สวัสดีค่ะ .....ลมร้อนพัดโชยมาแล้วนะคะช่วงนี้ อิอิ ในกรุงเทพฯ ร้อนเหงื่อแตกเหงื่อแตน ลมร้อนๆ พัดมาทีหนึ่งอยากจะแก้ผ้าแช่น้ำเลย ร้อนจริงๆ ค่ะเขาว่าเดือนมีนาคม จนถึงเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงที่มีลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดมา ที่เราเรียกกันว่า ลมตะเภา หรือ ลมว่าว น่ะค่ะ ว่ากันว่าเป็นเวลาที่เหมาะกับการชักว่าวเล่นกันเป็นอย่างยิ่งค่ะ ว่าแล้วน้าภิเษกจากห้องกล้อง ก็เลยชวนไปเที่ยวงาน เทศกาลว่าวไทย และว่าวนานาชาติ ครั้งที่ 9 กันค่ะ โดยมีสมาชิกไปด้วยกันอีก 2 ท่านคือน้า mOm1 และ น้าขุน koontuch แห่งห้องนิคอน ที่ไปด้วยกันค่ะอ้าว... ขึ้นต้นเป็นงานเทศกาลว่าว แต่ไหงภาพที่เปิด เป็นนาเกลือซะล่ะ อิอิก็งานเทศกาลว่าวไทย และว่าวนานาชาติครั้งที่ 9 ปีนี้ เค๊าจัดขึ้นที่ พระราชนิเวศมฤคทายวัน หรือ ค่ายพระราม 6 ชะอำ จังหวัดเพชรบุรีโน่นไงคะ ในเส้นทางที่ผ่าน เลยต้องผ่าน แม่กลอง ซึ่งมีการทำนาเกลือกัน เห็นสวยดีเลยแวะลงไปขอคุณป้าเจ้าของนาเกลือถ่ายภาพค่ะคุณป้าก็อนุญาตให้ถ่ายอย่างเต็มอกเต็มใจ แต่มีแอบบ่นๆ ลอยลมให้ฝากมาร้องเรียนหน่อย ว่าอย่าไปตั้งม๊อบกันเล๊ยยย มาขึ้นราคาเกลือให้ชาวนาหน่อยดีกว่า ขอขึ้นจากเกวียนละ 1,200.- ไปเป็น 1,500.- ป้าก็พอใจแล้วบ่นเสร็จ ป้าก็เดินตุ๊บตั๊บไปนั่งแอนกายสบายใจบนเถียงนาล่ะค่ะ ปล่อยให้เราถ่ายรูปเล่นตามใจเสร็จจากนาเกลือ เราก็มุ่งหน้าเดินทางต่อค่ะ ไปแวะทานอาหารเช้า+กลางวัน กันที่ร้านข้าวแกงแถวๆ เขาย้อย น่ะค่ะ อิ่มหมีพีมันแล้วก็ออกเดินทางต่อ ช่วงนี้น้าขุนที่มารถอีกคันหนึ่งได้ไปถึงเพชรบุรีแล้ว และแวะถ่ายภาพที่ วัดใหญ่สุวรรณาราม (วัดโปรดเรา) อยู่น่ะค่ะ ส่วนเราน่าจะถึงประมาณเที่ยงๆ พวกเราทั้งหมดเห็นแดดตอนใกล้เที่ยงแล้วอ่อนอกอ่อนใจเลยล่ะค่ะ ร้อนระเบิดดีจริงๆ ว่าแล้วก่อนจะลงไปเดินในงานว่าว เราก็เลยไปเดินถ่ายรูปเล่นในพระราชนิเวศมฤคทายวันกันก่อนค่ะ ให้บ่ายคล้อยสักนิดก่อน จึงจะลงไปชมงานน่ะเดี๋ยวนี้ ภายในอาคารพระที่นั่งนิเวศมฤคทายวัน ไม่ให้ถ่ายภาพโดยเด็ดขาดแล้วนะคะ ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลกลใด