โบรกแนะสอย 9 หุ้นร้อน ดัชนีแกว่งตัว บาทอ่อนค่า เน้นหุ้นขนาดกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.39 น. ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 31.53 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนบวก แต่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลงในวันนี้ นักวิเคราะห์คาดวันนี้ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบจำกัด แม้ว่าจะมีข่าวไม่ดีจากฝั่งยุโรปเกี่ยวกับการเพิ่มทุนของธนาคารยูนิเครดิตของอิตาลี แต่ตัวเลขเศรษฐกิจอเมริกาทำให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น สอดคล้องกับราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวขึ้นหนุนกลุ่มพลังงาน แนะนำเก็งกำไร 9 หุ้นเด่น ได้แก่ SIRI, BWG, PTTEP, IVL,DCC, STEC, LPN, SAT, TISCO
บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: แกว่งตัวกรอบจำกัด ระยะสั้นเน้น “ขึ้นขาย ลงซื้อ”
แม้ภาพรวมที่อิงทางบวกได้รับแรงหนุนจากการกลับเข้าซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติทั้งในตลาดหุ้นและอนุพันธ์ หากแต่การร่วงลงของค่าเงินยูโรยังสะท้อนภาพความไม่มั่นใจต่อปัญหาหนี้ของยุโรป อันจะเป็นปัจจัยลบที่รบกวนบรรยากาศการลงทุนต่อไป ส่วนปัจจัยภายในยังต้องจับตาความคืบหน้าและผลกระทบที่จะตามมาจากประเด็นเรื่องการโอนหนี้ของ FIDF รวมถึงแนวโน้มการทยอยขายทำกำไรของกองทุน LTF ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในช่วงต้นปีต่อไป โดยคาด SETI ในวันนี้จะเริ่มแกว่งตัวในกรอบจำกัดมากขึ้นระหว่างรอปัจจัยใหม่ หรือความคืบหน้าของปัจจัยเดิม ขณะที่มีสัญญาณลบทางเทคนิคในกราฟ 60 นาที ที่อาจทำให้ตลาดซึมตัว
กลยุทธ์การลงทุน: ระยะสั้นเน้นการเก็งกำไรแบบ “ขึ้นขาย ลงซื้อ” ไปก่อน โดยมอง Upside ของรอบยังไปไม่ไกล เว้นเสียแต่จะมีข่าวบวกจากทางฝั่งยุโรปแทรกเข้ามาจึงให้จำกัดพอร์ตหุ้นเพียง 50% ก่อน ระหว่างรอความคืบหน้าของปัจจัยแนวต้าน: 1040-1043 แนวรับ : 1030-1027
การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50% : เงินสด 50%
ถือต่อในพอร์ต : SIRI, BWG, PTTEP
หุ้นที่ปรับเข้า : IVL เก็งกำไรจากราคาฝ้ายที่ปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา และเริ่มปิดดีลการซื้อกิจการใหม่ๆ ราคาพื้นฐาน 50.25 บาท ส่วนกรอบเทรดในระยะสั้นมองแนวต้าน 32.50 บาท แนวรับ 29 บาท Cut loss 28 บาท
KGI ประเมินหุ้นไทยวันพฤหัสฯ แกว่งตัวในกรอบจำกัดที่ 1,033 ถึง 1,043 จุด คาดว่าการวิ่งขึ้นของหุ้นโลกในช่วงปีใหม่จะเริ่มชะลอเนื่องจากปัจจัยลบจากฝั่งยุโรปเริ่มเข้ามาแล้ว และน่าจะจำกัดการเข้าซื้อของต่างชาติในระยะถัดไป (คือเรามองว่าต่างชาติคงยังซื้ออยู่ในระยะสั้นๆ แต่ในที่สุดก็จะหยุดซื้อจากความเสี่ยงในยุโรป) ทั้งนี้การประมูลพันธบัตร 10 ปีของเยอรมันเมื่อวานนี้มีความต้องการเข้ามาในระดับปานกลาง และที่เป็นข่าวลบชัดเจนได้แก่การเพิ่มทุนของ ธ.ยูนิเครดิตซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุดของอิตาลี โดยธนาคารดังกล่าวกำหนดราคาเพิ่มทุนที่เพียง 31% ของราคาในกระดาน ซึ่งเป็นจิตวิทยาที่ไม่ดีต่อภาคธนาคารยุโรป ส่วนสถานการณ์ในสหรัฐฯ ยังดีเหมือนเดิม คำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือน พ.ย. เติบโตดีที่ 1.8% จากเดือนก่อนหน้า และใกล้กับที่ตลาดคาดการณ์ไว้และหนุนให้ดาวโจนส์ยังปิดในแดนบวกได้
