"โอ๋" ภัคจิรา วรรณสุทธิ์ "ทองคำ" สร้างกำไรสู่อนาคต
ความแน่นอนเป็นสิ่งไม่แน่นอนเสียนี่กระไร ในบางครั้งเราจะเห็นคนที่มีรายได้เข้ามาในแต่ละเดือนเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ไม่รู้จักเก็บไม่รู้จักวางแผนให้กับอนาคตใช้จ่ายไปอย่างฟุ่มเฟือย พอเดือดร้อนก็ต้องวิ่งไปขอหยิบยืมเงินจากคนอื่น ๆ ซึ่งบางครั้งก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง ซึ่งถ้ารู้จักวางแผนในแต่ละเดือนควรเก็บเท่าไหร ใช้จ่ายเท่าไหร่แล้วเชื่อว่าเราจะมีเงินที่ออมไว้ออกมาใช้ได้ทันที เพราะมันเป็นการวางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว...
เช่นเดียวกับ โอ๋ - ภัคจิรา วรรณสุทธิ์ ที่ก่อนหน้าไม่เคยมีวี่แววกับการเจ็บไข้ได้ป่วยเลย เพราะเราจะเห็นเธอสนุกสนานเริงร่าอยู่ในจอทีวีเป็นประจำ จนมาวันหนึ่งต้องมาพบว่าตัวเองเป็นโรคเอ็มจี หรือชื่อทางการแพทย์ ภาษาไทยเรียกว่า "กล้ามเนื้ออ่อนแรง" แต่อย่างไรก็ตาม โอ๋ จะเป็นคนรู้จักใช้สตางค์มาตั้งแต่เด็กมีการวางแผนเรื่องของการออมเงิน จึงทำให้วันนี้เธอไม่เดือดร้อนในเรื่องของค่ารักษาพยาบาล แถมยังมีเงินเก็บสะสมเปิดกิจการเสริมความงามที่ตัวเองชื่นชอบได้อีกด้วย
โดยโอ๋เริ่มบอกถึงธุรกิจของตัวเองว่า ตอนนี้มีธุรกิจเกี่ยวกับความสวยความงาม ชื่อว่า PP CLINIC ตั้งอยู่ที่ สปอร์ตคลับซิตี้ ประชาชื่น ซึ่งธุรกิจนี้เป็นสิ่งที่ตัวเองถนัดและมีความชอบอยู่ในตัวอยู่แล้วเปิดมาได้ประมาณ 5 - 6 เดือน กระแสการตอบรับค่อนข้างดีมาก และช่วงที่มีม๊อบเกิดขึ้นในใจกลางเมืองยิ่งมีลูกค้ามากเป็นพิเศษ เพราะจะมีลูกค้าที่หนีม๊อบความวุ่นวายในเมืองมาใช้บริการที่ร้านอยู่หลายราย และในปีหน้านี้มี โอ๋ มีแผนที่จะขยายกิจการออกไปอีก ซึ่งที่ดูไว้จะเป็นแถวศูนย์ราชการ และแถวสุขุมวิท เป็นต้น ส่วนงานในวงการบันเทิงตอนนี้มีละครเรื่อง แฝดนะย่ะ พิธีกรรายการ แฮปปี้มอนิ่งทางช่อง 5 และรายการตีท้ายครัวทางช่อง 3
สำหรับรายได้ที่เข้ามาทั้งธุรกิจส่วนตัวและงานในวงการบันเทิง โอ๋ จะนำเงินไปลงทุนในทองคำ เพราะ "พี่เฟียต-มธุกร พสวงศ์ (สามี) มีร้านทองเราก็จะได้ความรู้จากตรงนี้มาพอสมควร นอกจากนี้แล้วก็มีทำประกันชีวิต และฝากประจำด้วย ส่วนสัดส่วนที่แบ่งเก็บแบ่งใช้จะอยู่ที่ 50 ต่อ 50 เพราะ โอ๋ เองยังต้องนำเงินบางส่วนมาหมุนต่อการทำธุรกิจด้วย
อาชีพในวงการบันเทิงไม่แน่นอน ดังนั้นการออมเงินจึงมีประโยชน์กับอนาคตอย่างแน่นอน และต้องหาอะไรทำเสริมควบคู่ไปด้วย เพราะเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองในอนาคต ซึ่งโอ๋จะทำประกันชีวิตตั้งแต่เด็ก ๆ เลย เพราะเราเป็นคนที่ไม่ได้มีเงินมากมาย ดังนั้นเราต้องมีการวางแผนให้กับตัวเอง
