|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เวทนาคือทางไปแห่งจิตของสัตว์
เวทนาคือทางไปแห่งจิตของสัตว์
..........ภิกษุ ท.! คำที่เรากล่าวว่า "พึงรู้จักทางไป (แห่งจิต) ของสัตว์ ๓๖อย่าง" ดังนี้นั้น, ข้อนั้น เรากล่าวอาศัยหลักเกณฑ์อะไรเล่า ?
..........ภิกษุ ท.! ข้อนั้น เรากล่าวอาศัยหลักเกณฑ์คือ ความโสมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง,ความโสมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง, ความโทมนัส เนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง, ความโทมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง, อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง, อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง.
..........ภิกษุ ท.! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, ความโสมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?
..........ภิกษุ ท.! เมื่อคนเรามองเห็นการได้ซึ่ง รูป อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ น่ารื่นรมย์ใจ อันเนื่องในความเป็นเหยื่อโลก ในทางตา ว่า เป็นสิ่งที่ตนกำลังได้อยู่ก็ตาม, หรือว่าเมื่อระลึกถึงรูป เช่นนั้น อันตนเคยได้แล้วแต่กาลก่อน ซึ่งล่วงแล้ว ดับสิ้น แปรปรวนไปแล้วก็ตาม แล้วเกิดความโสมนัสขึ้น. ความโสมนัสใด มีลักษณะเช่นนี้ความโสมนัสนี้ เรียกว่า ความโสมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน (เคหสิตโสมนัส).(ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำ นองเดียวกับ ข้อ ว่า รูป ผิด กัน แต่ชื่อ เท่านั้น ).
..........ภิกษุ ท .! เหล่านี้คือ ความ โสม นัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง.
..........ภิกษุ ท.! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, ความโสมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?
..........ภิกษุ ท.! เมื่อคนเรารู้แจ้งถึงความเป็นของไม่เที่ยงของรูปทั้งหลาย ความแปรปรวน ความจางคลายความกำหนัดยินดี และความดับไม่เหลือของรูปทั้งหลาย เห็นอยู่ด้วยปัญญาอันชอบ ตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ว่า "รูปทั้งหลาย ในกาลก่อนหรือในบัดนี้ก็ตามรูปทั้งหมดเหล่านั้น เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา"ดังนี้ แล้วเกิดความโสมนัสขึ้น. ความโสมนัสใด มีลักษณะเช่นนี้ ความโสมนัสนี้ เรียกว่า ความโสมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ( เนกขัมม-สิตโสมนัส). (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่างก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเท่านั้น).
..........ภิกษุ ท.! เหล่านี้คือ ความโสมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง.
..........ภิกษุ ท.! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?
..........ภิกษุ ท.! เมื่อคนเรามองเห็นการไม่ได้ ซึ่งรูป อันน่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ น่ารื่นรมย์ใจ อันเนื่องในความเป็นเหยื่อโลกในทางตา ว่า เป็นสิ่งที่ตนไม่ได้ก็ตาม, หรือว่า เมื่อระลึกถึง รูป เช่น นั้น อัน ตน ยังไม่เคยได้แต่กาล ก่อน ซึ่งล่วงลับ ดับ สิ้นแปรปรวนไปแล้วก็ตาม แล้วเกิดความโทมนัสขึ้น. ความโทมนัสใดมีลักษณะเช่นนี้ ความโทมนัสนี้ เรียกว่า ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน (เคหสิต-โทมนัส). (ในกรณ ีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ ์ อีก ๕ อย่างก็ตรัสทำ นองเดียวกับ ข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเท่านั้น).
..........ภิกษุ ท.! เหล่านี้คือ ความโทมนัสเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง.
..........ภิกษุ ท.! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, ความโทมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า?
...........ภิกษุ ท.! เมื่อคนเรารู้แจ้งถึงความเป็นของไม่เที่ยงของรูปทั้งหลาย ความแปรปรวน ความจางคลายความกำหนัดยินดี และความดับไม่เหลือของรูปทั้งหลาย เห็นอยู่ด้วยปัญญาอันชอบตรงตาที่เป็นจริงอย่างนี้ ว่า "รูปทั้งหลาย ในกาลก่อนหรือในบัดนี้ ก็ตามรูปทั้งหมดเหล่านั้นเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา"ดังนี้แล้ว เขา ย่อมเข้าไปตั้งไว้ ซึ่งความกระหยิ่ม ในอนุตตรวิโมกข์ทั้งหลายว่า "เมื่อไรหนอ ! เราจักเข้าถึงอายตนะนั้น แล้วแลอยู่ อันเป็นอายตนะที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย เข้าถึงซึ่งอายตนะนั้นแล้วแลอยู่ ในบัดนี้" ดังนี้. เมื่อเขาเข้าไปตั้งไว้ ซึ่งความกระหยิ่ม ในอนุตตรวิโมข์ทั้งหลาย อยู่ดังนี้ ย่อมเกิดความโทมนัสขึ้น เพราะความกระหยิ่มนั้นเป็นปัจจัย. ความโทมนัสใด มีลักษณะเช่นนี้ ความโทมนัสนี้ เรียกว่าความโทมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน (เนกขัมมสิตโทมนัส) (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพและธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำ นองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเท่านั้น).
