Photobucket - Video and Image Hosting
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
5 พฤศจิกายน 2548
 
All Blogs
 
Coming Home (Thai food)

วันนี้อยากจะเล่าเรื่อง "กิน กิน กิน" อาหารไทยขึ้นมาติดหมัด ลงว่าอยากเล่าแล้ว คงไม่จบกันง่าย ๆ เชิญเพื่อน ๆ สำราญไปกับอาหารไทย อาหารประจำชาติของเราได้เลย ณ บัดนี้ แอ่น แอ้น แอ๊นท์....เปิดม่าน....

ฉันเป็นคนไทยโดยชาติกำเนิด เพราะถือว่าเกิดบนผืนแผ่นดินไทย ฉะนั้นอาหารที่ถูกปากคุ้นเคยที่สุด ก็ย่อมไม่พ้นอาหารไทย เป็นอะไรที่กินได้ทุกวัน วันละ 3 มื้อ หากไม่นับโต้รุ่งด้วย ซึ่งผิดกับอาหารชาติอื่น ต่อให้แสนอร่อยแค่ไหน หากต้องกินติดต่อกันเป็นประจำทุกวัน ไม่วันใดก็วันหนึ่งฉันคงต้องทำหน้า ใส่เป็นแน่

ทุกครั้งที่มีโอกาสกลับเมืองไทย สิ่งแรกที่ต้องทำคือ กิน กิน และกิน เพราะความเคยชินกับเศรษฐกิจแบบประทังตัวของครอบครัว ฉันจึงมักคิดว่าค่าครองชีพบ้านเราต้อง "ถูก" แบบกำแบงค์ 20 บาทไว้ในมือ ท้องฉันก็อิ่มไปได้ 1 มื้อ แต่ครั้งล่าสุด ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป๋ ข้าวของแพงขึ้น ร้านอาหารปรับราคาสูงขึ้น ฉันไปนั่งทานก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา (ไม่ได้อยู่อยุธยาหรอก แต่ร้านเค้าชื่อนั้น) ซึ่งเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือแถวบ้านที่ฉันกินมา 15 ปี มีระยะหลัง ๆ ที่ไม่ได้กิน เพราะลิ้นเริ่มมีระดับขึ้น มีอยู่วันหนึ่ง พ่อให้ฉันเลือกระหว่างก๋วยเตี๋ยวเรือ "หนูใหญ่" กับ "หนูเล็ก" เอ๊ะ...พ่อมามุขไหน หรือว่าเป็นชื่อของคนชงก๋วยเตี๋ยว....ฉันไม่รู้หรอก นึกว่าเป็นร้านใหม่ในละแวกแถวบ้าน เพราะสภาพแวดล้อมอะไร ๆ เปลี่ยนไป ร้านเก่าล้มหาย ร้านใหม่ผุดขึ้น....

ฉันเลือกร้านหนูตัวเล็ก เพราะฟังดูกระจุ๋มกระจิ๋ม...น่ารักน่าเอ็นดู น่าเสียดาย ร้านหยุดขายวันนั้น ไม่มีทางเลือก เออ...ไปร้านหนูตัวใหญ่ของพ่อก็ได้...ขับรถไปจอดริมฟุตบาธ
"เอ๊ะ คุณแด๊ด..นี่มันเตี๋ยวเรืออยุธยานี่" (ไม่ใช่ร้านใหม่อะไรอย่างที่คิดไว้เลย) แล้วก็ถึงบางอ้อ....เพราะร้านนี้เป็นร้านไม่มีห้องหับ ใช้ผ้าใบขึงเป็นเพิง และมีหนูตัวขนาดลูกแมววิ่งให้เห็นในระยะเผาขนเป็นประจำ.....อ๋อย...พ่อหลอกฉันมากินร้านเดิม แต่ฝีมือพัฒนาขึ้น....ที่ซึ่งราคาก็แพงขึ้นด้วย แต่ก่อนชามละ 5 บาท 10 บาท เดี๋ยวนี้เป็น 15 บาท 20 บาทแล้ว....ไม่ธรรมดาเลย เศรษฐกิจบ้านเราดีขึ้นนะเนี่ย....ต่อไปจะมีแต่คนรวย ไม่มีคนจน ว๊าว ๆ ..... เพราะคนจนตายหมด

