เส้นทางท่องเที่ยว จ.อ่างทองยันสุ1000บุรี แวะตลาดร้อยปี อ.สามชุก

เส้นทางท่องเที่ยว อ่างทอง ถึงสุพรรณบุรี

ออมบุญ
อ่างทอง- สุพรรณบุรี

กว่าจะออกเดินทางก็ปาเข้าไป 10.30 น.แล้ว เพราะจากอาการท้องเสีย
กลัวจะขับๆๆไปแล้วเกิดอยากเข้าห้องน้ำกลางทางจะยุ่งแต่ก็เริ่มดีๆๆขึ้นเลย
ตัดสินใจไปดีกว่าเพราะอยากไปวัดม่วง ที่ อ.วิเศษชัยชาญ จ . อ่างทอง
มาก วัดนี้เคยไปมานานมากหลายปีแล้ว และก็ประทับใจตรงโบสถ์ ที่
ประดับด้วยเรือนกระจก ทั้งรอบอาคารภายในและภายนอก ดูสวยงามดี
วันนี้จุดหมายคือพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีทอง ซึ่งสร้างเสร็จแล้ว เมื่อก่อน
ผ่านบ่อยหลายๆ ครั้งเวลามองจากถนนสาย อ่างทอง – สุพรรณบุรี มักจะ
มองเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ซึ่งกำลังก่อสร้าง ผ่านตั้งแต่เริ่มก่อสร้างฐาน
จนสำเร็จเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งเด่นตระหง่าน จากสีปูนซีเมนต์ จน
สุดท้าย สีทองเหลืองอร่ามเด่น ตระการตายิ่งนักและวันนี้ก็เป็นโอกาสดี
เพราะได้ดูรายการๆ หนึ่งของ อ.คชา หมอดูชื่อดัง ได้แนะนำวัดม่วง ถึง
พระพุทธรูปองค์นี้ว่า จะมีปลายนิ้วพระหัตถ์ด้านขวาจะเป็นที่ตั้งจิตอธิษฐาน
ขอให้สมปรารถนา มีแท่นให้ยืนขึ้นขอจับพระหัตถ์เพื่อขออธิษฐานด้วย

