Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
4 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
+•+•+•+ [ ม ห า น ค ร เ ซี่ ย ง ไ ฮ้ ] +•+•+•+

สวัสดีคร่า อิอิ


หายไปนานเลย ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยค่ะตั้งแต่เดือนมกราคมมา ก็จนมาถึงครั้งแหล่ะที่ได้ออกไปเที่ยวมั่งอ่ะ


ครั้งนี้ได้ไปเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้มาค่ะ 19-22 พฤศจิกายน 2551 ไปโดยสปอนเซอร์ผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งที่ทุกคนทั่วโลกรู้จักกันดี เป็นผู้พาไปเที่ยวทั้งรายการ ไปแบบกรุ๊ปทัวร์นะคะ ไม่ได้เดินตะลอนซอกซอนเที่ยวเอง เลยนำภาพมาฝากกันเท่าที่จะถ่ายได้ในขณะที่เดินตามไกด์ และกลุ่มทัวร์ไปเท่านั้นค่ะ


ขอบคุณผลิตภัณฑ์ใหญ่ยักษ์ที่เป็นสปอนเซอร์ทริปนี้นะคะ
ขอบคุณเพื่อนร่วมทริป ที่ล้วนแต่เป็นผู้ประกอบการวงการเดียวกันมั่กๆ ค่ะ ท่านเฮฮาได้ใจมาก โดยเฉพาะหลังตะวันตกดินแล้ว อิอิ
ขอบคุณเจ้านายที่ใจดีให้ไปเที่ยวมากคร่า






เดินทางด้วยเครื่องไชน่า อีสเทิร์น ถึงสนามบินผู่ตง 7 โมงเช้าแล้วก็เข้าเมืองเที่ยวกันเลยค่ะ


ว่ากันว่า เซี่ยงไฮ้ในฝั่งเมืองใหม่ที่เราเห็นตึกใหญ่ๆ อลังการแบบนี้ เขาพึ่งจะโหมกระหน่ำทุ่มทุนสร้างขึ้นมาภายในช่วงสิบกว่าปีนี้เองนะคะ เขาคุยว่าช่วงเวลานั้น เครนที่ใช้ในการก่อสร้างครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ทั้งโลก มารวมกันอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้นี่เอง เพื่อจะกระหน่ำสร้างตึกเหล่านี้ขึ้นมาอ่ะ งึมๆ อำนาจเงินแท้ๆ ทีเดียว






และนี่ของติดอันดับโลกมาแล้ว ตึกทางซ้าย คือตึก Jin Mao Tower เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในจีน ในปี 1999 และความสูงอยู่ลำดับที่ 6 ของโลกค่ะ


ส่วนตึกทางขวา คือตึก Shanghai World Financial Center (ปี 2008) รูปร่างเหมือนที่เปิดขวดน้ำอัดลมค่ะ พึ่งสร้างเสร็จใหม่เอี่ยมอ่องหมาดๆ เลย สียังไม่แห้งดี อิอิ สร้างเสร็จครบแล้วแต่ยังไม่ได้เปิดใช้ค่ะ สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก เตี้ยกว่าตึก Taipei 101 (ปี 2004) นิดหน่อยน่ะ (แต่อันดับ 1 ไปอยู่ที่ตึกดูไบ ทาวเวอร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซะแล้ว แต่ยังสร้างไม่เสร็จค่ะ)






ตึกที่เปิดขวดน้ำอัดลมยังไม่เปิด แต่ตึกจินเหม่า เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นชมบนชั้นสูงสุดได้ค่ะ ขึ้นลิฟท์รวดเดียว 88 ชั้น ข้างในลิฟท์แทนที่จะมีแต่ตัวเลข เขากลับทำภาพตึกเขาทั้งตึกเต็มผนังข้างในลิฟท์ แล้วพอลิฟท์ขึ้นผ่านชั้นไหน จะมีจุดไฟเล็กๆ วิ่งโชว์ว่าถึงจุดไหน ซึ่งเร็วมั่กๆๆ จากล่างถึงบนสุดตึก ไฮโซจริงๆ


