Group Blog
All Blog
|
บทที่ 4 โลกกลางคืน 20% ๔ โลกกลางคืน
ทำไมทำเหมือนไม่เดือดร้อนอะไรเลยล่ะ มุกตาภาเหวี่ยงน้ำเสียงพร้อมยื้อกระเป๋าเดินทางที่กำลังถูกลากให้หยุดกับที่ตรงบริเวณโถงล็อบบี้หรูหราและกว้างขวาง รติมาชะงักฝีเท้าพลางถอนใจยาวหันมองเธอ นึกโล่งอกเมื่อเพื่อนร่วมทัวร์คนอื่นแยกย้ายไปยังห้องพักแล้ว มีเพียงบริกรที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์มองลูกค้าทั้งสองสลับไปมา งุนงง คงไม่เข้าใจภาษากับท่าทางคล้ายมีปากเสียงกัน อันที่จริงรติมาไม่ได้อยากทำเป็นทองไม่รู้ร้อนแต่ไม่อยากมีปัญหามากกว่า ในเมื่อการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายซักบาท หนำซ้ำยังได้ท่องเที่ยว อยู่ดีกินดีตามโปรแกรมที่จัดไว้ หากยังเรื่องมากอาจถูกคณะทัวร์ปล่อยลอยแพก็ได้และคงมีปัญหาอย่างอื่นตามมาทีหลัง เลิกหงุดหงิดแล้วสงบอารมณ์สักนาทีได้หรือเปล่า หายใจเข้าลึกๆ เขามองคนทำหน้าเหรอหราและหยุดพูดโดยฉับพลัน วินาทีนั้นมุกตาภาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดทำตามที่เขาบอกทุกประการ แม้อารมณ์จะยังไม่เย็นลงทั้งหมด แต่พอมีสติมองสถานการณ์รอบตัว บริกรหนุ่มพูดภาษาอังกฤษสำเนียงแปลกๆ และเธอฟังไม่ออกว่าเขาต้องการสื่อสารอะไร Can I help you? เขาถามซ้ำอีกครั้ง มุกตาภามองบริกรต่างชาติตาปริบๆ เธอหันหารติมาและกระซิบถามว่าชายคนนี้พูดอะไร รติมาชำเลืองมองเธอพลางลอบยิ้มก่อนตอบบริกรกลับอย่างสุภาพ Thank you verymuch. But I should be responsible for that. เท่านั้นแหละ บริกรหนุ่มก็ผงกศีรษะและส่งยิ้มก่อนผายมือเชิญให้ทั้งสองเขายังลิฟต์กว้างเพื่อขึ้นไปยังชั้นห้องพัก ประตูลิฟต์ค่อยๆ เคลื่อนปิด คนงุนงงตั้งสติถาม เมื่อกี้เขาพูดอะไร ฟังภาษาอังกฤษไม่ออกหรือไง รติมาดึงกระเป๋าเดินทางไปวางไว้ข้างผนังตู้ลิฟต์ ชำเลืองมองมุกตาภาซึ่งส่ายหน้าเป็นคำตอบ เขาคงเห็นเธอโวยวายเลยถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า มุกตาภาอึกอัก ปกติเวลาดูภาพยนตร์ซาวด์แทร็กก็พอฟังรู้เรื่องบ้าง แค่บางประโยคแปลไม่ออก แต่พอเจอชาวต่างชาติจริงๆ เจรจากลับฟังไม่รู้เรื่องซักคำ แล้วขอบคุณเขาทำไม เธอถามต่อ ก็ขอบคุณตามธรรมเนียมว่าผมจะจัดการให้คุณหยุดโวยวายเอง รติมาจ้องหน้าเธอซึ่งยืนปั้นหน้าไม่ถูก มุกตาภาเริ่มทบทวน หรือท่าทางและอารมณ์เดือดพล่านของเธอเมื่อครู่จะแสดงออกในทางลบจนกลายเป็นผู้หญิงขี้โวยวายโดยไม่รู้ตัว เธอพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเริ่มคิดได้ว่าควรสงบอารมณ์และไตร่ตรองถึงเหตุผลที่เธอกับเขาไม่อาจแยกห้องพักกันได้ ประตูลิฟต์เปิดยังชั้นที่ 37 รติมาเดินนำไปยังห้องพักอย่างกระฉับกระเฉงและชำนาญทำให้หญิงสาวที่เดินตามหลังนึกถึงคำพูดของเด็กสาวปันปันว่าพี่เลิฟเหมือนเคยมาประเทศสิงคโปร์แล้ว มุกตาภารู้สึกคันปากยิบๆ จนอดไม่ได้ที่จะถาม เคยมาที่นี่แล้วเหรอ เปล่า รติมาปฏิเสธทั้งที่ไม่ได้หันมามอง เดินต่อจนกระทั่งหยุดยืนอยู่หน้าห้องหนึ่ง ลักษณะคุ้นเคยอย่างกับเป็นคนประเทศนี้เลย ถึงแล้ว เขาหันกลับมามองเธอ ผมบอกแล้วไงว่าจน ถ้าไม่ได้เที่ยวฟรีคงไม่มา อยากถามอะไรอีกไหมจะได้ไม่ต้องเปิดห้อง ยืนคุยกันตรงนี้ให้จบ เอ่อ...