เรื่อง หนึ่งหทัยมังกร
เขียน กะรัต
สนพ.คำต่อคำ
จำนวนหน้า 422 หน้า ราคา 310 บาท
---------------------------------------
♥♥ คำโปรย ♥♥
เมื่อหนึ่งสตรีที่หมายปองกลับต้องพระทัยองค์จักรพรรดิแม้สละสิ้นอำนาจราชศักดิ์เซวียเสวี่ยจิ้งก็ยอมแลกขอเพียงได้สมรักกับนางในดวงหทัยอย่าง ฉวนลี่ถิง
ทว่าชีวิตเยี่ยงราชนิกุลกฏระเบียบเป็นดั่งโซ่พันธนาการยังมีอีกหลายชีวิตของข้าติดตามและราษฏรที่ต้องห่วงใยกระทั่งหนึ่งลมหายใจก็ยากใช้ต่อรองกับผู้เป็นใหญ่เหนือหล้าหรือสุดท้ายท่ายอ๋องอย่างเขาต้องหักใจปล่อยมือเพื่อดำรงไว้ซึ่งคำว่า...ภักดี
มาแล้วค่ะ สำหรับเล่มที่ 3ของซีรีย์หนังสือของกะรัต ถ้าใครจำได้และติดตามคงเริ่มจากเล่มแรกมาเลยกับ #ดวงใจรักเจ้ายุทธ์ ซึ่งเพราะเรื่องนี้ล่ะเราถึงได้รู้จักกับท่านอาเถียน กรี๊ดดดดด เล่มต่อมาก็เป็น #ยอดพธูจอมทัพ และมาเล่มนี้ หนึ่งทหัยมังกร การอ่านก็ไม่เครียดค่ะเพราะว่าแต่ละเรื่องก็ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงแต่ว่าถ้าทางเนื้อหามันก็คาบเกี่ยวกันบ้างแต่ก็แค่เอ่ยถึงแบบผิวๆค่ะ เพราะฉะนั้นอ่านแยกได้ไม่มีผลนักต่อความบันเทิงนักค่ะ
ฉวนลี่ถิง ... หญิงสาวชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งลูกสาวของเจ้าของโรงงานทอผ้านางเก่งและขยันมากกับการทำงาน แต่แล้วนางก็ต้องขออนุญาตพ่อแม่นำตัว อาเฉิน หลานชายกำพร้าตัวน้อยไปตามหาพ่อที่เมืองหลวง ซึ่งอาเฉินเองนั้นเป็นลูกของพี่สาวกับชายหนุ่มปริศนาที่เมื่อมีความสัมพันธ์แล้วก็ทิ้งพี่สาวของฉวนลี่ถิงไปปล่อยให้พี่สาวท้องและก็คลอดลูกซึ่งเป็นที่กล่าวหาของชาวบ้านรวมถึงพ่อแม่ของตัวเองด้วยเช่นกันที่ลูกสาวคนโตที่อุ้มชูอย่างดีกลับปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปได้ขนาดนี้ พอนางคลอดอาเฉินมานางก็เสียชีวิตหลังจากนั้นแต่ว่าก่อนตายก็ได้ฝากฝังให้ฉวนลี่ถิงผู้เป็นน้องสาวว่าให้ตามหาพ่อของอาเฉินด้วยโดยมีป้ายหยกแทนตัวสำคัญที่รู้ว่าถ้าเข้าเมืองหลวงแล้วจะตามหาได้ไม่ยาก แม้ว่าการลาจากครอบครัวครั้งนี้จะทำตามความต้องการของพี่สาวแต่พ่อแม่ที่เหมือนว่าครั้งก่อนจะรังเกียจกลับไม่อยากให้ลูกและหลานชายไป เพราะเจ้าตัวหลานชายนั้นเมื่อคลอดมาแล้วเลี้ยงดูแล้วมันก็เหมือนค่อยๆทวีความผูกพันมากขึ้น แต่ฉวนลี่ถิงต้องการทำตามพี่สาวจึงได้ดื้อดึงจะไปตามหาพ่ออาเฉินให้ได้
การเดินทางเข้าเมืองหลวงไม่ยากและจริงเหมือนพี่สาวว่าไว้ว่ามีป้ายชื่อนี้แล้วก็หาพ่อของอาเฉินได้ไม่ยาก แต่ว่าก่อนจะเจอก็ต้องพบว่าฉวนลี่ถิงเข้าใจผิดคิดว่า เซวียเสวี่ยจิ้ง นั้นเป็นพ่อของอาเฉินถึงกับลงไม้ลงมือแต่ว่าถึงจะทำไปอย่างนั้นเขาก็ไม่โกรธแต่กลับช่วยเหลือสองน้าหลานให้ที่พักและบอกว่าพ่อของอาเฉินนั้นคือพี่ชายของเขาเองและก็ไม่ได้บอกมากกว่านั้น แต่แล้วก็กลับไม่ปิดบังต่อไปเพราะจำเป็นต้องบอกว่าแท้จริงพ่ออาเฉินนั้นเป็นถึงจักรพรรดิของหงอาน จักรพรรดิเสียจิ้ง และนั่นทำให้ฉวนลี่ถิงตกอกตกใจ และก็เป็นห่วงเพราะว่าวังหลังมันไม่ใช่อยู่ง่ายเลย แต่ความกังวลใจนั้นก็ได้รับการปลอบใจจาก อ๋องเสวี่ยจิ้งว่าจะดูแลหลานให้ดี
