ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
28 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 

รายงานการไปฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาความรู้ทางธรณีวิทยาและซากดีกดำบรรพ์สู่ครูวิทยาศาสตร์


geology


เมื่อวันที่ 24 - 27 พฤศจิกายน 2552 ได้มีโอกาสได้เข้ารับการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาความรู้ทางธรณีวิทยาและซากดีกดำบรรพ์สู่ครูวิทยาศาสตร์ หลักสูตรที่ 21 จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่โรงแรมฟรายเดย์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งจัดโดยกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

การอบรมครั้งนี้ทางกรมทรัพยากรธรณีบอกว่าเป็นจังหวัดที่ 21 ไม่ใช่ว่าทางกรมสร้างหลักสูตรมาแล้ว 21 หลักสูตรนะ การอบรมมีทั้งหมด 4 วัน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางกรมดำเนินการเองทั้งหมดครูวิทยาศาสตร์กว่า 200 คนไม่เสียค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2552
วันแรกหลังจากที่ลงทะเบียนและพิธีเปิด เริ่มจากการกล่าวต้อนรับโดยผู้อำนวยการพื้นที่การศึกษาเขต 1 จังหวัดอุตรดิตถ์ จากนั้น ดร.สมบุญ โฆษิตานนท์ นักธรณีวิทยาชำนาญการพิเศษ กล่าวรายงาน และเปิดการอบรมโดยตัวแทน ผู้อำนวยการสำนักธรณีวิทยา

หลังพักเบรคแล้วได้รับฟังการบรรยายเรื่อง ธรณีวิทยาน่ารู้ ซึ่งกล่าวถึงความสำคัญของการศึกษาทางด้านธรณี ซึ่งวิทยากรซึ่งก็คือนายเลิศสิน รักษาสกุลวงศ์ เป็นวิทยากรจากกรมทรัพยากรได้บรรยายด้วยบรรยากาศแห่งความครื้นเครง ท่านบรรยายโดยการนำประสบการณ์มาเล่าและแทรกมุกขำขันตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมง ประเด็นที่วิทยากรนำเสนอจะเป็นธรณีวิทยาคืออะไรซึ่งท่านเปรียบให้ฟังว่าเป็นการศึกษา ดินน้ำไฟลมนั่นเอง เรียนรู้ธรณีไปก็เพราะว่า "ปัจจุบันเป็นกุญแจไขไปสู่อดีต" เพื่อจะทำนายอนาคต และวิทยากรได้ยกตัวอย่างสถานการณ์ว่า เมื่อครั้งที่เกิดซึนามิเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 แล้วนักธรณีได้ศึกษาแนวหินดินที่เกิดจากสึนามิแล้วไปเทียบสิ่งที่เคยมีในอดีตและได้ศึกษาไว้มาก่อนทำให้ทราบว่า ในอดีตได้เคยเกิดเหตุการณ์สึนามิแบบนี้มาแล้วนั่นคือเมือง "ตะโกลา" เมืองเก่าของมอร์แกน ซึ่งเอาไว้ถ้าหากมีเวลาค้นคว้าจะนำมาลงให้อ่านที่นี่กันต่อไป นอกจากนี้วิทยากรยังได่นำเสนอประเด็นว่าธรณีวิทยาสำคัญอย่างไร เพื่อใครและเราจะทำอย่างไรในการศึกษาธรณีวิทยา

