โบรกแนะเก็งกำไร 15 หุ้นเด่น ดัชนีวิ่งใกล้เป้าปีนี้ ระวังขายทำกำไร เน้นกลุ่ม laggard
ที่มา ข่าวหุ้นออนไลน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.44 น. ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 30.75 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนลบ หลังเริ่มกังวลต่อผลการประชุมอียู เนื่องจากรัฐบาลเยอรมนีคาดการณ์ในทางลบมากยิ่งขึ้นต่อโอกาสในการบรรลุข้อตกลงเรื่องการคลี่คลายวิกฤติหนี้ยูโรโซนในการประชุมสุดยอด นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยวันนี้ให้ระวังแรงขายทำกำไร แต่แรงซื้อต่างชาติที่เข้ามาต่อเนื่องจะทำให้สามารถพยุงดัชนีไว้ได้ แนะเก็งกำไร 15 หุ้นเด่น และเน้นหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นไม่มาก ได้แก่ SAT, SIRI, KBANK, PTT,TUF,PTTGC, KTB, BAY, TCAP, TMB, BANPU, TRUE, THAI, STA, IVL
บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: ระวังแรงทำกำไร กลยุทธ์การลงทุน: ขึ้นขาย ลงซื้อ
แม้ยังคาดหวังความคืบหน้าจากการประชุม EU Summit ช่วง 8-9 ธ.ค. หากการที่ SETI ปรับขึ้นแรงเมื่อวานนี้ ทำให้คาดเห็นการขึ้นที่ชะลอตัวลง กอรปกับตลาดภูมิภาคเช้านี้เริ่มทรงตัว หลังมีข่าวว่ารัฐบาลเยอรมนีคาดการณ์ในทางลบมากยิ่งขึ้นต่อโอกาสในการบรรลุข้อตกลงเรื่องการคลี่คลายวิกฤติหนี้ยูโรโซนในการประชุมสุดยอดเนื่องจากรัฐบาลบางประเทศไม่มีความเข้าใจมากพอถึงความรุนแรงของวิกฤติ อย่างไรก็ตามข่าวที่ยังเป็นบวก คือการซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่ยังมีเข้ามาต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ทำให้ทางฝ่ายมองขาลงของ SETI ไม่มากในวันนี้
กลยุทธ์การลงทุน: การผ่านแนวต้านเทคนิคระยะสั้นทำให้ภาพ SET ยังอิงทางบวกหากต้องระวังแรงเทขายทำกำไรหลังปรับขึ้นมาพอควร แนะนำ ขึ้นขาย ลงซื้อ เพื่อลดความเสี่ยงความผันผวนของตลาด แนวต้าน : 1055-1060 แนวรับ : 1038-1035
การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50-75% : เงินสด 50-25%
ถือต่อในพอร์ต : SAT, SIRI, KBANK, PTT
หุ้นที่ปรับออก : TISCO, ADVANC
หุ้นที่ปรับเข้า :
TUF เก็งกำไร FV 70.50 โดยเป็น Top Pick ในกลุ่ม FOOD; Valuation ยังถูกกว่า CPF
PTTGC เก็งกำไร FV 86.00 อุปทานใหม่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลบวกต่อราคาปิโตร
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ SET เริ่มเข้าใกล้ Target ปี 54 ที่บริเวณ 1050 จุดแล้ว ควรขายทำกำไรบ้าง
