ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
3 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 

เรียนต่อสายไหนดี สายตรง..หรือสายอาชีพ?

เรียนต่อสายไหนดี สายตรง..หรือสายอาชีพ?

ข้อแนะนำในการเลือกสายการเรียน

ก็เป็นเพียงข้อแนะนำของคนที่เคยเสียใจร้องไห้ฟูมฟาย....ของพี่คนหนึ่งที่เลือกเรียนสายการเรียนผิด แล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้อะนะ ...ไม่อยากให้ใครร้องไห้แบบเรา...แบบพี่คนนี้....ไม่รู้ว่าโลกเดี่ยวนี้ไปถึงไหน...แต่สายการเรียนหลังจากจบมัธยมศึกษาตอนต้น...คงม่ได้เปลี่ยนไปหรอกเนอะ....

(1 )อันดับแรกของการเลือกสายการเรียนเลยคือ เลือกก่อนว่าจะเรียนสายสามัญ หรือสายอาชีพ (ขอแนะนำให้เรียนต่อนะคะ อย่าคิดว่าเลิกเรียนดีกว่า ถ้าไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ อย่าคิดว่าจะเรียน กศน.เอาก็ได้...เดี๋ยวนี้พื้นฐานการทำงานมาจากระดับการศึกษาจริงๆนะ)

การเลือกสายการเรียนสามัญหรือสายอาชีพนี่... อย่างง่ายๆก็คือ ดูว่าอนาคตเราอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร และเราถนัดอะไร แต่เชื่อเถอะคะ เด็กไทยร้อยละ 95 เปอร์เซ็นต์ยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองอยากเป็นอะไร หรืออยากทำอะไร

เพราะฉะนั้นมาดูความถนัด และความต้องการของผู้ปกครองดีกว่า สำหรับคนที่เรียนหนังสือไม่เก่ง ขอเถอะคะ....รบกวนเรียนสายอาชีพเลยดีกว่า เพราะการเรียนสายสามัญมันก็ไม่ต่างอะไรกับเรียน ม.ต้นเลย ถ้าคุณเรียนแบบนี้ไม่เก่ง ขึ้นม.4 5 6 ไปมันก็ไม่ต่างกันหรอกคะ

แต่สายอาชีพ คุณจะเรียน "ทำ" มากกว่าเรียน "ท่อง"

แบบพวกท่องๆๆๆน่ะ ให้เด็กเรียน แว่นหนาเตอะเค้าทำไปเถอะ เราอย่าไปดันทุรังแบบเบื๊อกๆเลย

เอาล่ะ...ถ้านึกไม่ออก มาลองทำแบบทดสอบง่ายๆนี้ดีกว่า

1.ฉันชอบคำนวณในใจมากกว่าใช้เครื่องคิดเลข

2.ฉันชอบนั่งพิมพ์ดีดต๊อกแต๊กไปเรื่อยๆมากกว่านั่งฟังอาจารย์บรรยายเรื่อง "การใช้คอมพิวเตอร์"

3.ฉันชอบเรียนทำอาหารมากกว่าฟังอาจารย์เล่าเรื่อง ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมไทย

4.ฉันชอบต่อไฟฟ้า มากกว่านั่งเขียนทฤษฎีต่อวงจรไฟฟ้าแบบเปิดและแบบปิดด้วยก็ได้ ^_^

5.ฉันชอบเล่นกีฬามากกว่านั่งทำรายงานเรื่อง บาสเกตบอล

6.ถ้ามีคาบว่าง คุณชอบเดินไปเดินมารอบๆโรงเรียน มากกว่าอ่านหนังสือในห้อง

7.ถ้าเลือกได้ ฉันยอมไปตอกไม้ทำโต๊ะกินข้าวให้โรงอาหารมากกว่าฟังอาจารย์บรรยายเรื่องเซลล์ฟืชในชีวิตประจำวัน

8.ถ้าเลือกได้ ฉันยอมไปทำงานเซเว่น ดีกว่านั่งอ่านหนังสือเรื่องการตลาดวันนี้

9.ฉันยอมทำงานอะไรก็ได้ เช่นทำเวร ตามอาจารย์ไปซื้อของ เก็บอุปกรณ์กีฬา ฯลฯ มากกว่านั่งเรียนเฉยๆในห้องเรียน


