駒形どぜう (Loach Food in Shibuya)
ฉันดองภาพนี้ไว้นานมาก ๆ แล้ว น่าจะปีกว่า ๆ ได้ เป็นครั้งที่เพื่อนแอร์เอาลูกกลับมาเยี่ยมปู่-ย่าทางนี้หลังจากจูงมือหวานใจกลับไปตั้งรกรากหางานทำมีชีวิตสุดแสนจะแฮปปี้ที่เมืองไทย
ก้อยจังขอนัดเจอฉันที่ชิบุย่า เจ้าตัวว่ามาญี่ปุ่นทั้งทีก็ต้องเดินสายพบญาติ ๆ สามี ยังต้องไปเคารพฮวงซุ้ยบรรพบุรุษด้วย เลยเป็นว่าวันนั้นมื้อกลางวันกินกับฉัน มื้อเย็นกินกับญาติ (ทางไหนไม่รู้) เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับก้อยจัง ที่เจ้าตัวบอกว่าจากSetagayaมีรถเมลนั่งมาถึงชิบุย่าเลย ไม่ต้องต่อรถเปลี่ยนรถให้วุ่นวาย ฉันกับตาอ้วนก็นั่งรถไฟเข้าไปเจอก้อยจังกับคุณโด้จัง (ก้อยจังเรียกหวานใจ) ที่ล็อบบี้ของโรงแรมExcel Hotel Tokyu ฉันไปสายนิดหน่อย เพราะว่าตอนเช้าแวะไป Toys R Usไปซื้อของขวัญให้เจ้าตัวน้อยของก้อยจัง เมื่อไปถึงที่โรงแรมทุกคนมานั่งรอกันอยู่แล้ว ทุกคนในที่นี้หมายถึงก้อยจังและครอบครัว แล้วยังมีสาวเวียดนามที่เป็นเพื่อนกับคุณโด้จังสามีก้อยจังที่พูดภาษาเวียดนามได้คล่องปรื๋อ
เมื่อไปถึงโรงแรมคนที่นั่งรออยู่จะลุกขึ้นเลยก็กระไร มันเหมือนมาอาศัยโรงแรมเป็นที่พักผ่อนหย่อนก้นโดยไม่คิดจะอุดหนุนอะไรเค้าเลย ฉันกับก้อยจังจึงสั่งไอติมมากินกันคนละแก้ว สั่งมากินทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้สึกอยากกิน เมื่อกินไอติมหมดถ้วยแล้ว พอ ๆ กับก้อยจังที่วิ่งไล่จับลูกจนเหนื่อยอ่อน ก็ออกไปหาร้านอาหารกิน เรื่องร้านอาหารต้องยกให้คุณโด้จัง เพราะพี่แกรู้ดีจริง ๆ สมัยทำงานด้วยกัน ก้อยจังเล่าให้ฉันฟังว่าทุกครั้งที่มานาริตะแล้วได้เจอแฟน ไม่ไปเที่ยวช้อปปิ้งที่ไหนให้เปลืองตังค์หรอก เพราะคุณโด้จังชอบพาก้อยจังเข้าร้านหรู ๆ เลือกสรรหาของดี ๆ กิน โดยเฉพาะร้านตามโรงแรม 5 ดาว ไม่ว่าจะเป็นอาหารฝรั่งเศส อิตาลี่ ก้อยจังเป็นต้องผ่านลิ้นมาหมด เพราะคุณโด้จังมีงานอดิเรกคือกินของดี แล้วเที่ยวให้คุ้ม ร้านนี้ก็เช่นกัน คุณโด้จังคงหมายใจว่าจะกลับมากิน หลังจากหายตัวไปทำงานที่เมืองไทยมาครึ่งปี พอกลับมาเหมือนเสือคืนถิ่น ตาอ้วนก็เห็นดีเห็นงาม เพราะตามใจแขก (แต่แชร์กันจ่าย) ส่วนฉัน เออ..ไม่เลว เพราะว่ายังไม่เคยกินอาหารประเภทนี้เสียด้วย
ร้านKomagata Dozeu (駒形どぜう)เป็นร้านที่มีประวัติศาสตร์ยืนยาวมากว่า 200 ปี มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ร้านใหญ่อยู่ที่อาซากุสะ และมีสาขาย่อยอีก 5-6 ร้าน รวมถึงสาขาชิบุย่าที่ฉันไปทานมาด้วย อาหารที่ขึ้นชื่อของร้านนี้ เรียกได้ว่าหากไม่สั่ง เหมือนไปไม่ถึงร้าน นั่นคือ โดโจว (泥鰌 - loach) หากฉันจำไม่ผิดdozeu คือคำที่ใช้เรียกโดโจวในสมัยเอโดะ แต่ไม่แน่ใจต้องไปถามตาอ้วนอีกที โดโจวมีลักษณะคล้ายปลาไหล แต่สั้น และผอมกว่า คุณShinนักเรียนที่มีความสนใจเรื่องเอโดะเป็นพิเศษบอกฉันว่าสมัยเอโดะพวกผู้ดีแปดสาแหรก มีเงินเป็นถุงเป็นถัง นิยมกินปลาไหลกัน ส่วนพวกตังค์น้อยชนชั้นกรรมาชีพ ชาวบ้านอย่างเรา ๆ จะกินโดโจว เนื่องจากราคาถูกกว่าปลาไหลนัก
ฉันเคยดูรายการทีวี เห็นวิธีการกินโดโจวที่ดูสยดสยองเสียหน่อย แต่เห็นเค้าว่าอร่อยล้ำ นั่นคือ เชฟจะเอาเต้าหู้แข็งหน่อยมา 1 ก้อน แล้วเอานิ่วทิ่ม ๆ เข้าไปให้เต้าหู้เกิดรู จากนั้นก็เอาเต้าหูลงไปใส่ในหม้อที่มีน้ำ แล้วก็เทโดโจวลงไปฝูงนึง เอาหม้อตั้งไฟ พอน้ำเดือดโดโจวมันร้อน อยู่ไม่ได้ จึงต้องว่ายมุดตัวเข้าไปอยู่ในรูเต้าหู้ พอโดโจวตายหมด เชฟก็หั่นเต้าหู้ก้อนนั้นหนาประมาณ 1.50 ซม. ก็จะได้เนื้อโดโจวผสมในเต้าหู้อย่างเป็นธรรมชาติ 5555 ฉันยังไม่เคยลองกินเลย หากมีโอกาสก็อยากจะลองเหมือนกัน ว่าจะอร่อยสมคำเล่าลือไหม อาหารที่เราสั่งมาวันนั้น ไม่เยอะมาก แต่ก็พอสำหรับ 5 คนกินพอดี ๆ มี โดโจวนาเบะ ปลาโอวิ่งผ่านไฟ ข้าวหน้าไข่+ไก่ สลัดซอสมิโสะเปรี้ยวหวาน เต้าหู้เย็น ซุปโดโจว โดโจวในไข่ ปลาอาจิซาชิมิ คุณโด้จังเป็นคนสั่งอาหารทั้งหมด โดยถามความเห็นของตาอ้วนก่อนสั่ง ฉันว่าเค้าช่ำชองการสั่งมาก เพราะรู้ว่าสั่งเซ็ตไหนมากินแล้วคุ้มที่สุด เพราะพอแชร์กันจ่ายเงินจำได้ว่าจ่ายไปเพียงหัวละ 1,500 เยน เท่านั้น แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าคุณโด้จังจ่ายไปมากกว่าหรือเปล่า เพราะเค้าจ่ายไปก่อน แล้วคนอื่นเอาเงินให้เค้าที่หลัง แต่ที่แน่ ๆ คือมันถูกจนตาอ้วนแปลกใจเลย ฉันชอบถ้วยสลัดมิโสะเปรี้ยวหวานถ้วยนี้มาก ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า นุตะ เป็นสลัดที่ราดด้วยน้ำสลัดมิโสะ แต่เป็น สึมิโสะ คือมิโสะที่ผสมน้ำส้มสายชู และน้ำตาล ช่วงนี้ฉันบ้ากินสึมิโสะจริง ๆ แล้วที่ชอบเป็นพิเศษคือ คาราฉิ สึมิโสะ คือจะผสมมัสตาร์ดลงไปด้วย เวลากินนอกจากจะเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ แล้วยังรู้สึกแซ่บนิด ๆ ขนาดซื้อวะกาเมะมากินที่บ้านยังราดด้วยซอสนี้เลย