THIS IS MY WORLD
Group Blog
 
<<
มกราคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 มกราคม 2557
 
All Blogs
 
Like Father, Like Son...6 ปีที่ผ่านมา มีค่ากับเรามั้ย



Like Father, Like Son(2013)
Director: HirokazuKoreeda
Writer: Hirokazu Koreeda(screenplay)
Stars: MasaharuFukuyama, Machiko Ono, Yôko Maki


การกลับมาของผู้กำกับญี่ปุ่น ฮิโรคาซุโคริเอดะ (Hirokazu Kore-eda)เจ้าของผลงานหนังดรามาเรียกน้ำตาอย่าง Nobody Knows (2004) Still Walking (2008) และ I Wish (2011) คราวนี้ ฮิโรคาซุ กลับมาจับงานดรามาแบบ Cliché คือ พล็อตเรื่องไม่แปลกใหม่ เพราะแม้แต่ละครไทยก็มีพล็อตเรื่องแบบนี้มาจนคนดูจับทางได้แล้วจึงเป็นเรื่องน่าสนใจว่า Like Father, Like Son จะออกมาในรูปแบบไหนไม่ให้คนดูรู้สึกจำเจ




Like Father, Like Son (ชื่อญี่ปุ่น: Soshite chichi ni naru ชื่อไทย: พ่อครับ...รักผมได้ไหม) เล่าเรื่องของครอบครัว “โนโนะมิยะ” ที่มีเรียวตะผู้เป็นเป็นพ่อ(Masaharu Fukuyama) มิโดริ ผู้เป็นแม่ (Machiko Ono) และเคตะ (Keita Ninomiya) ลูกชายวัย 6 ขวบผู้เคร่งขรึม




ครอบครัว “โนโนะมิยะ” นั้นเป็นครอบครัวสมัยใหม่แบบญี่ปุ่นคือ อาศัยอยู่ในเมือง อยู่คอนโดผู้เป็นพ่อทำงานหนักเพื่อให้มีฐานะทางการเงินที่ดีพร้อมสำหรับคุณภาพชีวิตแม่เป็นแม่บ้าน คอยดูแลลูก ทุกอย่างที่ดำเนินไปในแต่ละวันนี้เรียวตะมองว่าทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ดี แต่สังเกตจากบทสนทนาและการห้ามไม่ให้เคตะงดซ้อมเปียโนจะเห็นว่า เรียวตะ รักความสมบูรณ์แบบ เขาทำงานเก่งและประสบความสำเร็จจึงเข้มงวดกับลูกชาย เพราะอยากให้เด็กชายเป็นเหมือนกับตน แต่ความสมบูรณ์แบบที่ว่ากลับพังทลายลงเมื่อทางโรงพยาบาลที่ทำคลอดเคตะได้แจ้งมาว่า “ได้เกิดการสลับตัวลูกชายระหว่างครอบครัวโนโนะมิยะกับอีกครอบครัวหนึ่ง”




ครอบครัวซาอิกิ ที่มี ยูดาอิ (RirîFurankî) ผู้เป็นพ่อ ยูคาริ (Yôko Maki)ผู้เป็นแม่ เรียวเซ ลูกชายที่ถูกสลับตัวมา (Shôgen Hwang)และยังมีลูกชายและลูกสาวอีกอย่างละหนึ่งคน ครอบครัวซาอิกิเป็นครอบครัวที่ออกจะดูบ้านๆอาศัยอยู่นอกเมือง ผู้เป็นพ่อเปิดร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเล็กๆส่วนแม่ก็เป็นพนักงานร้านขายข้าวกล่องเมื่อทั้งสองครอบครัวได้มาเจอกันทำให้เรียวตะที่รักความสมบูรณ์แบบแอบมองความบ้านๆของยูดาอิ อย่างดูถูกเสมอ


ทั้งสองครอบครัวตกลงกันว่าจะให้เด็กทั้งสองทำความคุ้นเคยกับพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเองแล้วค่อยตกลงกันอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรต่อจากนี้พล็อตส่วนนี้หนังแสดงให้เห็นการต่อต้านของ มิโดริ ถ้าหากจะต้องสลับลูกกลับคืนเพราะเธอเห็นว่า “เวลาที่เลี้ยงเคตะมา 6 ปีมีค่าพอที่จะทำให้เธอรักเขาได้อย่างหมดหัวใจ”แต่ทุกอย่างกลับขึ้นอยู่กับเรียวตะผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวเพราะนิสัยรักความสมบูรณ์แบบทำให้เขานึกสงสัยอยู่เสมอว่าทำไม เคตะผู้เป็นลูกชายถึงไม่มีพรสวรรค์เหมือนกันกับเขา ในขณะที่เมื่อได้พบเรียวเซลูกที่แท้จริง แม้จะถูกเลี้ยงมาในครอบครัวบ้านๆ แต่มีแววฉลาดและไหวพริบดี


หนังเล่าพล็อตรองเรื่อง “ความรักระหว่างคนที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน”นั่นคือ แม่เลี้ยงของเรียวตะและพี่ชาย หนังแสดงให้เห็นว่า เรียวตะไม่ได้ยอมรับแม่เลี้ยงคนนี้นัก ผ่านบทสนทนาของพี่ชายที่พูดกับเรียวตะว่า “ทำไมถึงไม่เรียกเธอว่าแม่เลยสักครั้ง”และเพราะเรียวตะไม่เคยเชื่อว่าคนที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันนั้นสามารถรักกันได้อย่างแท้จริงสุดท้ายเรียวตะจึงขอ เรียวเซ มาเลี้ยงที่บ้าน และบอกกับเคตะว่านี่คือเกมพิสูจน์ความอดทนที่ต้องไปอยู่บ้านอื่นโดยไม่ร้องไห้



ความสัมพันธ์ของเรียวตะกับเรียวเซไม่ราบรื่นนักเพราะเด็กชายไม่เคยชินกับบรรยากาศแสนกดดัน ทั้งต้องอาบน้ำคนเดียว (อีกครอบครัวหนึ่งพ่อจะอาบน้ำพร้อมลูกชายเพราะเชื่อว่านี่เป็นเวลาที่จะได้สร้างความสัมพันธ์กัน)ทบทวนภาษาอังกฤษทุกเย็นและซ้อมเล่นเปียโน เด็กชายจึงหนีกลับบ้าน และหลุดปากว่าตนขอพรจากดาวตกว่าให้ได้กลับไปอยู่กับครอบครัวของตนเองอีกครั้ง


เอกลักษณ์ในหนังของ ฮิโรคาซุ โคริเอดะคือเน้นบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติ อาจจะแฝงข้อคิดเอาไว้ แต่ก็แฝงไว้แบบเนียนๆไม่จงใจบอกให้คนดูรู้เท่าไร แต่เท่าที่ได้ดูผลงานที่ผ่านมา ดูเหมือน LikeFather, Like Son จะเน้นบทสนทนามากกว่าเรื่องอื่นๆ คือไม่ได้ปล่อยสบายๆ หรือออกนอกทะเล อย่าง Nobody Knowsที่บทสนทนาของเด็กๆ เกิดขึ้นเองไม่ต้องเขียนบทเลยด้วยซ้ำแต่หนังยังคงความธรรมชาติและตัวละครต่างๆ ก็ทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างสมบูรณ์




Shôgen Hwang ผู้รับบทเป็น เรียวเซ การแสดงของน้องนั้นถือเป็นที่น่าจับตามากเพราะเต็มไปด้วยความเป็นธรรมชาติ ดูซุกซน ฉลาด และฉากที่เขาถามเหตุผลกับเรียวตะเมื่อได้รับคำสั่งว่าต้องเรียกเรียวตะว่าพ่อ ต้องอยู่บ้านหลังนี้ ไม่กลับไปบ้านเดิมอีก บทสนทนาฉากนี้มีไม่มากแต่เด็กชายก็รับมือได้อย่างดีเยี่ยม




ส่วน Keita Ninomiya ผู้รับบทเคตะ ก็แสดงออกมาได้น่าเห็นใจและน่าสงสารฉากที่เขาโดนพ่อกดดันที่เล่นเปียโนในงานแสดงออกมาไม่ดีนัก แม้จะไม่ได้เอ่ยอะไรเลยและแววตาของเด็กชายสื่อให้รู้ว่าเขาผิดหวังที่ตัวเองไม่เก่งเหมือนอย่างที่พ่อต้องการหรือจะฉากสุดท้ายที่เด็กชายระเบิดความรู้สึกที่รู้ว่าตนไม่ใช่ลูกของพ่อก็ถือเป็นฉากที่น่าจดจำ และน้ำตาของหลายๆ คนคงไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว




Like Father, Like Sonเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่สร้างคำถามให้เราเมื่อชมจบว่าเวลาและความผูกพันสามารถทำให้เรา “รัก” ใครสักคนได้อย่างหมดหัวใจหรือเปล่า 


แล้วมันจำเป็นจริงมั้ยที่เราต้องเลือก “รัก” ระหว่างคนใดคนหนึ่ง เพราะคนหนึ่งเป็นสายเลือดแท้ๆที่ไม่ได้เลี้ยงมา กับ อีกคนไม่ได้เป็นสายเลือดที่ดูแลกันมาตั้งแต่ต้นหากใครเป็นพ่อแม่บุญธรรมหรือพ่อแม่เลี้ยง อาจจะอินกับภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะถึงอย่างไรเราก็ยังเชื่อว่า “ความรัก” เกิดขึ้นได้ทุกรูปแบบพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงใจยักษ์ เรื่องจริงก็คงมี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงที่รักลูกเลี้ยงจริงๆจะมีมีในโลก


