ประเภทของเรือรบ
เรือรบมีประเภทจำนวนมากครับ และมีการแบ่งชั้น (Class) ที่หลากหลายไปเลยทั้งแบ่งตามขนาด, ภารกิจ หรือประเภทของอาวุธประจำหลัก ซึ่งจะทำให้การจำแนกประเภทสามารถเหลื่อมล้ำกันได้บ่อยๆ ตัวอย่างง่ายๆนึกถึงอุปกรณ์ด้าน IT ก็ได้ครับ มันอาจจะแบ่งได้ทั้งผู้ผลิต ชิปสัญญาณ หรือแม้แต่แบรนด์ที่ติดตั้งมัน ซึ่งอุปกรณ์ทางทหารก็เหมือนกันครับว่ามีความซับซ้อนในแบบของมันเอง แต่สำหรับเคสอนิเมเรื่อง Aoki-Hagane~Ars nova นี่ผมขอยกตัวอย่างโดยแบ่งตามแบบสากลที่ได้รับความนิยมกันมากที่สุดละกัน (เอาสะดวกผม) โดยจะแบ่งตาม "ระวางขับน้ำ" (Displacement) ละกัน
Note:
ระวางขับน้ำ (Displcement) หมายถึง น้ำหนักของน้ำที่ถูกเรือเข้าแทนที่ อย่างเช่น เรือหลวงจักรีนฤเบศร มีระวางขับน้ำสูงสุด 11,544 ตัน ก็หมายความว่าเรือลำนี้เมื่ออยู่ในน้ำพร้อมระวางบรรทุกสูงสุดแล้ว จะเท่ากับปริมาณน้ำจำนวนดังกล่าวหายไป(ไหลไปที่อื่น) ซึ่งการใช้มาตรวัดแบบนี้เป็นที่นิยมสูงสุดเพราะเป็นค่ารวมปริมาตรทั้งหมด และดีกว่าการวัดขนาดเรือแค่กว้าง-ยาว อย่างทางทหารสมัยสงครามโลก เวลาตรวจสอบว่าใครแพ้ชนะมากกกว่ากันทางทะเลมักจะวัดจากจำนวนระวางขับน้ำของกองทัพฝ่ายตรงข้ามที่สูญเสียไปครับ เพราะจมเรือพิฆาตลำเล็กๆ 8-9 ลำ ยังไม่เท่ากับกับเรือประจัญบานลำเดียวเลย
หากใครสนใจเรื่องวิธีการคำนวนระวางขับน้ำ สามารถติดตามต่อได้ที่เว็บ
(เครดิตคุณ ประสาท วงษ์ทองคำ กลุ่มงานพัฒนาเรือประมง สถาบันวิจัยแลพัฒนาเทคโนโลยีประมงทะเล)
-----------------------------
ทีนี้เรือรบมีกี่ประเภทกันหละ?
ในอนิเม Arpeggio of Blue Steel - Ars Nova เราจะเห็นเรือรบจำนวนมากพาเหรดกันออกมาระดมยิงกันซึ่งมีทั้งเรือใหญ่เล็ก โดยทั้งกองเรือแห่งหมอก (Fog' Fleet) กับกองเรือสหประชาชาติ (UN' Fleet) ต่อสู้กันแต่ในฐานะที่เขียนบทความ ผมก็ต้องระวังในการจำแนกเรือรบของแต่ละฝ่ายเหมือนกันครับ เพราะแม้จะแบ่งประเภทเรือตามระวางขับน้ำมาตรฐาน แต่กองเรือแห่งหมอกใช้มาตรฐานสมัยสงครามโลก ส่วน UN ดันใช้มาตรฐาน NATO ในปัจจุบัน ซึ่งจะเหลื่อมล้ำกันพอสมควร
ลองสังเกตทีละนิดผมจะค่อยๆอธิบายโดยไล่จากเรือที่มีขนาด (ระวางขับน้ำ) ใหญ่สุดลงไปหาเรือขนาดเล็ก ซึ่งผมจะอธิบายไม่ครบทุกแบบและใช้แค่ตัวเลขระวางแบบสังเขปพอให้เป็นไอเดีย แต่จะเน้นแบบที่ปรากฎในอนิเมครับ
ฝ่ายกองเรือ UN (มาตรฐาน NATO'Class)
