ขยะของชาวบ้านคือสมบัติของเรา
ของจุกจิกราคาถูกมาก คนอังกฤษโกยของที่จะทิ้งในบ้านมาขายถูก ๆ ตะกร้าขาย 50P-2ปอนด์ หรือ 20-90 บาท
พวกกล่อง ๆ ที่ต้องคุ้ย นี่แหละของดีย์
เดินไปก็ส่องหมาชาวบ้าน พร้อมของเก่าไป
อันนี้ทุกอย่างราคาปอนด์เดียว 45 บาทเท่านั้น อีจานเหลือง ๆ ข้างหน้าป้ายนั่นก็น่ารักดี
หล่อเชียว
ลิงโลด แฮปปี้กว่าเดินพารากอน เพราะของพารากอนไม่มีปัญญาซื้อ
ตะกุยคุ้ยของในกล่องได้สร้อยข้อมือมาเส้นนึง
หลังจากเดิินพักใหญ่ ๆ และรู้สึกหนาวจนชาทั้งมือทั้งเท้า เราก็เปลี่ยนแผนว่าไปเดินดูหมู่บ้านน่ารัก ๆ แถว ๆ นี้ดีฝ่า ป๊าเลยพาไป Bourton-on-the-Water ซึ่งเป็นหมู่บ้านฮ็อตฮิตในหมู่คนไทยประหนึ่งฝรั่งมากรุงเทพแล้วต้องจัดทริปเล็ก ๆ ไปอยุธยาด้วยยังไงอย่างงั้น
ที่นี่เป็นหมู่บ้านน่ารัก แต่ออกแนว Tourist ไปนิดนึงสำหรับอิฉัน มีร้านค้า มี Tea room มีกิจกรรมอะไรให้ทำเยอะ เช่น พวกเขาวงกตให้เดินเล่น สวนสัตว์เล็ก ๆ เมืองจำลองอะไรพวกนี้ ซึ่งก็ทำให้คนเยอะแยะมากมาย แต่อิฉันมาที่นี่แล้วหลายรอบจนขี้เกียจนับแล้ว พวกกิจกรรมอะไรเลยไม่ได้ทำมากนะคะ
On the water จริง ๆ น้ำใสแจ๋วล้อมหมู่บ้านเลย
นักท่องเที่ยวเยอะแยะทุกย่างก้าว
แต่ก็เดินแล้วไม่เหงาดีนะคะ
เป็ดเตาะแตะมาขออาหาร ม๊ามักจะเก็บเศษขนมปังเหลือ ๆ ของมื้อเช้าไว้ในกระเป๋าเสมอ เอาไว้แบ่งสัตว์พวกนี้ที่มีอยู่ตามธรรมชาติที่อังกฤษ
เดินส่อง Tea room เพราะนึกอยากกินสโคน
เลือกหลายร้าน สุดท้ายกลับมาร้านนี้
สโคนก้อนเบ้อเร่อ กินกับ Clotted cream ไม่มีที่ไหนจะอร่อยเท่านั่งกินที่อังกฤษอีกแล้ว
เดินเล่นต่อไป ดูบ้านน่ารัก ๆ ไปเรื่อย ๆ ใครมาที่นี่ใช้เวลาครึงวันถึง 1 วัน ถ้าจะเข้าไปดูพวกกิจกรรมอื่น ๆ ด้วย เพราะแค่หมู่บ้านร้านค้าก็เดินดูได้พักใหญ่แล้ว
เดินจนรอบกินจนอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาย้ายที่
ป๊๊าขับรถต่อมาอีกนิดนึง ในแถบ Cotswold นี้ หมู่บ้านเล็ก ๆ น่ารัก ๆ มีมากมาย วิธีที่สะดวกที่สุดคือต้องขับรถแวะเที่ยว แต่ถ้าไม่มีจริงๆ เมื่อหลายปีก่อนอิฉันกะอาเฮียก็เที่ยวกันโดยรถบัส ไปได้หลายเมืองอยู่ แต่ก็ไม่สามารถซ่อกแซ่กได้เหมือนคราวนี้
อย่างครั้งก่อนไม่ได้มาที่นี่ Slaughter น่ารักมาก ๆ เงียบ ๆ ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย บ้านเรือนแถบนี้น่าปั่นจักรยานเที่ยวชมอยู่
สงบสะอาด มีแต่เสียงนกร้อง กับเสียงอิฉันเดินเหยียบใบไม้แห้ง