เมื่อไปถึงวัดก็เกือบเที่ยงพอดีแดดร้อนมาก มีรถจอดพอสมควร ได้ที่จอด
ใต้ต้นไม้ก็รีบเร่งฝีเท้าอย่างเร็ว (ป่าวหรอก จะรีบไปเข้าห้องน้ำ) จุดแรกที่
ไปก่อนเลยคือ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ สีทองเหลืองอร่าม ตั้งเด่นเป็น
ตระหง่านมาก บันไดและพื้นฐานจะปูด้วยกระเบื้องหินอ่อน สีขาว ชมพูสวย
งามมมาก จะมีเต้นท์ตั้งจุดเพื่อจุดธูปเทียน ไหว้พระ หลังจากนั้นก็เดินขึ้น
ไปยังพระพุทธรูป ซึ่งต้องถอดรองเท้าเดินขึ้นไป และร้อนเท้าเหลือเกิน
ต้องรีบวิ่งขึ้นบันไดไปพักเท้ามิฉะนั้นสุกแน่ๆๆๆ มีคนยืนรอคิวเพื่อตั้งจิต
อธิษฐาน เห็นฝรั่งมาขออธิษฐานด้วยเลยแอบถ่ายรูปมาให้ชม จากนั้น
ทุกๆคนก็มักจะเดินรอบๆๆ บริเวณเป็นจุดชุมวิวได้สวยงามดี ท้องทุ่งนาสีเขียว
ใ กล้ๆวัดจะมี บึงสำหรับตกปลา ตกกุ้งด้วย อยากตกบ้างแต่ นี่เรามาทำบุญนี่
นะ (ลืมตัว) จากนั้นก็มาที่โบสถ์เรือนกระจก มาไหว้พระ ในบริเวณโบสถ์นี้
จะมีรูปหล่อสำริด พระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายๆสถานที่มาให้กราบไว้บูชา
ขออภัยที่จำชื่อพระอาจารย์ไม่ได้ เนื่องจากรีบมากเกินไป จากนั้นเยี่ยม
ชม สวนที่ปั้นรูปจำลอง เปรต หญิง ชาย เท่าตัวจริงได้มั้ง ลิ้นยาว นุ่งผ้า
น้อยชิ้น และขุมนรก เพื่อเป็นอุทาหรณ์ มีกระทะทองแดง ปีนต้นงิ้ว และ
อีกหลายๆขุม ไม่ได้ถ่ายรูปมาเนื่องจาก กลัวตัวเองว่าจะไปตกที่ขุมไหน
หนอเหมือนกันนิ ใกล้ๆ ก็จะมีเรือนเก็บโรงสีข้าวสมัยโบราณ ที่หาดูได้ยาก
มากในสมัยนี้ และมีโบสก์ ที่เด่นสวยงามอีกแห่งคือ โบสถ์ที่ล้อมรั้วด้วย
กลีบบัวสีชมพูรอบๆแทนการสร้างรั้วแบบเดิมๆๆ เหมือนโบสถ์แห่งนี้อุ้มด้วย
กลีบบัวสีชมพู จากนั้นก็ไหว้ศาลเจ้าแม่กวนอิม ใต้โบสถ์เรือนกระจจะมี
พิพิทธภัณฑ์ให้เยี่ยมชมแต่ไม่ได้เข้าไปเลย บอกแล้วว่ารีบ ออกจากวัดนี้
13.00 น. เดินทางออกไปที่ อำเภอสามชุก คือจุดหมายที่ตั้งใจไว้ ด้วย
เส้นทาง 3195 อ่างทอง-สุพรรณบุรี เจอสี่แยกเลี้ยวขวาเข้าเส้น 340 ไป
ชัยนาท ผ่านอำเภอศรีประจันต์ จนถึงอำเภอสามชุก มีป้ายให้เลี้ยวซ้ายเข้า
ตลาด 100 ปี อำเภอสามชุก เห็นมีรถจอดเยอะแยะมาก จอดเรียงรายอยู่
รวมทั้งรถทัวร์ 3-5 คันได้ แสดงว่าเป็นแหล่งที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆเลยล่ะ
เราหาที่จอดรถ ได้ท้ายๆๆตลาด แล้วก็เดินดูร้านค้า ที่อาคารบ้านเรือนยังคง
มีกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ 100 ปีให้เห็นอยู่ มีร้านขายของที่ระลึก ของ
โบราณๆๆ ที่สมัยนี้หาดูได้ยาก รวมทั้งอาหาร เช่นเป็ดย่าง ข้าวห่อใบบัว
หมี่กรอบรางวัด (เจ้านี้ไปที่ไหนๆๆก็เจอและมักซื้อติดมือกลับบ้านไปฝากแม่
ทุกที) รวมทั้งบ้านพิพิธภัณฑ์ เราได้น้อง หนุ่มน้อย ไม่ได้ถามชื่อเป็นไก
ด์พาเที่ยว แนะนำสถานที่ของตลาด ซึ่งจำลองเป็นโมเดล 1:75 ไว้ด้าน