พวกเรามาที่นี่กันหลายทีแล้ว ครั้งนี้เลยเปลี่ยนไปถ่ายรูปเล่นที่เรือนของ เจ้าพระยารามราฆพ ซึ่งอยู่ข้างๆ พระที่นั่งนิเวศมฤคทายวันกันดีกว่า เงียบดีค่ะคงจำกันได้ เมื่อคราวที่แอน สิเรียม ดารามาแต่งงานที่นี่ ก็คือลานของเรือนหลังนี้แหล่ะค่ะ เรือนเล็กๆ น่ารักมาก ชอบตรงที่เค๊าออกแบบในรูปแบบที่เรียกว่า สมมาตร อ่ะค่ะ ซ้ายและขวาเท่ากัน 100% เลยทีเดียว ทั้งด้านหน้าและด้านหลังบ้านค่ะ เหมือนเอากระจกเงามาวางตรงกลางแล้วสะท้อนซ้ายขวาเลยเจ้าของบ้านหลังนี้ เป็นผู้มีความสำคัญมากๆ ในสมัยรัชกาลที่ 6 นะคะ คือ พลเอก พลเรือเอก เจ้าพระยารามราฆพ (ม.ล.เฟื้อ พึ่งบุญ) เป็นผู้ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใกล้ชิดพระองค์อยู่ตลอดเวลา เช่น โปรดให้เป็นหัวหน้าห้องพระบรรทม นั่งร่วมโต๊ะเสวยทั้งมื้อกลางวันและกลางคืนตลอดรัชกาล และตามเสด็จโดยลำพังกับพระองค์ เป็นต้นค่ะท่านเจ้าพระยารามราฆพนี้ มีบ้านในกรุงเทพฯ อีกแห่งหนึ่งที่ทุกคนในสมัยนี้ต้องรู้จักดี บ้านของท่านในสมัยรัชกาลที่ 6 ก็คือ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นั่นไงคะบ้านท่าน (ภายหลังขายต่อให้รัฐบาลค่ะ)ใครผ่านไป-มา ลองแวะเข้าไปเดินเที่ยวดูนะคะ อยู่ทางซ้ายมือของทางเข้าพระที่นั่งมฤคทายวันค่ะ หรือถ้าจะเช่าจัดงานแต่งงาน ก็ 30,000.- ค่ะ ค่าเช่าพื้นที่อย่างเดียวล้วนๆ แพงหน่อยแต่เก๋ดีนะคะ เอาล่ะ บ่ายโมงกว่าๆ แระ พวกเราก็ยกพลเข้างานว่าวกันค่ะ เดินออกมานิดหน่อยเอง แต่โอ้...แม่จ้าว... ยังร้อนตับแล่บอยู่เลยค่ะ แดดแบบว่าโอโห... อันที่จริงข้าพเจ้าไม่ค่อยสันทัดเรื่องว่าวค่ะ ไม่เคยชักว่าว ตอนเด็กๆ เคยเห็นเพื่อนๆ เด็กๆ แถวบ้านเล่นกัน เอาหลอดนีออนมาทุบๆ ละเอียดแล้วมารูดๆ กับเชือกป่านที่ใช้ชักว่าวนั้น เห็นว่าเอาไว้เป็น ป่านคม เพื่อตัดสายว่าวของคนอื่นซะงั๊นน่ะ เราก็ได้แต่ดูๆ แถมถูกพวกมันใช้ให้คอยจับสายป่าน เวลามันรูดกาวลงกับผงหลอดนีออนด้วยแห่ะแห่ะ พอจะเข้างานว่าว โควต้าของบ๊อกนี้ก็หมดพอดี อิอิ เดี๋ยวจะยาวไป และโหลดยากน่ะค่ะ ขอยกยอดไว้ต่อในบ๊อกครั้งหน้า นะคะรับรองสนุกแบบ "ติดลมบน" ประหนึ่งดังว่าวเลยทีเดียวจ้าบั๊บบาย~ .....