พฤศจิกายน 2557

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
13
16
17
18
21
23
24
25
27
28
29
30
 
 
22 พฤศจิกายน 2557
บทที่ 4 โลกกลางคืน 20%


โลกกลางคืน


“ทำไมทำเหมือนไม่เดือดร้อนอะไรเลยล่ะ”


มุกตาภาเหวี่ยงน้ำเสียงพร้อมยื้อกระเป๋าเดินทางที่กำลังถูกลากให้หยุดกับที่ตรงบริเวณโถงล็อบบี้หรูหราและกว้างขวาง รติมาชะงักฝีเท้าพลางถอนใจยาวหันมองเธอ นึกโล่งอกเมื่อเพื่อนร่วมทัวร์คนอื่นแยกย้ายไปยังห้องพักแล้ว มีเพียงบริกรที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์มองลูกค้าทั้งสองสลับไปมา งุนงง คงไม่เข้าใจภาษากับท่าทางคล้ายมีปากเสียงกัน


อันที่จริงรติมาไม่ได้อยากทำเป็นทองไม่รู้ร้อนแต่ไม่อยากมีปัญหามากกว่า ในเมื่อการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายซักบาท หนำซ้ำยังได้ท่องเที่ยว อยู่ดีกินดีตามโปรแกรมที่จัดไว้ หากยังเรื่องมากอาจถูกคณะทัวร์ปล่อยลอยแพก็ได้และคงมีปัญหาอย่างอื่นตามมาทีหลัง


“เลิกหงุดหงิดแล้วสงบอารมณ์สักนาทีได้หรือเปล่า หายใจเข้าลึกๆ” เขามองคนทำหน้าเหรอหราและหยุดพูดโดยฉับพลัน


วินาทีนั้นมุกตาภาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดทำตามที่เขาบอกทุกประการ แม้อารมณ์จะยังไม่เย็นลงทั้งหมด แต่พอมีสติมองสถานการณ์รอบตัว บริกรหนุ่มพูดภาษาอังกฤษสำเนียงแปลกๆ และเธอฟังไม่ออกว่าเขาต้องการสื่อสารอะไร


“Can I help you?” เขาถามซ้ำอีกครั้ง มุกตาภามองบริกรต่างชาติตาปริบๆ เธอหันหารติมาและกระซิบถามว่าชายคนนี้พูดอะไร รติมาชำเลืองมองเธอพลางลอบยิ้มก่อนตอบบริกรกลับอย่างสุภาพ


“Thank you verymuch. But I should be responsible for that.” เท่านั้นแหละ บริกรหนุ่มก็ผงกศีรษะและส่งยิ้มก่อนผายมือเชิญให้ทั้งสองเขายังลิฟต์กว้างเพื่อขึ้นไปยังชั้นห้องพัก


ประตูลิฟต์ค่อยๆ เคลื่อนปิด คนงุนงงตั้งสติถาม “เมื่อกี้เขาพูดอะไร”


“ฟังภาษาอังกฤษไม่ออกหรือไง” รติมาดึงกระเป๋าเดินทางไปวางไว้ข้างผนังตู้ลิฟต์ ชำเลืองมองมุกตาภาซึ่งส่ายหน้าเป็นคำตอบ “เขาคงเห็นเธอโวยวายเลยถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”


มุกตาภาอึกอัก ปกติเวลาดูภาพยนตร์ซาวด์แทร็กก็พอฟังรู้เรื่องบ้าง แค่บางประโยคแปลไม่ออก แต่พอเจอชาวต่างชาติจริงๆ เจรจากลับฟังไม่รู้เรื่องซักคำ “แล้วขอบคุณเขาทำไม” เธอถามต่อ


“ก็ขอบคุณตามธรรมเนียมว่าผมจะจัดการให้คุณหยุดโวยวายเอง” รติมาจ้องหน้าเธอซึ่งยืนปั้นหน้าไม่ถูก


มุกตาภาเริ่มทบทวน หรือท่าทางและอารมณ์เดือดพล่านของเธอเมื่อครู่จะแสดงออกในทางลบจนกลายเป็นผู้หญิงขี้โวยวายโดยไม่รู้ตัว เธอพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเริ่มคิดได้ว่าควรสงบอารมณ์และไตร่ตรองถึงเหตุผลที่เธอกับเขาไม่อาจแยกห้องพักกันได้


ประตูลิฟต์เปิดยังชั้นที่ 37 รติมาเดินนำไปยังห้องพักอย่างกระฉับกระเฉงและชำนาญทำให้หญิงสาวที่เดินตามหลังนึกถึงคำพูดของเด็กสาวปันปันว่าพี่เลิฟเหมือนเคยมาประเทศสิงคโปร์แล้ว มุกตาภารู้สึกคันปากยิบๆ จนอดไม่ได้ที่จะถาม


“เคยมาที่นี่แล้วเหรอ”


“เปล่า” รติมาปฏิเสธทั้งที่ไม่ได้หันมามอง เดินต่อจนกระทั่งหยุดยืนอยู่หน้าห้องหนึ่ง


“ลักษณะคุ้นเคยอย่างกับเป็นคนประเทศนี้เลย”