ป.ล.1ไม่เชี่ยวชาญการอ่านชื่อภาษาญี่ปุ่น ไม่รู้ว่าอ่านชื่อไหนผิดหรือเปล่าต้องขออภัยด้วยนะคะ

ป.ล.2เคยเขียนรีวิวหนังเรื่อง I Wish ไว้ที่เว็บไซต์นี้ //www.eatersiam.com/index.php?option=com_content&view=article&id=46:i-wish&catid=37:2013-04-15-14-34-55&Itemid=53

ขอบคุณข้อมูลจาก IMDb





Create Date : 13 มกราคม 2557
Last Update : 13 มกราคม 2557 17:11:50 น. 8 comments
Counter : 5821 Pageviews.

 
พล็อตเรื่องแปลกดีครับ

แค่อ่านก็เศร้าแล้ว ไม่กล้าคิดว่าตอนจบจะเป็นยังไง

เมื่อถึงคราวเปลี่ยนแปลง สงสารเด็กทั้งคู่ครับ


โดย: bayesian วันที่: 15 มกราคม 2557 เวลา:19:42:21 น.  

 
สลับกันไม่พอ แถมยังมีปมอีก

คงไม่พลาดแน่ แต่ที่นี้ต่างจังหวัด
โรงไม่เอาหนังนอกตลาดมาฉายแน่

ดังนั้นคงได้แต่รอเป็นแผ่นสถานเดียว


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 16 มกราคม 2557 เวลา:11:57:52 น.  

 
เศร้าสุด มีจุดอ่อนที่หนังครอบครัว แพ้ใจตัวเอง


โดย: normalization วันที่: 16 มกราคม 2557 เวลา:15:00:22 น.  

 
เป็นอีกเรื่องที่ชอบค่ะ
แต่ยังไม่ได้ดู
คิวหนังดีๆ ช่วงนี้เพียบ
มีมากกว่า โควต้า ในกระเป๋า
ตั๋วแพงเหลือเกิน ดูได้ดีก็ในเครือ Apex ที่ฉาย Like Father Like Son นี้


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 18 มกราคม 2557 เวลา:21:22:03 น.  

 
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ อยากดูเรื่องนี้มากๆ สงสัยต้องรอแผ่น


โดย: kunaom วันที่: 20 มกราคม 2557 เวลา:15:58:37 น.  

 
อยากดูเหมือนกัน แต่คงต้องรอเป็นดีวีดี :))


โดย: ถ่านหินจำศีล วันที่: 20 มกราคม 2557 เวลา:23:07:10 น.  

 
ขอโทษด้วยนะที่เข้าไปอ่านช้ามากๆ พอดีวันเสาร์ไปงานศพญาติค่ะ เรื่องหมู่เกาะอ่างทอง คพ ว่าน้ำสวยดีแต่ไม่เท่า ชายฝั่งสมุยด้านเฉวงนะ ส่วนตัวคิดว่าสวยน้อยกว่ากระบี่ในฤดูร้อนเหมือนกัน คือปานกลางค่อนข้างสวยอ่ะ แต่สุราษฯ ที่เที่ยวเยอะมากๆ ส่วนเกาะเต่าไม่เคยไปค่ะ พี่สาวไปมาแล้ว มันว่าน้ำสวยมากๆๆๆ แต่ไปดำน้ำกัน แต่ คพ ดำน้ำไม่เป็นหุหุ เลยไม่ได้ไป จากเกาะเต่าที่ดำน้ำ ต่อไปที่นางยวน พี่สาวบอกว่าน้ำใสเว่อร์ เล่นน้ำได้ ส่วนหมู่เกาะอ่างทองมันเขาให้ปีนเหนื่อยๆ โหดๆ เพื่อขึ้นไปถ่ายรูปที่ได้เกาะเล็กเกาะน้อยของหมู่เกาะเยอะๆ ซึ่ง คพ ขาอ่อน ไปได้สัก 1/10 หุหุ แต่ไปสุราษฯ เนี่ยหนับหนุนเต็มที่
อาหารอร่อย


โดย: normalization วันที่: 27 มกราคม 2557 เวลา:14:48:50 น.  

 
Of course, what a fantastic site and illuminating posts, I definitely will bookmark your website.Best Regards!
Discount Oakley Sunglasses //www.cornellpump.com/markets.html


โดย: Discount Oakley Sunglasses IP: 94.23.252.21 วันที่: 3 สิงหาคม 2557 เวลา:17:14:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พรายตะวันจันทร์ส่อง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




Instagram
New Comments
Friends' blogs
[Add พรายตะวันจันทร์ส่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.