1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 26 28 29 30 31
|
ลงทุนในทองคำ
บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ ระบุว่า ราคาทองคำยังมีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นตลอดสัปดาห์นี้ แม้เงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นเกือบสูงสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับยูโร เป็นผลจากความกังวลเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประเทศกรีซ หลังสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือของฟิทช์ลดอันดับของกรีซลงสู่ระดับขยะ ทำให้นักลงทุนเทขายสกุลเงินยูโรและหันไปถือดอลลาร์สหรัฐ และทองคำโลก ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำโลกจะไปในทิศทางเดียวกับการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐบ้างในช่วงนี้จนกว่าการแก้ไขปัญหาของกรีซจะหมด
นอกจากนี้ สถาบันจัดอันดับเอสแอนด์พี ยังปรับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงจาก คงที่ เป็น ลบ ขณะที่ตลาดทองคำแท่งของเซี่ยงไฮ้จะเปิดตัวกองทุนทองคำอีทีเอฟ เพิ่มช่องทางการลงทุนในทองคำให้กับนักลงทุนในจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีการบริโภคทองคำมากที่สุดในโลกอีกด้วย ส่วนค่าเงินบาทไทยระยะสั้นยังอ่อนค่าจึงสนับสนุนราคาทองคำให้ปรับขึ้นได้เช่นกัน หลังกระทรวงพาณิชย์ประกาศตัวเลขขาดดุล
ทั้งนี้ ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสถานะในทองคำหรือสัญญาล่วงหน้าทองคำ แนะนำซื้อเก็งกำไรระยะสั้นแล้วรอขายเมื่อราคาทองคำโลกปรับขึ้นทดสอบ 1,525 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยคาดการณ์กรอบที่ 1,500-1,530 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณบาทละ 21,500-22,000 บาท ส่วนจุดถอยอยู่ที่ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนนักลงทุนที่มีทองคำอยู่ในมือแนะนำให้ทยอยขายเมื่อราคาทองคำโลกอยู่ใกล้บริเวณ 1,530 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณบาทละ 22,000 บาท หรือซื้อเพิ่มหากราคามีการปรับลงมาบริเวณบาทละ 21,500 บาท
ด้าน บริษัท ออสสิริส จำกัด ระบุว่า ภาพนโยบายการเงินสหรัฐในปัจจุบันน่าจะเอื้อต่อการเก็งกำไรและผลักดันราคาทองคำในทางบวก ขณะที่แนวโน้มนโยบายการเงินอาจกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวบวกได้ไม่รุนแรงนัก คาดว่าราคาทองคำน่าจะแกว่งตัวบวกอย่างช้า ๆ โดยในระยะสั้นมองว่าภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตะวันตกจะกดดันได้สั้น ๆ ก่อนที่จะคลี่คลายได้อย่างแข็งแกร่งและกระตุ้นอุปสงค์ให้กลับมาในที่สุด ส่วนหนี้สินในยุโรปว่าน่าจะได้ข้อสรุปจบที่ดีเช่นเดิม โดยเฉพาะหลังจากที่ไอเอ็มเอฟออกมากระตุ้นให้อียูหามาตรการช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม หมายความว่าไอเอ็มเอฟอาจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือด้วย ซึ่งน่าจะจัดการให้อุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
ที่มา เดลินิวส์
|
|