การได้เข้าไปอยู่ในการปกครองดูแลของอ๋องเสวี่ยจิ้งบวกกับที่เขาดูแลดีให้การปกป้องดูแลลี่ถิงและหลานก็ทำให้ทั้งสองคนเหมือนได้เริ่มไว้วางใจกันและกัน แต่นั่นก็ไม่ได้ง่ายเลยเพราะเรื่องของ อาเฉินและ พ่ออาเฉินซึ่งก็คือจักรพรรดิเสียจิ้งก็เหมือนยังค้างคาเพราะว่าจักรพรรดิผู้มักมากก็ยังต้องตาต้องใจฉวนลี่ถิงจนอยากจะได้น้ามาเป็นแม่จนต้องหาทางให้นางอยู่ดูแลหลานให้ในวังหลวง ซึ่งจะว่าลำบากใจก็ลำบากแต่ก็เห็นว่าอาเฉินจะต้องได้รับการดูแลจากคนที่รักสุดท้ายก็ได้รู้จักสนิทสนมกับฮองเฮาที่มีกรรมได้ตบแต่งยกย่องแต่ดันไม่มีบุตรธิดาพอเห็นอาเฉินก็กลายเป็นว่าถูกใจแต่นั่นก็ไม่ง่ายอีกเพราะเรื่องราวในวังหลวงก็ยังมีสนมอีกมากหน้าหลายตาแต่ละคนก็ล้วนพิษสงรอบตัว เพราะจักรพรรดิผู้มักมากในกามยังไม่ยอมหยุดยั้งแถมยังเรื่องราวทางการเมืองประปรายที่เล่าเปิดๆปล่อยๆ เอาไว้ก็ยังมี แล้วความรักของอ๋องเสวี่ยจิ้งกับ ฉวนลี่ถิงจะเป็นอย่างไร หนึ่งหญิงธรรมดากับสองชายฐานะอันสูงส่ง
************
ในที่สุดเล่มที่ 3 ของชุดก็อ่านจบจนได้ อ่านแล้วความฟินระหว่างพระนางมีแน่นอนเลยค่ะเพราะถือว่าเป็นคู่รักที่เค้าเกื้อหนุนเข้าทางกันดีค่ะ พระเอกออกแนวว่าข้ารักข้าชอบข้าปกป้องซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่มีกินหญ้าเพราะว่าใครก็บังคับไม่ได้แม้แต่จักรพรรดิผู้มักมาก แม้ว่าข้างนอกอ๋องเสวี่ยจิ้งคนเกรงขามทำงานเก่งแต่เวลาอยู่กับนางเอกนี่ก็ปากหวานมากป้อมากจนคนอ่านม้วน ส่วนนางเอกเราก็เก่งค่ะเรียกว่าปากไม่เป็นรองใคร คือ เป็นคนตรงๆ เก่งและน่ารัก คนเขียนใส่รายละเอียดในเรื่องของการทอผ้าย้อมสี ที่เป็นกิจการบ้านนางเอกเค้าเสียจนเรานึกอยากไปดูเค้าย้อมผ้าแบบสมัยก่อนเลยค่ะ เพราะเมื่อก่อนนี้เคยมีโรงงานไม่ไกลบ้านแต่คิดว่าตอนนี้เค้าน่าจะเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตไปแล้วมั้ง ได้อารมณ์ทำให้อยากย้อนไปสมัยก่อนมากเลย สำหรับสำนวนภาษาเรื่องนี้ต้องบอกว่าให้ผ่านเลยค่ะเพราะอ่านได้ลื่นดีแต่จะมีติดคำบางคำไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่ามันทันสมัยไปสักนิดในบางประโยคแต่อันนี้อย่าถือสาเพราะว่าอิฉันก็ไม่ได้เก๋าแนวจีนนัก แต่มันไม่มีปัญหาเลยค่ะ เพราะหลักๆใจความของเรื่องคือการอ่านแล้วเข้าใจง่ายไม่สับสนกับเรื่องราวนั่นถือว่าสุดยอดยิ่งแล้ว
ตอนนี้พักงานเขียนกะรัตไว้แป้ป เล่ม 4 ทาสรักสลักใจ อีกไม่นานเราได้เจอกันแน่ค่ะ
ดีใจๆ มีรีวิวนิยายเพิ่ม
นี่เค้ารอว่าใครจะรีวิวนิยายเรื่องทาสรักสลักใจเป็นคนแรก 555
ป.ล.อ่านบล็อกไป ก็มองเจ้าแมวตัวสีดำเดินไปเดินมาอ่ะ