เพื่อนชาวเวียดนามของคุณโด้จังดูท่าทางอายุพอ ๆ กับฉัน เค้าเรียนเอกภาษาญี่ปุ่น และได้ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ตอนนี้เป็นอาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่นในมหา'ลัยที่นั่น แต่ตอนที่ฉันนัดเจอก้อยจัง เค้าได้ทุนมาอบรมเพิ่มเติม แต่งงานมีลูกแล้วด้วย ฉันว่าเค้าดูเป็นสาวเก่งดีจัง รู้จักกับคุณโด้จังสมัยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นั่นหรือเปล่าฉันก็ไม่แน่ใจ แต่พูดภาษาญี่ปุ่นน้ำไหลไฟดับเลย ขนาดตาอ้วนเอ่ยปากชมว่าเก่งจริง ๆ (ปกติพี่แกไม่ค่อยจะยอมชมใคร) ซุปโดโจวถ้วยนี้ชิมคำแรก อร่อยมาก เนื้อซุปข้นตั้ว รสออกหวานปะแล่ม ๆ คล้าย ๆ สาเกหวาน (amazake) เป็นซุปมิโสะ อร่อยสมคำคุยของร้าน เพราะร้านนี้นอกจากจะมีดีที่โดโจวแล้วมิโสะยังไม่เป็นรองใครอีกด้วย ถ้วยนี้ชื่อ Yanagawa (willow tree river) ฉันไม่รู้ว่าทำไมใช้ชื่อนี้ เป็นโดโจวที่ปรุงมาในไข่ เป็นอาหารแนะนำของที่นี่อีกเหมือนกัน ซาชิมิปลาอาจิถ้วยนี้ก้อยจังเป็นคนสั่ง เห็นใจคนที่กลับไปอยู่เมืองไทยนาน ๆ คงจะคิดถึงรสชาติปลาดิบของญี่ปุ่น เดี๋ยวนี้ก้อยจังกับคุณโด้จังคงจะวิ๊ดวิ๊วมาก เพราะร้านอาหารญี่ปุ่นที่กรุงเทพขึ้นเหมือนดอกเห็ด จะเอาราคาไหน ติดดินยันทะลุเพดานได้หมด ไม่ต้องดั้นด้นมาถึงญี่ปุ่นก็คงหายคิดถึงอาหารญี่ปุ่นไปได้มาก ร้านนี้สบใจฉันมากตรงที่ให้ต้นหอมมาเยอะ ภาชนะที่ใส่มาก็ได้ใจมากมาย ใส่มาในกระบอกไม้ ไม่รู้จะบรรยายยังไงให้เห็นภาพ เอาเป็นว่าไม่ได้ใส่มาในจานกระเบื้องก็แล้วกัน มันเป็นภาชนะที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมทำด้วยไม้ ปกติฉันก็เป็นคนกินต้นหอมระเบิดเถิดเทิงอยู่แล้ว คิดดูว่าเค้าให้มาจนกินไม่หมด
มาถึงตอนท้าย คาดว่าคงจะมีนักชิมหลายคนสนใจบ้างแล้วใช่ไหมคะ แนะนำมาก ๆ ค่ะร้านนี้ ดองเอาไว้นาน...จริง ๆ หากเอามาลงบล็อคก่อนหน้านี้ คงจะมีเพื่อน ๆ กริ๊งกร๊างมาชวนไปกินแล้ว ราคาสบาย ๆ ไม่แพง กินเอาประสบการณ์และบรรยากาศ(ที่ไม่ค่อยเหลือ)ของสมัยเอโดะ 5555
*หากจะฝากข้อความ เชิญที่ guest book นะคะ กำลังคิด ๆ ว่าจะล็อคบล็อคแล้วให้รหัสเฉพาะเพื่อนที่รู้ใจดีไหม กลัวโดนคนเอาบล็อคไปทำมิดีมิร้าย 5555*
mahalo
Create Date : 04 กรกฎาคม 2550 |
Last Update : 4 กรกฎาคม 2550 9:19:17 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1426 Pageviews. |
|
|