Dine out at Imperial Hotel, Tokyo (buffet)
ตั้งแต่วันที่กินข้าวกล่องของร้านKitchoที่จู่ ๆ ป่าป๊าก็พูดขึ้นมาว่า บุฟเฟต์มื้อกลางวันของ帝国ホテル(Imperial Hotel) ราคาเท่ากับข้าวกล่อง ๆ นี้ ฉันไม่เชื่อ เพราะคิดว่าโรงแรมเก่าแก่ 5 ดาวของญี่ปุ่น (น่าจะเทียบได้กับโรงแรมโอเรียนเตลของบ้านเรา) น่าจะราคาสูงกว่านี้ กลับบ้านมาจึงรีบเปิดโฮมเพจของโรงแรมดู แล้วก็กรี๊ด...ดังสนั่นหวั่นไหว เพราะมันเป็นราคาเดียวกันจริง ๆ! ไม่ได้แล้ว ต้องไป ๆ ๆ
ป่าป๊าคงจะเห็นฉันพูดถึงบุฟเฟต์มื้อกลางวันของImperial Hotelนี่บ่อยมาก จึงสัญญาว่ารอให้ตาอ้วนกลับมาจากอินเดียก่อน แล้วจะพาฉันไปเลี้ยงวันเกิด แต่ขอเป็นมื้อเย็น เพราะมีเมนูที่ป่าป๊าอยากกินมากกว่า ฉันก็รอ ร้อ รอ....จนถังวันที่ 28 กรกฎา ซึ่งเป็นวันฤกษ์งามยามปลอด
หม่าม้าโทรมาเตือนความจำ (นัยว่าห้ามสายนะยะ) นัดเจอกันที่สถานีรถไฟ 4 โมงเย็น แต่ตาอ้วนดันโทรไปบอกว่าจะเดินไปเจอป่าป๊าหม่าม้าที่บ้านท่านตอนบ่าย 3 โมงครึ่งแทน เพราะไม่อยากเจอหน้าบูดเบี้ยวของป่าป๊ายืนรอหน้าสถานีเวลาที่พวกเราไปไปสาย....ประจำ! วันนี้อากาศร้อนสุด ๆ เหมือนเป็นนิมิตรหมายว่าวันรุ่งขึ้นฟ้าจะผ่าเปรี้ยง ๆ ฝนจะตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา หม่าม้าใส่เสื้อEtroตัวโปรด แล้วยังใส่สูททับ ตาอ้วนเตือนว่าระวังจะเป็นลมเพราะสูทจะอบจนเนื้อยุ่ย ๆ ของหม่าม้าระอุ แต่หม่าม้าไม่ยอมถอด ไม่กล้าโชว์bodylineที่มีส่วนนูน ส่วนดันออกมาเกินความต้องการ
หม่าม้าซื้อตั๋วรถไฟสำหรับนั่งตู้เขียว 3 ใบ สำหรับตัวเอง ป่าป๊า และฉัน ส่วนของตาอ้วนใช้suica จุดหมายปลายทางอยู่ที่สถานีShimbashi จากนั้นก็เรียกแท๊กซี่ต่อไปยังโรงแรม อากาศร้อน ๆ แบบนี้จะให้เดินไปไม่มีเสียหรอก
เราไปถึงโรงแรมตั้งแต่ 5 โมง เหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัดกิน ตอนแรกตาอ้วนคะยั้นคะยอให้พวกเราไปนั่งดื่มชาในcoffee shopของโรงแรม เพราะไม่อยากยืนแกร่วเป็นเจ้าไม่มีศาล โอ้แม่เจ้า....ทำไมล็อบบี้ของโรงแรมช่างดารดาษไปด้วยผู้คนเช่นนี้ เกิดอะไรขึ้น มองเผิน ๆ นึกว่าตลาดนัดจตุจักร ไม่มีใครยอมไปนั่งจิบชากาแฟกับตาอ้วน ก็แหงล่ะ...อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงจะกินข้าวแล้ว ใครจะไปยอมกินอย่างอื่นมาตัดกำลังล่ะ ตาอ้วนเดินไปเดินมา ก็ตกลงที่จะไปเดินเที่ยวเล่นดูร้านรวงชั้นใต้ดินของโรงแรม ป่าป๊าเหรอ...นั่งรอ ส่วนหม่าม้าผู้ชอบของสวย ๆ งาม ๆ มีเรอะจะพลาด เรา 3 คนเลยเดินไปด้วยกัน ร้านแรกเข้าไปร้านขายของ ๆ โรงแรมชื่อGargantua ฉันเห็นกระป๋องซุปข้าวโพด / potage ที่หม่าม้าป่าป๊าซื้อยกลังเอาติดบ้านเสมอ ๆ ด้วย แต่ว่าเราไม่ได้ซื้อของกันเลย ดูเฉย ๆ (ก็สั่งซื้อได้ ทำไมต้องแบกกลับบ้านให้เมื่อยล่ะ) ร้านขายของในโรงแรมไม่แพงอย่างที่คิด ของก็ธรรมดา มีทั้งของแบรนและของไม่แบรน ฉันเจอนาฬิกาพกของดีสนีย์ เรือนละ 1,5xx เยนเท่านั้นเอง ไม่ได้ซื้อนะ เพราะว่าไม่ใช้...โตแล้ว ฉันเจอคนไทยด้วย เป็นกลุ่ม 4 คน มีคุณยาย-คุณแม่-และลูกเล็ก ๆ ตอนแรกสองจิตสองใจว่าจะเข้าไปทักดีไหม แต่คิด ๆ เอ๊ะ...มันเป็นกฎด้วยเหรอว่าเจอคนไทยต่างที่แล้วต้องทัก ไม่ได้รู้จักมักจี่กันเสียหน่อย แล้วเค้าก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือ (ฉันเคยช่วยกลุ่มน้องคนไทยที่เจอกันโดยบังเอิญที่สถานีรถไฟ) ก็เลยเดินดูของเฉย ๆ ไปเรื่อย ๆ ชั้นใต้ดินของโรงแรมมีร้านที่ฉันเคยอยากจะลองกินมานานแล้วอย่าง Nadaman (หากสนใจใคร่รู้ จิ้มที่ชื่อร้านนะคะ)เพราะฉันเคยซื้อน้ำสลัดของร้านนี้มา อร่อยมาก ๆ จนอยากจะลองกินอาหารของร้านดู เอาไว้รอโอกาสพิเศษคราวหน้า ค่อยว่ากันอีกที เดินเมื่อยแล้ว ได้เวลาจะห้าโมงครึ่ง จึงกลับไปล็อบบี้ แล้วชวนป่าป๊าเดินไปที่ห้องอาหารกันเถอะ
ห้องอาหารชื่อว่า The Imperial Viking Sal มีใครเคยนึกตั้งคำถามเล่น ๆ ไหมว่าทำไมญี่ปุ่นถึงเรียกการกินแบบbuffet ว่า バイキング(baikingu) เพราะโรงแรมอิมพีเรียลเป็นต้นตำรับของคำ ๆ นี้ ตั้งแต่ปี 1958 ที่โรงแรมเรียกการกินแบบลุกไปตักเอง มีอาหารหลากหลายวางอยู่แบบsmörgåsbord ตามหนังอเมริกันชื่อว่า The Vikings (ทีนี้ก็รู้แล้วนะคะ เริ่มอยากลองไปกินแล้วยัง)
การไปกินบุฟเฟต์ต้องจองโต๊ะล่วงหน้าก่อน (ไม่เห็นมีใครwalk inเลยนะ) ป่าป๊า-หม่าม้าเป็นสมาชิกของโรงแรมนี้อยู่ ผู้จัดการห้องอาหารจึงมาเชิญท่านไปนั่งที่โต๊ะติดริมหน้าต่าง คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิก จะนั่งโต๊ะที่ถัดเข้าไป รู้สึกว่าคนที่เป็นสมาชิกของโรงแรม กับมีการจองโต๊ะแบบ 20 คนขึ้นไป มีสิทธิ์ได้นั่งโต๊ะติดหน้าต่าง แต่จริง ๆ ก็เหมือน ๆ กันแหล่ะ ไม่ว่าโต๊ะไหน ได้โต๊ะใน ๆ ออกจะดีเพราะอยู่ใกล้ไลน์อาหาร