Image hosted by Photobucket.com


เมื่อเดือนสิงหาที่ผ่านมา ฉันและคนข้างตัวมีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย 5 วัน เนื่องจากวันลามีน้อย จึงพยายามเก็บสแปร์ของกินให้ได้มากที่สุด เริ่มจากซื้อตั๋วการบินไทย สายการบินแห่งชาติ....เพราะเที่ยวนี้มีโปรโมชั่นราคาถูก....ปกติคนข้างตัวของฉันจะไม่ทานอาหารในเครื่อง เพราะต้องการเก็บท้องไปทานที่เมืองไทย ต่อให้เครื่องlandingดึกดื่นขนาดไหน ชนิด 5 ทุ่ม เที่ยงคืน...พ่อก็ต้องพาเขาไปทานอาหารไทยมื้อแรก ทันทีที่เหยียบผืนแผ่นดินไทย....แต่คราวนี้ "รักคุณเท่าฟ้า" มีอาหารอร่อยบริการ คือ ข้าวสุกี้ยากี้เนื้อ และข้าวฉู่ฉี่ปลา อร่อยมาก

Image hosted by Photobucket.com

ฉันฟาดซะไม่เหลือซากไว้เป็นหลักฐานเลย หากเอาลิ้นเลียภาชนะได้ ฉันก็คงทำไปแล้ว คนข้างตัวก็เอ็นจอยกับสุกี้ยากี้เนื้อด้วย...แต่เขาก็ยังมาตักฉู่ฉี่ปลาคำใหญ่ไปกิน

Image hosted by Photobucket.com

ฉันคิดว่าคืนนี้คงไม่ต้องหาโต้รุ่งกินแล้วซะอีก ที่ไหนได้ คนข้างตัวขอให้พ่อพาไปซื้อก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำใส เจ้ารถเข็นหน้าป้ายรถเมล์ตรงข้ามซอยบ้านเก่า สั่งใส่ถุงแยกน้ำแยกเส้น แล้วหิ้วกลับไปกินบ้านยามตี 1 กว่า ๆ

พ่อกับแม่พาเรา 2 คนทานนอกบ้านเท่าที่จะมากได้ เพราะเวลามีน้อย ท่านจึงไม่อยากให้เสียเวลาทำกับข้าว เที่ยวนี้กลับไปตรงกับวันสารทจีน จึงต้องไปซื้อเป็ดซื้อไก่ไว้เตรียมไหว้ จึงมีโอกาสได้ไปตลาดเช้ากับพ่อ แล้วก็ไม่ลืมที่จะหิ้วน้ำเต้าหู้ เต้าฮวย ปาท่องโก๋ ขนมจีนน้ำยา-น้ำพริก ข้าวเหนียว-หมูปิ้งกลับมาเป็นอาหารเช้าด้วย บ้านเก่านั้นอยู่ไม่ไกลจากตลาดทางรถไฟ หรือที่ชาวบ้านแถวนั้นเรียกตลาดบางซ่อน ถึงจะย้ายมาอยู่บ้านใหม่ แต่พ่อก็ยังติดที่จะไปตลาดเดิม เพราะแม่ค้าแม่ขายคนรู้จักเจ้าจำนำกันอยู่ทางนั้น เวลาฉันจดรายชื่อของสำคัญที่ต้องซื้อมาญี่ปุ่นพวก น้ำตาลมะพร้าว น้ำพริกแกงต่าง ๆ พ่อเป็นต้องกลับไปซื้อที่ตลาดแถวบ้านเก่านี้เสมอ หากถามฉัน ๆ ชอบเดินตลาดแถวบ้านใหม่(ตลาดประชานิเวศน์)มากกว่า เดินสบายกว่า ของกินมีมากมายก่ายกอง ดูน่ากิน (แต่แม่บอกว่ารสชาติสู้ตลาดบ้านเก่าไม่ได้)

ตกเย็นวันนั้น แม่พาไปทานร้านอาหารแถวริมคลองประชาชื่น ฉันจำชื่อร้านไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าแถวนั้นมีร้านอาหาร และผับเยอะ

Image hosted by Photobucket.com

ไปกันทั้งหมด 7 คน ซึ่งมีพ่อแม่ ฉัน คนข้างตัว น้องชาย-แฟน ลูกพี่ลูกน้อง แต่ละคนทะยอยกันมาจากที่ทำงาน แน่นอนฉันมาพร้อมพ่อแม่ เพราะมาจากบ้าน และยังมีเพื่อน "รักคุณเท่าฟ้า" ของฉันกับแฟนของเขาตามมาสมทบทีหลังด้วย

Image hosted by Photobucket.com

ตอนแรกเพื่อนแอร์ของฉันจะไม่ยอมอยู่ทาน เพราะว่าเกรงใจ แถมวันรุ่งขึ้นมีไฟลท์บินแต่เช้า จึงอยากกลับไปพักผ่อน แต่พ่อแม่ฉันคะยั้นคะยอให้อยู่ทานด้วยให้ได้ เพราะสนิทสนมกันเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน พ่อกับแม่ไหว้วานให้เพื่อนคนนี้ของฉันเอาของมาให้ฉันทุกครั้งที่เธอบินมาญี่ปุ่น แล้วไม่ว่าเธอจะมาเมืองไหนโอซาก้า นาโงย่า หรือนาริตะเธอต้องกริ๊งกร๊างมาคุยกับฉันเสมอ....

Image hosted by Photobucket.com

ครอบครัวที่เมืองไทย กับครอบครัวที่ญี่ปุ่นของฉันเหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ เป็นครอบครัวที่เห็นเรื่องกินสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด(ก็ดูหุ่นแต่ละคนสิ ) แต่พ่อแม่ทั้ง 2 จะแตกต่างกันตรงที่ พ่อแม่ญี่ปุ่นนิยมซื้อของดีมาทำกินที่บ้าน เช่นเนื้อก็จะทานแต่เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ในประเทศ ไม่ซื้อเนื้อนำเข้า เพราะท่านแก่แล้ว จึงอยากจะทานอะไรที่อยากทาน ไม่เขียมกับเรื่องกิน หากร้านนั้นไม่เจ๋งจริง ๆ พ่อจะไม่มีวันไปนั่งทานเป็นอันขาด ส่วนพ่อแม่เมืองไทย เนื่องจากวัยของท่านน้อยกว่าทางโน้น 15 ปี จึงชอบที่จะทดลองและแสวงหาของกินใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ๆ โดยเฉพาะแม่ หากมีใครว่าที่ไหนเจ๋งมา...แม่เป็นต้องขอไปลองเสมอ ส่วนพ่อ....เน้นความง่าย และต้องรถไม่ติด ขัรถไปไม่ไกล...

Image hosted by Photobucket.com

คนข้างตัวของฉันพยายามที่จะออกไปเดินตลาดพร้อมพ่อทุกเช้า เพราะนอกจากจะได้exerciseแล้ว ยังสูดอากาศบริสุทธิ์อีกด้วย เขาเองก็คงรู้ตัวว่ามีเวลาอยู่ที่เมืองไทยน้อยนัก จึงต้องการใช้เวลาทุกหยาดหยดกับครอบครัวของฉันให้คุ้มค่าที่สุด จำได้ว่าปีที่แล้วที่กลับไทย...3 วันติดกันที่ออกไปเดินตลาด พี่แกเป็นต้องหาห้องน้ำแถวนั้นปลดทุกข์ มันช่างได้เวลาประจวบเหมาะทุกที

Image hosted by Photobucket.com

ถึงกระนั้นพี่แกก็ไม่ยอมพลาดการเดินตลาด เพราะขากลับแกต้องแวะซื้อไก่ย่างเจ้าเด็ดกลับมากินเป็นอาหารเช้า ธีรชัยไก่ย่าง บางตาลนี้ เป็นไก่ย่างชนิดปิ้งใส่ขมิ้น เนื้อไก่หอมเครื่องเทศหมัก และออกแนวแห้งนิด ๆ