ในระยะสั้นคาดว่า SET จะยังประคองตัวได้เนื่องจากราคาน้ำมันทรงตัวสูง หนุนกลุ่มพลังงาน หลังจากสหภาพยุโรปใกล้บรรลุข้อตกลงการคว่ำบาตรอิหร่านโดยการห้ามนำเข้าน้ำมัน อย่างไรก็ดีเราคิดว่าปัจจัยลบจากฝั่งยุโรปจะมากขึ้นในกลางเดือน ม.ค. เป็นต้นไป และจะกดดันสินทรัพย์เสี่ยงรวมทั้งสินค้าโภคภัณฑ์ในที่สุด ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารในระยะสั้นจะอ่อนตัว เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2555 จะถูกกดดันจากน้ำท่วม ในขณะที่ข่าวสารในตลาดเป็นลบหลังจากยังมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการโอนหนี้ 1.14 ล้านล้านบาทของกองทุนฟื้นฟูให้กับ ธปท. และอาจต้องมีการเก็บค่าธรรมเนียมของสถาบันประกันเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ในระดับที่สูงขึ้น
กลยุทธ์: แนะให้ชะลอการลงทุนในหุ้นกลุ่มใหญ่ๆ แม้ว่าตลาดหุ้นอาจยังไม่ลงทันทีก็ตามแต่ทางขึ้นค่อนข้างจะจำกัด ให้เน้นซื้อหุ้นขนาดกลางที่เสี่ยงต่ำต่อภาวะ SET โดยรวม เราชอบกลุ่มวัสดุและรับเหมาก่อสร้าง (DCC, STEC) กลุ่มบ้านที่ขายคอนโดฯ (LPN) และกลุ่มยานยนต์ (SAT) หรือซื้อหุ้นที่จ่ายปันผลครั้งเดียวในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. น่าจะมีแรงหนุนหุ้นที่ดี เช่น TISCO
บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ตลาดเริ่มรีบาวด์ขึ้นให้ขายทำกำไรตามรอบแล้ว..ถัดจากนี้รอการปรับลง!! แนวโน้ม ตลาดสินเชื่อในยุโรปเริ่มตึงตัวขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้ธนาคารในยุโรปมีต้นทุนที่สูงขึ้นในการเพิ่มทุน ซึ่งล่าสุดธนาคารยูนิเครดิตของอิตาลีกำหนดราคาขายหุ้นเพิ่มทุนในระดับที่ต่ำมาก สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับการเพิ่มทุนในภาคธนาคารของยุโรป ขณะที่ค่าเงินยูโรร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ กระตุ้นให้ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้ง นอกจากนี้การประมูลพันธบัตรของเยอรมนีเมื่อวานนี้ค่อนข้างเงียบเหงา ทำให้นักลงทุนวิตกว่าอาจจะมีความต้องการไม่มากนักสำหรับการประมูลขายพันธบัตรที่สำคัญของยูโรโซนในระยะถัดๆ ไป ซึ่งเมื่อวานนี้ตลาดหุ้นก็ได้ขยับบวกตามตลาดหุ้นเพื่อนบ้านขึ้นมาพอควรแล้ว ซึ่ง FSS คาดว่ากรอบการขึ้นของ SET ในช่วงนี้ยังค่อนข้างจำกัด และยังต้องระวังแรงขายโดยเฉพาะในส่วนของกองทุน LTF ที่จะครบอายุ กดดันให้มีการปรับพักฐานในรอบถัดไปไว้ด้วย ดังนั้นช่วงนี้จึงยังเน้นเป็นเพียงการเทรดดิ้งตามรอบสั้นๆ เท่านั้น
กลยุทธ์: ดังนั้นจึงยังแนะนำให้หาจังหวะขายทำกำไรเมื่อตลาดบวกขึ้น ส่วนจังหวะกลับเข้าเลือกหุ้นเพื่อซื้อยังแนะนำให้รอรอบปรับพักฐานก่อนเช่นเดิม นอกจากนี้ต้องระวังแรงขายในหุ้นกลุ่มแบงก์จากประเด็นการเก็บเงินสมทบประกันเงินฝากเพิ่มไว้ด้วย
| Create Date : 06 มกราคม 2555 |
| Last Update : 6 มกราคม 2555 9:47:41 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 578 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [