2010 England trip: บ้านหลังเล็กที่สุดที่ Conwy และชายทะเลรุ่นคุณตาคุณยายยังเด็กที่ Llandudno
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเราแบบเต็ม ๆ วันที่เวลส์แล้ว..เสียดายจัง มีเวลาสั้นไปหน่อย อิฉันชอบเวลส์มากเลย ธรรมชาติสวยงามมากมาย ไม่เป็นไร ปีหน้าฟ้าใหม่ เราคงจะมากันอีก..แผนการวันนี้ เราจะไป Conwy (คอน-เวย์) เมืองนี้มีปราสาทขนาดใหญ่อยู่ด้วย และที่ดึงดูดอิฉันมากกว่านั้นคือ บ้านหลังเล็กสุดในสหราชอาณาจักรค่ะ และเราจะไปปิดท้ายกันที่ llandudno (แลน-ดั๊ด-โน : เห็นไหมภาษา welsh ใครจะไปอ่านออกฟระ ไอ้ที่เขียนคำอ่านมานี่ อิฉันก็ยังไม่มั่นใจ 100% หรอกนะคะ ว่ามันถูกน่ะ เพราะอันนี้ได้มาจากอาเฮียซึ่งพูด welsh ไม่เป็นเช่นกัน) Conwy เป็นเมืองเก่าแก่ จึงมีปราสาทของตัวเองด้วย ดูแล้วอลังการงานสร้างมาก ปราสาทถูกสร้างระหว่างปี 1283 and 1289 ดูแล้วแบบยุคกลางสุด ๆ เดิน ๆ ตอนกลางคืนคงจะมีอัศวินใส่เกราะเดินกันเต็มเมืองเป็นแน่แท้อันนี้ ดูจากรูปใน web //www.conwy.com/ ต่อมา เรามาดูรูปถ่ายจากตากล้องฝีมือเมพขิง ๆ อย่างอิฉันมั่ง ถ่ายจากรถตอนเราขับเข้าเมืองค่ะอันนี้ เราลงรถมาเดินเลียบชายหาดแล้ว การวางผังปราสาทสมัยก่อนเค้าทำได้ยิ่งใหญ่อลังการจริง ปราสาทใหญ่มหึมา และวางผังการดูแลความปลอดภัยทั่วทั้งเมืองเชียว เพราะจะมีสะพานที่สามารถเดินเชื่อมโยงกันได้เป็นเมือง คงจะเหมือนกับสมัยอยุธยาล่ะมังคะ ที่ปราสาทอยู่ตรงกลางแล้วก็มีบ้านเรือนประชาชน ร้านค้าล้อมรอบ เห็นปราสาทอย่างนี้ทีไร อิฉันดันไปคิดถึงปราสาททรายที่เด็ก ๆ ชอบสร้างกันแฮะ ข้าง ๆ ปราสาทก็จะมีร้านค้าขายอะไรต่อมิอะไรเกี่ยวกับอัศวินอยู่ด้วยบ้านเรือนรอบ ๆ ก็ดูเก่าโค่ด ๆ บอกยี่ห้อนี่ค่ะ กำแพงเส้าหลิน เอ๊ย..กำแพงเมือง ที่เป็นเหมือนกำแพงปราสาทและบ้านเรือนรอบ ๆ เดินเล่นรอบเมือง ร้านค้าสวยเก๋เยอะดี แถมร้านดูดีมีสไตล์กว่าคานาวอนที่ไปมาเมื่อวาน อากาศหนาวจัง เราแวะหาอะไรดื่มกันเล็กน้อย ร้านกาแฟที่นี่น่านั่งหลายร้าน เราแวะร้านนี้ค่ะอิฉันดื่ม hollic เสร็จแล้ว เราเดินต่อมา เลียบริมหาด มีเรืออยู่เยอะ คิดถึง cornwall เดินมาเพื่อจะมาดูนี่ บ้านที่เล็กที่สุดในสหราชอาณาจักร (ไม่กล้าบอกว่าอังกฤษ เพราะนี่มันอยู่ในเวลส์อ้ะ) รูปสวยอย่างนี้.. ถูกต้องค่ะ รูปขโมยมา.. ขอขอบคุณ treehugger.com ข้อมูลนี้เอามาจากวิกิ VVบ้านหลังนี้ มีขนาดแค่ 3.05 x 1.8 เมตรเท่านั้น เป็นบ้านที่มีคนอาศัยอยู่จริง ๆ นะคะ ในช่วงศตวรรตที่ 16 เป็นต้นมาจนกระทั่งปี 1900 ในปี 1900 ชาวประมงชื่อ Robert Jones เป็นเจ้าของซึ่งก็ดั๊นสูงกะแหล๋นแป๋นซะ 190 cm นาย Jones สูงซะจนไม่สามารถยืนได้แบบเต็มตัว เวลานอนเจ้าของบ้านต้องยื่นเท้าออกมานอกหน้าต่าง ดังนั้น ทางการจึงบังคับให้นาย Jones ย้ายออกและประกาศว่าเจ้าบ้านเล็กจิ๋วหลังเนี๊ยไม่เหมาะกับการอยู่อาศัยด้วยประการทั้งปวง (อิฉันสงสัยว่า แล้วไอ้ที่ผ่าน ๆ มาอยู่กันมาได้เป็นศตวรรต ๆ นี่ทำไมเค้าอยู่กันมาได้ฟระ) แต่ยังไงก็ดี ลูกหลานนายคนนี้ก็ยังคงครอบครองเป็นเจ้าของอยู่ (และคงทำเงินจากนักท่องเที่ยวได้พอควรเลย)ข้างนอกบ้านจะมี หญิงในชุด welsh เป็น landmark อยู่ให้ดูขลัง (ขอบอก..