Image hosted by Photobucket.com

วันสุดท้ายก่อนกลับมาญี่ปุ่น เป็นวันที่กระเพาะอาหารของฉันรวนเกือบเจ๊ง เพราะว่าเป็นวันสารพัดจะยัดเข้าปาก เริ่มจากฉันปรารภกับพ่อว่า อยากไปนั่งกินติ่มซำแบบหัวละ 5-600 ในโรงแรม แต่พอเวลาผ่านไป 3 นาที ฉันก็เกิดเปลี่ยนใจบอกว่าอยากไปทานสมบูรณ์ภัตตาคาร (จะสาขาไหนก็ได้ไม่เกี่ยง ) อีก 5 นาทีผ่านไป เกิดอาการอยากไปทานกระเพาะหมูผัดเปรี้ยวหวานร้านจีนแคะเจ้าประจำ อีก 10 นาทีผ่านไป เอ๊ะ...หรือจะไปกินสุกี้MKดี (เหมือนคนจิตไม่ว่าง ฟุ้งซ่านเรื่องกินยังไงยังงั้นเลย) สุดท้ายก็สรุปลงตัวที่ว่า มื้อกลางวันไปทานกระเพาะหมูผัดเปรี้ยวหวาน แล้วมื้อเย็นค่อยไปหาสุกี้ ที่มีปูผัดผงกะหรี่กินแล้วกัน.....

ร้านกระเพาะหมูเปรี้ยวหวานเจ้าประจำของครอบครัวฉันอยู่ไม่ไกลจากแถวคลองถมเท่าไหร่ ร้านนี้เป็นร้านประจำของเรามานานนับ 10 ปี ตั้งแต่สมัยพ่อต้องไปแย่งเก้าอี้ดนตรีจอดรถในวัดพระพิเรนทร์ ยันตอนนี้สามารถหาที่จอดได้ง่าย ๆ ที่ตึกศรีวรการ (หากจำไม่ผิด) แล้วเดินเอา..ขาลากเรย...แต่ความอยากมีมากกว่า ฉันจำไม่เคยได้สักทีว่าชื่อร้านชื่ออะไร ไม่แน่ใจว่าภัตตาคารแหลมทองหรือเปล่า แต่จะได้ว่าต้องขึ้นบันไดชันไปทางศาลเจ้าม๊าเก็ง

Image hosted by Photobucket.com

เป็นร้านอยู่ชั้น 2 (ชั้นล่างก็มีนะ แต่ทานทีไรขึ้นชั้น 2 ทุกทีเลย) เป็นร้านอาหารสไตล์จีนแคะ ที่ดูภายนอกโทรมเล็ก ๆ แต่อาหารอร่อยอย่าบอกใคร ทุกครั้งที่ไปกิน แล้วต้องสั่งนั้นคือ ขนมจีบ ไม่เหมือนขนมจีบแบบหยำฉ่าหรอก แต่เป็นขนมจีบสไตล์เป็ดน้อย...ไม่รู้เพื่อน ๆ รู้จักเปล่า...เป็นขนมจีบที่ขายในรถเข็นติดเครื่องยนต์ เวลามาถึงก็จะบีบแตรแปร๋น ๆ ต่างกันที่ว่ารสชาติของร้านนี้อร่อยกว่าขนมจีบเป็ดน้อยหลายเท่า ที่สำคัญโปะกระเทียมเจียวข้างหน้ามาจนพูน