กำแพงหินก็มีเยอะในแถบนี้ ดูแล้วอังกริ๊ดอังกฤษ
เดินข้ามฝั่งไป มีโบสถ์เล็ก ๆ
ยินดีต้อนรับสู่โบสถ์ St.Mary มีทุกภาษาเลยรวมทั้งไทยด้วยยย
อิฉันและอาเฮียชอบโบสถ์อย่างงี้มาก เล็ก ๆ เก่า ๆ ขลัง ๆ
เดินรอบหมู่บ้านต่อ ที่นี่ไม่มีร้านค้า มีแต่บ้านสวย ๆ
ช่วงบ่ายแก่ ๆ ป๊าคงเดินเหนื่อย เลยชวนเราไปดูโชว์นกกัน
อ้ะ ตกลงเราไปดูโชว์ ทีแรกนึกว่าสวนสัตว์นกเฉย ๆ ป๊าบอกมีนกฮูก เหยี่ยว อีแร้ง และการแสดงอีกเล็กน้อย อิฉันก็ว่าคงเป็นสวนสัตว์เล็ก ๆ ไว้หลอกเด็ก ซึ่งที่อังกฤษมีที่อย่างนี้เยอะอยู่ ไว้ฆ่าเวลาได้ดี
อิฉันซึ่งหลังจากกลับไปจากอังกฤษทริปนี้ก็จะได้รับมอบหมายในที่ทำงานให้เป็นหน่วยดูแลเหยี่ยวด้วย ก็ตื่นเต้นเล็กน้อย เหยี่ยวลูกน้องใหม่ของอิฉันชื่ออีป๋องแป๋ง ทำหน้าที่ไล่นกพิราบที่จะมาขรี้กระจายบนชิ้นส่วนสินค้า
นี่นะคะ อีป๋องแป๋ง เหยี่ยวซึ่งโก๊ะเหลือกำลัง อิฉันมักจะบอกใครต่อใครว่ามันเป็นไก่ชน ฮีทำงานตามเวลาพนักงานบริษัท บินไปบินมาไล่นกพิราบและนกตัวจิ๋ว ๆ ในโรงงาน ถ้าฮีจับได้ก็มักจะหายหัวขึ้นไปอยู่บนหลังคาโรงงานเรียกไม่ลงมาเป็นชั่วโมงๆ ตอนหลัง ๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนจะสนิทกับนกเอี้ยง ไม่ยอมไล่แต่เหมือนบินกันไปคุยกันไป ปีหน้าว่าจะไล่มันออกแล้ว
นินทานกก็ได้ตรู
มา ๆ มาเที่ยวอังกฤษกันต่อก่อน
ถึงละ Cotswold Falconry Centre ตรงที่จอดรถมีดอกไม้สวย
ดอกบ้ะเร่อเลย
มีร้านขายของที่ระลึก นกฮูกตัวนี้ดูชราๆ เนอะ
ออกมาเดินดูเหยี่ยวเท่ห์ ๆ ดีก่า
ก่อนจะเจออีป๋องแป๋ง อิฉันคิดว่าเหยี่ยวมันช่างเท๊เท่ ถ้าเป็นแว่นตาก็เปรียบเสมือนเรย์แบนด์ ถ้าเป็นเครื่องบินก็เป็นเครื่องบิน F22 Raptor ถ้าเป็นรถก็เป็นพวกเฟอรารี่
แต่หลังจากได้มาดูแลเอง อืมมมมมมมม.. เราคงสนิทกันเกินไป เหยี่ยวกะเอี้ยงทำไมแลไม่ค่อยต่างกัน
มาดูนกเท่ ๆ ของชาวบ้านดีกว่าค่ะ ที่นี่เค้ามีเหยี่ยวหลายสายพันธุ์
ฮูกก็หลายสายพันธุ์ แอบมองหาเฮดวิกของแฮรี่อยู่
หล่อเชียว ทำตาดุ๊ดุ
เลี้ยงเหยี่ยว เค้าเลี้ยงแบบผูกขาไว้บนพื้นอย่างงี้ค่ะ บ้านอีป๋องแป๋งก็เช่นกัน (แต่ของมันทำตะแกรงไว้กันงูเหลือมเข้าไปจับแหรกด้วย ที่อังกฤษเค้าไม่มีงูเหลือม)
และแล้วก็ถึงเวลาโชว์
เค้าจะมีลานโล่ง ๆ และที่นั่งเรียงรายให้เลือกนั่งกันตามอัธยาสัย
พอถึงเวลา ก็จะมีเจ้าหน้าที่ปล่อยนกออกมาหลายตัว เจ้าหน้าที่มาพูดเปิดตัวแบบอลังการมาก นกเหยี่ยวนกฮูกอย่างเท่ นกผู้ล่าแกร่งกล้า บลา ๆ ๆ
สุดท้ายพี่เปิดกล่อง และเรียกฟลินท์ออกมา