จากนั้นรับฟังการบรรยายเรื่องสภาวะโลกร้อนในมุมมองของนักธรณี ซึ่งวิทยากรคือนายสุวัฒน์ ติยะไพรัช ได้บอกว่าที่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้บรรยายเกี่ยวกับหัวข้อนี้ แต่ท่านก็ทำให้ได้กระจ่างขึ้นว่า สภาวะโลกร้อนนั้นมันเป็นปรากฏการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ไม่ได้เรื่องที่น่ากลัวหรือควรตระหนกตกใจ แต่การที่เราลดการใช้สิ่งต่างๆ ที่จะเป็นการเพิ่มสภาวะโลกร้อนนั้น ทำถูกต้องแล้ว เพราะมันจะเป็นการยืดระยะเวลาของการเกิดภาวะโลกร้อนนี้ให้ยาวออกไปเพื่อรุ่นลูกรุ่นหลานของเรานั่นเอง และในการบรรยายครั้งนี้ท่านได้พูดถึงการเคยเกิดมาแล้วทำให้บริเวณภาคกลางแถบกรุงเทพมหานครและปริมณฑลนั้นได้อยู่ในทะเลมาก่อนเมื่อประมาณ 4000 - 5000 ปีที่แล้ว และเมื่อประมาณ 200 ล้านปีก่อน ซึ่งเป็นยุคน้ำแข็ง ประเทศไทยไม่มีหลักฐานว่าไทยเคยเป็นยุคน้ำแข็งแต่ตอนนั้นประเทศไทยเป็นยุคฝนตกมากและฝนตกน้อย อีกประเด็นหนึ่งก็คือเหตุผลที่ทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุควิทยากรบอกว่าเกิดจากหลายกรณีได้แก่
วงโคจรของโลกที่โคจรรอบดวงอาทิตย์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงกล่าวคือ เป็นวงรีบ้าง เกือบเป็นวงกลมบ้างซึ่งกรณีนี้จะเกิดในรอบ 100,000 ปี มีผลให้โลกมีฤดูกาลที่ผิดปกติไป กรณีที่สองเกิดจากการเอียงของแกนโลกซึ่งจะมีการเอียงจาก 21.5 - 24.6 องศาทุกๆ 41,000 ปี และกรณีสุดท้ายเกิดจากการสะดุดในการหมุนรอบตัวเองของโลกซึ่งจะเกิดในรอบ 23,000 ปีซึ่งทำให้เกิดแม่เหล็กกลับขั้วกัน ซึ่งมีหลักฐานมาแล้วและคาดว่าอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งของการทำให้สิ่งมีชีวิตแต่ละยุคนั้นเกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่

หลังจากพักรับประทานอาหารกลางวัน ได้กลับเข้ามาฟังบรรยายต่อเรื่อง ธรณีพิบัติภัย โดยนายสุวิทย์ โคสุวรรณ ซึ่งได้แนะนำเกี่ยวกับธรณีพิบัติภัยในรูปแบบต่างๆ ซึ่งได้แก่ ดินถล่มซึ่งเคยเกิดที่อำเภอลับแลและหลายแห่งในอุตรดิตถ์ การเกิดหลุมยุบหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าธรณีสูบนั่นเอง แผ่นดินไหว สึนามิ การเปลี่ยนแปลงของชายฝั่ง นอกจากนี้ก็มีภูเขาไฟ น้ำป่าไหลหลาก ซึ่งรายละเอียดอาจจะหาดูได้ตามสื่อแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ

หัวข้อเรื่อง ธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณีจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยนายสันต์ อัศวพัชระ ได้บรรยายเกี่ยวกับจังหวัดอุตรดิตถ์ว่ามีหินอะไรบ้างที่น่าสนใจ ซึ่งจังหวัดอุตรดิตถ์เป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายของทรัพยากรธรณีเพราะเป็นจังหวัดที่เกิดจากแผ่นเปลือกโลกสองแผ่นมาเหลื่อมซ้อนทับกัน ซึ่งวิทยากรกล่าวว่า อุตรดิตถ์มีกลุ่มหินดอนชัยและกลุ่มหินแม่ทา ที่เขื่อนสิริกิติ์ กลุ่มหินงาวที่อำเภอทองแสนขันและอีกหลายกลุ่ม

เรื่องสุดท้ายที่ได้ฟังการบรรยายคือ เหล็กน้ำพี้ เหล็กดีที่สุดในประเทศ โดยนายเลิศสิน รักษาสกุลวงศ์ วิทยากรได้นำบทกลอนบทหนึ่งมากล่าวอ้างถึงความสำคัญของเหล็กน้ำพี้ โดยบทกลอนมีว่า

"เอาเหล็กไหล เหล็กหล่อ บ่อพระแสง
เหล็กกำแพง น้ำพี้ ทั้งเหล็กแร่
ทองคำ สัมฤทธิ์ นาก อแจ
เงินที่แท้ ชาติเหล็ก ทองแดงคง
เอามาสุม คุมควบ เข้าเป็นแท่ง
เผาให้แดง ตีแผ่ แช่ยาผง
ไว้สามวัน ชัดเล็ก ให้เล็กลง
ยังให้คง แต่พองาม ตามตำรา"