โอ๋ บอกเพิ่มเติมว่า ตัวโอ๋เองจะทำงานมาตั้งแต่เด็ก เพราะที่บ้านฐานะไม่ได้ร่ำรวยอะไร ก็จะหาเงินค่าเทอมเอง รับผิดชอบตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เราดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน เพราะเราต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวด้วยในตอนนั้น และปัจจุบันก็ยังต้องดูแลอยู่
"ตอนอายุ 14 ปี ไปเดินสยาม มีคนชวนประกวดมิสสยามเซ็นเตอร์ ยัง สตาร์ ปรากฎติด 10 คนสุดท้ายแล้วก็ตกรอบ จากนั้นช่วงปี 2536 ชีวิตก็เปลี่ยน คุณปู่คุณย่าขายบ้านใหญ่เพราะเศรษฐกิจไม่ดี พูดเลยว่าล้มละลาย คุณพ่อเครียด เริ่มติดเหล้า ตอนนั้นน้องสาวคนเล็กก็เพิ่งเกิด โอ๋เริ่มคิดว่าชีวิตต้องรับผิดชอบ ก็โทรหาพี่ตี๋- ธรรมนูญ ศรีสดใสสกุล ที่ให้นามบัตรไว้ เขาก็พาไปแคสงานแต่ก็ไม่ได้ โชคดีไปเดินแถวประตูน้ำ มีคนเรียกไปถ่ายแบบนิตยสารวัยน่ารัก ได้เงินมาบ้าง พอปี 2539 อายุ 18-19 ปี สมัครประกวดมิส ฟิวเจอร์ โมเดล คอนเทสต์ ได้ที่ 1 และขวัญใจช่างภาพ จากนั้นพี่อุ๊บ วิริยะเห็นแววก็พาไปประกวดมิสมอเตอร์โชว์ปี 2539 ซึ่งก็ได้ตำแหน่ง ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ 10 ปีแล้ว โอ๋ทำงานไม่เคยขาด"
อย่างไรก็ตาม ช่วงเด็ก ๆ คุณแม่ก็จะสอนโอ๋อยู่เสมอตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าให้รู้จักเก็บออมเงิน ให้รู้จักประหยัด แต่ส่วนตัวโอ๋เองมองว่าเราต้องใช้บ้าง เพราะเราทำงานมาตลอด ตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยได้ใช้สตางค์ที่เราหามาได้เลย เพราะเราทำงานอย่างเดียว มันทำให้เราไม่มีความสุข เครียด ก็จะมีบ้างที่ใช้จ่ายในสิ่งที่ตัวเองอย่างได้บ้างเพื่อเป็นรางวัลจากการทำงาน เพราะการทำงานในวงการบันเทิงมันเหนื่อยมาก ลำบากมาก แต่สิ่งที่ซื้อก็จะไม่ฟุ่มเฟือยมากนัก
สุดท้าย โอ๋ ฝากบอกว่า สิ่งที่ทำได้อย่างจริงๆ จัง ๆ คือหลักเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เราสามารถใช้ได้จริง ซึ่งคนที่รวยอยู่แล้วก็ไม่ควรที่จะซื้อของใช้ที่ฟุ่มเฟือยเพราะคิดว่าตัวเองไม่เดือดร้อนแต่ควรจะแบ่งปันให้กับเพื่อนมนุษย์ที่ยากไร้บ้าง หรือนำเงินไปทำบุญบ้างเป็นต้น เราไม่ควรดูถูกเงิน เพราะเงินบางครั้งมันก็มีความสำคัญสำหรับคนบางคน ส่วนคนที่มีรายได้น้อยก็ยังต้องมีการเก็บเงินไว้ใช้ในอนาคตหรือยามฉุกเฉิน เช่นถ้ามีเงิน 500 บาท เราควรเก็บไว้ 200 - 300 บาท เพื่อเป็นการวางแผนในการใช้เงินในอนาคต
ที่มา manager.co.th
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [