ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 9.44 น. ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 31.55 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศหลังนักลงทุนคลายกังวลเรื่องหนี้ยุโรปและตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด นักวิเคราะห์คาดดัชนีหุ้นไทยผันผวนอิงทางบวก แนะเก็งกำไร 12 หุ้นเด่น ได้แก่ AIT, THAI, SCB, STA, PTT, PTTEP, IVL, KBANK , DCC, LPN, STEC และ SAT

บรรยากาศลงทุนโดยรวมยังอิงทางบวกต่อ มองเป้าหมายรอบนี้แถว 1070 ขณะที่ผลประกอบการที่ดีของธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐช่วยหนุน sentiment การลงทุน ขณะที่ปัจจัยภายในยังไม่มีความคืบหน้าใหม่ๆ อย่างไรก็ดี สัปดาห์หน้าจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลตรุษจีนของหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นสัปดาห์ที่หยุดกันมาก ขณะที่จะมีการประชุมธนาคารกลางของไทยและสหรัฐในช่วงกลางสัปดาห์ จึงอาจมีนักลงทุนขายลดความเสี่ยงบางส่วนก่อน จะทำให้ตลาดมีความผันผวนและกรอบการปรับขึ้นจำกัด

กลยุทธ์การลงทุน: ระยะสั้นยังเน้นซื้อเก็งกำไร โดยคงพอร์ตในหุ้นไม่เกิน 50% แนวต้าน : 1061, 1070 แนวรับ : 1051, 1044

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50% : เงินสด 50%

ถือต่อในพอร์ต : AIT, THAI, SCB

หุ้นที่ปรับออก : GFPT, SAT

หุ้นที่ปรับเข้า :. STA รับข่าวบวกเรื่องรัฐบาลหนุนราคายาง 120 บาท/กก. + ฝนตกภาคใต้ทำให้ Supply ลดลง เน้นเก็งกำไรในกรอบเทคนิคแถว 19-22 บาท Cut loss 18.40 บาท

KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปรับขึ้นต่อ ปัจจัยภายนอกยังเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะนี้ทางสหรัฐฯ รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงสู่ 3.52 แสนตำแหน่ง ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ 3.85 แสนตำแหน่ง ขณะที่ธนาคารใหญ่ๆ เช่นมอร์แกน สเตนลีย์ และแบงก์ ออฟ อเมริกาแจ้งกำไรไตรมาส 4/54 สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์

ส่วนในฝั่งยุโรปการประมูลพันธบัตรที่มีช่วงอายุ 2-5 ปีในฝรั่งเศสและสเปนได้รับการตอบรับที่ดีและดอกเบี้ยพันธบัตรปรับตัวลดลงได้ ซึ่งเป็นจิตวิทยาเชิงบวกเช่นกัน อย่างไรก็ดีในช่วงสุดสัปดาห์นี้นักลงทุนยังต้องตามปัจจัยเสี่ยงของยุโรป ได้แก่ i) การเจรจาเรื่องลดหนี้กรีซ ซึ่งคุยมา 2 วันแล้วยังไม่ได้ข้อสรุปตามคาด และในวันศุกร์ยังจะมีการเจรจากันเป็นวันที่ 3 และ ii)รายละเอียดการเพิ่มทุนของธนาคารในยุโรป ซึ่งในสุดสัปดาห์นี้จะถึงกำหนดที่ EBA ซึ่งเป็นผู้คุมกฎภาคธนาคารยุโรปได้กำหนดให้ธนาคารต่างๆ ส่งแผนเพิ่มทุน

ด้านปัจจัยในประเทศ ยอดซื้อขายของต่างชาติและสถาบันเมื่อวานนี้ไม่ชี้ทิศตลาด เนื่องจากการขายหุ้น INTUCH ของซีดาร์ที่มูลค่าดีลประมาณ 8 พันล้านบาทนั้น เป็นการขายจากฝั่งต่างชาติไปที่ผู้ซื้อที่ปนๆ กันอยู่ทั้งต่างชาติและสถาบัน จึงแยกตัวเลขไม่ได้ อย่างไรก็ดีเมื่อดูจากยอดขายสุทธิที่รายงานเพียง 2.76 พันล้าน เราคิดว่าในความเป็นจริงต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยวานนี้ ส่วนในกลุ่มธนาคาร สมาคมธนาคารไทยออกมาชี้ว่าการเก็บค่าธรรมเนียมธนาคารเอกชนนั้นไม่เป็นธรรม และเราคิดว่าเรื่องนี้จะต้องคุยกันยาวพอควร และผลกระทบในท้ายที่สุดอาจน้อยกว่าที่ตลาดคาดในปัจจุบันว่าจะมีการเก็บ 0.6-0.75% ของฐานเงินฝาก

กลยุทธ์: ให้ถือหุ้นใหญ่หรือเก็งกำไรเพิ่ม เลือก PTT*, PTTEP*, IVL*, STA* และ KBANK* เป็นตัวเด่นและถือพอร์ตหุ้นเล็กที่แนะนำมาในช่วงก่อนหน้านี้ ได้แก่ DCC*, LPN, STEC และ SAT ทั้งนี้หากการเจรจาเรื่องกรีซลดหนี้ออกมาในเชิงบวก มีโอกาสสูงที่ SET จะขึ้นต่อในสัปดาห์หน้า

บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ คาดว่า SET รีบาวด์ในรอบสั้นๆ ดังนั้นยังเน้นขายทำกำไรเมื่อตลาดบวก...

แนวโน้ม เมื่อคืนนี้ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐลดลงเกินคาด ขณะที่ผลประกอบการของสถาบันการเงินในสหรัฐยังออกมาดีกว่าที่ตลาดกังวล รวมทั้งผลการประมูลพันธบัตรในยุโรปก็ยังมีความต้องการที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในเช้าวันนี้ยังคงสดใสต่อเนื่อง ซึ่ง FSS คาดว่า SET ก็มีโอกาสที่จะแกว่งตัวในด้านบวกตามภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศต่อได้ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามจังหวะแกว่งตัวผันผวนเป็นระยะๆ ของ SET ก็ยังมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะความกังวลเกี่ยวกับโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซยังมีอยู่ ขณะที่นักลงทุนบางส่วนยังรอดูแผนเพิ่มทุนของแบงก์ยุโรปในช่วงท้ายสัปดาห์นี้อีกครั้ง รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐโดยรวมยังถือว่ามีทิศทางไม่ชัดเจน ดังนั้นยังแนะนำเป็นเพียงการเข้าเทรดดิ้งสั้นๆ ตามรอบเท่านั้น

กลยุทธ์: แนะนำให้เข้าเทรดดิ้งในลักษณะลงซื้อ-ขึ้นขายตามจังหวะได้ แต่ยังต้องติดตามปัจจัยกระทบต่างๆ อย่างใกล้ชิด และถ้า SET หลุดต่ำกว่าแนวรับสำคัญทางเทคนิคแถว 1040 จุดลงไป ควรชะลอการเข้าเทรดดิ้งก่อน

Create Date : 20 มกราคม 2555
Last Update : 20 มกราคม 2555 13:43:06 น.		0 comments
Counter : 573 Pageviews.
Share Tweet