ไม่ถามแล้วก็ได้ มุกตาภาหลบตาและมองตามคนเปิดประตูห้อง หัวใจเต้นตึกตัก อารมณ์โมโหที่เคยเหวี่ยงอยู่เมื่อครู่อันตรธานสิ้น นี่เธอต้องอยู่ร่วมห้องกับผู้ชายหน้าตาดีสองต่อสองจริงหรือ ใบหน้านวลร้อนวูบวาบ นึกถึงซีรี่ย์เกาหลีที่ชอบดูเวลาพระนางอยู่ด้วยกันสองต่อสองกับบทเลิฟซีนจนต้องจิกหมอนและนอนยิ้มหวานทุกทีเธอสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกแล้วเดินตามรติมาเข้าด้านใน จากคำบอกเล่าของคณะจัดกิจกรรมโรงแรมมารีน่า เบย์ แซนด์ส เป็นโรงแรมสุดหรูขนาดใหญ่ มีห้องพักราวๆ 2,500 ห้องและเป็นตึกที่มีความสูงกว่าหอไอเฟลอีกด้วย โรงแรมแห่งนี้เป็นที่พักระดับห้าดาวแต่มุกตาภาบวกเพิ่มความหรูหราและสวยงามเป็นสิบดาวตั้งแต่ย่างกรายเข้ามายืนอยู่ในห้องนี้ รติมาลากกระเป๋าเดินทางบนพรมหนาสีน้ำตาลแซมลวดลายดอกไม้สีครีมและยกมันขึ้นวางตรงที่พักเท้าเตี้ยๆตรงปลายเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ แสงจากโคมไฟสไตล์คลาสสิคออกสีส้มนวลชวนบรรยากาศโรแมนติก รู้หรือเปล่าโรงแรมนี้มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่บนชั้นดาดฟ้าที่ไกด์บอกเป็นจุดชมวิวด้วยเขาหันมาพูดก่อนทิ้งตัวนอนแผ่หลาบนเตียง หายใจผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ด้วยความตื่นเต้นกับการต้องอยู่ร่วมห้องกับชายหนุ่มทำให้เธอไม่ได้ยินสิ่งที่เขาบอกกล่าว เห็นเพียงว่าเตียงนอนซึ่งมีแค่เตียงเดียวกำลังถูกยึดพื้นที่ นั่นหมายความว่าเธออาจต้องสละเตียงน่าสัมผัสและอยากทิ้งตัวนั้นให้ผู้ชายอกสามศอกครอบครองตลอดห้าคืนเต็มซึ่งยอมให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด คุณจะนอนบนเตียงนั้นเหรอ มุกตาภารวบรวมความกล้าเพื่อทวงสิทธิ์ในส่วนที่เธอต้องได้ครอบครองเตียงนอนเช่นกัน แล้วจะให้ผมนอนที่พื้นหรือไง รติมาพลิกกายเป็นตะแคง ยกมือค้ำศีรษะพูดคุยกับหญิงสาวซึ่งปรายสายตาไปยังโซฟากว้างริมผนังกำแพงอีกฝั่งคล้ายบอกเป็นนัยให้เขาพิจารณากับการนอนตรงนั้นหากเขาเป็นสุภาพบุรุษพอ ถ้าจะให้ผมนอนโซฟาก็ต้องยกผ้าห่มให้ผมด้วย มุกตาภาชั่งใจคิดก่อนเดินเปิดตู้เสื้อผ้าตรวจดูเครื่องใช้ต่างๆ เธอสาวเท้ายาวๆ ผลักประตูห้องน้ำ ชะโงกมองอะไรบ้างอย่างและก้าวพรวดๆ ออกมายืนที่เดิม กวาดตามองจนรอบห้องและมาหยุดอยู่ตรงเตียงนอนอีกครั้ง โรงแรมนี้ไม่มีผ้าห่มสำรองเลยหรือไง นี่มันห้องสวีทนะเจ้าของโรงแรมคงไม่คิดว่าคู่รักอยากมานอนแยกเตียงหรือห่มผ้าคนละผืนหรอกมั้ง พูดจบก็ทิ้งศีรษะราบกับเตียงและยกตัวลุกขึ้นนั่ง ถ้าลำบากใจก็ปิดแอร์ ผมนอนโซฟาโดยไม่ใช่ผ้าห่มก็ได้ หรือไม่ก็เรียกรูมเซอร์วิสขอผ้าห่มเพิ่ม แต่ผมไม่รับประกันนะว่าเขาจะไม่แจ้งไกด์พวกนั้นแล้วชาร์ทค่าใช้จ่ายเพิ่ม มุกตาภาลังเลมองไปยังแนวระเบียงด้านนอก หรือเธออาจต้องเสียสละปล่อยให้เขาครอบครองเตียงนอนนั้นคนละครึ่ง To be... ขอบคุณภาพจาก Agoda ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ |
มาโซคิส
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?] เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล Blood A_Blood Type Series เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
Link |