วิทยากรได้ให้การตีความว่า อแจ ก็คือเมืองอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย นั่นเอง นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงความสำคัญว่าเหล็กน้ำพี้ได้นำไปทำเป็นดาบของนักรบของไทยหลายคนได้แก่ พระแสงดาบคาบค่ายและพระแสงของ้าวของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทำพระแสงดาบอาญาสิทธิ์ดาบล้างอาถรรพณ์ของพระนารายณ์มหาราช ทำเป็นดาบฟ้าฟื้นของขุนแผน ทำเป็นดาบนันทกาวุธของพระยาพิชัยดาบหัก และพระแสงศาสตราวุธของรัชกาลที่ 2 เหตุผลที่เหล็กน้ำพี้มีความพิเศษนั้นน่าจะมาจากส่วนผสมของเหล็กที่อยู่ในบ่อน้ำพี้ ซึ่งได้แก่ เหล็ก 61.87 % นิกเกิลเล็กน้อย โครเมียม 8 ppm สตรอนเตรียม 17 ppm รูบิเดียม 41 ppm สังกะสี 86 ppm และคาร์บอนที่มีโครงสร้างพิเศษคล้ายแกรไฟต์ ส่วนผสมนี้ทำให้เหล็กมีความแข็งแรงตามตำนานที่กล่าวไว้จริงๆ

แต่ปัจจุบันนี้เหล็กน้ำพี้แบบเดิมจริงๆ หายากมากแล้วที่มีอยู่จริงๆ ก็ลึกเกินที่จะขุดและมีน้อยไม่เพียงพอต่อการทำเหมืองและเหล็กน้ำพี้นี้เกิดในเฉพาะบริเวณใกล้แนวมุดตัวของแผ่นเปลือกโลกซึ่งนี่เองที่ทำให้ที่อื่นไม่มีเหล็กลักษณะเดียวกันนี้ในที่อื่นเลย

จบการอบรมวันแรก

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2552
เป็นกิจกรรมเชิงปฏิบัติโดยการแบ่งเป็นกลุ่มย่อย 5 กลุ่มๆละ 40 คน ก่อนที่จะเข้าฐานทางวิทยากรให้แต่ละกลุ่มเลือกหัวหน้ากลุ่ม ให้ตั้งชื่อกลุ่ม แต่งเพลงประจำกลุ่มพร้อมทั้งท่าทาง ให้พวกเราย้อนวัยไปเป็นเด็กอีกครั้งืซึ่งกลุ่มของผมตั้งชื่อกลุ่มว่า ดึกดำบรรพณ์ มีเพลงประจำกลุ่มดังนี้

"ซากพืช...ก็น่าสน ซากสัตว์...ก็น่าค้น แต่ซากคน..ไม่น่าสนเอย (ซ้ำสองรอบ) ตี๊ด ชึ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ"

ทั้งเพลงและท่าทางต้องใช้ในการทำความเคารพในแต่ละฐาน ถือว่าเป็นการผ่อนคลายอีกรูปแบบหนึ่ง