ภาพนี้ถ่ายจากบนยอดตึก ผ่านกระจก ถ่ายออกไปเห็นหอไข่มุกนั่นแหล่ะค่ะ






เดินวนชมข้างบนเสร็จ ฉี่ซะครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นเกียรติภูมิแก่วงศ์ตระกูลว่าครั้งหนึ่งได้ฉี่บนที่สูงเทียมฟ้าเหนือผู้ใดในแดนมังกรแล้ว 555+ แล้วไกด์ก็พาคณะลงมาเดินเลียบๆ เคียงๆ ข้างๆ หอทีวีและวิทยุไข่มุกค่ะ


“ไข่มุกแห่งบูรพา” ซึ่งก็เป็นอีกแลนด์มาร์คหนึ่งของเซี่ยงไฮ้นะคะ เป็นหอคอยสูงเสียดฟ้าเหมือนกับมหานครใหญ่ๆ ทั่วโลกเขามีกัน และเป็นสิ่งก่อสร้างในเซี่ยงไฮ้ที่ติดอันดับโลกอีกแล้ว หอคอยนี้สูงเป็นอันดับ 1 ของเอเซีย และสูงเป็นอันดับ 3 ของโลกค่ะ เรามาใกล้ๆ หอไข่มุกนี้เพื่อจะเดินลงอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำหวงผู่ไปฝั่งเมืองเก่าโน้นแหล่ะค่ะ


อุโมงค์นี้เป็นอุโมงฉายแสงเลเซอร์โชว์ ไม่ต้องเดิน ยืนไปบนรถรางไฟฟ้า สองผนังของอุโมงค์จะมีการยิงเลเซอร์เป็นบรรยากาศต่างๆ อุโมงค์ยาวประมาณ 5 นาทีจากฝั่งนี้ไปถึงฝั่งโน้น ฟังดูดีนะ แต่ถ้ามาดูจริงๆ แล้วจะดูกึ่งๆ เชยๆ ป้าๆ บ้านนอกๆ ดีเหมือนกัน คิกๆๆ






พอโผล่ขึ้นจากอุโมงค์มา ก็ต้องร้องว๊าววว พร้อมกับคลอเพลงไปด้วยเลย...


“หลองปั้ง หลองเหล่า หมั่นเหลยโทวโทว กวองโสยเหว่งปัดเยา...”


อิอิ ใช่ค่ะ เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ตรงบริเวณนี้คือ The Bund หรือ “หาดเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้” อันลือลั่นนี่เอง ฉายาที่ว่า “เซี่ยงไฮ้...ปารีสแห่งตะวันออก” มาจากที่นี่อ่ะค่ะ






กลุ่มตึกเก่างดงามอลังการเหล่านี้ เป็นผลพวงมาจากหลังสงครามฝิ่น ค.ศ.1845 อังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส เสปน และอื่นๆ เข้ายึดครองเซี่ยงไฮ้รวม 100 ปีพอดี ใครยึดครองได้ก็สร้างตึก ชักธงประจำชาติตัวเองที่นั่น ปัจจุบันทางการจีนเขารักษาอนุรักษ์ไว้ กลุ่มตึกเหล่านี้ก็เลยตั้งอยู่ให้ระลึกบรรยากาศยุคนั้นมาจนถึงปัจจุบันไงคะ


ในภาพนี้ เราเอารูปเล็กๆ ขาวดำ ซึ่งเป็นรูปในอดีตของหน้าหาดเซี่ยงไฮ้นี้ เมื่อปี ค.ศ. 1928 มาวางเทียบให้ดูด้วยนะคะ ในภาพผ่านไป 80 ปีแล้ว มันขลังและได้อารมณ์จริงๆ จะเห็นว่าหน้าตึกเหล่านี้คือริมแม่น้ำ ซึ่งเป็นท่าเรือที่ได้ชื่อว่าใหญ่ และคับคั่งที่สุดในโลกค่ะ


ใครมาเซี่ยงไฮ้ต้องมาเหยียบที่นี่เนอะ






ถ้าเรามายืนริมฝั่งน้ำ หน้ากลุ่มตึกเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้แล้วมองไปฝั่งโน้น ก็จะเป็นฝั่งเมืองใหม่ไงคะ เห็นหอไข่มุก เห็นตึกเซี่ยงไฮ้ไฟแนนซ์ที่สูงอันดับ 3 ของโลก (ที่เหมือนที่เปิดขวดน้ำอัดลม) เห็นตึกจินเหม่าที่สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก ตึกสองฝั่งแม่น้ำหวงผู่นี้คงจะจ้องกันไปจ้องกันมาข้ามฝั่งน้ำแบบนี้ล่ะนะคะ โลกแห่งความคลาสสิคในครั้งอดีต ก็จ้องมองโลกแห่งความสมัยใหม่ที่เปรี้ยวปริ๊ด มองกันไปมองกันมาไม่มีใครแพ้ใคร กิ๊บเก๋ไฉไลไปไกลทั่วโลกพอๆ กัน






มาเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง ไกด์พาคณะเรามาเที่ยวชมวัดพระหยกค่ะ ด้านในอาคารห้ามถ่ายภาพ โดยเฉพาะอาคารชั้น 2 ตรงจุดที่มีพระพุทธรูปหยกขาวตั้งอยู่ ต้องเสียงตังค์เข้าดูเพิ่ม ยืนดูได้ไกลๆ มีรั้วกั้นห่างมากๆ มีคนยืนกอดอกจ้องตาเขม็งเฝ้า มีกล้องวงจรปิดส่องเราตลอดเวลา อะไรจะขนาดน้าน


พระพุทธรูปหยก เป็นพระพุทธรูปแบบพม่าที่เราคุ้นๆ ตาล่ะค่ะ เขาว่านานมาแล้ว มีพระองค์หนึ่งในจีนไปจาริกแสวงบุญที่พม่า แล้วนำพระพุทธรูปองค์นี้กลับมาด้วย มีพุทธลักษณะงดงามมาก เรายังถามย้ำกับไกด์จีนเลยว่าเป็นหยกจริงๆ หรือแค่หินอ่อนขาว เพราะองค์ใหญ่มาก และที่เคยเห็นคุ้นๆ ตาบ่อยๆ ก็เป็นแค่พระพุทธรูปพม่าที่เป็นหินอ่อนขาว แต่ไกด์ก็ยืนยันว่าเป็นหยกขาวจริงๆ






หลังจากนั้นก็ไปล่องเรือชมวิวสองฝั่งแม่น้ำกัน ล่องเรือจบทานข้าวเย็นเสร็จก็ออกทัวร์ราตรีกันล่ะค่ะ ไกด์และท่านสปอนเซอร์ทริปนี้พาพวกเราไปสนุกกันที่ย่านซินเทียนตี้ กับผับที่สุดจะโมเดิร์น เปิดเหล้าชีวาส 2 ขวด วอดก้า 1 ขวด ผสมกับชาเขียวทีละเหยือกใหญ่ๆ รินแจกจ่ายกันครื้นเครง เบ็ดเสร็จล่อเข้าไปเกือบตี 2 กลับห้องที่โรงแรมรามาดา พลาซ่า อาบน้ำนอนตี 3


ไกด์บอกว่ารุ่งขึ้นให้ตื่น 7 โมงเช้า กินข้าว 8 โมง ล้อหมุน 9 โมง กรี๊ดดด มาบอกตอนตี 3 นี่น๊า (ทั้งหมดที่ไปในทัวร์ เป็นคนกลางคืนทั้งหมด ปกติกลางวันจะนอนอ่ะ)


แต่ท้ายที่สุดวันรุ่งขึ้น สมาชิกก็เดินอ่อนละโหยโรยแรงทยอยกันลงมา ล้อหมุนเข้าจริงๆ ก็ 11 โมงเช้าล่ะคร่าพี่น้อง คิกๆๆๆ


วันนี้เราจะไปเมืองโจวจวงกันล่ะค่ะ






ตอนก่อนจะมาที่นี่ ตอนเราได้รับเอกสารจากทางทัวร์ว่าจะไปไหนบ้าง เราก็ลองเอาชื่อสถานที่ไปหาในเนต ก็รู้แค่คร่าวๆ ก่อนว่าโจวจวงเป็นเมืองที่สวยๆ เก่าๆ คืออ่านมาก่อนแค่นั้น


แต่พอมาเห็นจริงๆ กี๊ซซซซซ มันสวยกว่าที่คิดมั่กๆๆ






โจวจวงเป็นเมืองน้ำอ่ะค่ะ เก่าแก่มานาน 900 ปีแล้ว ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเซี่ยงไฮ้ 60 กิโลฯ เอง เป็นหมู่บ้านโบราณสมัยราชวงศ์เม็ง ที่มีทางน้ำไหลผ่านข้างบ้านเลย มีคลองเล็กคลองน้อยซอกซอนไปหมด เขาเดินทางกันด้วยทางเรือค่ะเมืองน่ารักเมืองนี้