เจ๊แอบยืนดูดบุหรี่ด้วยค่ะ) ค่าเข้า 1 ปอนด์เท่านั้นไอ้บ้านหลังเนี๊ย ดันมีตั้ง 2 ชั้นเชียวนะคะ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น เตาผิงอะไรมีครบเชียว เฟอร์นิเจอร์ก็มีพอใช้สอย มีโต๊ะ มีเตียงด้วยนะ มาดูรูปกัน อาเฮียสูง 180 นิด ๆ ยังดูว่าหัวน่าจะเลยทะลุชั้น 2 ไปแล้ว ตอนนี้ จ่ายตังค์เพื่อจะเข้าบ้านค่ะห้องนั่งเล่น มีโต๊ะ ชั้นวางของ เตาผิง นั่งดื่มชาได้สบายหมุนตัวกลับไปก็จะเจอบันไดขึ้นชั้นสอง บันไดจะเล็ก ๆ ประมาณบันไดลิงนี่ห้องนอนด้านบน เค้าไม่ให้เข้า ทำตะแกรงห้ามผ่านค่ะ เข้าใจว่าคนสมัยก่อนคงแค่สูงจึงสามารถอาศัยอยู่กันได้ แต่คนสมัยนี้ นอกจากสูงแล้วดันหนักอีกตะหาก คงกลัวทำบ้านถล่มล่ะมัง นี่ภาพแบบไม่ผ่านตะแกรง น่าอยู่พอดูนะ มองลงมาห้องนั่งเล่นจากบนบันไดภาพสุดท้าย แดงแจ๋ได้ใจ ขับรถต่อไปยัง Llandudno (มันสะกดด้วย L 2 ตัวจริง ๆ นะ) Llandudno เป็น seaside resort ฮอตฮิตในยุคสมัย Victorian and Edwardian ประมาณปี 18xx เก่าแก่ให้อารมณ์เหมือนยุคปริศนาไปเที่ยวหัวหินยังไงยังงั้น มาดูนี่ก่อน อิฉันชอบ นกยืนขาเดียวอาคารยุคสมัย Victorian และ Edwardian ที่เรียงรายกันริมหาดนี้เป็น Bed & Breakfast ราคาไม่แพงทั้งนั้นเลยค่ะ Seaside resort ระดับชาวบ้านที่อังกฤษก็ต้องคู่กับ amusement parkส่วนนี่เป็นของโปรดของอิฉัน Penny Falls เราจะหยอด ๆ เหรียญลงไปในเครื่อง ซึ่งที่เครื่องจะมีเงินเหรียญ (ของชาวบ้าน) รวมกลุ่มกันอยู่อย่างหนา เงินที่เราหยอดไปมันจะไปดันกองเหรียญเหล่านั้นให้ร่วงลงกล่องด้านล่างมาให้เราเก็บ ไอ้เครื่องเนี๊ย มันให้ความรู้สึกว่า ไม่ต้องถึงกับหยอดเหรียญหรอก แค่หายใจรด เหรียญกองนั้นมันก็จะร่วงตกมาถึงมือเรา แต่พอหยอดจริง ๆ มันก็ไม่ยักกะร่วงลงมาเท่าไหร่แฮะ มันต้องมีกาวช้างแปะไว้แน่ ๆ เลย ลุ้นระทึกแป๊บเดียวเท่านั้น ตังค์ก็หมดกระป๋อง เดินต่อมา เป็นสะพานยาว ๆ ลงทะเล มีร้านค้ามากมายค่ะมองย้อนกลับมาที่ฝั่งชายหาดในเมือง.. ที่นี่สวรรค์ของนักช็อปปิ้งเลยค่ะแล้วเราก็เดินไปดู war museum กัน เค้าเก็บของเก่า ๆ ยุคสงครามโลกเอาไว้ค่ะ มีประวัติอะไรมากมาย น่าสนใจดี อยากให้เมืองไทยมีพวกนี้มั่งเค้าจะแบ่งเป็นห้อง ๆ เลยค่ะ ว่า ห้องที่เกี่ยวกับตำรวจจะมีอุปกรณ์อะไรบ้าง เครื่องแบบเป็นอย่างไร โรงเรียนมีอะไรบ้างสุดท้าย ขอปิดฉากด้วยอาหารวันนี้ ทูน่า+ข้าวโพด Bap อร่อยเหาะ เค้าไม่หวงทูน่าเลยค่ะ สมกับเป็นเมืองชายทะเลจริง ๆ ตบท้ายด้วยของหวานแบบ welsh เค้ก Bara brith (บาราบริท)เนื้อมันจะเหมือนกึ่งขนมปังกึ่งขนมเค้กผลไม้ อบมาร้อน ๆ โปะด้วยเนย ละเลยเยิ้ม อ๊ากกก.. To die for เลยค่ะ