|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เรื่องรักใคร่ของวัยรุ่น
รู้ไหมว่า เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น วัยรุ่นกลัวอะไรมากที่สุด ..อย่าตอบนะว่า กลัวจะไม่ได้แอ้ม เพราะเดี๋ยวนี้สโลแกนใหม่บอกว่า ฟันแล้วทิ้งไม่กลัว แต่กลัวว่าฟันแล้วท้อง
เอาละ ลองมานึกกันดูจริงๆ ว่า..เมื่อคิดถึงเรื่องที่เขาและเธอจะเป็นของกันและกัน เพราะศรรักมันปักอก จนหักห้ามใจไว้ไม่อยู่แล้ว หนุ่มเหน้าและสาวสวยคิดถึงอะไรอยู่ ก่อนที่สัมผัสรักแห่งภาษากายจะเกิดขึ้น เขาและเธอกลัวอะไร
อันดับแรก กลัวติดเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ การกลัวศัตรูผู้มากับเซ็กซ์นี้ ยังคงติดอันดับหนึ่งเสมอ ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งในอนาคต
อันดับสอง รองลงมาก็คือ กลัวได้ของขวัญจากธรรมชาติ พูดง่ายๆ ก็คือ กลัวฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ โดยไม่ได้วางแผนไว้ ซึ่งอาจจะกลายเป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงปรารถนาต่อไปก็เป็นได้ ทั้งสองอันดับ นับว่าครองแชมป์และรองแชมป์ติดต่อกันมาทุกยุคทุกสมัย
แต่ทั้งๆ ที่กลัวขนาดนั้น และส่วนหนึ่งทราบด้วยว่า วิธีการที่ปลอดภัยไม่ติดโรคและไม่ติดลูกนั้นคือการมีความสัมพันธ์ทางเพศที่ปลอดภัย ซึ่งประกอบไปด้วย การสัมผัสกอดจูบเพียงภายนอกไม่มีการล่วงล้ำก้ำเกินความบริสุทธิ์ของกันและกัน การมีความสัมพันธ์ต่างช่วยเหลือ พูดง่ายๆ ก็คือ เธอช่วยฉัน-ฉันช่วยเธอ ให้อารมณ์ปรารถนาได้รับการตอบสนองและมีความสุขไปถึงดวงดาว โดยไม่จำเป็นจะต้องล่วงล้ำก้ำเกินเข้าไปในส่วนสงวนของฝ่ายหญิง
และถ้าเพลงรักมันบรรเลงไปถึงจุดที่ไม่สามารถยับยั้งได้ที่หน้าผาแล้ว การจะกระโจนเข้าไปในห้วงรักเหวลึกอันมีซอกหลืบแห่งความรัญจวนใจแล้วไซร้ ก็ให้ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัยก่อนที่จะเป็นของกันและกัน ย่อมเป็นหนทางที่ปลอดภัยกว่าในการป้องกันการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์โดยไม่ได้วางแผนการป้องกันดังกล่าว มีการนำมาใช้มากน้อยเท่าใดทราบไหม
ผลการสำรวจบ่งบอกออกมาว่า การป้องกันตนเองจากการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ร้ายแรง เช่น โรคเอดส์นั้น มีพฤติกรรมเสี่ยง แตกต่างกันมากตามพื้นฐานและวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ แต่ ค่าเฉลี่ยของวัยรุ่นทั่วโลกที่ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการติดโรคเอดส์และป้องกันการตั้งครรภ์นั้น อยู่ที่ร้อยละ 62 ซึ่งดีขึ้นกว่าในอดีตมาก
เพราะในอดีตนั้น มักจะมีข่าวลือและความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับถุงยางอนามัยมามาก ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคเฉพาะชายชอบสนุกที่ใช้กับหญิงบริการทางเพศ ไม่ควรจะนำมาใช้กับหญิงคนรักซึ่งเป็นผู้หญิงที่ดีๆ หรือการใช้ถุงยางอนามัยจะเหมือนการชกโดยใส่เสื้อเกราะไม่ได้สัมผัสรักอย่างเต็มที่ ซึ่งข่าวลือและความเชื่อผิดๆ ดังกล่าว ในปัจจุบันก็ทราบกันดีแล้วว่า ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด
ความกลัวต่อการติดโรคเอดส์และการตั้งครรภ์นั้น รวมๆ กันแล้วคิดได้เป็นร้อยละ 70 ของความกลัวของหนุ่มสาวในการที่จะมีเพศสัมพันธ์กันทีเดียว
