โบรกแนะสอย 10 บจ.อนาคตรุ่ง ดัชนีแกว่งตัว เก็งหุ้นวิ่งตามเศรษฐกิจจีน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.38 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 30.99 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ด้านตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนบวกหลังจากจีนประกาศดัชนี PMI สูงกว่าคาด แม้ว่าวานนี้ตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับลดช่วงบวกลงอย่างมากและตลาดหุ้นปรับตัวลงเล็กน้อยจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ค่อนข้างอ่อนแอกว่าคาด นักวิเคราะห์คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวในกรอบจำกัด ขณะที่นักลงทุนต่างชาติหันมากลับมาขายทำกำไร เน้นหุ้นที่มีจิตวิทยาเชื่อมโยงกับจีน และมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี ได้แก่ PTTGC TOP IRPC SCC เก็งกำไร 10 หุ้นเด่น ได้แก่ BANPU, STA, LPN, PS, KBANK, STEC, AIT, BWG, SCB, PTTGC

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ Sideways ในกรอบ 1076-1087 กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรแบบ “ขึ้นขาย ลงซื้อ”

ภาพรวมตลาดยังไม่แข็งแรงนัก แม้วานนี้ดัชนีจะดีดตัวขึ้นท้ายตลาดเกือบ 10 จุด ก็ตาม แต่ยังไม่พบปัจจัยบวกที่โดดเด่นเข้ามาสนับสนุน โดยในแง่การเจรจาหนี้ของกรีซ ล่าสุดยังคงคาดว่าจะสามารถมีข้อสรุปได้ภายในสัปดาห์นี้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐที่ประกาศออกมาอ่อนแอกว่าความคาดหมายของตลาดได้สร้างแรงกดดันในเชิงลบจากภายนอกเพิ่มเติมเข้ามา อีกทั้งสัญญาณทางเทคนิคที่อยู่ในเขตซื้อมากเกินไปต่อเนื่อง ทำให้มอง upside ที่เกิดจากความผันผวนจะเป็นไปอย่างจำกัด โดยนักลงทุนควรจับตาความคืบหน้าของปัจจัยและแรงซื้อของต่างชาติอย่างใกล้ชิด ซึ่งกลับพบแรงขายทำกำไรออกมาเป็นระยะแทนที่จะเป็นการสะสมหุ้นอย่างต่อเนื่อง

กลยุทธ์การลงทุน : ยังคงให้ถือพอร์ตเก็งกำไรต่อที่ 50% โดยเน้น “ขึ้นขาย ลงซื้อ” ต่อไปจนกว่าจะมีปัจจัยเพิ่มเติม 2

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50% : เงินสด 50%

ถือต่อในพอร์ต : AIT, BWG, SCB

หุ้นที่ปรับออก : TK, JAS

หุ้นที่ปรับเข้า : PTTGC มอง laggard ในธุรกิจปิโตรเคมี ราคาพื้นฐาน 86 บาท กรอบเทรดระยะสั้น มองต้าน 68.50 รับ 65.50 Cut loss 64 บาท

แนวต้าน : แนวต้าน : 1087-1094 แนวรับ : 1076-107

บล.กสิกรไทยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ตลาดหุ้นยุโรปเปิดบวกหลังรับข่าวดีที่การประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปบรรลุข้อตกลงจัดตั้ง กลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) และการลงนามสนับสนุนการคุมเข้มสนธิสัญญาการคลังของ 25 ประเทศ (ยกเว้นอังกฤษและสาธารณรัฐเชค) อย่างไรก็ตามตลาดถูกขายทำกำไรซึ่งน่าจะเกิดจากความกังวลว่ายุโรปจะสามารถคุมวินัยการคลังได้จริงหรือไม่? โดยมีบทบัญญัติครอบคลุมถึงการลงโทษประเทศที่ละเมิดเพดานยอดขาดดุลงบประมาณเกิน 0.5% ของ GDP จะโดนปรับ 0.1% ของ GDPและพยายามคุมสัดส่วนของหนี้ไม่ให้เกิน 60% ของ GDP เป็นสิ่งที่อาจไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง รวมทั้งสำนังานสถิติยุโรป เผยอัตราว่างานยูโรโซนที่ 10.4% ซึ่งยังสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ม.ค.55 ทั้ง Chicago PMI และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคถดถอยลงจากเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้ยุโรปลดช่วงบวกลงและสหรัฐฯ ปิดลบเล็กน้อยภาพรวมตลาดหุ้นไทย ก.พ. นี้จะเริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการและเทศกาลจ่ายปันผล ซึ่งน่าจะทำให้หุ้นไทยเคลื่อนไหวเป็นรายตัว