ถ้าคุณตอบว่า "ใช่" มากกว่า 5 ข้อไปเรียนสายอาชีพซะเถอะ
ท่าทางคุณจะไม่ชอบอยู่เฉยๆนะ
แต่ถ้า "ไม่ใช่" มากกว่าหรือก่ำกึ่ง ข้ามไปอ่านทางสายสามัญเลยก็ได้


(2) เมื่อเลือกสายสามัญ หรือสายอาชีพได้แล้ว....ก็ต้องเลือกสาขาในสายนั้นๆ

การเรียนสายอาชีพ มีข้อดี คือ สามารถเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยได้ ได้เรียนอาชีพ ที่สามารถทำงานได้จริง คุณสามารถเรียนทำบัญชีได้ตั้งแต่อายุ 15 ทำงานได้เงินแต่อายุ 16 แต่ถ้าเรียนสายสามัญ คุณต้องรอเรียนบัญชีตอน 18 ทำงานบัญชีได้จริงตอนอายุ 21 ปี

ถ้าชอบตัดเย็บเสื้อผ้า ไม่ว่าจะของคนหรือของตุ๊กตา คุณก็จะตัดเย็บได้ดั่งดีไซน์เนอร์ระดับโลกได้เลยแต่บัดนี้ ไม่ต้องรอเรียนแฟชั่นดีไซน์ ในคณะศิลปกรรมอีกตั้ง 3 ปี แถมยังต้องเรียนพิเศษวิชาเฉพาะ +เรียนวิชาทั่วไป เพิ่มเพื่อให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่ถ้าสนใจเรียนมันซะตอนนี้ สังคม3 เล่ม วิทยาศาสตร์ ชีวบ๊อง ฟิสิกส์เบื๊อกก็ไม่ต้องนั่งท่อง เลขก็ไม่ต้องใช้มือคำนวณ ได้ตัดเย็บเสื้อผ้าจริงด้วยนะ เสื้อผ้าสวยๆก็ได้ แถมเกรดก็ดี จินตนาการล้ำลึกก็ได้ใช้ เพราะเขาวัดภาคปฎิบัติ 80 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด แต่ถ้าเรียนสามัญธรรมดาเก็บคะแนน ท่องทฤษฎี 80 เปอร์เซ็นต์นะ แถมเดี่ยวนี้เขียนตอบซะด้วย เขียนไม่ตรงใจอาจารย์ก็ตกนะจ๊ะ

สายอาชีพเดี๋ยวนี้ มีหลากหลายสาขา มีให้เลือกมากกว่าสายสามัญซะอีก ทั้ง ช่างยนต์ ช่างคอม ช่างเครื่อง ช่างตัดเย็บ สารพัดช่าง งานคอมพิวเตอร์ งานการโรงแรม งานทำอาหาร งานผู้ช่วยพยาบาล งานช่างไฟฟ้าของการไฟฟ้าก็มีเปิด ถ้าสนใจก็ลองหาข้อมูลดูได้ตามโรงเรียนสายอาชีพต่างๆ ถามครูแนะแนวก็ได้ เข้าใจว่ามีทุนเรียนฟรีด้วยนะ ฯลฯ

ถ้าเรียนจบแล้วต่อ ปวส.ก็ได้ หรือปริญญาตรีในบางสาขาก็ได้ ถ้าจบปวส.ก็ต่อปริญญาตรีแบบต่อเนื่องได้ เพราะฉะนั้นเรียน ปวช.สายอาชีพก็เป็นวิศวกรได้ จบก่อนหรือพร้อมกับพวกป.ตรี แถมได้ฝึกงานมากกว่า ประสบการณ์ก็มากกว่าอีกนะ

ข้อเสียนิดเดียว คือเรื่องภาพลักษณ์ที่ว่า คนเรียนสายอาชีพต้องเรียนไม่เก่ง แต่จริงๆแล้วคนเก่ง หรือ ไม่เก่ง ไม่ได้อยู่ที่ใครเรียนได้ หรือเรียนไม่ได้ซะหน่อย คนเก่งน่ะ...เก่งทำจริง...ไม่ใช่พวกความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอดนะ นอกจากนี้คนเรียนสายอาชีพถ้าเป็นผู้หญิงก็จะถูกมองว่า 11รด ผู้ชายก็ถูกมองเป็นนักเลง ซึ่งมันเป็นเพียง "ภาพลักษณ์" สังคมมันพาไป ถ้ามองผู้หญิงแต่งหน้าจัดทุกคนเป็นพวก 11รด ผู้หญิงบนโลกทุกคนก็ต้อง 11รด ถูกไหม ผู้หญิงคนไหนใครก็อยากสวย

(แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าแต่งตามวัย นิดๆหน่อยๆ หรือไม่แต่ง จะสวยน่ารักแบบธรรมชาติมากกว่านะ แฮะๆๆ นุ่งสั้นมากๆก็ไม่สวยนะ ถ้าสั้นแล้วขางามก็ไม่ว่ากันหรอก แต่ถ้าขาปีกุน เราก็รับไม่ได้เหมือนกัน -_-")

คนที่เข้าไปเรียน เขาก็เข้าไปเรียนนั่นแหละ จะเรียนสายอาชีพหรือสายสามัญถ้าคนมัน"รักไม่ดี" มันก็ได้ไม่ดีทั้งนั้น มันอยู่ที่การกระทำมากกว่า ถ้าถูกมองว่า "ไม่ดี" ก็ต้องมองตัวเองว่า "ทำไมเขามองเราแบบนั้น" แล้วเราก็ต้องปรับปรุงตนเอง(หรือภาพลักษณ์)ของตนให้ดี ใครที่ดีแล้ว ก็อย่าไปบ้ายุด้านที่ไม่ดี เลียนแบบ"ภาพไม่ดี"ทั้งจากเพื่อนฝูงและสื่อภายนอก อย่างที่คนอื่นเค้ามอง...



********************
แต่ถ้าชอบเรียนหนังสือ ถนัดท่องจำ มากกว่าปฏิบัติ ขี้เกียจซื้อของทำอาหาร มานั่งทำส่ง สมัครใจอ่านหนังสือในห้องเรียน ชอบฟังอาจารย์บรรยายมากกว่าแบกไม้ ตอกตะปูละก็....

--สายสามัญเหมาะที่สุด---

แต่ปัญหา คือ....ไม่รู้จะเลือกสายอะไรถึงจะเหมาะกับตนเอง....

ไม่รู้ว่าอยากเป็นอะไร ไม่รู้ว่าจะทำอะไรในอนาคต (จะว่าไปก็ไม่มีใครรู้อนาคตหรอก 555+)

เพราะเด็กน้อยทั้งหลายยังไม่มีความฝันที่แท้จริงมากกว่า ความฝันที่แท้จริง คือ สิ่งที่อยากทำจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่อยากเป็นไปตามกระแสหรอกนะ ไม่ใช่การอยากเป็นดารานักร้อง เพราะการเป็นดารานอกจากดังแล้วเงินยังดี.... ไม่ใช่การอยากเป็น เจ เค โรว์ลิง เขียนออกมาสามบรรทัด แล้วกลายเป็นนักประพันธ์ดังคับฟ้า.... แต่ไม่รู้จริงๆ ว่าอีกสามปีข้างหน้า จะเลือกเรียนอะไร แล้วอีกประมาณ 4 ปีถัดจากนั้นไปอีกจะทำอาชีพอะไร

สรุป................เพราะ "ไม่รู้" บ้าอะไรเลยอะสิ เลยเลือกไม่ถูก…

เพราะฉะนั้น จะขอแนะนำวีธีธรรมดาๆ สำหรับคนที่ไม่รู้อะไรเลย แล้วก็เรียนได้ในทุกวิชา เลขก็คำนวณได้ วิทย์ก็ไม่เลว จำประวัติศาสตร์ได้ดี แยกสมาส-สนธิคำไทยได้ อังกฤษก็ไม่ยากเกินไป (สำหรับคุณนะ ไม่ใช่เพื่อนสนิทโต๊ะข้างๆ)

เลือกสาย วิทย์-คณิตมันไปเลย

เพราะสายนี้เปิดกว้างสุดๆ เลือกคณะ/สาขาอะไรก็ได้ จะเลือกแบบวิทย์หรือศิลป์ก็ได้ ถึง ม.6 เพิ่งจะรู้ว่าอยากเป็นทนายใหญ่ ก็เลือกเรียนนิติศาสตร์ได้

*อย่า* เลือกสายการเรียนด้วยเหตุผลง่ายๆว่า ขี้เกียจเรียนเลขหรือตามเพื่อน เพราะถ้าพอถึง ม.6 ขึ้นมา แล้วอยากเรียนหมอ แต่เสร่อเลือกสายศิลป์ จะร้องไห้หันหลังกลับไม่ได้นะเฟ้ยยยยยยย!!!

