|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เรื่องควรทราบก่อนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
เรื่องควรทราบก่อนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
..........ภิกษุ ท.! : ธรรมอันเราแสดงแล้วว่า "เหล่านี้ คืออริยสัจทั้งหลาย ๔ ประการ" ดังนี้เป็นธรรมอันสมณพราหมณ์ผู้รู้ทั้งหลายข่มขี่ไม่ได้ ทำให้เศร้าหมองไม่ได้ ติเตียนไม่ได้ คัดง้างไม่ได้. ข้อนี้เป็นธรรมที่เรากล่าวแล้วอย่างนี้ เราอาศัยซึ่งอะไรเล่า จึงกล่าวแล้วอย่างนี้ ?
.........ภิกษุ ท.! : เพราะอาศัยซึ่งธาตุ ทั้งหลาย ๖ ประการ การก้าวลงสู่ครรภ์ย่อมมี; เมื่อการก้าวลงสู่ครรภ์ มีอยู่,นามรูปย่อมมี; เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ; เพราะมี สฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
..........ภิกษุ ท.! : เราย่อมบัญญัติว่า "นี้ เป็นความทุกข์" ดังนี้; ว่า "นี้ เป็นทุกข-สมุทัย" ดังนี้; ว่า" นี้ เป็นทุกขนิโรธ" ดังนี้; ว่า" นี้ เป็นทุกขนิโรธคามินี-ปฏิปทา" ดังนี้; แก่สัตว์ผู้สามารถเสวยเวทนา.
..........ภิกษุ ท.! : ทุกขอริยสัจ เป็นอย่างไรเล่า ? แม้ความเกิด ก็เป็นทุกข์, แม้ความแก่ ก็เป็นทุกข์, แม้ความตาย ก็เป็นทุกข์, แม้โสกะปริเทวะ-ทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย ก็เป็นทุกข์, การประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รัก เป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รัก เป็นทุกข์, ปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่ได้ สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์ : กล่าวโดยย่อ ปัญจุปาทานขันธ์ทั้งหลาย เป็นทุกข์.
..........ภิกษุ ท.! : นี้เรากล่าวว่า ทุกขอริยสัจ.
..........ภิกษุ ท.! : ทุกขสมุทยอริยสัจ เป็นอย่างไรเล่า ? เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย; เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ;เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป; เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ; เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ; เรามีผัสสะเป็นปัจจัยจึงมีเวทนา; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา; เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน; เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ; เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ; เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัส-อุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.
..........ภิกษุ ท.! : นี้เรากล่าวว่า ทุกขสมุทยอริยสัจ.
..........ภิกษุ ท.! : ทุกขนิโรธอริยสัจ เป็นอย่างไรเล่า? เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว. จึงมีความดับแห่งสังขาร;เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ; เพราะมีความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป; เพราะมีความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งสฬายตนะ; เพราะมีความดับแห่งสฬายตนะ จึงมีความดับแห่งผัสสะ;เพราะมีความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา; เพราะมีความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา; เพราะมีความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน; เพราะมีความดับแห่งแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ; เพราะมีความดับแห่งภพ จึงความดับแห่งชาติ; เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแลชรามรณะ โสกะปริเทวะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.
..........ภิกษุ ท.! : นี้เรากล่าวว่า ทุกขนิโรธอริยสัจ.
..........ภิกษุ ท.! : ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ เป็นอย่างไรเล่า ?มรรคอันประเสริฐ ประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ นี้นั่นเอง กล่าวคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.
..........ภิกษุ ท.! : นี้เรากล่าวว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ.
Create Date : 22 เมษายน 2553 |
Last Update : 25 เมษายน 2553 14:31:14 น. |
|
4 comments
|
Counter : 490 Pageviews. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 23 เมษายน 2553 เวลา:13:45:36 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:1:03:20 น. |
|
|
|
โดย: พธู วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:20:39:41 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
หลังจากป่วยเสียหลายวัน เวลานี้ ปอป้า ปิ๊กบล๊อกแล้ว..นะคะ
คิดถึงเพื่อนบล็อกทุกท่านมากมาย...ค่ะ
มีความสุขกับวันดี ๆ ทุกวัน ตลอดไป...นะคะ