หน้านักท่องเที่ยวดูผังของตลาด จากนั้นพาขึ้นไปชั้นสอง ชั้นสาม ซึ่งยังคง
ไว้และได้อธิบายถึงประวัติของเจ้าของบ้านด้วย อืม สมัยรัชกาลที่ 4 เลย
ล่ะ จริงแล้วตั้งแต่ขึ้นบันไดมา เค้าติดป้ายห้ามถ่ายรูป แต่เราขออนุญาติน้อง
ไกด์หนุ่มน้อย ก็ให้ถ่ายได้ จึงได้รูปมาให้เชยชม ณ ที่นี้ ทางนี้เรียกร้องค่า
เก็บชม แต่จะขึ้นอยู่แต่กับท่านที่จะช่วยเหลือด้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ น้องไกด์
เค้าบอกว่าบ้านนี้เค้าขออนุญาติยืมมา 10 ปี แต่ตอนนี้เข้าเป็นปีที่ 5 แล้ว
จากนั้นก็เดินเข้าทุกซอกทุกซอยของตลาด บางที่ก็วน 2-3 รอบ ร้านไหน
ตกแต่งสวยงามและอนุรักษ์ซึ่งบรรยากาศเดิมๆ ก็ขอแชะภาพมาให้ได้ชม
มีกลุ่มทัวร์เข้ามาเริ่มเยอะขึ้น หาร้านทานอาหารกลางวันไม่ได้สักที (แต่
เวลานั้นคือ 15.00 ) จนเหนื่อย ลืมไปร้านแรกที่แวะคือร้านน้ำแข็งใสเนื่อง
จากร้อนมากๆๆและอยากนั่งพัก หิวด้วย เลยรีบไปก่อน จนคนเริ่มซาๆๆ
อยากกินก๋วยเตี๋ยวแต่บางร้านเค้าคว่ำหม้อคว่ำไหไปหมดแล้ว เลยแวะร้าน
ข้าวห่อใบบัวดีกว่า เพราะเห็นมีคนซื้อกลับบ้านเยอะ แต่ร้านนั้นไม่มีที่นั่ง
ทาน เลยแวะร้านนี้ เพราะมีมุมนั่งติดแม่น้ำด้วย เลยถ่ายรูปเมื่อเปิดใบบัวมา
แล้ว สั่งน้ำอัดลมกลัวเลี่ยน จนได้ชิมฯซุปแล้วโอว เข้ากันได้ดีมากเลย ข้าว
หอมใบบัว เห็ดหอม รสชาติกลมกล่อมดี บวกกับน้ำซุปร้อนๆๆ รสชาติเปรี้ยว
เหมือนต้มยำซุปเปอร์ (ต้มยำตีนไก่) หมดไม่เหลือ สักเม็ดจนต้องขอสั่ง
เพิ่ม 2 ห่อ ป่าวเพิ่มกลับไปฝากพ่อแม่ที่บ้าน จ้า ลืมบอกที่นี่มีการนั่งเรือ
ชมวิว ในราคา 59 บาท จากท่าเรือนี้ มีวันละ 3 รอบ คือ 10.00 น.
12.00 น. 14.00 น เรามาไม่ทันสักเที่ยว เป็นเส้นทางตามรอยสุนทรภู่
เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์โบราณ ฯลฯ จำได้แค่นี้ บอกแล้ว ว่ารีบ 555555
จากนั้นก็ เดินทางต่อ 15.30 น.ได้ ไปเมืองสุพรรณบุรี วัดป่าเลย์ไลย
ตามทางที่เดาส่งจนถูก เจอรถทัวร์อีก 3 คัน คนเยอะมากและก็เซียมซี
เหมือนเดิม พอใช้ได้ จากนั้นก็เยี่ยมชมสถานที่รอบๆๆวัด ออกมาซื้อ
ลอตเตอรี่ 2 ใบ 80+40 อืมสุดยอด แล้วก็เดินไปด้านหลัง จะมีวังมัจฉา
และเรือนขุนช้าง ถัดไปเป็นพิพิธภัณฑ์พิมพิลาไย แต่ไม่ได้เข้าไปหรอก
เพราะมาถึงเรือนขุนช้างขุนแผน เค้าก็เริ่มปิดประตูแล้ว จากนั้นก็ไปที่ มังกร
ของป๋าเติ้ง ที่นี่เป็นครั้งที่สองครั้งแรกมาถึงตอนค่ำ มืดแล้ว แต่ครั้งนี้ก็ตอน
17.30 น. ก็ถ่ายรูปด้านหน้า และไหว้ศาลหลักเมืองและเซียมซีเหมือน
เดิม ออกจาก ที่นี่ก็อยากแวะวัดอีกแต่เนื่องจากด้วยเส้นทางขากลับ เป็น
เส้นทางข่าวหน้าหนึ่งแถมมีป้ายบอกอีกว่าพบเจอแก้งค์ปาหิน ตั้งรางวัล
150,000 บาท เลยหวั่นๆๆๆ 18.30 มาถึงอำเภอโพธิ์ทองด้วย ผู้ร่วมเดิน
