+++++ ความเดิมจากตอนที่แล้ว คลิ๊กที่นี่นะคะ +++++มาเที่ยวใน งานว่าวไทยและว่าวนานาชาติครั้งที่ 9 ที่ชะอำกันต่อเลยจ้า.....ดังนั้นเมื่อเรามาเห็นงานว่าวใหญ่ๆ แบบนี้ ก็เลยน่าตื่นตาตื่นใจดีค่ะ (ถ้าแดดจะไม่ร้อนเท่านี้นะ อิอิ) เห็นเขาโปรโมทว่างานครั้งนี้ใหญ่จริงๆ มีว่าวแปลกๆ แพงๆ จากนานาชาติเพียบค่ะ บางตัวราคาล้านกว่าบาทเลยทีเดียว น่าเสียดายจัง วันอาทิตย์ที่เราไป เค๊าไม่ชักว่าวตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ชื่อ Mega Moon จากประเทศญี่ปุ่นน่ะค่ะ เห็นว่าต้องใช้รถลากเพื่อชักให้ว่าวขึ้นกันเลย ตัวที่ว่าราคาล้านกว่าบาท วันเราไปอดดู เห็นนอนกองเป็นภูเขาอยู่บนพื้นง่า เสียดายอยากเห็นมาก เวลาเห็นภาพโปรโมทงานว่าว จะเห็นภาพว่าวตัวใหญ่ๆ เป็นรูปปลาหมึกบ้าง ตัวการ์ตูนบ้าง พอได้มาเห็นใกล้ๆ ก็ตัวใหญ่จริงๆ แหล่ะค่ะ แต่เราว่ามันเหมือนบอลลูน มากกว่าว่าวน่ะ และพอไปยืนมองตอนเค๊าชักว่าวขึ้นไป จึงรู้ว่าบางตัวต้องอัดแก๊ส อัดลมก่อน และว่าวใหญ่ๆ ของฝรั่งทั้งหมดนี้ จะมีว่าวเล็กอีกตัวหนึ่งเป็นตัวดึงให้ว่าวเหล่านี้ลอยอีกที เหมือนร่มของพาราชูทน่ะค่ะสังเกตในภาพว่าว่าวจะมีขนาดเท่าไหร่ ดูจากสายป่านที่ฝรั่งดึงซิคะ เส้นบะเริ่มเลยทีเดียวมาดูที่ว่าวสำคัญอีกตัวหนึ่งของไทยที่มาโชว์บ้างค่ะ เป็นว่าวหน้าตาแปลกๆ เขาสร้างให้เหมือนยานอวกาศอ่ะ คือ ว่าวดาวเทียมธีออส ซึ่งถ้าเป็นของจริง จะเป็นดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ ดวงแรกของไทย ที่จะปล่อยขึ้นสู่อวกาศในปี 2550 น่ะค่ะแต่น่าเสียดายว่าไม่รู้อะไรผิดพลาด ว่าวดาวเทียมธีออส นี้ไม่ขึ้นอ่ะ แก้กันหลายรอบก็ยังไม่ขึ้นสักที แต่เราก็ดูแล้วว่ามันน่าจะหนักอ่ะนะ มันดูไม่ลู่ลมอ่ะ แต่สวยแปลกดีค่ะภายในงาน ก็มีกิจกรรมเยอะแยะมากมายค่ะ นอกจากมีโชว์ว่าวจากแต่ละประเทศแล้ว ก็มีลานให้บุคคลธรรมดา ลูกเล็กเด็กแดง ไปเล่นว่าวกันด้วยค่ะ และมีประกวดเล่นว่าวที่ชื่อติดหูซะเหลือเกินว่า ประกวดชักว่าวน๊านนน...นาน เหอเหอ แต่เราไม่ได้ไปยืนดูเค๊าชักหรอกค่ะ กลัวต้องติดลมยืนดูน๊านนน...