....เราเตือนคุณแล้ว

แต่....ในกรณีที่อยากเป็นหมอ วิศวกร พยาบาลคนงาม สถาปนิกคนเก่ง หรืออะไรที่ต้องเรียนสายวิทย์เท่านั้น แต่เลขไม่เก่งเอาซะเลย ฟิสิกส์ก็ท่าจะไปไม่รอด ให้ดูว่าอยากเรียนอะไรจริงๆ เช่น อยากเป็นแพทย์ อย่างน้อยที่สุดนอกจาก ไทย สังคม อังกฤษ ที่ต้องเก่งแล้ว วิชาชีววิทยา ก็ต้องเก่งแบบเลิศๆ ประมาณว่าสอบเต็ม 100 ได้ 98 เลยทีเดียว แล้วก็เรียนเสริมๆ ในวิชาที่ไม่ค่อยได้ แล้วพยายามทำความเข้าใจ ถึงไม่เก่งทุกวิชาก็เรียนได้แล้วล่ะ ไม่ตกก็โอเค อิอิ

หรืออย่างเช่นอยากเป็นวิศวกร ถึงเรียนวิชาชีวิวทยาไม่เก่งก็ไม่เท่าไหร่ แต่คณิตและฟิสิกส์ต้องฉลุยนะจ๊ะ

แบบพวกคนเก่งทุกวิชาน่ะ มีไม่กี่คนในประเทศหรอก 555+ พวกเขาก็อยู่ตามโรงเรียนดังๆแล้วไง โรงเรียนธรรมดาๆก็สู้ๆนะ อยู่โรงเรียนธรรมดาก็เข้ามหาวิทยาลัยดีๆได้ (เรารับประกัน อุอุอุ)

เพราะฉะนั้น อยากเป็นอะไรที่ต้องเรียนสายวิทย์เท่านั้น แต่เรียนไม่เก่งทุกวิชา ก็ไม่ได้หมายความว่า เรียนสายวิทย์ ไม่ได้นะ แต่ต้องพยายามมากขึ้นอีกนิดไงจ๊ะ

ซึ่งในกรณีอย่างนี้ คือ ไม่เก่งแค่บางวิชานะ ไม่ใช่ว่าสมัยม.ต้น เลขก็เกือบตก วิทย์ก็เกือบผ่าน ประวัติศาสตร์ก็เกือบไม่รอดนะ มันต้องเก่งกันอยู่บ้าง

สำหรับคนที่มีคนหวังอยากจะเป็นนักเขียน นักแปล ทนาย นักการฑูต นักรัฐศาสตร์ ก็เรียนสายศิลป์มันไปเลย ...ไม่ต้องเสียเวลาไปกับเคมี ฟิสิกส์ ชีวะ ให้เสียเวลาหรืออาจไม่ถนัดอยู่เลย

ใครที่อยากเป็นนักบัญชี การตลาด นักเศรษฐศาสตร์ ก็เลือกสายศิลป์-คำนวณไปเลย เหมาะสุดๆแล้ว

*ย้ำ* ถ้าไม่รู้ว่าอยากทำ อยากเป็นอะไรจริงๆ รู้แต่ว่าต้องเรียนสายสามัญ แล้วเรียนได้ทุกวิชา ถึงไม่เก่งเลิศ แต่ก็จงเลือกสายวิทย์-คณิตซะ

*ย้ำ* อยากเป็นนักเขียน นักแปล ทนาย นักการฑูต นักรัฐศาสตร์ ครู หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ต้องเรียนสายวิทย์ (ถึงไม่ต้องสาธยายทุกอาชีพ แต่ทุกคนก็ต้องรู้นะ ว่าสายอะไร ต่อคณะไหนได้) ก็เรียนสายศิลป์-ภาษาเถอะ ได้ดีกรีดีกว่าพวกวิทย์มาต่อศิลป์