สงสัยช่วงนี้จะเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน เด็ก ๆ มากินกันเยอะเลย มากับพ่อแม่ นั่งกันตรงกลาง ๆ ห้องติดกับไลน์อาหาร ฉันเดาว่าวันนี้เป็นเย็นวันเสาร์ แขกน่าจะเยอะกว่าปกติ เพราะเท่าที่ดูก็เห็นแขกเต็มแทบทุกโต๊ะ (ห้องนี้รับแขกได้ 200 คน) ฉันถามป่าป๊าตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่าถ่ายรูปได้ไหม ท่านว่าได้แต่ขออนุญาตกับทางโรงแรมก่อน ตาอ้วนน่ะสิไม่ยอมเดินไปบอกเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบให้ฉัน พนักงานโรงแรมยืนใส่สูทจังก้ามองมาตาเขียวปัด คุณลุงเดินเข้ามาถามว่าฉันเป็นโปรหรือเปล่า เพราะเห็นถือกล้องแบบโตนิดหน่อย ลุงคงจะกลัวว่าฉันจะมาจดข้อมูลอะไรเกี่ยวกับอาหารของโรงแรมแล้วเอาไปทำมิดีมิร้าย ตาอ้วนบอกว่าเปล่า...การถ่ายรูปเป็นแค่งานอดิเรกของฉันเท่านั้น ทางโรงแรมอนุญาตให้ถ่ายได้ แต่อย่าไปยืนเกะกะแขกคนอื่น เออว่ะ...ไม่มีใครบ้าเอากล้องไปยืนจ่อถ่ายอาหารที่ไลน์กันสักคน ถ่าย ๆ ไปก็เขินไป รูปออกมาแบบมีกลิ่นไอของความสำนึกผิดผสมมาด้วย ฉันเริ่มถ่ายจากไลน์อาหารเรียกน้ำย่อยก่อน - ไลน์อาหารพวกเส้น ๆ ข้าว ๆ - มุมขนมปัง+ชีส - อาหารตามสั่ง - เค้ก ไอติม
ไลน์ไม่ใหญ่มาก ฉันว่าความอลังการสู้ตามโรงแรม 5 ดาวของบ้านเราไม่ได้ (ก็อยู่แล้วเทียบราคากับค่าครองชีพ) อาหารมีประมาณ 40 ชนิด แต่ละชนิดจัดมาในปริมาณไม่เยอะ แต่หากของพร่องไปปั๊บ พ่อครัวที่ยืนประจำการกัน 5-6 คนในไลน์ จะรีบเอาอาหารมาเต็มให้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ของหมดจาน
วัสดุที่นำมาใช้ปรุงดีมาก และรสชาติอาหารก็เยี่ยมด้วย (เดี๋ยวจะบรรยายเท่าที่จำได้นะคะ) ฉันไม่เน้นของหวาน โดยเฉพาะเค้ก (จริง ๆ ฉันไม่ใช่คนชอบกินเค้กมาก ๆ นะ) ดูจากรูปลักษณ์แล้ว รู้จักชื่ออยู่แค่ Baumkuchen และ Chou cream เห็นหม่าม้าว่ามีชีสเค้กด้วย แต่ฉันไม่รู้ว่าก้อนไหนเป็นอะไร เพราะว่ากินเค้กสตอร์เบอรี่ชิ้่นบาง ๆ แค่ชิ้่นเดียวเท่านั้น เพราะมันอิ่มแล้ว ฉันเห็นสมาชิกห้องก้นครัว ถ่ายรูปน้ำพุช็อคโกแลตมาโพสต์ โห...