Image hosted by Photobucket.com

จานต่อมาเป็นหัวใจของมื้อนี้ และเป็นหัวใจของร้านนี้ มันคือ กระเพาะหมูผัดเปรี้ยวหวาน ความเด็ดของจานนี้อยู่ที่ เขาหั่นกระเพาะหมูได้พอคำ ดูผิวเผินจะเหมือนปลาหมึก แต่ไม่ใช่ กรอบ และนุ่มลิ้นกว่ากันมากนัก แถมจะผัดกับไชเท้าดอง รสชาติจะออกเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ เผ็ด ๆ เคยมีบางครั้งที่หัวไชเท้าดองหมด แล้วเอาถั่วงอกดองใส่แทน...รสชาติไม่เป็นเรื่องเลย...ทุกครั้งจะต้องสั่งจานนี้เบิ้ล 2 ครั้ง....ครั้งนี้ก็เหมือนกัน

Image hosted by Photobucket.com

แล้วทุกครั้งพ่อจะไม่เคยพลาด "หัวปลาต้มเผือก" เลย หม้อนี้คนอื่น ๆ ไม่ค่อยชอบกันเท่าไหร่หรอก แต่พ่อโปรดมาก ท่านว่าเดี๋ยวนี้หาหัวปลาต้มเผือกทานยากขึ้นทุกที ๆ แต่ร้านนี้ยังคงฝีมือไว้ได้เหมือนสมัยก่อนไม่ผิดเพี้ยน แต่บางครั้งหากหลายคนวีนมาก ๆ พ่อก็จะยอมเปลี่ยนไปเป็น เอ็นตุ๋นหม้อไฟ เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเปลี่ยน

Image hosted by Photobucket.com

จานสุดท้ายที่ต้องสั่งทุกครั้ง ไม่มีครั้งไหนที่ไม่สั่ง และต้องสั่งเป็นรายการสุดท้าย คือ "หมี่ผัดข้าวหมาก" พ่อจะต้องทานหมี่นี้ล้างปากเป็นกิจวัตร เป็นสไตล์เส้นหมี่ขาวผัดกับซอสข้าวหมากสีแดงใส่ถั่วลันเตา ลูกชิ้นและเห็ด

Image hosted by Photobucket.com

จบมื้อกลางวันแล้ว พวกเราก็เดินเล่นกันแถวคลองถมย่อยอาหาร ฉันก็ไปเดินหาซื้อDVDหนัง ได้มา 7-8 แผ่น จนบัดนี้ยังดูไม่ครบทุกเรื่องเลย (ไม่มีเวลาดูง่ะ) พอแดดร่มลมตกลูกพี่ลูกน้องสาวสวยก็ตามมาสมทบ ฉันอยากดูงานแสดงสินค้าOtopที่ศูนย์ส่งเสริมการส่งออก ที่กรมพาณิชย์สัมพันธ์ เผื่อมาของอะไรซื้อติดไม้ติดมือมาญี่ปุ่น

สมัยก่อนฉันต้องซื้อJim Thompsonกลับมาเป็นประจำ นับตั้งแต่ผ้าเช็ดหน้า ผ้ารองจานกินข้าว ปลอกหมอนอิง ช้างตุ๊กตา เสื้อยืด สมุดโน้ต กระเป๋าเศษสตางค์ กระจก ผ้าพันคอ(ที่ฉันเอาไปติดผนังแทน) ฯลฯ ส่วนใหญ่ซื้อมาติดบ้านไว้ให้เป็นของขวัญ แล้วเวลาซื้อจะไปซื้อตอนที่Jim Thompsonมีมหกรรมลดราคา 50 เปอร์เซนต์ ซึ่งมักจะจัดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ ปีละ 2-3 ครั้งไม่เคยพลาดเลย เพราะแม่ก็จะซื้อให้เป็นของขวัญปีใหม่ญาติ ๆ ด้วย ทุกครั้งพ่อจะถามว่านี่Jim มันจะลดอีกแล้วนะ จะให้ซื้ออะไรไว้มั้ย....แล้วทุกครั้งฉันก็จะฝากรายการของฉันพ่วงกับของพ่อแม่ไปด้วย....แต่มาหลัง ๆ ฉันอยากมองหาอย่างอื่นบ้าง เพราะกลัวว่าให้ของชิ้นเดิมกับคนเดิมโดยที่ไม่รู้ตัว.... เลยต้องสำรวจตลาดหน่อยว่าบ้านเราเดี๋ยวนี้ไปถึงไหนแล้วแล้วก็ไม่ผิดหวัง โอ้ว...งานOtopสำหรับสินค้าส่งออกนี่เริ่ดมาก

ฉันซื้อPendant / bracelet / earrings ที่เป็นเงินประดับด้วยturquoiseกลับมา ส่วนคนข้างตัวปิ๊งมีดที่ด้ามประดับด้วยหินชนิดเดียวกันนี้กลับมา 4-5 เล่ม เขาว่าเอาไว้ให้เพื่อน แถมยังจะซื้อcutlery setกลับมาด้วย เจอฉันเบรคหัวทิ่มหัวตำเลย....นอกจากนั้นยังซื้อสบู่สมุนไพรที่ทำจากตะไคร้ มะละกอ เปลือกมังคุด ข้าวโพด ขมิ้น ฯลฯ กลับมาแจกคนที่นี่อีกเป็น 10 ก้อน ยังมีของอีกหลายอย่างที่ซื้อกลับมาจากงานนี้ แต่ไม่เล่ารายละเอียดเดี๋ยวผิดประเด็น เอาเป็นว่าเที่ยวหน้ากลับเมืองไทย ฉันต้องไปดูอีกแน่ ๆ เพราะขอนามบัตรกลับมาปึกใหญ่เลย...ของน่าลัก เอ๊ย น่าซื้อทั้งนั้นเลย

เพราะใช้เวลาอ้อยอิ่งในงานนี้นาน....พ่อกับแม่จึงขอตัวกลับไปพักผ่อนที่บ้าน ฉัน คนข้างตัว ลูกพี่ลูกน้องจึงเดินท่อกแท่กกันต่อในงาน จนถึงเวลาอาหารเย็น แล้วต่างคนต่างขับรถไปเจอกันที่ร้านอาหารเลย....ร้านอาหารนี้ เป็นร้านที่น้องชายของฉันแนะนำ อยู่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้าไม่ไกลจากสำนักอธิการบดีมหาลัยมหิดล ขออภัยที่ฉันจำชื่อร้านไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าเป็นภัตตาคารจีน

เรา 3 คนมาถึงก่อนพ่อแม่ ส่วนน้องชายมาพร้อมแฟนดึกหน่อย เพราะเขาติดเรียนป.โท ดีที่น้องเหมียวขับมาจากMaersk โดยตรง จึงไม่ต้องไปรับ ไม่งั้นอาจจะดึกกว่านี้ เข้าไปในร้านฉันบอกให้เด็กช่วยจัดที่สำหรับ 7 คนไว้ แล้วถามว่าขอดูปูหน่อย เพราะแม่อยากทานปูผัดผงกะหรี่ เด็กเดินถือปูเป็น ๆ มาตัวนึง ฉันถามว่าเท่าไหร่ พอบอกราคา..ฉันก็ตกลง ให้ผัดผงกะหรี่มาเลย

พอน้องชายมาถึง เขาก็สั่งอาหารอย่างคนเจน (จะไม่เจนได้ไง กินซะตัวอ้วนปั้กขนาดนี้) ว่าแล้วก็ขอนินทาน้องชายตัวดีหน่อย คือเขาเรียนป.โทแบบหลักสูตรyoung executiveอยู่ ซึ่งทางมหาลัยจะมีอาหารเย็นเตรียมไว้ให้ รวมอยู่ในค่าหลักสูตรด้วย...ฉันฟังน้องชายบรรยายอาหาร น้ำลายสอเรย.. จึงไม่ต้องสงสัยว่าขนาดอยู่ทำรายงานกับเพื่อนดึกดื่นถึงเที่ยงคืนทุกวัน ทำไมตัวถึงได้มั่กกั้ก (ป็นศัพท์ใหม่ที่คนข้างตัวของฉันจำขึ้นใจตอนกลับเมืองไทยเที่ยวนี้) ขนาดนี้...