นาน คิกคิก มาถึงความภาคภูมิใจของประเทศชาติมั่งล่ะค่ะ การแสดงการแข่งขันว่าวจุฬา และว่าวปักเป้า หนึ่งเดียวของโลกนี้ที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยเราล่ะค่ะ เป็นว่าวที่ออกแบบอย่างปราณีต ใช้ไม้ไผ่สีสุกทำอย่างตั้งใจ มีแบบแผนและที่สำคัญ มีการชักโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบังคับให้ไปซ้ายขวาขึ้นและลง เพื่อทำสงครามทางอากาศระหว่างกันอย่างมีระบบ และมีกฎเกณฑ์หนึ่งเดียวของโลกนี้เลยล่ะค่ะ ซึ่งว่าวอื่นๆ ของประเทศอื่นๆ มีไว้สำหรับชักให้ลอยเล่นลมเฉยๆ เท่านั้นดูชุดของผู้ชักว่าวจุฬาสิคะ เท่ห์มาก เมื่อก่อนเรารู้เรื่องของว่าวจุฬา-ปักเป้าน้อยมากๆ ก็ได้แต่นึกๆ ว่าแค่ชักๆ ขึ้นไปแล้วเอาป่านคมตัดๆ กันให้ขาด ที่ไหนได้ โหย...เค๊ามียุทธวิธีมากกว่าที่คิดนั้นเยอะค่ะ แถมไม่ใช่มีแค่คนชัก-คนส่งว่าวอย่างเดียวด้วยมีทั้งคนถือ ขอ ซึ่งเป็นเหมือนรอก มีคนถือตะกร้าคอยสาวป่านเก็บ มีคนถือสิ่งที่เหมือนเก้าอี้ไว้วางคร่อมสายป่าน (เรียกว่า "ม้ารอก") และมีเด็กๆ อีกหลายๆ คนคอยวิ่งสายป่านค่ะ น่าตื่นตาตื่นใจมากไฮไลต์สำคัญของงานอีกโชว์หนึ่งก็คือโชว์เล่นว่าวของคุณ เป็ด ปริญญา สุขชิต นักเชียร์คนสำคัญของเมืองไทย อิอิ วันนี้มาในมาดของหนุมานชาญสมรค่ะ มาปล่อยว่าวเกือบ 10 ตัวที่เขียนเป็นลายไทยๆ พร้อมๆ กับพาตัวละครพระลักษณ์-พระราม และนางสีดา มาร่ายรำกลางสนามปล่อยว่าวด้วย ส่วนโชว์อื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ก็จะเป็นโชว์ ว่าวผาดโผน ที่เรียกกันว่า Stunt Kite ที่เป็นว่าวฝรั่ง ใช้วัสดุ Foil หรือ Parafoil ทำ มีป่านต่อจากซุงของตัวว่าว 2 เส้นขึ้นไป ให้คนชัก บังคับซ้าย-ขวาได้ และมักจะซ้อนกันหลายๆ ตัว บินพร้อมๆ กัน ซึ่งเค๊าจะชักว่าวประกอบเพลงน่ะค่ะ (มีความสุขจริงจริ๊งงง ) ซึ่งชมแล้วก็ดูน่าทึ่งและสวยงามมากค่ะตกเย็นค่ำย่ำสนธยาแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางกลับบ้านค่ะ (ด้วยสภาพที่ดำปี๋ ข้อมือที่ผูกนาฬิกาไว้ขาวจั๊ว ตัดกับส่วนอื่นที่ดำสนิท อิอิ) แถมจะเป็นไข้แดดเอาซะอีก จึงแกล้งทำเป็นหลับตลอดทางกลับบ้านค่ะ เป็นข้ออ้างให้น้าคนขับรถขากลับ ต้องร้องเพลงตามเทปในรถอยู่คนเดียวกันง่วงหลับ (เพราะไม่มีใครคุยด้วย) กร๊ากกก ก่อนกลับ แวะเพชรบุรี ที่ร้านพวงเพชร สั่งปลาดุกผัดฉ่าแสนอร่อยขึ้นชื่อมาสู่กันกิน ก่อนแยกย้ายกันกลับด้วยความชื่นมื่น ขอบคุณน้าเษก น้ามอม น้าขุน นะคะที่ร่วมทริปกันอย่างมีความสุข รวมทั้งแบ่งปัน และชี้มุมที่สวยงามให้ และขอบคุณกล้องตัวโปรดของเราตัวนี้ ที่พาเราไปพบเจอในสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต..........จนกว่าจะพบกันใหม่ในทริปต่อไป..... สวัสดีค่ะ~