ดูฮะรูฮะรามากเลย ที่นี่ไม่มีหรอก แต่ไอติมอร่อยนะ ฉันเห็นไอติมตามบุตเฟต์ไลน์ของบ้านเราแล้ว ต้องเทคะแนนให้กับไอติมของImperial Hotelเค้าเลย เอาหล่ะ อุปกรณ์การกินพร้อมแล้ว เริ่มจากอาหารเรียกน้ำย่อย appetizer ก่อนอื่น ขอบอกว่าฉันไม่คุ้นเคยกับอาหารฝรั่งเลย บางอย่างอาจจะเรียกผิด ขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ - มีปลาซัลม่อนรมควัน กับปลาเนื้อขาวอะไรอีกอย่างหนึ่ง (ฉันจำชื่อไม่ได้) ทานกับหอมม่วงซอยบาง ๆ อร่อยลืมโลกเลย - Pâté ต่าง ๆ - ปลาherring (nishin) ดองเปรี้ยวหวาน ราดsour cream sauce มานิดหน่อย ขอบอกว่าอร่อยมากๆๆๆ ฉันชอบเมนูนี้ที่สุด ตักเพิ่ม 3 รอบแน่ะ - แฮมชนิดต่าง ๆ - ตับห่าน (fois gras) ชิ้นเล็ก ๆ บนซุปที่แข็งเป็นเจลลี่ แล้วราดด้วยซุปข้าวโพด รสชาติของเจลลี่จืด ๆ หน่อย แต่พอกินคู่กับซุปข้าวโพดทั้งหวานมัน อร่อยสุด ๆ - ตาอ้วนไปตักซุปSancerre Style Potato Potageมากิน แต่ฉันไม่ได้ลอง - mashed potato + seafood mimosa ฉันไม่ได้ตักมาลองกิน เห็นกองเหมือนแยมโรลสีเหลืองอ่อน ๆ วางอยู่ เป็นอาหารแนะนำของเชฟ (คือฉันไม่ชอบกินมันฝรั่งง่ะ) ที่เห็นในจานของตาอ้วนเป็นก้อนเขละ ๆ สีเหลืองอ่อนน่ะ ใช่เลย - ฉันตักสลัดมา ฉันว่าsizzler บ้านเราดีกว่านะ อย่างน้อยก็มีให้เลือกเยอะกว่า ที่นี่มีผักกาดแก้ว/มะเขือเทศเล็ก/แครอทซอยเป็นเส้น ๆ / สาหร่ายชนิดต่าง ๆ/ หอมม่วงซอยบาง ๆ แล้วมีtopping คือ เบค่อนทอดกรอบ / ขนมปังลูกเต๋ากรอบ/ หอมทอด ฯลฯ แล้วราดด้วยน้ำสลัดแบบซีซาร์ / 1000 เกาะ/ น้ำสลัดญี่ปุ่น แล้วอะไรอีก 1-2 อย่าง สิ่งที่ล่อตาล่อใจป่าป๊าให้มากินบุฟเฟต์มื้อเย็นก็คือ - roast beef ที่กินคู่กับhorseradish เนื้อนุ่มกำลังดี แต่น้ำเกรวี่จืดไปหน่อย (ทุกคนคิดเหมือนกัน) - Roast young wild duck w/ prune sauce จานนี้อร่อยมาก ๆ ๆ ๆ ถึงเนื้อเป็ดป่าจะเหนียวกว่าเนื้อวัว แต่น้ำซอสที่ราดเข้มข้นถึงใจ เคี้ยว ๆ ไปยังได้กลิ่นเฉพาะตัวของเนื้อเป็ดเตะจมูกเลย (ทุกคนลงความเห็นว่าอร่อยมั่ก ๆ) - จานของตาอ้วนเป็น gratin (อะไรสักอย่าง) / ปลาsea