Image hosted by Photobucket.com

น้องชายสั่งอาหารแบบไม่ต้องดูเมนู...บอกให้เอาเนื้อสดมา 4 จานเปล เพราะสั่งหม้อสุกี้มาทาน สุกี้ร้านนี้เป็นสุกี้แบบภัตตาคารจีนทั่วไป คล้าย ๆ สุกี้เรือนเพชร คือจะไม่มีรายการให้เลือกมากเหมือนสุกี้โคคา หรือMK แต่จะเน้นเนื้อที่หมักจนนุ่ม ยังดีที่ร้านนี้มีน้ำจิ้มแบบMK สมัยก่อนสุกี้เรือนเพชรเป็นน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ (แต่ตอนนี้ไม่รู้เปลี่ยนยัง ฉันไม่ได้กินมาจะ 20 ปีแล้ว)

Image hosted by Photobucket.com

จากนั้นเราก็เริ่มลวก ๆ โดยเฉพาะพ่อกับคนข้างตัว ผลัดกันเดี่ยวมือหนึ่ง...ส่วนน้องเหมียวก็คอยฉีกผัก วุ้นเส้นใส่หม้อบริการ น่ารักจริง ๆ

Image hosted by Photobucket.com

น้องชายบอกว่าก๋วยเตี๋ยวหลอดปูเจ้านี้อร่อยใช้ได้...ก็ลองสั่งมาทาน โอ้ว...จานจุ๋มจิ๋มมาก ต้องสั่งเพิ่มอีก 2 จาน (ตะกละมะ )คนข้างตัวของฉันติดใจสลัดกุ้งมากที่สุด พยายามรบเร้าจะให้สั่งมาอีก 1 จาน เพราะเกิดความอายว่าตัวเองครองอยู่คนเดียว แต่พอซาวเสียงถามแล้ว ไม่มีใครอยากทานเพิ่ม เลยคอตกไม่มีแนวร่วม

Image hosted by Photobucket.com

แต่ที่ฉันชอบมากกว่าจานไหน ๆ เลย คือราดหน้าทะเล เสียดายที่ท้องแทบแตกแล้ว ไม่งั้นฉันต้องขอสั่งมาอีกจานเปลใหญ่แน่ ๆ ที่ญี่ปุ่น ฉันมีร้านอาหารไทยที่ชอบไปทานเป็นประจำ อยู่แถว ๆ Wakaba-cho ฉันชอบทานผัดไทย กับราดหน้าของร้านนี้มาก คุณป้าเป็นคนเหนือ ในร้านจึงมีอาหารเหนือขายด้วย แต่ฉันไม่เคยสั่งมาทาน เพราะไม่สันทัด ติดใจแต่ผัดไทย กับราดหน้าเนี่ยแหล่ะ ผัดยังไง ก็ผัดไม่ได้เหมือนคุณป้า....อร่อยขนาดที่ว่า ต่อให้ไปตั้งร้านที่เมืองไทย ก็ต้องมีแขกเข้ามาทานชนิดไม่มีเก้าอี้ว่างนั่นแหล่ะ

Image hosted by Photobucket.com

ฉันเป็นคนไม่พิศวาสปูผัดผงกะหรี่ สักเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบรสชาติ แต่เป็นเพราะมันกินยาก กินทีมือไม้เลอะไปหมด แถมแทะกระดองปู อาจจะมีสิทธิ์เสี่ยงกับฟันบิ่นอีกต่างหาก แข็งยังกะอะไร หากเป็นเนื้อปูผัดผงกะหรี่ ค่อยหน้าลุ้นหน่อย

Image hosted by Photobucket.com

มื้อนี้น้องชายต้องการเลี้ยงฉัน แต่ฉันก็อยากจะเลี้ยงเขา เพราะฉันไม่ได้ซื้อของขวัญวันเกิดอะไรให้เขา...เพราะไม่รู้ว่าเขาอยากได้อะไร แต่พอฉันเลี้ยงเขาแล้ว เขาก็เลยฝากพ่อบอกมาว่างั้น "8 เทพอสูรมังกรฟ้า" ชุดนี้ซื้อให้ฉันวันเกิดแล้วกัน....