1.เรือประจัญบาน (BB: Battleship) ขนาดประมาณ 30,000 ตัน+
2. เรือลาดตระเวณขีปนาวุธ (CG: Cruiser Guide Missile) ขนาดประมาณ 10,000 ตัน+
3. เรือพิฆาตขีปนาวุธ (DDG: Destroyer Guide Missile) ขนาดประมาณ 7,000 ตัน+
4. เรือฟรีเกตขีปนาวุธ (FFG: Frigate Guide Missile) ขนาดประมาณ 3,000 ตัน+
5. เรือลาดตะเวณไกลฝั่ง (OPV:Off-Shore Patrol Vessel) ขนาดประมาณ 2,000 ตัน+
6. เรือคอร์แวตต์ (Corvette) ขนาดประมาณ 1,000 ตัน+
ปล.โดยค่าเฉลี่ยระวางขับน้ำของแต่ละคลาสอาจ +/- ได้ถึง 50% ทีเดียวครับเพราะแต่ละประเทศที่ผลิตก็มีสเกลของตัวเองเหมือนกัน
ฝ่ายกองเรือแห่งหมอก (มาตรฐานสมัย WW2-Class)
1. เรือประจัญบาน (BB: Battleship) ขนาดประมาณ 40,000 ตัน+
2. เรือลาดตระเวณประจัญบาน (BC: Battle Cruiser) ขนาดประมาณ 30,000 ตัน+
3. เรือลาดตระเวณหนัก (Heavy Cruiser) ขนาดประมาณ 15,000 ตัน+
4. เรือลาดตระเวณเบา (Light Cruiser) ขนาดประมาณ 10,000 ตัน+
5. เรือพิฆาต (Destroyer) ขนาดประมาณ 3,000 ตัน+
6. เรือฟรีเกต (Frigate) ขนาดประมาณ 2,000 ตัน+
ถ้าลองดูจะเห็นครับว่า
"หลักนิยมทางทะเล" ในการแบ่งประเภทของเรือในกองทัพของทั้งสองฝ่ายก็ไม่เหมือนกันสักทีเดียวแล้วครับ ฝั่ง UN จะแบ่งตามขนาด(ระวางฯ) +ประเภทภารกิจ ส่วนฝั่งหมอกจะแบ่งตามระวางฯอย่างเดียว แต่ซอยละเอียดกว่า ซึ่งเดี๋ยวผมจะอธิบายต่อแบบภาพรวมโดยเน้นแค่ฝั่งกองเรือแห่งหมอกอย่างเดียวก่อน (เพราะเรือหลักๆในอนิเมเน้นแค่พวกนี้) ส่วนถ้าใครอยากดูรายละเอียดตามแบบมาตรฐาน NATO เชิญที่
blog คุณ skyman ได้เลยครับ
1.เรือประจัญบาน (BB: Battleship)
มันก็คือรถถังคันอภิมหามหึมาบนท้องทะเลนี่เองครับ หากไม่นับเรือตระกูลเรือบรรทุกเครื่องบินยักษ์แล้ว เรือประจัญบานจัดเป็นเรือรบที่ใหญ่ที่สุด เกราะหนาที่สุด อำนาจการยิงสูงสุด (และแพงที่สุด)ด้วยตัวของมันเอง เรือรบพวกนี้เป็นพระเอกในกองเรือสมัยที่ใช้การระดมยิงแลกกันอย่างไม่ต้องสงสัย พวกมันติดปืนใหญ่หลักกระบอกโตตั้งแต่ 12-16 นิ้ว (ปากลำกล้อง) เป็นอาวุธมาตรฐาน (บางลำที่ใหญ่มากอย่าง ยามาโต้ ติดถึง18 นิ้ว) ซึ่งช่วยให้สามารถบรรจุดินขับส่งกระสุนและหัวรบขนาดใหญ่โตสุดๆได้ อย่างกระสุนปืนของเรือประจัญบานมิสซูรี่ (ในภาพยนต์เรื่อง Battleship) ถ้ารวมชิ้นส่วนกระสุนและดินขับทั้งหมด 1 นัดจะมีน้ำหนักพอๆกับรถโฟลคเต่า 1 คันและรัศมีการยิงที่ไกลลิบชนิดยิงพ้นขอบฟ้าได้สบายๆเลยทีเดียว