ระหว่าง 2 ฝั่งคลองก็ใช้สะพานหินข้าม ปัจจุบันเหลือสะพานหินข้ามน้ำแบบนี้ 14 สะพานค่ะ เก๋จริงๆ และเมืองนี้ได้สมญานามว่า “เมืองเวนิชของประเทศจีน” เป็นเมืองน้ำอันดับ 1 ของจีน และถูกประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก จากยูเนสโก้ด้วยค่ะ






เมืองนี้ ถูกใช้เป็นฉากหนึ่งของภาพยนต์เรื่อง Mission Impossible ภาค 3 ด้วยนะคะ


เห็นเมืองนี้แล้ว เสียดายตัวเองจริงๆ ที่ไม่ได้หาข้อมูลมากๆ มาก่อน จะได้รู้ก่อนว่าอันไหนสำคัญ บ้านไหนสำคัญที่ควรจะต้องแวะบ้างในเมืองนี้ จะได้ทวงหากับไกด์ หรือไม่ก็ช่วงปล่อยช๊อปปิ้งจะได้วิ่งไปดูจุดนั้นได้อ่ะ






เพราะสาเหตุหนึ่งก็คือ การมาเที่ยวแบบทัวร์ตามหลังไกด์อย่างนี้ มันจะไปกันไม่ได้กับการหาจุดถ่ายภาพตามใจตัวเลยอ่ะค่ะ คือถ้าจะถ่ายภาพหลายๆ จุดก็ต้องอดฟังไกด์บรรยาย ไม่ทันเห็นในสิ่งที่ไกด์ชี้ แถมมาทัวร์แบบมีไกด์จีนและไกด์ไทยด้วย ไกด์จีนบรรยายหน้าแถว ไกด์ไทยคุมหลังแถว ถ้าแวะถ่ายรูปนอกเส้นทางหรือนานหน่อย ไกด์เขาจะตามประกบเราให้ตามแถวเลยอ่ะ


(นับเป็นข้อดีนะคะ เพราะกลัวลูกทัวร์หลง แห่ะๆๆ –เดี๋ยวทัวร์มาอ่านจะหาว่าเราบ่น อิอิ จุ๊บๆๆ รักคนทำทัวร์ค่ะ โดยเฉพาะไกด์หล่อๆ ฮ่าๆๆ)


แหม๋ ถ้าอ่านออก เขียนได้ พูดจีนได้ จะมาเองเดินทอดน่องเที่ยวเสพสุขซะเต็มๆ วันเลยทีเดียว ฮิฮิ






ตรงจุดนี้ ได้ฟังไกด์เล่าแว่วๆ ฟังไม่ครบว่า เป็นจุดที่เคยมีศิลปินจีนโบราณมานั่งวาดภาพสะพานนี้ คือสะพานนี้เป็น “สะพานแฝด” อ่ะค่ะ จัดเป็นภาพที่มีชื่อเสียงมาก คือมีสะพานโค้งๆ ที่เห็นอันหนึ่ง และสะพานที่หันมาทางขวาอีกอันหนึ่ง แล้วภาพนี้ไปโชว์อยู่ที่อเมริกา เขาก็ฮือฮากันใหญ่ว่ามุมแบบนี้ในจีนมีเหรอ สวยมั่ก มุมสะพานแฝดมุมนี้ก็เลยมีชื่อเสียงน่ะค่ะ


ตรงสะพานนี้นักท่องเที่ยวตรึมกันเลยทีเดียว






จุดที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดอีกอันนึงก็คือได้ล่องเรือไปรอบๆ เมืองอ่ะค่ะ เป็นเรือแจว ลำหนึ่งนั่งได้ประมาณ 6-7 คน มีคนจีนยืนพาย 1 คน บางลำผู้หญิง บางลำผู้ชาย






เวลาพายไป เขาหรือเธอเหล่านี้ก็จะร้องเพลงจีนไปด้วย ร้องเพราะหรือไม่เพราะเราไม่รู้เพราะฟังไม่ออก อิอิ แต่ที่แน่ๆ คือมันได้บรรยากาศมั่กๆ บ้านเก่าๆ สวยๆ คลองสะอาด บรรยากาศงามๆ แบบที่เราไม่ได้เห็นมาก่อน อากาศเย็นกำลังดี 11 องศา มีแดดมาให้อุ่นๆ เสียงพายพุ้ยน้ำ เสียงครวญเพลงจีนจากคนพายเรือ