“ถึงแล้ว” เขาหันกลับมามองเธอ “ผมบอกแล้วไงว่าจน ถ้าไม่ได้เที่ยวฟรีคงไม่มา อยากถามอะไรอีกไหมจะได้ไม่ต้องเปิดห้อง ยืนคุยกันตรงนี้ให้จบ”


“เอ่อ...ไม่ถามแล้วก็ได้” มุกตาภาหลบตาและมองตามคนเปิดประตูห้อง หัวใจเต้นตึกตัก อารมณ์โมโหที่เคยเหวี่ยงอยู่เมื่อครู่อันตรธานสิ้น นี่เธอต้องอยู่ร่วมห้องกับผู้ชายหน้าตาดีสองต่อสองจริงหรือ ใบหน้านวลร้อนวูบวาบ นึกถึงซีรี่ย์เกาหลีที่ชอบดูเวลาพระนางอยู่ด้วยกันสองต่อสองกับบทเลิฟซีนจนต้องจิกหมอนและนอนยิ้มหวานทุกทีเธอสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกแล้วเดินตามรติมาเข้าด้านใน


จากคำบอกเล่าของคณะจัดกิจกรรมโรงแรมมารีน่า เบย์ แซนด์ส เป็นโรงแรมสุดหรูขนาดใหญ่ มีห้องพักราวๆ 2,500 ห้องและเป็นตึกที่มีความสูงกว่าหอไอเฟลอีกด้วย โรงแรมแห่งนี้เป็นที่พักระดับห้าดาวแต่มุกตาภาบวกเพิ่มความหรูหราและสวยงามเป็นสิบดาวตั้งแต่ย่างกรายเข้ามายืนอยู่ในห้องนี้


รติมาลากกระเป๋าเดินทางบนพรมหนาสีน้ำตาลแซมลวดลายดอกไม้สีครีมและยกมันขึ้นวางตรงที่พักเท้าเตี้ยๆตรงปลายเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ แสงจากโคมไฟสไตล์คลาสสิคออกสีส้มนวลชวนบรรยากาศโรแมนติก


“รู้หรือเปล่าโรงแรมนี้มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่บนชั้นดาดฟ้าที่ไกด์บอกเป็นจุดชมวิวด้วย”เขาหันมาพูดก่อนทิ้งตัวนอนแผ่หลาบนเตียง หายใจผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง


ด้วยความตื่นเต้นกับการต้องอยู่ร่วมห้องกับชายหนุ่มทำให้เธอไม่ได้ยินสิ่งที่เขาบอกกล่าว เห็นเพียงว่าเตียงนอนซึ่งมีแค่เตียงเดียวกำลังถูกยึดพื้นที่ นั่นหมายความว่าเธออาจต้องสละเตียงน่าสัมผัสและอยากทิ้งตัวนั้นให้ผู้ชายอกสามศอกครอบครองตลอดห้าคืนเต็มซึ่งยอมให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด


“คุณจะนอนบนเตียงนั้นเหรอ” มุกตาภารวบรวมความกล้าเพื่อทวงสิทธิ์ในส่วนที่เธอต้องได้ครอบครองเตียงนอนเช่นกัน


“แล้วจะให้ผมนอนที่พื้นหรือไง” รติมาพลิกกายเป็นตะแคง ยกมือค้ำศีรษะพูดคุยกับหญิงสาวซึ่งปรายสายตาไปยังโซฟากว้างริมผนังกำแพงอีกฝั่งคล้ายบอกเป็นนัยให้เขาพิจารณากับการนอนตรงนั้นหากเขาเป็นสุภาพบุรุษพอ “ถ้าจะให้ผมนอนโซฟาก็ต้องยกผ้าห่มให้ผมด้วย”


มุกตาภาชั่งใจคิดก่อนเดินเปิดตู้เสื้อผ้าตรวจดูเครื่องใช้ต่างๆ เธอสาวเท้ายาวๆ ผลักประตูห้องน้ำ ชะโงกมองอะไรบ้างอย่างและก้าวพรวดๆ ออกมายืนที่เดิม กวาดตามองจนรอบห้องและมาหยุดอยู่ตรงเตียงนอนอีกครั้ง


“โรงแรมนี้ไม่มีผ้าห่มสำรองเลยหรือไง”


“นี่มันห้องสวีทนะเจ้าของโรงแรมคงไม่คิดว่าคู่รักอยากมานอนแยกเตียงหรือห่มผ้าคนละผืนหรอกมั้ง” พูดจบก็ทิ้งศีรษะราบกับเตียงและยกตัวลุกขึ้นนั่ง “ถ้าลำบากใจก็ปิดแอร์ ผมนอนโซฟาโดยไม่ใช่ผ้าห่มก็ได้ หรือไม่ก็เรียกรูมเซอร์วิสขอผ้าห่มเพิ่ม แต่ผมไม่รับประกันนะว่าเขาจะไม่แจ้งไกด์พวกนั้นแล้วชาร์ทค่าใช้จ่ายเพิ่ม”


มุกตาภาลังเลมองไปยังแนวระเบียงด้านนอก หรือเธออาจต้องเสียสละปล่อยให้เขาครอบครองเตียงนอนนั้นคนละครึ่ง 



To be...





ขอบคุณภาพจาก Agoda 

ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ




Create Date : 22 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2557 8:24:30 น.
Counter : 654 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments