Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
11 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
……((((โยคะนอกเสื่อ))))…….ตอนที่ 10 Power Yoga

……บางครั้งชีวิตคนเราก็ใช้เวลานานเหลือเกินกับการค้นหาอะไรบางอย่าง
เหมือนอย่างที่ผมใช้เวลากว่า 3 ปีกว่าจะเข้าใจความหมายของคำว่า “Power Yoga”

ก่อนอื่นขอเกริ่นเกี่ยวกับ Power Yoga ก่อน สำหรับคนที่ไม่เคยฝึก Power Yoga
จริง ๆ Power Yoga ก็คือ Yoga ที่นำท่าทั่วไปใน Hatha Yoga มาเรียงลำดับเป็น Series
และทำให้เกิดการ Flow ต่อเนื่องระหว่างท่าต่อท่า
แต่ที่สำคัญที่สุดใน Power คือ การค้างท่า หรือ hold ท่าจะค่อนข้างนาน
เพื่อให้ใช้พลังกล้ามเนื้อ (Muscular energy) อย่างเต็มที่
และท่าโดยส่วนใหญ่ที่อาจารย์จะให้ทำก็จะโหดเป็นพิเศษ เช่น.....
ท่า Chaturanga Dandasana (ดูรูปด้านล่าง) ที่เป็นท่าปราบเซียนของผมเอามาก ๆ
คนที่ตัวอ่อน หรือ แรงแขนไม่ค่อยมี (อย่างผม) พอเจอท่านี้เข้า ตายครับ
ไม่เหลือจริง ๆ โดยเฉพาะยิ่งแรงหน้าท้องไม่มี แถมหลังอ่อนๆ นี่ ยิ่งไปกันใหญ่
ท่าล้มลูกเดียว ให้ค้างไว้ 3 สามลมหายใจ เหงื่อก็จะเริ่มแตกพลัก ๆ
คือ พลังข้างในมันน้อยยยยย....อ่ะ...หะ หะ




Create Date : 11 เมษายน 2550
Last Update : 11 เมษายน 2550 13:18:58 น. 17 comments
Counter : 4930 Pageviews.

 
หรือท่าที่ดูง่าย ๆ อย่าง Warrior Pose หรือ Plank Pose หากค้างท่าไว้นานก็ไม่เหลือครับ
เคยเจออาจารย์อินเดียค้างท่า Warrier นาน 3 นาที แค่ 3 นาทีนะ
แต่ตัวมันสั่นๆๆๆๆๆ ขามานนนนสั่นนนนนนน ไม่ไหวแล้วครับคุณครู
ครูก็จะพูดเล่าเรื่องนิทานปรัมปราอะไรไปตามเรื่อง
แต่ผมจะตายยยย....เข้าใจไหม
พอบอกครูว่าไม่ไหวแล้วจะตาย
ครูกลับบอกว่า ในประวัติศาสตร์โลก ไม่เคยมีใครตายเพราะทำท่าโยคะ
ว่าไปนั่นครูเรา....แต่มันก็จริงครับ....อย่างน้อยก็เท่าที่ผมรู้ แหะ แหะ.......
ใครเคยฝึก Power คงมองเห็นภาพ


โดย: เด็กซาปอย วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:13:19:38 น.  

 
ดังนั้น การฝึก Power ของผมมันก็แกว่งไปแกว่งมา
เคยบ้าถึงขนาด สงสัยเราต้องไปลดน้ำหนักลงอีกหน่อย ตัวจะได้เบา
แล้วก็ต้องไปเล่นเวทครับ พ่อแม่พี่น้อง…….
เพราะคิดว่าพอแขนเรามีกล้ามเนื้อมากขึ้น
เราก็จะทำท่าได้ดีมากขึ้น....คนเรา..บ้าไปได้ถึงโน้น....
แต่ก็คงเป็นที่รู้กันโดยทั่วหน้าแล้ว เด็กซาปอยก็ทำได้สักอาทิตย์ เบื่อ ขี้เกียจ แล้วก็เลิกยกเวทไปโดยปริยาย
แรงแขน ช่างมัน สักวันคงดีขึ้น