โดยมีประเด็นความคืบหน้าหนี้ยุโรปเป็นตัวหนุนเสริมบรรยากาศการลงทุนเป็นพักๆ อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าที่สุดแล้วตลาดจะกลับมากังวลเรื่อยุโรปอีกครั้ง รวมทั้งตั้งคำถามต่อการฟื้นตัวของสหรัฐฯ หลังตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ม.ค. เริ่มส่งสัญญาณอ่อนแอบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวช่วงก่อนหน้าอาจเป็นเพียงผลของฤดูกาล นอกจากนี้ความเสี่ยงด้านการเลือกตั้งในหลายๆ ประเทศในยุโรปตลอดปีนี้อาจบั่นทอนการทำตามแผนเพิ่มวินัยการคลัง แม้โมเมนตัมของตลาดในระยะนี้ยังเป็นบวก แต่ upsideสำหรับการปรับตัวขึ้นยังจำกัด และตลาดยังมีโอกาสปรับฐานอีกครั้งในเดือนมี.ค. ดังนั้นเราคงคำแนะนำลงทุนเชิงเก็งกำไรโดยระมัดระวัง

กลยุทธ์การลงทุน: การปรับฐานในระยะสั้นยังเป็นโอกาสซื้อเพื่อเก็งกำไรเป็นหลัก โดยในระยะสั้นเรามีมุมมองที่ดีขึ้นต่อกลุ่มพลังงาน/ปิโตร แนะนำ PTTGC TOP IRPC SCCและเราคงคำแนะนำให้เก็งกำไรอย่างระมัดระวัง ใน theme การลงทุนเดิม ได้แก่ 1) หุ้นพื้นฐานดี KSL CPF HMPRO TPC BCP SIRI KTB HMPRO AP SC SIRI INTUCH TTW BAFS 2) ปัจจัยเฉพาะตัว/ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี IRPC THAI NOBLE SENA และขอเพิ่ม3) หุ้นใน SET100 ที่ Underperform SET Index YTD ได้แก่ BAY JAS EGCO PTTGC GFPT 4) หุ้นปันผล TISCO KTB PHATRA KK SCCC DCC TTW สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ลดพอร์ตทำกำไรไปแล้ว ให้ Wait and See หากจะซื้อกลับขอให้เป็นส่วนน้อย ส่วนพอร์ตที่ยังมีอยู่เน้น switch พอร์ตมาหาหุ้นปันผล

KGI ประเมินว่าหุ้นไทยจะยืนๆ ในวันนี้ และอาจบวกได้หากมีพัฒนาการเชิงบวกเรื่องกรีซออกมาในช่วงบ่าย โดยแม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับลงเล็กน้อยหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจ 3 ตัวที่ออกมาเมื่อคืนล้วนต่ำกว่าที่คาดการณ์ ไม่ว่าจะเป็นดัชนี Chicago PMI ราคาบ้านเฉลี่ยของ Case-Shiller รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค แต่ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักกับสถานการณ์ในกรีซมากกว่า และในขณะนี้ KGI มองว่าที่เป็นไปได้มากที่สุดคือกรีซจะประกาศผลสรุปการเจรจากับเจ้าหนี้เอกชน และประกาศผลการประเมินเศรษฐกิจของ Troika ถ้าไม่ใช่วันศุกร์ก็เป็นช่วงสุดสัปดาห์นี้ ด้านการวิเคราะห์ผู้เล่นในตลาดยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน นักลงทุนต่างชาติยังซื้อๆ ขายๆ สลับกันไป ในช่วงเช้า จีนได้รายงานดัชนีคำสั่งซื้อ PMI เดือน ม.ค. ที่ 50.5 จุด เพิ่มขึ้นจาก 50.3 จุดในเดือน ธ.ค. 54 และดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 49.5 จุดค่อนข้างมาก เรื่องของจีนนี้น่าจะเป็นจิตวิทยาที่ดีต่อหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับจีน เช่นถ่านหิน (BANPU*) รวมทั้งยางพารา (STA*) เป็นต้น

กลยุทธ์: แนะให้ถือพอร์ตหุ้นหลักต่อไปเพื่อรอความชัดเจนเรื่องกรีซ ส่วนพอร์ตเทรดดิ้งให้รอซื้อเก็งช่วงย่อเนื่องจากเมื่อวาน SET ปิดกระโดดอาจทำให้มีช่วงลงมาก่อนได้ แนะซื้อเล่นสั้น BANPU, STA และซื้อ LPN, PS ในประเด็นดอกเบี้ยธนาคารจะลงเร็วๆ นี้ (KBANK ชี้ว่าจะประกาศลดดอกเบี้ยใน 1-2 วันนี้) รวมทั้ง STEC ซึ่งน่าจะรายงานกำไรไตรมาส 4/54 แข็งแกร่ง

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2555		0 comments
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2555 9:58:01 น.
Counter : 494 Pageviews.
Share Tweet