bass ปรุงแบบCafe de paris style / เนื้อลูกแกะปรุงแบบNavarin style - ส่วนของฉันเป็นเมนูที่เชฟแนะนำ อร่อยมาก ๆ ครีมข้นตั๊ว ขนาดฉันเป็นคนไม่ชอบทานอาหารฝรั่ง ยังยกนิ้วให้เลย - ที่เห็นสีเขียว คือเนื้อหอยทาก Escargot Fricassée Parsley Butter Sauce - ที่เห็นสีขาวขุ่น คือ เนื้อลูกวัว(veal) Blanquette de Veau - มีแกงกะหรี่กินด้วยนะ ตาอ้วนกับหม่าม้าลองกิน ตาอ้วนชอบสุด ๆ ส่วนหม่าม้าสำลักความเผ็ดต้องเรียกหาน้ำกินเลย ที่เห็นคือ beef curry มีtopping ให้ตามใจชอบ เช่น pineapple puree / หอมทอด / ขิงดองน้ำส้ม / fukujin-zuke / spicy sauce / มะพร้าวแห้งขูดฝอย ฯลฯ
แล้วยังมี Seafood Coconut Curry ด้วย แต่ไม่ได้ลองตักมากิน - ฉันตักข้าวผัดJambalayaมากิน ไม่ค่อยปิ๊ง มันจืด ๆ ชืด ๆ ไปหน่อย / กุ้งทอดอร่อยมาก ๆ มีน้ำจิ้มไก่ให้ด้วยนะ ฉันเลยราดมาซะชุ่มเลย / ปกติหากสั่งเชฟว่าขอเป็ดป่า เชฟจะหั่นมาให้จานละ 2 ชิ้น แต่ของฉันขอชิ้นเดียว ก็เลยให้เชฟใส่จานที่ถืออยู่รวมกันมา / แล้วก็มีsalmon cream pasta อันนี้เป็นอาหารที่เชฟแนะนำ ถ้วยนี้หม่าม้าตักมา เป็นปลาหมึกอะไรสักอย่างที่มีหม่าม้าคนเดียวกิน เห็นบอกว่าอร่อยดี
หากอาหารจานไหนเชฟแนะนำ จะมีป้ายปักบอกเอาไว้ ครอบครัวฉันลงความเห็นว่าบางอย่างก็อร่อย บางอย่างก็ไม่ถูกปากเรา สู้อาหารพื้น ๆ ที่ไม่แนะนำไม่ได้ 5555 (ก็แล้วแต่ปุ่มรับรสของแต่ละคนอ่ะนะ) ชีสจานนี้ของตาอ้วน ฉันไม่ค่อยชอบกินชีส ยกเว้นครีมชีสที่เอามาทำชีสเค้ก อันนั้นพอกินได้ แต่พวกชีสกลิ่นแรง ๆ แบบblue cheese/camembert/Permigiano-Reggiano ฯลฯ ต้องถามตาอ้วนว่ามีอะไรอีก โดยเฉพาะอย่างหลัง ตาอ้วนบอกว่าไม่ค่อยอร่อยนัก แต่โรงแรมตั้งไว้เป็นก้อนมหึมาเลย ค่อย ๆ ขูดออกมาทีละนิดมัง ตาอ้วนเอาชีสมากินกับผลมะเดื่อแห้ง(fig) แล้วก็เอ้ปริคอทแห้ง
ทุกคนชมขนมปังของโรงแรมกันไม่หยุดปาก ฉันไม่ได้ลองเอามากินเลย ก็มันอิ่มน่ะ แล้วปกติฉันเป็นคนไม่ชอบกินขนมปังสไตล์ฝรั่งเศสด้วย โดยเฉพาะแบบที่ไม่มีรสชาติ และไม่ใส่ไส้ ต้องตอนที่ไม่มีอะไรจะกินจริง ๆ ...ถึงจะพอกินได้ เพราะมันเหนียวและแข็ง เคี้ยวไม่ไหว ตาอ้วนเอาขนมปังมากินกับเนยหมัก ฉันว่าคนญี่ปุ่นนิยมกินเนยหมักมากพอดูนะ (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 発酵バター) ในตู้เย็นที่บ้านยังมีกระปุกนึงเลย ซื้อมาจากฟาร์มเลี้ยงวัวนมตอนไปเที่ยว จ.ไซตะมะ ตาอ้วนบอกว่ารสชาติจะออกเปรี้ยวนิด ๆ เหมือนโยเกิร์ต