จริง ๆ เวลารที่ฝึกกว่า 3 ปี แรงแขนมันก็ต้องดีขึ้นบ้างแหละครับ
แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันเหนื่อย เมื่อย เพลีย หมดแรงทุกครั้งระหว่างที่ฝึก Power Yoga
วันไหนเหนื่อย ๆ มาจะไม่เข้าคลาสนี้เด็ดขาด เหมือนเดินเข้าไปฆ่าตัวตาย...เวอร์ไปนิด อิอิ


แต่มันก็เริ่มมาอีกครั้งแล้วครับ
การ Transformation หลังจากฝึกโต๋เต๋อยู่นาน.......

อย่างที่ผมเคยเล่า ว่ามีช่วงนึงที่ได้ไปเล่นโยคะกับอาจารย์โยคะที่`"อารมยณ์ดีที่สุดในโลก".......lovely Aisah
ฝึกโยคะทีไรก็กลับมาพร้อมร้อยยิ้ม ช่วงในใจมันเบา สบายอย่างบอกไม่ถูก
ไม่ใช่แค่ในเสื่อ แต่รวมถึงนอกเสื่อด้วย เดินเหินคล่องมาก เหมือนตัวมันเบา บอกไม่ถูกจริง ๆ
แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขมากกก....คือมีเวลาในการฝึกโยคะเยอะ
(เพราะช่วงนั้นผมทำการทดลองในช่วงการเรียนจบเสร็จแล้ว แค่รองานตีพิมพ์ เลยมีเวลาว่างเล่นโยคะเยอะมาก)

เอาแหละครับ
ประเด็นมันอยู่ตรงนี้
พอเรารู้สึกว่าตัวเบา ใจเบา เรามีความสุขเวลาฝึก
พอผมเดินเข้าคลาส Power Yoga อีกครั้ง……

โอ้ว....รู้สึกตัวมันเบามาก ทำท่าปราบเซียนอย่าง Chaturanga อย่างที่ผมบอก
ก็รู้สึกว่าทำไมมันง่าย และสบายอย่างนี้.....แขนเราไม่จำเป็นต้องมีกล้ามขนาดนั้นซะหน่อยในการ Hold ท่า
ทุกอย่างมันเหมือนสมดุล ไม่มาก ไม่น้อย....มีความสุขและเบามากครับ
Alignment ก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะเราจะรู้สึกได้เองว่านี่แหละ คือ Position ที่ใช่
โดยที่ไม่ต้องมีใครมาบอก.....
และนี่แหละครับ คือ เคล็ดลับของ Power Yoga
ผมใช้เวลากว่า 3 ปี ในการเรียนรู้ว่า
Power Yoga ไม่ใช่พลังของกล้ามเนื้อแต่เพียงอบ่างเดียว
แต่ Power ในที่นี้ กินความหมายลึกถึงจิตใจ
Power of MIND…..

ใจควบคุมทุกสิ่ง ใจเรามีความสุข สบาย ตัวจะเบา ใจจะเบา
ไม่จำเป็นต้องใช้พลังมากมายขนาดนั้นในการฝึก Power เพราะใจ คือ
ทั้งหมดของทุกถ้อยกระทงความแห่ง Power Yoga…Power of Mind:-)


โดย: เด็กซาปอย วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:13:20:49 น.  

 
ลองดูกันนะครับ....
อาจารย์โยคะบางท่านถึงขนาดเคยกล่าวว่า
อาการเจ็บปวดและติดขัดในร่างกาย
เริ่มจากใจ หากใจเราไม่รู้สึกปวด กล้ามเนื่อ เส้นเอ็นก็จะไม่ปวด
หากหยุดที่ใจ กายจะหยุดตาม
แต่นั่นคงเป็นขั่น Advance มากกกก....ผมคงยังเข้าไม่ถึง
แต่ถามว่าเชื่อหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าเชื่อครับ
เพราะอย่างล่าสุดก็เพิ่งเจอหนังสือที่โยคีท่านหนึ่ง ยกตัวให้ลอยขึ้นได้เองในท่าขัดสมาธิ
หากใครศึกษาพุทธศาสนา นี่คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
หากเพียงแต่ไม่ใช่แนวที่พระพุทธองค์ให้ยึดเพียงเท่านั้น

วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนนะครับ ต้องไปทำงานต่อ
มีความเห็นอย่างไรกับ Power Yoga มาแชร์กันครับ
ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับผม Open mind ครับ
~Light with Love….
เด็กซาปอย

ปล. เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เพิ่งไปดูหนังเรื่อง Nada Sou Sou เป็นหนังญี่ปุ่นที่ดีมากเรื่องหนึ่ง
แม้จะเศร้าแต่ก็มีความสุข
ผมชอบพระเอกนะ แสดงได้ดีมาก รู้สึกเป็นคนที่สู้ชีวิตด้วยรอยยิ้ม ตาม concept ของ “โยคะนอกเสื่อเด๊ะๆ”:)
ใครดูแล้วเศร้า แต่ผมดูแล้วกลับได้กำลังใจ ว่าชีวิตเรายังดีกว่าคนอีกมากมาย
คนอื่นที่เค้าลำบากกว่าเรา ยังต่อสู้ชีวิตได้เข็มแข็งกว่าเรา
ทุกชีวิตต้องดิ้นรนกันต่อไป ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร
หากแต่ใครจะล้มเพราะใจ หรือมีใจที่เข้มแข็งจนวันสุดท้ายของลมหายใจ
ชีวิตที่สู้ ไม่ใช่เพื่อตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่ดำรงอยู่เพื่อผู้อื่นด้วย
เพราะนั่นจะทำให้ชีวิตเรามีคุณค่าอย่างแท้จริง
รู้สึกดีจัง:)

Credit...picstures of yoga poses from "Yoga Journal"
//www.yogajournal.com/poses




โดย: เด็กซาปอย วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:13:21:46 น.  

 
เวลาคนตัวอ่อนมาก ๆ ทำ Handstand
ลองนึกภาพเหมือนการ ”จับงูมายืนตรง”
งูเป็นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังแข็งแรงแต่ Flexible มาก ๆ
งูจะตั้งตัวตรงได้ นอกจากฐานแล้ว ขาที่ชี้ขึ้นไปหาเพดาน โดยเฉพาะปลายเท้า...คือส่วนของ Balls of feet ต้อง point หาเพดานครับ จะช่วยพยุงหลังได้ส่วนหนึ่ง (foil feet)
อีกส่วนคือ “หน้าท้อง”
แต่ที่สำคัญที่สุด คือ แขนอย่างที่บอก จักระที่อกและไหล่
ไม่ปฏิเสธครับ ว่า Handstand ต้องใช้ muscular energy คือแรงกล้ามเนื้อแขนส่วนหนึ่ง
แต่ที่พยายามจะบอกคือ มันไม่ได้ต้องมีมากมายอย่างที่คิด
ผมแนะนำให้ใช้ Pure Balance คือ ความรู้สึกสมดุลของร่างกายแทน
โดยเฉพาะคนที่ตัวอ่อน เราไม้ต้องผลักพื้นหรือกดพื้นมากจนเกินไป
แต่ใช้การหาจุดสมดุลของร่างกายแทน
หากเรา fix ฐาน คือมือของเราได้ และดึงตรงขึ้นไปถึงเท้าได้
หาจุดสมดุลให้เจอ Handstand จะเป็นท่าที่รู้สึกว่าตัวจะเบามากครับ
รู้สึกเบา สบาย....ด้วยซ้ำ
หากใช้ Muscular energy มากเกินไป แม้ท่าจะสวย และดูแข็งแรง
แต่เราจะรู้สึกว่าร่างกายมันหนักครับ ทำแล้วไม่สบาย