แนวโน้ม นักลงทุนยังคงคาดหวังต่อผลการประชุม EU Summit ช่วงปลายสัปดาห์นี้ว่าจะมีทางออกให้กับวิกฤติหนี้ยูโรโซน หลังเยอรมนีและฝรั่งเศสบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการคุมเข้มงบประมาณของประเทศสมาชิก รวมถึงแนวโน้มการเพิ่มเงินกองทุนช่วยเหลือยุโรป (EFSF) ด้วย อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นหลายแห่งได้ขยับขึ้นมารับข่าวไปค่อนข้างมากแล้ว ทำให้เมื่อเข้าใกล้วันประชุม (8-9 ธ.ค.) ก็เริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมากดดันให้ตลาดหุ้นหลายแห่งเริ่มแกว่งตัวผันผวนอีกครั้ง ขณะที่SET ก็ขยับขึ้นมาเข้าใกล้ดัชนีเป้าหมายทางพื้นฐานตามที่ FSS ประเมินไว้แล้วที่บริเวณ 1050 จุด ดังนั้นที่ระดับดัชนีปัจจุบันจึงไม่เหมาะที่จะซื้อตามต่อ แต่น่าจะเป็นโอกาสในการมองหาจังหวะขายทำกำไรก่อนมากกว่า โดยคาดว่า SET จะเริ่มแกว่งตัวผันผวนและปรับพักตัวลงในลักษณะของการ Sell on Fact ได้
กลยุทธ์: เริ่มชะลอการเข้าเทรดดิ้ง และมองหาจังหวะในการขายทำกำไรก่อนเนื่องจากตลาดขยับเข้าใกล้ SET Target ปีนี้ที่บริเวณ 1050 จุดแล้ว
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ตลาดหวังผลอย่างมากจาก EU Summitระวัง Sell on fact เมื่อข่าวออกแล้ว ตลอดทั้งเดือนนี้ การซื้อขายเต็มไปด้วยการเก็งกำไรกับความคาดหวังในทางบวกใน2 วันสุดท้ายของสัปดาห์ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของยุโรป แต่เมื่อคืนเยอรมนีเริ่มคาดการณ์ในทางลบกับการประชุมครั้งนี้ ส่วนการประชุม ECB วันนี้ตลาดคาดว่าจะลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 1% และอาจเพิ่ม QE (ขยายขนาดโครงการซื้อพันธบัตร) ขณะที่การประชุม EU Summit 8-9 ธ.ค. จะพูดถึงการแก้ไขสนธิสัญญา European Treaty และการบังคับประเทศที่ไม่ปฏิบัติตาม (มีบทลงโทษ) รวมถึงการให้ IMF เข้ามามีบทบาทช่วยเหลือประเทศในยูโรโซนมากขึ้น ถ้าผลออกมาตามคาด ปลายสัปดาห์นี้ถึงต้นสัปดาห์หน้าน่าจะมี Sell on fact ระยะสั้นๆ เพราะในทางปฏิบัติยังต้องใช้เวลาอีกนาน
(+) กรีซน่าจะได้เงินกู้ทันกลางเดือนนี้ สภากรีซอนุมัติงบประมาณฉบับรัดเข็มขัดปี2012 แล้ววานนี้ด้วยคะแนนเสียงถึง 258 เสียงจาก 300 เสียง น่าจะได้รับเงินช่วยเหลือ 8พันล้านยูโรของกลุ่ม EU และอีก 2.2 พันล้านยูโรจาก IMF ทันกลางเดือนนี้
(+) พอความเชื่อมั่นกลับมา อะไรก็ดูดี วานนี้โปรตุเกสและเยอรมนีประสบความสำเร็จในการขายพันธบัตร โดยเยอรมนีขายพันธบัตรอายุ 5 ปีได้ 8.676 พันล้านยูโร (ตั้งเป้า 5พันล้านยูโร) yield 2.07% ลดลงจากครั้งก่อน 0.12% ส่วนโปรตุเกสขายพันธบัตรอายุ 3 เดือนได้ 1 พันล้านยูโร (ตั้งเป้า 1-1.25 พันล้านยูโร) Demand มากถึง 2 เท่า yield ลดลงเป็น 4.873% จากเดือนก่อนที่ 4.895%