เล่นเอาเคลิ้มไปเหมือนกันค่ะ






แต่คนพายเรือนั่นมีข้อแม้อยู่หน่อยนะคะ คือเธอจะร้องเป็นน้ำจิ้มสักพัก ถ้าเราให้ทิปเธอ เธอจะร้องดังกว่าเดิม และนานกว่าเดิม ถ้าไม่ให้เธอ เธอก็จะหยุดร้องไปซะเฉยๆ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ พายเรืองุบๆ ไปเงียบๆ เหมือนเป็นใบ้ขึ้นมากระทันหันอ่ะค่ะ 555+


ว่ากันว่าหลังจากทำให้เมืองน้ำอันแสนสวยนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวไปแล้ว รัฐบาลจีนได้ให้ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้หลายพันคน เปลี่ยนอาชีพจากการเกษตรต่างๆ ให้มาทำอาชีพซับพอร์ตในเรื่องท่องเที่ยวหมดเลย คือให้เปิดบ้านทำการค้า หรือหัตถกรรมพื้นบ้าน จำพวกโอท็อปท้องถิ่นขายนักท่องเที่ยวเล็กๆ น้อยๆ ในบ้าน






นึกภาพให้ออกง่ายๆ ก็ประมาณบ้านที่เปิดขายของในตลาดร้อยปี สามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี แล้วมีคลองตลาดน้ำดำเนินสะดวก หรือคลองตลาดอัมพวาไหลผ่านเข้าไปในหมู่บ้านอะไรประมาณนั้นอ่ะ (แต่ช่วงอายุของวัตถุ และการบริหารจัดการห่างกันไกลลิบนะคะ เหอๆๆ)






และเป็นที่แน่นอนว่า ถ้ามาโจวจวงแล้ว ต้องพูดถึงอาหารระดับโอท็อป 5 ดาวประดับเพชรประจำถิ่นนี้ อิอิ นั่นก็คือ “ขาหมูโจวจวง” อ่ะค่ะ นัยว่าเป็นอาหารพื้นถิ่นที่ตกทอดกันมาในสูตรลับเฉพาะของเขา ตอนเราลองกินที่นั่นมื้อหนึ่งก็โอวส์...อร่อยล้ำเลยทีเดียว และเขามีให้ซื้อแพคกลับบ้านกันด้วยนะคะ


ร้านที่ขายขาหมูของฝากนี่ จะเรียงรายอยู่รอบๆ บริเวณทางออกน่ะค่ะ เรียงในถาดกันเป็นร้อยๆ ขา ละลานตาน่ากินที่สุด สนนราคาขาละ 45-56 หยวน เราเลือกขาไหน คนขายจะตักลงในห่อฟอยล์ แล้วเอาเข้าเครื่องปิดซองสูญญากาศ พร้อมที่จะโหลดลงเครื่องบิน หอบกลับมาเป็นของฝากคนที่กรุงเทพฯ ได้เป็นอย่างดี ไม่เลอะเทอะ และเก็บได้นานด้วย ทันสมัยไฉไลจริงๆ วิธีการนี้ขัดกันกับสภาพบ้านโบราณริมน้ำแบบนี้โดยสิ้นเชิง เหอๆๆ






แต่พอเอากลับมาบ้านที่กรุงเทพฯ แกะฟอยล์แล้วลงลังถึงนึ่งอาหาร ร้อนได้ที่แล้วดูหน้าตาดีมาก แต่พอเอาช้อนส้อมตักลงไป ปรากฏว่าเด้งดึ๋งงง ค่ะ 555+ ตัดไม่ออก เหนียวมั่ก แต่น้ำซอสมันยังอร่อยโอเคอยู่นะ แต่เนื้อเหนียวมากกว่าแบบที่กินสดๆ ในร้านนั่นอ่ะ แบบว่ากินที่ร้านเอาลิ้นดุนก็ยุ่ยอร่อยล้ำจนต้องขอสั่งเพิ่ม แต่นี่เอามีดเถือยังไม่ค่อยจะเข้าเลย ฮ่าๆๆ


ขาออกเห็นมีตั้งแถวการแสดงแบบชาวบ้านๆ ด้วย คงเป็นการแสดงแบบประเพณีหมู่บ้านเขาอ่ะนะคะ เป็นนักแสดงรุ่นสาวน้อย (คือสาวเหลือน้อย คิกๆๆ)