(เรือไอโอว่า)
จุดเด่นอีกด้านคือการป้องกันตนเอง, เรือเหล่านี้เป็นกองหน้าของทัพเรือบ่อยๆในการเข้าปะทะกับคู่ต่อสู้ ดังนั้นพวกเธอจะถูกระดมยิงด้วยปืนสารพัดชนิดทำให้เรือประเภทนี้หุ้มเกาะหนามากทั้งส่วนบนและกราบเรือ เพื่อให้เอาตัวรอดจากภัยคุกคามทั้งบนน้ำและใต้น้ำ พร้อมกับอาศัยขนาดตัวเรือที่ใหญ่มากในการซอยย่อยห้องในตัวเรือเป็นบล็อคๆ เพื่อเป็นจุดผนึกน้ำกรณีถูกโจมตีและหลีกเลี่ยงการ "ถูกจม" ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้การที่พื้นที่เรือเยอะทำให้มันสามารถติดอาวุธเสริมจำนวนมาก เช่นปืนใหญ่รองขนาด 5- 8 นิ้ว (ซึ่งแค่นี้ก็ทัดเทียมกับปืนหลักของเรือลาดตระเวณ/เรือพิฆาตได้แล้ว) หลายแท่นเพื่อช่วยยิงเสริม รวมถึงจุดติดตั้งปืนต่อต้านอากาศยาน (ปตอ.) รอบตัว และเรือพวกนี้ยังสามารถบรรทุกเครื่องบินประจำเรือ (เครื่องบินทะเล) เพื่อช่วยในการตรวจการชี้เป้าระยะพ้นขอบฟ้าได้อีกด้วย
เพียงแต่ว่าจุดอ่อนหลักที่เรือประเภทนี้แพ้ทางบ่อยๆคือ การโจมตีของเรือดำน้ำและฝูงบินโจมตีเพราะด้วยน้ำหนักและความใหญ่โตของมันทำให้ความคล่องตัวลดลงมาก (ความเร็วปกติจะประมาณ 20-25 น็อต)เมื่อเทียบกับเรือชั้นอื่นจึงยากจะหลบหลีก (ถึงมีระบบป้องกันตัวที่ดี แต่โดนซ้ำแล้วซ้ำอีก และวิ่งไปไล่ยิงฝูงบิน+ค้นหาเรือดำน้ำก็ตามไม่ทัน) ซึ่งกำเนิดของเรือบรรทุกเครื่องบินในสงครามโลกครั้งที่สองทำให้เรือประจันบานต้องลดบทบาทลงไปมาก เพราะฝูงบินรบบนเรือบรรทุกเครื่องบินมีพิสัยการโจมตีที่ไกล ทำภารกิจได้หลากหลาย และมีค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติการสร้างต่ำ ช่วงท้ายของสงครามโลกจึงเป็นการยิงสนับสนุนหรือการระดมยิงฝั่ง (เพราะค่ากระสุนถูกกว่าค่าเครื่องบิน) แต่สุดท้ายก็ปลดประจำการไปในที่สุดในปัจจุบันไม่มีเรือประเทศนี้เข้าประจำการแล้ว โดยเรือที่ปรากฎในคลาสนี้บนอนิเมเช่น เรือประจัญบานยามาโตะ, คองโก เป็นต้น
2. เรือลาดตระเวณประจัญบาน (BC: Battle Cruiser)
(เรือ HMS Hood)
เป็นเรือที่เกิดขึ้นมาอุดช่องโหว่ของเรือประจัญบาน โดยจุดเด่นหลักคือมีปืนใหญ่ที่รุนแรงทัดเทียมกับ BB (12-16 นิ้ว)แต่ว่าหุ้มเกราะน้อยกว่า (หุ้มเกราะหนามากที่จุดสำคัญ ส่วนที่เหลือจะเป็นเกราะปานกลาง) ค่าใช้จ่ายในการสร้างลำเรือถูกกว่าและต่อได้เร็วขึ้นเนื่องจากโครงสร้างที่เล็กลง (แต่ยังใหญ่เว่อร์เมื่อเทียบกับเรือปัจจุบัน) ผลพลอยได้ของมันก็คือความเร็วที่สูงขึ้นเยอะ ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์ได้รวดเร็ว (หลายลำสามารถทำความเร็วได้ถึง 27 น็อต+) นอกจากนี้จุดสำคัญของ BC อย่างนึงคือ "อัตราเร่ง" สูงกว่ากลุ่มเรือ Battleship พอสมควรครับ (ยกเว้นบางลำไว้)แถมยังมีเกราะที่แกร่งพอจะรับมือกับเรือรบศัตรูได้ทุกประเภท แลกหมัดกับเรือประจัญบานก็ได้ ออกปฎิบัติการเป็นระยะทางไกลๆได้โดยไม่ต้องสายส่งกำลังบำรุงมากนัก (มีเสบียงเยอะพอ) ส่วนในอนิเมเรือที่ปรากฎในชั้นนี้เช่น เรือลาดตระเวณประจัญบานฮู้ดของอังกฤษ และคองโกของญี่ปุ่น (ทำไมคองโกจัดอยู่ในคลาสนี้เดี๋ยวค่อยอธิบายวันหลังครับ)
3. เรือลาดตระเวณหนัก (HC:Heavy Cruiser)
เรือที่ลดสเกลลงมาอีก 1 ขั้น มีความเร็วที่สูงขึ้นกว่าเรือประจัญบาน (30 น็อต) ความคล่องตัวสูงขึ้นอีกระดับนึง การหักเลี้ยวและเล็งเป้าสามารถทำได้ดีมากขึ้นมีขนาดที่ใหญ่พอประมาณที่สามารถบรรทุกเสบียงและเชื้อเพลิงในการปฎิบัติการระยะไกลมากได้ โดยจัดเป็นเรือชั้นเล็กที่สุดที่จะสามารถนำระบบอากาศยานติดไปกับเรือได้ และยังมีการติดอาวุธที่หลากหลายขึ้นอีกเช่น ปืนใหญ่ขนาด 8 นิ้ว (จมเรือพิฆาตได้ในนัดเดียว) หลายป้อมที่มีอัตราการยิงสูงกว่าปืนใหญ่เรือประจัญบาน พร้อมทั้งหลายลำยังติดตอร์ปิโดเพื่อต่อต้านเรือรบศัตรูอีกด้วย (เรือBB, BC ติดตอร์ปิโดไม่ค่อยได้เพราะความคล่องตัวในการหันเลี้ยวเพื่อปรับตำแหน่งยิงไม่มากพอ) ในอนิเมเรือที่ปรากฎในชั้นนี้เช่น เรือลาดตระเวณหนักทาคาโอะ
4. เรือลาดตระเวณเบา (LC:Light Cruiser)
(เรือเบลฟาส)
ลดสเกลลงอีกขั้นนึง เรือลาดตระเวณเบาจัดเป็นหัวหน้าม้าของกองทัพเรือแทบทุกประเภทในสมัยนั้น เพราะค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติการหลักค่อนข้างถูก (เชื้อเพลิง/ลูกเรือ) ซึ่งเมื่อเทียบกับเรือขนาดใหญ่ที่ใช้ลูกเรือถึง 1-2 พันคนแล้ว LC ใช้เพียงไม่กี่ร้อยคนทำให้มันสามารถออกฝึกฝน ลาดตระเวณในพื้นที่เสี่ยงภัยเป็นเวลานานๆได้ดี หากเปรียบเทียบเรือขนาดใหญ่ยักษ์ทั้ง 3 คลาส BB,BC,HC แล้วจะเน้นปฎิบัติการประเภท "โจมตี" แต่ LC จะเน้นการลาดตระเวณป้องกัน + คุมเชิงมากกว่า และด้วยขนาดปานกลางแต่มีอาวุธหนักอย่างปืนใหญ่ 6นิ้ว + ตอร์ปิโด สมควรจึงเป็นเรือพี่เลี้ยงให้กับกองเรือขนาดย่อมๆ หรือคอยช่วยเรือเรืออื่นในสนามรบบ่อยๆ ตัวอย่างในอนิเมเช่นเรือนาการะ ใน ep1 นี่แหละครับ