บล. กสิกรไทยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ตลาดหุ้นต่างประเทศไม่มีปัจจัยใหม่เพิ่มเข้ามานอกจากข่าวคราวย่อยเกี่ยวกับการที่ S&P ปรับแนวโน้มธนาคารใหญ่ 2 แห่งในเยอรมันและฝรั่งเศสซึ่งได้แก่ Deutsche Bank และ BNP Paribas เป็นลบ และการที่ European Banking Authority (EBA) จะออกมาเปิดเผยผลการทดสอบ Stress test ของธนาคารในยุโรปพรุ่งนี้ประกอบกับแรงขายทำกำไรหลังปรับตัวขึ้นติดต่อกันหลายวันกดดันให้ตลาดปรับตัวลง อย่างไรก็ตามเรามองว่าผล Stress test ที่ออกมาอาจจะทำให้เกิดแรงขายธนาคารยุโรปบางแห่งที่ฐานะไม่แข็งแกร่งแต่จะไม่มีผลต่อภาพรวมของตลาดหุ้นยุโรปและตลาดหุ้นโลก โดยความสนใจจะมองไปยังการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปในวันที่ 9 ธ.ค.54 ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะมีมาตรการที่สร้างความยอมรับให้กับตลาดและทำให้ Sentiment การลงทุนหลังประชุมยังคงเป็นบวก อย่างไรก็ตามในระยะกลางการรัดเข็มขัดและรักษาวินัยการคลังย่อมกระทบต่อการกระตุ้นการเติบโตอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงต่อภาคเศรษฐกิจจริงในระยะต่อไป
สำหรับหุ้นไทย SET Index ปรับตัวขึ้นกว่า 24% ในระยะเวลาประมาณ 2 เดือนและปรับตัวสูงเกินกว่าเป้าหมายทางพื้นฐานปี 2554 ของเราที่ 1020 จุด แม้ระดับดัชนีที่ 1046 จะยังต่ำกว่าเป้าหมายปี 2555 ที่ 1100 ของเรา และบรรยากาศการลงทุนโดยรวมยังคงเป็นบวก แต่ผลตอบแทนและความเสี่ยงเริ่มดูจูงใจน้อยลงกลยุทธ์การลงทุนจึงควรเน้นขายลดความเสี่ยงในหุ้นที่ปรับขึ้นมามาก หรือหากรับความเสี่ยงได้ และต้องการจะเข้าเก็งกำไร เราแนะนำให้เลือกหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม laggard ตลาดค่อนข้างมาก
กลยุทธ์การลงทุน: หุ้นไทยอาจแกว่งบ้างแต่ยังมอง downside ช่วงสั้นจำกัด การปรับขึ้นของดัชนีจากนี้จะเปิดโอกาสขายลดพอร์ตที่ดี และอาจพิจารณาถือบางส่วนไว้ลุ้นขายในสัปดาห์หน้าเพื่อเก็งการแก้ปัญหายุโรป (ประชุม 9 ธ.ค.54) ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดคำแนะนำ จากช่วงนี้ถึงสัปดาห์หน้า พิจารณาทยอยขายทำกำไร (sell into strength) หุ้นที่ขึ้นมามาก หรือ Outperform กว่าตลาดรวม หากจะเก็งกำไรควรเน้นในหุ้นที่ laggard ตลาดมาก ได้แก่ KTB, BAY, TCAP, TMB, BANPU, TRUE, THAI, STA, IVL
สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ลดพอร์ตทำกำไรไปแล้ว ให้ Wait and See และรอสัญญาณกลับเข้าไปซื้อใหม่ ซึ่งเราคาดว่าช่วงม.ค.-ก.พ.55 ตลาดจะมีการปรับตัวลงส่วนนักลงทุนที่มีต้นทุนสูงและยังไม่ได้ลดพอร์ต อาจใช้จังหวะการปรับขึ้นรอบนี้ในการลดการถือครองหุ้น โดยเฉพาะที่มีกำไรอยู่
Create Date : 08 ธันวาคม 2554 |
Last Update : 8 ธันวาคม 2554 11:29:22 น. |
|
0 comments
|
Counter : 523 Pageviews. |
|
|
|
| |