..........ภิกษุ ท.! เหล่านี้คือ ความโทมนัสเนื่องด้วยการหลีกออกจาเหย้าเรือน ๖ อย่าง.
..........ภิกษุ ท.! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน(เคหสิตอุเบกขา) ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?
..........ภิกษุ ท.! เพราะเห็นรูปด้วยตาแล้วอุเบกขาก็เกิดขึ้นแก่คนพาล ผู้หลง ผู้เขลา ผู้บุถุชน ผู้ยังไม่ชนะกิเลส ผู้ยังไม่ชนะวิบาก ผู้ไม่เห็นโทษ ผู้ไม่ได้ยินได้ฟัง. อุเบกขาใด ซึ่งเป็นอุเบกขาของบุถุชนอุเบกขานั้น ไม่อาจจะเป็นไปล่วง ซึ่งวิสัยแห่งรูป เพราะเหตุนั้นเราเรียกอุเบกขานั้น ว่า อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน. (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเรียกเท่านั้น).
..........ภิกษุ ท.! เหล่านี้คือ อุเบกขาเนื่องด้วยเหย้าเรือน ๖ อย่าง.
..........ภิกษุ ท.! ในเวทนาทั้งหลายเหล่านั้น, อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจาเหย้าเรือน ๖ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ?
...........ภิกษุ ท.! เมื่อคนเรารู้แจ้งถึงความเป็นของไม่เที่ยงขอรูปทั้งหลาย ความแปรปรวน ความจางคลายความกำหนดยินดี และความดับไม่เหลือของรูปทั้งหลาย เห็นอยู่ด้วยปัญญาอันชอบตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ว่า "รูปทั้งหลาย ในกาลก่อน หรือในบัดนี้ ก็ตามรูปทั้งหมดเหล่านั้น เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา" ดังนี้ แล้วเกิดอุเบกขาขึ้น. อุเบกขาใด มีลักษณะเช่นนี้ อุเบกขานั้น ไม่ อาจจะเป็นไปล่วง ซึ่งวิสัยแห่งรูป เพราะเหตุนั้น เราเรียกอุเบกขานั้น ว่าอุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน (เนกขัมมสิตอุเบกขา). (ในกรณีที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ อีก ๕ อย่าง ก็ตรัสทำนองเดียวกับข้อว่า รูป ผิดกันแต่ชื่อเรียกเท่านั้น).
..........ภิกษุ ท.! เหล่านี้คือ อุเบกขาเนื่องด้วยการหลีกออกจากเหย้าเรือน ๖ อย่างแล.
..........ภิกษุ ท.! คำ ใดที่เรากล่าวว่า "พึงรู้จักทางไป (แห่งจิต) ของสัตว์๓๖ อย่าง" ดังนี้นั้น, คำนั้น เรากล่าวอาศัยความข้อนี้แล.
Create Date : 06 กันยายน 2553 |
Last Update : 6 กันยายน 2553 19:09:15 น. |
|
23 comments
|
Counter : 678 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ครีม IP: 124.120.56.129 วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:16:28:56 น. |
|
|
|
โดย: อานนท์ IP: 125.25.37.19 วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:17:11:33 น. |
|
|
|
โดย: ครีม IP: 124.120.48.244 วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:14:54:20 น. |
|
|
|
โดย: อานนท์ IP: 125.25.22.7 วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:15:45:31 น. |
|
|
|
โดย: ครีม IP: 124.120.48.244 วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:16:04:18 น. |
|
|
|
โดย: อานนท์ IP: 125.25.9.102 วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:17:15:50 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:12:09:20 น. |
|
|
|
โดย: อะไรกัน 0-> IP: 118.174.191.185 วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:1:52:20 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:11:31:06 น. |
|
|
|
โดย: อะไรกัน 0-> IP: 118.174.191.128 วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:12:15:46 น. |
|
|
|
โดย: Thank a lot วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:13:01:40 น. |
|
|
|
โดย: อานนท์ IP: 125.25.84.224 วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:14:40:01 น. |
|
|
|
โดย: Thank a lot วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:17:13:22 น. |
|
|
|
โดย: อะไรกัน IP: 118.174.190.25 วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:17:19:39 น. |
|
|
|
โดย: อะไรกัน IP: 118.174.191.119 วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:23:03:46 น. |
|
|
|
โดย: อะไรกัน IP: 118.174.191.119 วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:23:23:09 น. |
|
|
|
โดย: ครีม IP: 124.122.131.236 วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:17:42:26 น. |
|
|
|
โดย: ครีม IP: 124.122.131.236 วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:17:48:27 น. |
|
|
|
โดย: อานนท์ IP: 125.25.52.70 วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:18:47:47 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|