5. เรือพิฆาต (Destroyer) ขนาดประมาณ
(เรือชิมะคาเสะ)
กลุ่มนี้เป็นเรือที่ได้รับความนิยมสูงสุดเลยครับ เป็นม้างานของกองทัพเรือทุกประเภท ใช้งานมันสารพัดสารเพ เพราะค่าใช้จ่ายถูก ปฎิบัติงานได้หลากหลาย โดยเรือพิฆาตเบื้องต้นถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นเรือเล็กคอยคุ้มกันกลุ่ม Battleship หรืออาศัยความเร็วที่สูงมากๆ (30-35 น็อต) ในการเข้าพื้นที่เพื่อตรวจสอบหยั่งเชิงศัตรูและการตีฉาบฉวย (Hit-Run) แถมยังสามารถรบได้ทั้ง 3 มิติ เช่นต่อต้านเรือรบด้วยตอร์ปิโด(ที่รุนแรงมากๆ) มีปืนใหญ่ 5 นิ้วในการระดมยิงฝั่งหรือโจมตีเรือรบ ติดโซนาร์เพื่อตรวจเฝ้าระวังเรือดำน้ำ ติดเรดาห์เพื่อเป็นยามเฝ้าระวังการโจมตีทางอากาศ ปืนใหญ่กระสุนแตกอากาศต่อต้านฝูงบิน มีพิสัยเดินทางได้ไกลพอจะปฎิบัติการต่อเนื่องได้ระดับเกิน 1 เดือนขึ้นไป ใช้เชื้อเพลิงประหยัดมาก เอาเป็นว่ามันทำได้ทุกอย่างเท่าที่เหล่าเสนาธิการจะอยากให้มันทำนี่แหละครับ จัดเป็นเรือที่รบได้ทั้งกลุ่มทะเลเปิดและทะเลชายฝั่งทีเดียว ตัวอย่างเรือพวกนี้เช่น ชิมาคาเสะจากเกม Kantai Collection ละกันครับ (นึกในอนิเมไม่ออก (ฮา))
6. เรือฟรีเกต (Frigate) ขนาดประมาณ
(เรือ USS Gallop)
เรือนี้จัดเป็นเรือขนาดเล็กลงหน่อย จะติดอาวุธได้ไม่ค่อยหลากหลาย รบได้ไม่ค่อยครบทุกมิติ แต่สามารถเน้นหนักภารกิจแบบใดแบบนึงได้ ชิดติดโซนาร์+ระเบิดน้ำลึกเพื่อต่อต้านเรือดำน้ำเป็นหลัก ติดเรดาห์และปืนต่อต้านอากาศยานเพิ่ม ซึ่งเอาเข้าจริงๆก็แทบจะทำได้เหมือนเรือพิฆาตเลยเพียงแต่ทำได้ทีละอย่าง ข้อเสียหลักๆคือเรือขนาดเล็กมีความทนทะเลไม่มาก (สู้สภาพอากาศได้ไม่ดี) และปฎิบัติการได้ไม่ต่อเนื่องยกเว้นมีพี่เลี้ยง แต่แม่ทัพบางคนก้ใช้วิธีการจัดหมู่เรือฟรีเกตเพื่อทำภารกิจร่วมกันได้มีประสิทธิภาพเช่นกัน ซึ่งเรือฟรีเกตหลายลำถูกดัดแปลงมาจากเรือสินค้าด้วยซ้ำเพียงแค่ติดอาวุธเสริมเข้าไปหลายๆอย่างเอง ตัวอย่างเรือในอนิเมตอนนี้ยังไม่เห็นครับ
ปล. อนึ่งในการ์ตูนเรื่อง Aoki-Hagane-Blue steel ~Ars Nova นี่เหล่าเรือรบทั้งหลายค่อนข้างโอเวอร์สเปคมากครับ ความเร็วสูงจัด เกราะพลังงานป้องกันตัวเองและติดอาวุธประเภทมิตไซล์จำนวนมากทำให้เราดูว่าเรือประจัญบานรบเหล่านี้ยังมีประสิทธิภาพสูงเกินความเป็นจริง(ในยุคสมัย)ไปเยอะเหมือนกัน
เรือลาดตระเวนเบารหัสคือ CL