กลับเซี่ยงไฮ้ คืนนี้ก็ไปลุยราตรีกันต่อค่ะ แต่ไปอีกย่านหนึ่ง ตั้งใจจะไปร้าน MUSE อันโด่งดังและฮ๊อตสุดๆ ปรากฏว่าไปแล้วไม่เหลือแม้แต่ที่ยืนและที่วางเหล้า เลยต้องไปเที่ยวอีกร้านข้างๆ กันค่ะ เมาหัวทิ่มด้วยเหล้าชงกับชาเขียวอีกเช่นเคย กลับโรงแรมนอนตี 3 ครึ่งสบายใจ






เช้าวันนี้ค่อนข้างตรงเวลากันค่ะ เพราะวันนี้เป็นวันช๊อปปิ้ง อิอิ


จริงๆ ก็เป็นไปตามฟอร์มของทัวร์จีนล่ะนะคะ พาไปซื้อหยก พาไปซื้อครีมไข่มุก พาไปซื้อยาจีนบัวหิมะ นวดเท้าฟรี อะไรประมาณนี้


ส่วนในภาพนี่ “ถนนนานจิง” ถนนไฮโซโก้เก๋ ขายของแบรนด์เนม หนักไปทางแบรนด์เนมสัญชาติจีน ที่ไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไร ถนนกว้าง คนเดินกันคึ่กๆๆ ทั้งกลางวันกลางคืน ไม่รู้จะเดินไปไหนกัน เดินกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยอ่ะ


ตอนถ่ายภาพนี้คือตอน 8 โมงเช้าระหว่างรอเพื่อนในทริปที่หน้าโรงแรมที่เราพัก ขนาด 8 โมงยังเดินกันเลยคิดดู อิอิ


ภาพแทรกขาว-ดำ คือภาพอดีตของถนนสายนี้เมื่อปี ค.ศ. 1930 หรือเมื่อ 78 ปีที่แล้ว จะเห็นว่าขายดี เซ็งลี้ฮ้อกันมาแต่ครั้งอดีตเลย แถมเดินกันคึ่กๆๆ มาตั้งแต่เมื่อ 78 ปีที่แล้วด้วย ฮี่ฮี่






และช่วงเช้าวันนี้ไกด์พามาส่งที่ถนน “เฉิงหวงเมี่ยว” เพื่อให้ช๊อปปิ้งซื้อของที่ระลึกอะไรเล็กๆ น้อยๆ กัน แล้วไกด์ก็ดันไม่บอกด้วยว่า “สวนอวี้หยวน” อันโด่งดังมีชื่อเสียงก็อยู่ที่นี่ แงๆๆ อดเห็นเลย


เราขี้เกียจเดินช๊อปปิ้งแถวนี้ เลยแอบแว่บเข้าวัดนี้คนเดียวซะเลย ไม่รู้ประวัติและอ่านอะไรไม่ออกทั้งสิ้นค่ะ เสียค่าเข้า 10 หยวน


ตกบ่ายไกด์พาไปตลาดของก๊อป “ตลาดหลงหัว” ซึ่งถูกใจใครหลายคน แต่น่าเสียดายเนอะ ที่ “ตลาดเซียงหยาง” ตลาดของก๊อปที่ลือลั่นถูกปิดไปซะแล้ว เราว่าตลาดนั่นเดินมันส์กว่าอีก ที่ใหม่นี่ของให้เลือกน้อยมากเลย






หมดแล้วค่ะทริปเซี่ยงไฮ้ครั้งนี้ สนุกดี ได้เห็นอะไรแปลกๆ ดี


เห็นตึกสูงไฮเทคติดอันดับโลก แต่บ้านข้างๆ ซอกตึกยังตากผ้าและกุงเกงในที่ชั้น 2 ยื่นยาวมาบนทางเท้าน้ำหยดติ๋งๆ อยู่เลย ให้คนเดินลอดผ้ายันต์ประเจียดผืนน้อยพร้อมพรมน้ำมนต์เล่น


ได้เห็นโรงแรม 5 ดาว และภัตตาคารจีนสุดหรู แต่คนเข้าห้องน้ำไม่ปิดประตู นั่งทำธุระไป พร้อมกับกลอกตามองคนเดินผ่านไปผ่านมาในห้องน้ำอย่างสบายใจซะงั๊น


