้นและกลับสู่โลกแห่งความจริง ได้หัวเราะเหมือนผู้ชนะที่ยังมีชีวิตอยู่และที่สำคัญเธอได้รู้ว่าชีวิตนั้นมีค่าเพียงใด แม้ในแต่ละวันจะต้องเจอความทุกข์และความสุขแต่นี่คือสิ่งที่เราทุกคนต้องเผชิญ แค่หาหลักยึดไว้ให้ได้อย่าปล่อยให้ชีวิตลอยคว้างก็แล้วกัน


ขอบคุณข้อมูลจาก IMDb




 

Create Date : 07 ตุลาคม 2556
4 comments
Last Update : 7 ตุลาคม 2556 10:53:56 น.
Counter : 1935 Pageviews.

 

เรื่องนี้อัลฟองโซ่ แกข้ามผ่านจากงานทดลองใหม่ๆแล้วเวิร์ค

เพราะตอนแรกแกก็เคยทำให้หวาดเสียวมาแล้ว
ตอนที่รับมากำกับแฮร์รี พอร์ตเตอร์
แต่ก็ยังไม่ลืมภาพที่เคยกำกับ Y Tu MAMA Tambien


พล็อกหนังมันไม่มีอะไรมากสำหรับGravity แต่พลังด้านอื่นๆ
นี้เหลือล้น

 

โดย: Mr.Chanpanakrit 7 ตุลาคม 2556 13:41:29 น.  

 

เป็นหนังไซ-ไฟทริลเลอร์ชั้นดีอีกเรื่องนึงที่ชอบเลยครับผม

 

โดย: ปีศาจความฝัน 8 ตุลาคม 2556 14:10:40 น.  

 

อ่านแล้ว ทำให้อยากดูขึ้นมาเลยครับ

 

โดย: bayesian 18 ตุลาคม 2556 0:20:18 น.  

 

ดูเอาวันสุดท้ายของโปรแกรมเพราะเพื่อนนักดูหนังบอกให้ดูด้วยระบบ IMAX 3D ที่ Paragon เท่านั้น
เชื่อคนง่ายในบางเรื่อง เลยไปชม ราคาแพงแต่ผมว่าคุ้มค่ามากครับสำหรับการดูหนังเรื่องนี้ในระบบนี้ เป็นครั้งแรกเลยที่ดู IMAX เนื้อเรื่องไม่ค่อยโดนแต่เทคนิค ความสวยงาม มุมกล้อง ไร้ที่ติ
ดูแล้วรักโลกขึ้นเยอะเลยครับ

 

โดย: คนขับช้า 16 พฤศจิกายน 2556 14:08:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พรายตะวันจันทร์ส่อง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




Instagram
New Comments
Friends' blogs
[Add พรายตะวันจันทร์ส่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.