ดังนั้นตอนทำ ต้องไม่กลัวที่จะล้ม
ให้รู้สึกว่าร่างกายเราเบา แต่มีความแข็งแรงพอ แล้วค่อย ๆ หาจุด Balance ไปเรื่อยๆ
ลองหัดกับฝาผนังก่อนครับ หรือไม่ก็ให้คนช่วย Support ก่อน จนมั่นใจ
แปลกที่ว่า การฝึกท่าพวกนี้ให้ดี “เราต้องหัดล้มครับ”
หัดล้มจนรู้สึกว่าไม่กลัวการล้ม
ไม่กลัวว่าหัวจะทิ่ม ไม่กลัวว่าล้มแล้วหลังกระแทก
เพราะเราล้มจนชิน แล้วรู้แล้วว่า ก่อนจะล้มความรู้สึกเป็นอย่างไร
และล้มจากท่าอย่างไรไม่ให้บาดเจ็บ
ที่สำคัญอีกอย่าง ที่มักพบได้บ่อย
อย่ากลั้นหายใจ ครับ คนที่พยายามเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อดันพื้นมากเกินไป จะกลั้นลมหายใจ
ทำให้ร่างกายรู้สึกหนักและล้มจากท่าในที่สุด
ธรรมชาติของลม คือ ความเบา
เราใช้ลมหายใจทำให้ร่างกายรู้สึกเบา
ใช้สติควบคุมการหายใจให้เป็นธรรมชาติ ให้ธรรมชาติของลมที่พัด
พัดเอื่อย ๆ แต่นิ่งสงบ
ลองดูนะครับ
ลองอ่านรายละเอียดเพิ่มใน Down ward facing dog ที่ผมพูดถึงการ
Melt your heart และ การใช้หัวไหล่ดูนะครับคุณ อีมู
ผมว่าช่วยได้มากในท่า Arm balance ทั้งหลายแหล่
ผมก็ไม่ได่ทำท่า Handstand ได้ดีมาก แต่จากการฝึกก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ:)


โดย: เด็กซาปอย วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:13:22:29 น.  

 
เล่นโยคะแล้วรู้สึกกล้ามเนื้อยืดออกมากๆค่ะ

pS* นาดะโซวๆ สนุกดี


โดย: fonejank วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:16:40:48 น.  

 
โอ้ ....ดีใจจัง เรียนกับ Aisah หรือค่ะ สุดยอดค่ะ เธอน่ารักมากๆ... ชอบ Aisah เหมือนกันค่ะ ตอนแรกที่เรียนเวลาจะเข้าคราสที่เธอสอน ต้องรวบรวมพลังกายและใจพอสมควร 5555.......


โดย: 088NIV วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:7:48:42 น.  

 
fonejank………..
ดีครับ ชอบเหมือนกัน:)

088NIV
ทำไมต้องรวบรวมอ่ะครับ Aisah ออกจะน่ารัก ชอบเพลงที่ตอนจบคลาสมีเสียงหัวเราะด้วย....น่ารักดี...อิอิ
คิดถึง Aisah มากกๆๆๆ อยากกลับไปเรียนด้วยอีกรอบ



โดย: เด็กซาปอย IP: 165.21.154.15 วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:14:14:43 น.  

 
ก้อ เธอสอนไปเล่นไป แล้วคลาสที่เรียนของเธอหนักมากๆ เราก็เก่งมั๊กๆ เสียด้วย สมาธิแตกกระจายกับการสอนของเธอหัวเราะไปเรียนไปบอกตามตรงว่าหัวเราะก็หมดแรงแล้วจ๊ะ แถมค้างท่านั้นๆ นานๆ เฮ้ย... จะไปเหลืออะไรล่ะ สำหรับ ลูกศิษย์คนนี้ เลยไม่ได้เข้าคลาสเธอมากนัก ตอนนี้เข้าแต่คลาส Hatha ,Kamal's Vinyasa ,Power ,Kryoga, Astanga ถ้าเข้าคลาสของ Aisah สอนจะเข้าแค่คลาสเดียวในวันนั้น เพราะหมดแรง เรียกว่าเดี้ยง...กลับบ้านค่ะ


โดย: 088NIV วันที่: 18 เมษายน 2550 เวลา:7:17:10 น.  