ได้นั่งรถไฟแม่เหล็ก Maglev ที่เกือบจะเร็วที่สุดในโลก (พึ่งโดนล้มแชมป์ไปแล้ว) แต่ชาวบ้านเซี่ยงไฮ้ยังไปไหนมาไหนในเมืองด้วยการถีบจักรยานอยู่เลย






กิ๊ปเก๋ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใครจริงๆ ค่ะมหานครเซี่ยงไฮ้


แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้า...สวัสดีคร่า






Create Date : 04 ธันวาคม 2551
Last Update : 4 ธันวาคม 2551 13:40:33 น. 12 comments
Counter : 1181 Pageviews.

 
อยากไป อยากไป อยากไป


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:15:22:14 น.  

 
อยากไปด้วยคนครับ..สวยจริงๆ
เขียนเล่าบรรยายได้บรรยากาศมากๆ

ชอบรูปตึก..บ้านช่อง และ เมืองโจวจวง
คลาสสิกจริงๆ


โดย: Little Knight วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:16:27:12 น.  

 
ไม่ได้ทักทายกันนานมากๆ เลยนะคะ วิสกี้เองไม่ค่อยได้เข้าไป my network เลย

ตามไปเที่ยวด้วยคนนะคะ รูปถ่ายสวยมากๆ เลย


โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:19:09:09 น.  

 
ฝีมือคนถ่ายรูป hiso มากๆเลยครับ

เห็นแล้วอยากลองไปด้วยยยยย



โดย: จอมยุทธเฮง วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:20:30:58 น.  

 
นานแล้วไม่ได้เห็นบล็อกนี้พาเที่ยว
แต่ว่ามา ตอนนี้ได้กลับมาอ่านบล็อกเที่ยว
กับภาพสวยๆ อีกครั้ง หูย ตื่นตาตื่นใจ
ไปด้วยนะค่ะเนี่ย


โดย: JewNid วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:2:19:58 น.  

 
โห รูปสวยมากกกกค่ะ
โดยเฉพาะรูปเมืองโจวจวง เป็นหนึ่งเมืองในฝันที่อยากไปอยู่พอดี


โดย: koipotter วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:9:42:25 น.  

 

ขอบคุณทุกท่านมากคร่า ที่แวะเวียนมาทักทายกันน๊า





โดย: กำปงพิราเทวี วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:14:00:33 น.  

 
รูปพี่งามโพด ๆ เลย
เห็นแล้วอยากหัดถ่ายรูปเลย

จ๋วย มาก ๆ


โดย: sai IP: 58.64.92.183 วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:10:52:11 น.  

 
ตามมาดูในนี้อีกรอบ

หลังจากที่แวะไปชมในห้อง Gallery มาแล้วหนึ่งรอบ

พี่กำปงได้อะไรติดไม้ติดมือมามั่งครับในงานโฟโต้แฟร์

ผมอยากได้หลายอย่างเหมือนกัน
อาทิเช่น Nikon D3 +14-24+24-70
สนนราคาร่วมสองแสน
ลองล้วงกระเป๋าตังค์มีเงินอยู่ 40 บาทเลยขอแปะเอาไว้ก่อน ฮิฮิ



โดย: Dr.Manta วันที่: 9 ธันวาคม 2551 เวลา:9:17:48 น.  

 
มาเคลิ้มกับบรรยากาศค่ะ แต่สงสัยว่าถ้าไปเองจะเห็นสวยแบบนี้เหรือเปล่าหนอ


โดย: ดา ดา วันที่: 19 ธันวาคม 2551 เวลา:3:32:19 น.  

 
เป็นมหานครที่น่าชมจริงๆครับ


โดย: endless man วันที่: 19 ธันวาคม 2551 เวลา:10:56:13 น.  

 
สวัสดีค่า แวะเข้ามาเยี่ยมค่า คุณกำปงฯ ถ่ายรูปสวยมากค่ะ


โดย: สร้อยสนธิ์ IP: 118.173.95.106 วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:22:09:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กำปงพิราเทวี
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






ขอบคุณทุกท่านมากค่ะ สำหรับ
2 รางวัลใน BlogGang Award #2









Creative Commons License

ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน 3.0 ประเทศไทย.
Friends' blogs
[Add กำปงพิราเทวี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.