ส่วนจะเรียนภาษาอะไรนี่ ก็ตัดสินเอาจากความสนใจดีที่สุด หรือใครจะตัดสินจากกระแสโลกก็ได้ ตอนนี้แนะนำภาษาจีนจ๊ะ

*ย้ำ* สายศิลป์-คำนวณ เหมาะกับคนเก่งคณิต และอังกฤษจริงๆ เพราะคนส่วนมากมักเก่งแบบเอนทางใดทางหนึ่ง (คือ เก่งวิทย์ๆก็วิทย์โต่ง ศิลป์ก็ศิลป์จัด)มากกว่าครึ่งๆ กลางๆอย่างสายนี้

แม้ว่าการศึกษาจะบอกว่า ภาษาและคำนวณอยู่ที่สมองซีกเดียวก็ตาม แต่พระเจ้าท่านยุติธรรมพอ อย่าเลือกอัจฉริยะไปทุกทางเลย แบ่งๆกันเก่งเถิด มนุษย์โลก 555+

*ย้ำ* ถ้ารู้ตัวว่าไปไม่รอดกับสายสามัญ (คนส่วนใหญ่รู้ตัว รู้แก่ใจอยู่แล้วล่ะ) อย่าดันทุรังเลือกสายนี้ มันแคบๆๆๆๆกว้างสายอาชีพเยอะ เพราะถ้าไปไม่รอด เรียนไม่ได้กับสายสามัญแล้ว ต่อมหาวิทยาลัยไม่ได้ หนทางมันจอดสนิท เรียนว่า "จบเห่" กันเลย
และ ห้าม เลิกเรียนเด็ดขาด ไม่ว่าคุณจะเกลียดการเรียนขนาดไหนก็ตาม มิฉะนั้นจะเอาตัวไม่รอดจากสังคมที่ใช้"ประกาศนียบัตร"รับประกันความสามารถ

ปล.อย่าเลือกสายการเรียนด้วยตัวเอง อย่าคิดว่าตัวเองแน่ ฟังครู ฟังพ่อแม่ ฟังผู้ปกครองบ้างก็ดี ฟังแล้วเอาไปคิดด้วยนะ ไม่ใช่ฟังผ่านๆ แล้วเลือกดีๆ จำไว้ว่า "หนทางตัวเอง เลือกได้ด้วยตนเอง"



แต่ถ้าเลือกได้แน่แล้ว พ่อแม่ไม่เข้าข้าง บอกเหตุผลท่านไปเลย ทุกเหตุผลที่เรามีอะแหละ ท่านรักเรา แล้วจะรักสิ่งที่เราเลือกด้วย ฮุฮุฮุ

อ่านหนังสือ เปิดโลกกว้างเยอะๆนะ นิยาย หนังสือที่เราอ่านน่ะ มันจะสะท้อนตัวตนที่คุณอยากเป็นที่สุด จริงๆนะ ลองสังเกตดูเลย อย่างเราอยากปิด เอ้ย เปิดโรงเรียนตัวเอง เราอ่านหนังสือทั้งการ์ตูนนิยาย ที่เกี่ยวกับโรงเรียนและครูเลย ทั้ง GTO โรงเรียนเพี้ยน โรงเรียนลูกผู้ชาย โรงเรียนเวทย์มนตร์ ยอดครูเทวดา ครูขาบ้านนอก นักเรียนที่รัก ครูยอดนักสืบ เนกิมะ ครูไหวใจร้าย โลกนี้มันช่างยีสต์ ก็อ่านนะ 555+ บ้าไปแล้วตู.................ฮุฮุฮุ ใครมีเรื่องอื่นอีก แนะนำได้

ที่มา
//www.thepin.ac.th/main/modules.php?name=News&file=article&sid=10




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2553
2 comments
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2553 12:39:01 น.
Counter : 1537 Pageviews.

 

 

โดย: ผมชอบกินข้าวมันไก่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 12:47:06 น.  

 

ขอบคุณที่แบ่งปัน ติว

 

โดย: swkt (tewtor ) 12 เมษายน 2554 0:01:09 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.