ฟลินท์เป็นนกฮูกพันธุ์เล็กกระจิ๋ว ตัวเท่ากำปั้น หน้าตาท่าทางล่อกแล่กสุดฤทธิ์ และไม่กล้าอยู่ห่างจากกล่อง เพราะมันตัวจิ๋วซะจนไม่น่าจะล่าอะไรกะใครเค้าได้ แค่เดินผ่านอีกาโหด ๆ ก็คงเป็นลมซะแล้ว
เจ้าหน้าที่โชว์การโยนอาหารให้ฟลินท์ ซึ่งพอมันกินเสร็จก็จะรีบวิ่งจู๊ดกลับกล่องอย่างรวดเร็ว น่ารักที่สุด เรียกเสียงเฮจากคนดูได้มากมายเลย
มีให้ผู้กล้าลองให้อาหารฟลินท์ด้วย
ออกมาวิ่งเก็บของกินใกล้ ๆ คนดู แล้วซอยขาสั้น ๆ วิ่งกลับกล่อง
อันต่อมาโชว์ของใหญ่ละ ทีแรกคิดว่าโชว์เหยี่ยวค่ะ แต่ปรากฎว่ารอบนี้ไม่ใช่ รอบนี้โชว์อีแร้ง
อีแร้งเท่กว่าที่คิดมาก ตัวใหญ่กว่าเหยี่ยวเยอะ หน้าตามันออกจะน่าชัง กินแต่สัตว์ที่ตายแล้ว แต่เวลาบินเวลากางปีกนี่อลังการมาก เค้าบอกว่าเวลาตอนเริ่มบินออกสตาร์ทและกระพือปีกมันจะใช้พลังงานเยอะมาก ดังนั้น นกพวกนี้จะใช้วิธีการร่อนให้ไปไกลที่สุดมากกว่า สะบัดปีกพั่บ ๆ อยู่ไม่กี่ทีแล้วบินตามกระแสลมให้ลมพามันกลับที่ ซึ่งบางทีก็ไม่ค่อยถึง
ตัวมันใหญ่มากนะคะ ปล่อยลงมาเดินเล่นกับคนดูด้วย หน้าตามันน่าเกลียดเชียว แต่เวลาบินนี่โคตรเท่
รูปบนเมื่อกี้น่าจะตัวเมียค่ะ ตัวเล็กหน่อย ส่วนนี่ของจริงมาละ
เดินมาใกล้ ๆ เด็ก ๆร้องไห้เลย กลัว น่ารักดี พี่ชายกอดปลอบน้องสาวด้วย
คุณเจ้าหน้าที่เค้าบอกไม่ต้องกลัว ถ้ามันจะมาจิกอย่าอยู่เฉย ๆ ให้ขยับตัวเอาไว้ มันจะไม่กินเราเพราะมันรู้ว่ายังไม่ตาย
แสดงการบิน
เรียกกลับมา
เนื่องจาก อีแร้งตัวมะกี้บินโชว์วนไปวนมาหลายรอบแล้วดันไม่กลับมา (ซึ่งเค้าบอกบางทีก็เป็นงี้แหละ แต่มันจะกลับมาตอนเย็น ๆ ตอนนี้ไปบินเล่นตามใจมัน)
เจ้าหน้าที่เลยเอาเหยี่ยวอื่นมาแสดงโชว์การให้อาหาร ปาเนื้อขึ้นไปซะสูง เรียก "Kite" แล้วว่าว เอ๊ย เหยี่ยวก็รีบบินขึ้นอย่างเท่ๆ ไปตะปบอาหารกิน
กรงของน้อง ๆ มะกี้
อันนี้กรงของฟลินท์ ฮูกจิ๋ว
ตัวกะเปี๊ยก
มาเดินดูรอบ ๆ
ตัวนี้ได้อาหารละ
ที่นี่ คุ้มค่าน่าเข้าชมมากค่ะ ถ้ามีเด็ก ๆ และผู้ใหญ่โข่งอย่างอิฉันและอาเฮีย จะชอบกันมาก การแสดงโชว์ฮาดีและตื่นเต้นสุด ๆ เค้าบอกการเพาะพันธุ์อีแร้งทำได้ไม่ค่อยเยอะ จนเกือบจนสูญพันธุ์อยู่แล้ว คนไม่ค่อยชอบมันด้วย จริง ๆ อิฉันว่าตอนเด็ก ๆ แถวบ้านอิฉันยังพอมีอยู่เลย แถว ๆ สุวรรณภูมิเลยนะคะ แต่มันหายไปเลยจนตอนนี้คิดว่าในเมืองไทยไม่น่าจะเหลือแล้วล่ะมั้ง
วันนี้มื้อเย็นโซ้ยอาหารอินเดียกันอีกแล้ว ในตัวเมือง Stratford รสชาติใช้ได้ค่ะ