อิ่มท้องแทบแตก แถมวันรุ่งขึ้นไฟลท์ออก 7 โมงเช้า ยังไม่ได้จัดกระเป๋าเลย ฉันอยากจะกลับบ้านพักผ่อนแย่แล้ว แต่น้องชายคุยกับแม่อย่างไรไม่รู้ ได้ความว่าชวนกันไปต่อที่ร้านมนต์นมสดที่เสาชิงช้า เพราะต้องการให้ฉันลองไปทานดู (คือฉันยังไม่เคยลองทานดูเลย เรื่องของเรื่อง ในขณะที่น้องชายพาพ่อแม่ไปทานเป็นประจำ) เอ้า...ไปก็ไป...

แล้วน้องชายกับน้องเหมียวก็ไปยืนต่อคิว....คนแน่นมาก (แน่นขนาดน้องเล่นเก้าอี้ดนตรีเลย) ขนาด 4 ทุ่มกว่าแล้ว วัยรุ่นไม่กลับบ้านไปหลับไปนอน

Image hosted by Photobucket.com

น้องชายอยากให้ฉันลองดื่มนมอุ่น ๆ ของร้านนี้ เขาว่ามันอร่อยดี...แต่ฉันเป็นคนที่ไม่ชอบดื่มนม (เพราะว่าร่างกายไม่มีน้ำย่อยนมแล้ว เวลาดื่มท้องจะเฟ้อ) ก็ไม่ได้ติดใจอะไรเท่าไหร่ แต่ติดใจขนมปังมากกว่า

Image hosted by Photobucket.com

โดยเฉพาะขนมปังทาเนย โรยน้ำตาล ราดนมข้น....โอ้ว...เหมือนสมัยเด็ก ๆ ที่เคยกินเลย รำลึกถึงความหลังเหลือเกิน แต่สมัยเด็ก ๆ ที่เคยกินนั่นต้องปิ้งเกรียมกว่านี้หน่อย ออกแข็งกว่านี้หน่อย แล้วมาการีนก็ต้องห่วยกว่านี้หน่อย...ใช่เลย อิอิอิ

Image hosted by Photobucket.com

ไม่รู้ว่าฟาดไปกี่ขนาน...รู้แต่ว่านอนพุงอืดไปหลายวัน ยังพกพาน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นอีก 2 กิโล ภายใน 4 คืน 5 วันมาด้วย ขนาดกลับมาเต้นฮูล่าแดนซ์ยังรู้สึกได้ถึงความห้อย และกระเพื่อมของพุง

อาหารเช้าที่ทางเครื่องบินเสริฟขากลับมาญี่ปุ่น คือข้าวไก่ผัดน้ำมันหอย และปลาย่างซอสมิโสะ ฉันยังเอาช้อนคุ้ย ๆ เขี่ย ๆ เห็ดหอมกินเล่นบ้าง แต่คนข้างตัวฉันนอกจากโยเกิร์ตถ้วยเดียว ไม่แตะอะไรอีกเลย จนกระทั่งเครื่องแตะพื้นที่สนามบินนาริตะ

Image hosted by Photobucket.com

กิน กิน กิน
Image hosted by Photobucket.com

กิน กิน กิน ของฉันก็ขอปิดฉากลงเพียงแค่นี้ จริง ๆ ยังมีไปกินอีกหลายที่ทั้งอาหารอิตาเลี่ยนที่คุณนายพาไปกินที่ It Happened To Be The Closet และ ร้านอาหารแกงป่าแถวศรีย่าน ซึ่งเป็นสไตล์อาหารไทยจัดจ้าน ชนิดกินแล้วต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ...แต่ฉันชอบมากๆๆๆ แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้ถ่ายรูปมา และบางที่ทางร้านก็ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปด้วย....

วันหน้าฟ้าใหม่คงจะได้มีกิน กิน กิน ตอนต่อไป....

Image hosted by Photobucket.com





mahalo Image hosted by Photobucket.com





Create Date : 05 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 4 พฤษภาคม 2549 13:33:50 น. 0 comments
Counter : 3069 Pageviews.

fudge-a-mania
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add fudge-a-mania's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.