 
อ้อ ขอบคุณมากๆ ค่ะ ที่ช่วยตอบคำถามที่ถามไปคราวที่แล้ว ทำให้รู้แจ้งขึ้น


โดย: 088NIV วันที่: 18 เมษายน 2550 เวลา:7:20:07 น.  

 
088NIV.......

Haha...she is the most Ting-Tong Guru I ever meet:) quite agree that she laugh so often....
But that bring a good point to yoga practise krab.

And yes..she hold the poses so long...
coz she might think that laughing help in holding poses..eieiiii

I heard that she move to Chaing Mai now..is that true?


โดย: เด็กซาปอย IP: 165.21.154.13 วันที่: 18 เมษายน 2550 เวลา:12:51:32 น.  

 
คิดว่าเธอไปมาแล้วน่ะค่ะ ที่เชียงใหม่ เห็นหายไป1อาทิตย์ แล้วกลับมา จ้าว...จ้าว ไม่หยุดเลย ตามประสาโจ๊กๆ ของเธอ


โดย: 088NIV วันที่: 19 เมษายน 2550 เวลา:6:46:10 น.  

 
อ่านเจอโยคะนอกเสื่อโดยบังเอิญ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร จนเจอชื่อ Aisah อ้าว แล้วคุณยังชื่อน้อตอีก เห็นรูปแล้วใช่เลย เราเคยเจอคุณที่ PK club ยังถาม A เลยว่าคนนี้ใครตัวอ่อนดีจัง เค้าเลยบอกว่ามาจากสุขุมวิท แต่หลังๆไม่เห็นแล้ว ถามดูก็รู้ว่าไปอยู่สิงคโปร์ อย่างน้อยเราก็เรียนกับครูคนเดียวกัน แล้วก็ชอบโยคะเหมือนกัน เห็นด้วยจริงๆว่าโยคะทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป วันหยุดที่เคยตื่นสายตะวันโด่งก็ตื่นเช้าไปเข้าคลาส เล่นอาฑิตย์ละ 4 -5 วัน ถ้าไม่ติดอะไร ร่างกายยืดหยุ่นมากขึ้น จริงๆเราก็เล่นกีฬาอื่นด้วยนะ แต่ตอนนี้บ้าโยคะมากที่สุด ปัญหาคือเราว่าเราติดครูด้วยน่ะ A สอนสนุกดี แต่คลาสคนอื่นก็เข้าเหมือนกัน แต่ไม่บ่อยเท่า ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ


โดย: PEEAEY IP: 124.120.173.250 วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:13:37:41 น.  

 
PEEAEY:)
Nice to meet you too krab..just hv a chance to check out my BLOG today....
So late reply..hihi

I also addicted with teacher sometime...
It is a good idea to follow the way or style of prctise with teacher that you like:)

Hope yoga lead your way krab...
Namaste,
KNOTP:)





โดย: เด็กซาปอย IP: 165.21.154.16 วันที่: 13 มิถุนายน 2550 เวลา:13:55:00 น.  

 
เด็กซาปอย ไม่เขียน blog ต่อแล้วหรอ อ่านแล้วสนุกจังและได้ความรู้เกี่ยวกับโยคะด้วย ชอบมากๆๆค่ะ


โดย: tuktaa IP: 58.9.67.189 วันที่: 15 กันยายน 2550 เวลา:21:05:33 น.  

 
Will write it soon krab.
You can go to my link in Saun Lumpini katoo....
I wrote katoo there....
Then post here later when I had free time krab pom:)

Thanks for reading my katoo krab.



โดย: เด็กซาปอย IP: 165.21.155.113 วันที่: 25 กันยายน 2550 เวลา:7:52:21 น.  

 
ชอบ Aisah เหมือนกัน เขามาเชียงสอนเชียงใหม่ 2-3 ครั้ง เราเล่นที่เชียงใหม่ค่ะ อยากให้ Aisah มาอีกจังเลย


โดย: Pimnattada IP: 203.113.50.141 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2550 เวลา:21:30:37 น.  

 


Thank a lot for your article


โดย: Hakka IP: 49.231.3.20 วันที่: 1 กรกฎาคม 2558 เวลา:17:34:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เด็กซาปอย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add เด็กซาปอย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.