ความกลัวรองลงมา ก็คือ กลัวว่าจะไม่สามารถทำให้คนรักประทับใจในการเป็นของกันและกันในครั้งแรก ซึ่งเรื่องนี้ตัวเลขบ่งบอกว่า วัยรุ่นชายไทยติดอยู่ในกลุ่มผู้นำเลยทีเดียว ที่ต้องการให้สาวคนรักประทับใจในการมีบทอัศจรรย์กันในครั้งแรก
เลยอยากจะขอนำเรื่องราวที่ได้รับฟังผู้เชี่ยวชาญด้านเพศศึกษาอภิปรายกันในที่ประชุมนานาชาติ เกี่ยวกับเพศศึกษาที่จัดที่ฮ่องกง โดยด็อกเตอร์ เบเวอรีย์ วิม์เปิล พูดถึงความเข้าใจผิดในการมีเพศสัมพันธ์ว่า การที่คนสองคนจะมีอะไรกันนั้นในอดีตเป็นแบบที่เรียกว่า 'เพื่อการเจริญพันธุ์' คือเมื่อเริ่มคิดถึงเรื่องนี้ก็หมายถึงว่าในครั้งนั้นฝ่ายชายจะได้ล่วงล้ำเข้าไปในส่วนสงวนของฝ่ายหญิง และเมื่อไปถึงดวงดาวแล้ว ก็จะปล่อยน้ำรักออกมา แต่ฝ่ายหญิงจะมีความสุขหรือไม่ก็คงจะบอกไม่ได้ นั่นเป็นวิธีการคิดถึงแบบโบราณ ไม่ได้คิดถึงความสุขของการสัมผัสรักทางภาษากาย ความดื่มด่ำในการปรุงรสรักด้วยกัน เรียกว่าพอนึกถึงอาหารก็เหมือนกินก๋วยเตี๋ยวหรือบะหมี่ ยกมาวางก็ซดโฮกหมดชาม แล้วก็วางชามลง สะบัดก้นหายไป
ความจริงแล้ว การแสดงความรักด้วยภาษากายนั้น สัมผัสแห่งรักจะต้องมีจังหวะจะโคน เริ่มแรกต้องมีเพลงโหมโรงก่อน แล้วค่อยแสดงบทบาท เมื่อละครแห่งความรักจบแล้ว ก็ต้องบอกลาผู้ชมด้วย หรือแสดงความชื่นชมในผลงานของกันและกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านเพศศาสตร์ท่านเดียวกันนั้นยังกล่าวต่อไปว่า การจะมีความสุขจากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ที่ถูกควรจะเป็นแบบที่เรียกว่า 'ให้ความสุขแก่กันและกัน..' หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ไม่สนใจหรอกเรื่องจะไปถึงดวงดาวหรือไม่ แต่มีความสุขจากการได้เป็นของกันและกัน ได้ให้สัมผัสแห่งรักด้วยภาษากายซึ่งกันและกัน ได้สัมผัสในจุดหรือซอกมุมที่ทำให้แต่ละฝ่ายเกิดความสุขและอิ่มเอิบใจจากกันและกัน เหมือนการปรุงอาหารนั้น กว่าจะออกมาเป็นอาหารในจานให้ชื่นชม กระบวนการปรุงแต่งอาหารของพ่อครัวย่อมต้องกระทำไปด้วยความสุข ในการปรุงแต่งรสรักก็เช่นกัน ถ้าขาดการปรุงรสแล้ว ย่อมจืดชืดไม่น่าพิศมัย เพราะฉะนั้นจะรักจะใคร่แล้วให้ได้ทั้งความสุขและความปลอดภัย รวมทั้งมีความรับผิดชอบในผลผลิตที่เกิดมาจากความรักใคร่นั้นเลย น่าจะเป็นการดีที่สุด ถึงมีสโลแกนว่า 'คืนชีวิตให้สัมผัสแห่งรัก' เป็นสโลแกนของการใช้ถุงยางอนามัย เพราะมาตรฐานของความปลอดภัยจากการมีความสัมพันธ์ทางเพศนั้น ถุงยางอนามัยเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ถ้าจะปล่อยกายปล่อยใจให้มีความสัมพันธ์เต็มรูปแบบจนเป็นของกันและกันแล้ว
ถุงยางอนามัยนะครับ นอกจากจะป้องกันการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว ยังป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงปรารถนาอีกด้วย เรียกว่า ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัวทีเดียว
เวลาคนเราจะมีสัมพันธ์สวาทกัน..ในขณะที่ยังไม่พร้อมจะอยู่กินกันเป็นเรื่องเป็นราวนั้น สิ่งที่กลัวอยู่ก็คือ การตั้งครรภ์ในขณะที่ยังไม่พร้อม
แต่เคยคิดไหมว่า ยังมีมหันตภัยหรือศัตรูผู้มากับเซ็กซ์นั้น เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะโรคร้ายแรงที่ไม่มีทางรักษา เป็นแล้วตายลูกเดียว เช่น โรคเอดส์
คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่า 'เป็นคนแรกของกันและกัน' และเขาหรือเธอไม่ได้มีใครอื่นอยู่ด้วยในขณะเดียวกัน และใครอื่นคนนั้นไม่ได้ติดโรคร้ายแรง เช่น เอดส์อยู่ด้วย
ผลการสำรวจทัศนคติเกี่ยวกับเพศ พบว่า วัยรุ่นไทยนอกใจคู่รักเป็นอันดับหนึ่งเมื่อเทียบกับวัยรุ่นจากประเทศอื่นๆ โดยพบว่า วัยรุ่นไทยนอกใจคนรักโดยมีคนอื่นอีกคนด้วยถึงร้อยละ 52 หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งทีเดียว ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของวัยรุ่นทั่วโลกที่จะนอกใจคนรัก มีเพียงร้อยละ 34 เท่านั้น
เพราะฉะนั้นจะแน่ใจได้อย่างไรว่า เขาหรือเธอคนนั้น ไม่นำโรคร้ายมาสู่คุณ ถ้าไม่รู้จักการป้องกันตนเอง ในทิศทางใหม่แล้ว 'เพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย' อาจจะต้องแทนที่ด้วยคำว่า 'ความรักที่ปลอดภัย'
ทุกคนเกิดมาล้วนแล้วแต่แสวงหาความรัก หาคนรักสักคนที่เข้าใจ ดูแล ใส่ใจ และเป็นเพื่อนคู่คิด เป็นคู่ชีวิตที่จะครองคู่ไปตราบนานเท่านาน
แต่ในสังคมที่เปลี่ยนไป ทุกคนมีอิสระเสรีมากขึ้น มีอิสระที่จะคบหาเพื่อนต่างเพศมากขึ้น โอกาสที่จะเกิดความรักและนำไปสู่ความต้องการที่จะเป็นของกันและกันมีมากขึ้น ถ้าไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจแล้ว ความรักนั้น อาจจะกลายเป็นความรักที่ไม่ปลอดภัยก็ได้
ไม่นานมานี้ หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่งทำสกู๊ปข่าวออกมาว่า ผู้ชายไทยในปัจจุบันเหลือน้อยลง เพราะมีโอกาสตายมากขึ้น และสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ชายไทยเสียชีวิตก่อนเวลาอันควรก็เพราะการไปติดโรคเอดส์มานั่นแหละ
แล้วจะไม่ลองหันมาป้องกันตนเองจากโรคร้ายที่มากับความรักใคร่กันเลยหรือ ทั้งๆที่ทำได้ง่ายๆ
แค่ยับยั้งใจไว้ที่จะไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศเต็มรูปแบบ ก่อนที่จะตกลงปลงใจครองชีวิตคู่ และไปหาแพทย์เพื่อทำการก่อนสมรส เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่มีโรคร้ายแฝงอยู่ ที่จะไปถ่ายทอดให้กับคนรัก เพียงเท่านี้ กามารมณ์ในเวลาที่พร้อมจะเป็นของกันและกัน ก็จะเป็นสีสันของความรักที่มีความสุขและปลอดภัยแล้ว
ในขณะที่ยังไม่พร้อมจะเป็นของกันและกันเล่า การหาความสุขจากสัมผัสภายนอกหรือการช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้มีความสุข ไปถึงจุดมุ่งหมายก็เป็นทางออกอีกทางหนึ่ง ไม่เฉพาะวัยรุ่นวัยรักเท่านั้น ใครๆ ก็ทำได้ ถ้ายังไม่พร้อมที่จะเป็นของกันและกันโดยปลอดภัย
สวรรค์นั้นอยู่ในใจ จะเดินทางสายใดก็ไปถึงได้
ไม่ยึดมั่นถือมั่นเสียอย่าง ความสุขนั้นเรียบง่ายเสมอ
ถ้าไม่หวังตักตวงความสุขมากนัก ความสุขก็จะมาหาเอง
ขอแต่เพียงให้เป็นความสุขสมที่จีรัง และเป็นความรักที่ปลอดภัยเท่านั้น
คุณภาพชีวิต..คงจะดีขึ้น
แหล่งที่มา » เนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ 12 ฉบับที่ 586 วันที่ 25 -31 ส.ค. 2546
Create Date : 02 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 2 สิงหาคม 2552 20:51:11 น. |
|
0 comments
|
Counter : 838 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]
|
แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
|
|
|
|
|
|
|
|