การร่วมกิจกรรมได้เริ่มจากฐานที่ 5 เป็นฐานเข็มทิศ แผนที่และภาพจากดาวเทียม ซึ่งได้เรียนรู้เกี่ยวกับการภาพถ่ายทางอากาศ กระบวนการทำงานของอุปกรณ์เครื่องมือ ซึ่งดูแล้วมันเป็นการวิเคราะห์สิ่งที่เห็นและตีความจากสิ่งที่ได้ ซึ่งจะใช้ประโยชน์เมื่อจะนำไปใช้ทำงานอื่น เช่น การสร้างเขื่อน นอกจากนั้นก็ได้ฟังวิธีการวิเคราะห์หาความสูงของภูเขาจากภาพถ่าย ฐานต่อไปเป็นฐานซากดึกดำบรรพณ์ ซึ่งเรียนรู้เกี่ยวกับซากฟอสซิลในรูปแบบต่างๆ และการวิเคราะห์ตีความอายุ ซึ่งก็ได้ดูฟอสซิลจริงๆ ที่วิทยากรได้นำมาฐานที่ 2 เป็นฐานโลกและการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้กระจ่างได้ว่าทำไมโลกเราจึงได้เป็นอย่างทุกวันนี้ ฐานที่ 3 เป็นฐานหินและแร่ แนะนำการเกิดหิน วิธีการจำแนกหินและการทดสอบหินและแร่ซึ่งมีของจริงมาให้ดูอย่างใกล้ชิดได้สัมผัสอย่างพอใจ ส่วนฐานสุดท้ายก็เป็นฐานเครื่องมือทางธรณีฟิสิกส์ ซึ่งใช้วัดความต้านทานทางไฟฟ้า การนำไฟฟ้า ความโน้มถ่วงของโลก และความเป็นแม่เหล็กของแผ่นเปลือกโลก ในตอนท้ายก็ได้มีการแจกหนังสือโดยการเล่นเกมเพราะมีหนังสืออยู่ไม่มาก

วันที่ 26 - 27 พฤศจิกายน 2552
เป็นกิจกรรมการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียน ซึ่งเดินทางโดยรถบัส 5 คัน ตามกลุ่มที่แบ่งไว้แล้ว โดยเริ่มออกจากโรงแรมที่พักเวลา 8.30 น. ออกไปยังจุดแรกก็คือ เขาแก้ว ต.ผาจุก อ.เมืองจ.อุตรดิตถ์ ซึ่งไปชมหินภูเขาไฟประเภทหินอัคนีพุ พร้อมทั้งให้คณะครูได้เก็บตัวอย่างกลับไปให้นักเรียนดูที่โรงเรียน ต่อจากนั้นออกไปเหมืองอุตรดิตถ์ดินขาว 2004 ต.ขุนขวาง อ.เมือง ไปชมดินขาวที่นำไปใช้ทำเป็นตัวแยกเปลือกและเม็ดปาล์มออกจากกันเพื่อทำน้ำมันปาล์ม จุดที่ 3 ไปพักทานข้าวเที่ยวและศึกษาแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมของเขื่อนสิริกิติ์ จากนั้นไปศึกษาหินตะกอนชนิดหินทรายหินทรายแป้ง ซึ่งสะสมตัวในทะเลยุคไตรแอสซิก เมื่อประมาณ 245 ล้านปีมาแล้ว ที่ห้วยประคอง อ.ท่าปลา โดยผ่านทางเขื่อนเข้าไปอีกพอประมาณ จากนั้นก็เป็นจุดสุดท้ายของวันคือที่แหล่งแร่ทัลค์และหินแปร ต.ผาเลือด อ.ท่าปลา ซึ่งแร่ทัลค์เป็นแร่ที่นำไปทำเป็นแป้งทาตัวทาหน้า

ส่วนวันสุดท้ายเริ่มจากเขาขี้นก อ.ทองแสนขัน ซึ่งไปชมหินอัคนีแทรกซอนชนิดหินแกรนิต และจากแหล่งหินแกรนิตก็ไปต่อยังถ้ำจัน ซึ่งอยู่บริเวณบ้านน้ำหมีใหญ่ ต.ผักขวง ทองแสนขัน ไปชมการเกิดหินปูนหรือหินคาร์บอเนต ถัดจากนั้นไปยังม่อนจำศีลที่ อ.ลับแล เพื่อไปศึกษาหินเชิร์ตซึ่งถ้ามีสีเข้มจะเรียกว่า หินเหล็กไฟ และสุดท้ายที่น้ำตกแม่พูล อ.ลับแล ซึ่งไปศึกษาลำดับชั้นของหินตะกอน โดยจะสังเกตเห็นหินโคลนที่มีสีเข้มจนถึงสีดำแทรกอยู่ระหว่างหินทราย และหินทรายแป้ง จากนั้นกลับมาที่โรงแรมเพื่อทำพิธีแจกประกาศนียบัตรและพิธีปิดพร้อมด้วยการเลี้ยงโต๊ะจีน

จบการรายงานครับ




 

Create Date : 28 พฤศจิกายน 2552
0 comments
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2552 13:42:12 น.
Counter : 914 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.