ทางบอกมีวัดอีกวัดหนึ่งในหนังสืออิ่มบุญเค้าแนะนำ ก็ไหนๆๆยังไม่มืดมาก
นักเลยเลี้ยวรถเข้าอำเภอโพธิ์ทอง 13 กม นึกว่าวัดจะหาง่าย ติดถนนที่ไหน
ได้ ต้องเข้าไปในซอย อีก 2 กม กว่าๆ อืมอยากจะเลี้ยวรถกลับแต่เมื่อ
ไหนๆๆมาแล้วก็ต้องลอง จนหาวัดเจอ ก็ฟ้าเริ่มค่ำมืด แต่ไปจอดรถยังดีมี
รถจอดอยู่อีก 2-3 คัน แต่เค้ากำลังจะกลับแล้วนิ ไม่เป็นไร เราก็รีบๆเดิน
เพราะไหว้พระพทุธรูป ปางไสยยาสน์ สีขาวห่มจีวรอยู่ สวยงามมาก บริเวณ
นั้นเราเห็นแม่ชีกำลังเก็บกวาดอยู่ใกล้ๆๆ เลยรีบเข้าไปจุดธูปเทียน ไหว้
บูชา ไม่รู้สินะมาถึงที่นี่รู้สึกมันเหมือนกันว่า มีอะไรที่น่า นับถือและเคารพ
บูชามากกว่าวัดในเมือง รู้สึกย้อนยุคดีกว่าวัดบางวัดที่เน้นพาณิฃย์ วัดดูสงบ
เงียบร่มรื่น เราจึงถามแม่ชีว่าจะเก็บหรือยังท่านบอกยัง ท่านถามว่ามาจาก
ไหนกันเราบอกมาจากสระบุรี แล้วท่านก็ถามอีกว่า จะถึงบ้านกันกี่โมง เพราะ
เรามากันสองสาว กลัวจะถึงบ้านดึกมั้ง ในบริเวณนั้นก็มีเรากันแค่สองคน
นิ เราก็เลยชวนคุย ว่าท่านพักที่นี่หรอ ท่านบอกพักหลังวัดนี่แหละ อยู่
ตั้งแต่ปี 37 โอโหท่านอยู่มาได้เกือบ 15 ปีแล้ว วัดนี้ตั้งอยู่กลางทุ่งนา ด้าน
หน้าจะมีป้ายบอกประวัติความเป็นมาของวัด ท่านแม่ชีบอกว่าเสาร์ อาทิตย์
คนจะเยอะนะ อย่างวันนี้ก็มีทัวร์มาลง 2-3 คันได้ ไม่คิดเลยว่าวัดแห่งนี้ตั้ง
อยู่กลางทุ่งนาแต่มีคนแวะมาเยี่ยมชมมาไหว้ เจ้าขุนอินทประมูล แสดงว่า
ท่านคงมีอะไรที่นี่น่าถือ เพราะจะมีศาลาตั้งรูปจำลองของท่านไหว้ และเรา
ก็เหมือนเดิมเซียมซี อยากจะเดินเยี่ยมชมรอบๆๆวัดนานๆ แต่กลัวจะถึง
บ้านมืดเลยกลับออกมา ทางเส้น ทางใหม่ ออกมาได้สัก ไม่ถึง 3 กม ก็มี
เจดีย์สีทอง องค์ใหญ่ ตั้งอยู่ด้านซ้ายมือ แม้จะค่ำแล้วแต่ทำให้อยากรู้ เลย
เลี้ยวรถกลับ เข้าไปที่วัด ชื่อวัดท่าอิฐ มีเจดีย์พระธาตุสีทอง สวยงามมาก
คุ้นๆๆเหมือนที่พระธาตุวัดแถวๆเมืองกาญจนบุรีเลยเข้าขอถ่ายรูปแม้จะเห็น
ไม่ชัดแต่คิดว่าถ้ามาเจอกลางวันจะสวยงามมาก สีทองเด่นสง่า สูงราวๆตึก
4-5 ชั้นได้ ถ่ายรูปเท่าที่ถ่ายได้ เสียดายที่ทริปนี้ เราไม่ได้ศึกษาเส้นทาง
ตั้งแต่แรกไม่งั้นจะพาเที่ยววัดโบราณสถานที่ ทางประวัติศาสตร์และ ความ
เป็นมาของสถานที่แต่ละที่ได้มากกว่านี้


ยิ่งทำให้อยาก ไป นครวัต นครธม พนมเปญ
สถานที่ประวัติศาตร์ ยิ่งใหญ่แห่งโลก

ที่สะสมเซียมซี
วัดม่วง แบบหยอดเหรียญ
วัดป่าเลยไลย์
ศาลหลักเมือง
วัดขุนอินทประมูล


หมายเหตุ ภาพบางภาพอาจจะได้ไม่ครบทุกสถานที่ไปและข้อมูลบางข้อมูล
อาจจะไม่ใช่ เพราะรีบไงไม่ได้จดไว้ ขออภัยมาณ ที่นี้แล้วจะมาแก้ไขที
หลัง เพราะรีบ .......ไปถ่ายท้อง

Create Date : 05 กรกฎาคม 2552		2 comments
Last Update : 5 กรกฎาคม 2552 22:06:14 น.
Counter : 6236 Pageviews.
Share Tweet