ไอติมอร่อยมาก ๆ แล้วแข็งไม่มีนิ่มละลายเป็นน้ำปิ๊ด ๆ ด้วย ขนาดฉันตักมาทิ้งไว้ แล้วดอดไปอิ๊ (ข้าศึกบุกกะทันหัน) กลับมายังแข็งอยู่เลย เยี่ยม ๆ - รสราส์ปเบรี่ + รสอัลมอนต์ขาวใส่นม - รสมะม่วง + รสบลูเบรี่ - เชอร์เบตส้ม + เชอร์เบตแอปเปิ้ลเขียว (ที่ตอนแรกหม่าม้านึกว่าเป็นรสเมล่อน) - วนิลา ที่เอามากินกับพีชเมลบ้า แต่ฉันไม่รู้ ดันตักมาแยกกิน เฉิ่มเบอะไปเลย....
ฉันเป็นคนชอบไอติมเชอร์เบตมาก ๆ ไม่ชอบไอติมที่ใส่นมเนยเยอะ กินแล้วเลี่ยน หากที่ไหนมี 3 ทหารเสือแบบไอติมสตอร์เบอรี่+วนิลา+ช็อคโกแลต ฉันให้ร้านนั้นสอบตกทันที เพราะรู้สึกว่าไม่พัฒนาเล้ย....แต่ ๆ ๆ ฉันเทใจให้Iberryมากกว่านะ ชอบจัง...
จริง ๆ แถวบ้านฉันมีโรงเลี้ยงนมวัวเยอะพอดู บางทีก็ได้กลิ่นขี้วัวลอยตามลมมาด้วยนะ แล้วมีร้านไอติมอยู่ร้านนึงที่ออกรายการทีวีด้วย อยู่ริมทางรถไฟเป็นร้านที่เอานมสดมาทำไอติม ลูกศิษย์ฉันบอกว่าเคยนั่งรถมากิน ฉันเสียอีกคนพื้นที่ไม่รู้เรื่องเลย แล้วฉันก็ไปบอกหม่าม้า จากนั้นเราก็ไปกินกันบ่อย ๆ อร่อยดีเหมือนกัน เป็นสไตล์gelatoชื่อร้านMerria Farmที่ฉันเคยกินแล้วว่าอร่อยก็มี รสเกลือ / ครีมชีส / มะนาว (ที่นาน ๆ มีที)
ต่อไปคือผลไม้....ฉันไม่ค่อยปลื้มเท่าไร เพราะผลไม้ที่ญี่ปุ่นหลากหลายสู้บ้านเราไม่ได้ คนละชั้นเลย - สับปะรด - แตงโม (หวานฉ่ำ) - grapefruit (เปรี้ยวปิ๊ด) - ลิ้นจี่ (แช่แข็ง)
ส่วนฟรุตสลัดเสียดายที่ไม่ได้ลอง เพราะอิ่มมาก ๆ แล้ว ตักแต่พุดดิ้งมาลองนิดเดียวเท่านั้น อร่อยดี เนื้อนุ่มเนียนเชียว มีคาราเมลให้ราดตามใจชอบอีกด้วย เรื่องtoppingนี่ต้องยกนิ้วให้ เพราะอร่อยทุกอย่างเลย เชฟใหญ่ของThe Imperial Viking Salคือ Mr.Nobuo Murakami ที่ฉันว่า Chef's Recommendationก็เชฟคนนี้นั่นแหล่ะ ป่าป๊าว่าเค้ามีชื่อเสียงในวงการอาหารฝรั่งเศสมานานมาก (แต่ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว) ถึงว่าสิอาหารที่Viking Salนี้ถึงเน้นไปทางอาหารฝรั่งเศสเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งฉันอ่านประวัติของเขาอย่างย่อ ๆ ยิ่งอยากจะกลับไปกินเป็นทวีคูณ
ตอนที่ฉันชวนตาอ้วนว่าเราไปกินบุฟเฟต์โรงแรมกันไหม ตาอ้วนถามคำแรกเลยว่า
"เป็นบุฟเฟต์อาหารแบบไหน"
ฉันอึ้งไป 10 วินาที เพราะประสบการณ์กินบุฟเฟต์โรงแรมน้อย (นอกจากงานแต่งที่ไปบ่อย ๆ) เห็นจากรีวิวที่สมาชิกห้องก้นครัวเอามาลง มันบอกไม่ถูกว่าเป็นอาหารแบบไหน ก็มันมีทุกแบบเลยทั้งอาหารญี่ปุ่น/อาหารไทย/อาหารฝรั่ง/บางที่ก็มีพาสต้ามาอีก รวมเผ่าพันธุ์หลายเชื้อชาติเข้าไว้ด้วยกัน หลากหลายดีนะ ฉันชอบ แต่ของImperial Hotelฉันขอฟันธงว่า เน้นอาหารฝรั่งเศสเป็นส่วนใหญ่ ใครพันธุ์แท้อาหารฝรั่งเศสไม่ต้องบินไปถึงฝรั่งเศสก็มากินที่โรงแรมอิมพีเรียลได้ค่ะ ราคาไม่แพง มื้อนี้ป่าป๊าเลี้ยง นอกจากค่าอาหารแล้ว ยังรวมค่าเบียร์Yebisu 1 ขวดอีกด้วย ตาอ้วนบ่นกระปอดกระแปดว่าน่าจะกินไวน์มากกว่า อ้วนก็น่าจะรู้ว่าเจ้ามือเป็นใคร...จะดื่มอะไรที่นอกเหนือไปจากนี้ได้หรือ...ฮี่ ฮี่ ฮี่
ใครสนใจไปกินบุฟเฟต์ของโรงแรมอิมพีเรียล ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่โฮมเพจของโรงแรมได้เลยค่ะ
The Imperial Viking Sal Lunch buffet 5,250 Yen Dinner Buffet 7,875 Yen อาหารไม่เหมือนกัน มื้อเย็นดีกว่าหน่อย (ก็แหงล่ะ...แพงกว่านี่นา)
ป่าป๊าเป็นสมาชิก จึงได้ส่วนลด ฉันจำไม่ได้แล้วเท่าไร คิดว่าบุฟเฟต์มื้อเย็นเหลืออยู่หัวละ 6,500 เยน และมื้อกลางวันเหลือหัวละ 4,500 เยน (เดี๋ยวจัดmeeting @japanดีกว่า ใครสนใจกินบุฟเฟต์มื้อกลางวัน หัวละ 4,500 เยน ลงชื่อไว้ด้วยจ้า) กินข้าวเสร็จแล้ว ป่าป๊าหม่าม้าก็ขึ้นรถไฟกลับบ้านทันที ตาอ้วนคึกจัดชวนฉันไปเดินให้รองเท้ากัดที่กินซ่าต่ออีก อากาศก็ร้อน เหนื่อยโคด ๆ เลย ยังดีที่ขากลับตาอ้วนซื้อตั๋วตู้เขียวให้ นอนหลับมาตลอดจนถึงสถานีบ้านเลย คราวหน้าฉันเกลี้ยกล่อมให้ตาอ้วนขับรถไปดีกว่า เช็คดูแล้วหากกินอาหารเกิน 3 พันเยน ได้จอดรถฟรี 3 ชั่วโมง งุงงิง งุงงิง
*หากจะฝากข้อความ เชิญที่ guest book นะคะ*
mahalo
Create Date : 30 กรกฎาคม 2550 |
|
0 comments |
Last Update : 30 กรกฎาคม 2550 20:18:12 น. |
Counter : 2209 Pageviews. |
|
|
|