Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
29 สิงหาคม 2555
 
All Blogs
 

ทัวร์พม่า 9-12 สิงหาคม 2555 ตอนที่ 3 ชเวดากอง

ไปพม่าไม่มาที่ชเวดากอง ก็คงเรียกได้ว่ามาไม่ถึงพม่าซินะ

หลังจากได้เห็นภาพถ่ายสถานที่แห่งนี้มาเป็นเวลานานมากผ่านมุมมองของผู้อื่นมาซะนาน

ก็ถึงคิวที่ย่าจะได้มาเที่ยวและถ่ายภาพผ่านมุมมองของย่าเองเสียที นำภาพมาฝากเพื่อนๆค่ะ


------

• พระมหาเจดีย์ชเวดากอง

• พระมหาเจดีย์ชเวดากอง หรือ เจดีย์ทองแห่งเมืองดากองหรือตะเกิง (ชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง)

แห่งลุ่มน้ำอิระวดี มหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพม่า มีความสูงถึง 326 ฟุต


• มหาเจดีย์ชเวดากอง : เล่าว่าพระมหากษัตริย์มอญคือพระเจ้าโอกะลาปะ ทรงเลื่อมใสในศรัทธา

พระพุทธศาสนา ได้ทรางก่อสร้างองค์พระเจดีย์ชเวดากองขึ้นมาเมื่อกว่า 2000 ปี ก่อน ต่อมาพระ

มหากษัตริย์มอญและพม่าแทบทุกพระองค์ได้ถือเป็นพระราชภารกิจในการก่อเสริมองค์พระเจดีย์ให้

สูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนสูงถึง 326 ฟุต กว้าง 1355 ฟุตในปัจจุบัน โดยเฉพาะในสมัยพระนาง

ซินสอบู หรือนางพระยาตะละแม่ท้าวเจ้า กษัตรีมอญผู้ครองเมืองหงสาวดี ได้ทรงริเริ่มธรรมเนียม

บริจาคทองคำเท่าน้ำหนักพระองค์เองในการบูรณะพระมหาเจดีย์ นับตั้งแต่ทรงขึ้นครองราชย์ในปี

พ.ศ.1996 (ตรงกับสมัยสมเด็จพระบรมไตยโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา) จนกลายเป็น

พระราชพิธีที่ปฎิบัติสืบต่อกันมา


• วันนี้มหาเจดีย์ชเวดากองมีทองคำโอบหุ้มอยู่เป็นน้ำหนักถึง 1100 กิโลกรัม โดยช่างชาวพม่า

จะใช้ทองคำแท้ตีเป็นแผ่นปิดองค์เจดีย์ไว้รอบองค์ หากสังเกตในรายละเอียดจะเห็นรอบต่อของแผ่น

ทองคำ ซึ่งมิได้ผสานเป็นเนื้อเดียว แต่จะเป็นแผ่นๆ มาเรียกกัน ครั้งเมื่อแผ่นทองหมองคล้ำก็จะถอด

หมุดแล้วแกะแผ่นทองออกมาขัดล้างปีละครั้งเป็นประเพณีสืบเนื่องกันมาตลอด


• สุวรรณฉัตร หรือทององค์ใหญ่บนยอดเจดีย์ชเวดากองเคยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเท่าที่มี

การบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์พม่า 3 ครั้ง คือ ครั้งแรก ในปี พ.ศ.2317 รัชสมัยพระเจ้า

ฉินบูชิน ทรงถวายสุวรรณฉัตรองค์ใหม่ รูปทรงพม่า แทนองค์เดิมที่เป็นรูปทรงมอญ โดยโปรดฯให้

ระฆังเงินระฆังทองและทองแดง รวม 600 ใบ และมีเพชรประดับโดยรอบด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ต่อมาเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว เป็นเหตุให้สุวรรณฉัตร หักตกลงมา

จึงมีการบูรณะครั้งที่สองในปี พ.ศ.2414 รัชสมัยพระเจ้ามินดง โดยทรงบริจาคพระราชทาน

ทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อสร้างฉัตรใหม่ จนร่ำลือกันว่า ยอดฉัตรแห่งชเวดากองนั้นประดับประดาด้วย

เพชรพลอยอัญมณีล้ำค่า คิดเป็นมูลค่ากว่า 62000 ปอนด์ ในสมัยนั้น โดยเฉพาะยอดเจดีย์

ประดับระฆังใบเล็กถึง 5000 ใบ ครั้งล่าสุดในปี พ.ศ. 2542 พุทธศาสนิกชนชาวมอญ

พม่าได้พร้อมใจกันเปลี่ยนสุวรรณฉัตรองค์ใหม่ ถวายพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ซึ่งมีผู้มีจิตศรัทธา

แห่งแหนมามืดฟ้ามัวดิน ร่วมทำบุญ ถวายปัจจัย บางคนถึงกับถอดแหวนเพชร สร้อยทองเครื่อง

ประดับอัญมณีนานาชนิดประดับสุวรรณฉัตรองค์ใหม่ด้วยแรงศรัทธาสูงส่ง


• รอบๆองค์พระเจดีย์ชเวดากอง เป็นลานกว้างรองรับแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนได้จำนวน

มาก บริเวณทางขึ้นทั้งสี่ทิศจะมีวิหารโถง สร้างด้วยเครื่องไม้หลังคาทรงปราสาท ปิดทองล่องชาด

ประดับกระจกทั้งหลัง ภายในประดิษฐานพระประธานสำหรับให้ประชาชนมากราบไหว้บูชา เพราะ

ชาวมอญและชาวพม่าถือการกราบไหว้บูชาเจดีย์ชเวดากองเป็นนิตย์ จะนำมาซึ่งบุญกุศลอันเป็น

หนทางสู่การหลุดพ้นทุกข์โศกโรคภัยทั้งมวล บ้างนั่งทำสมาธิเจริญสติภาวนานับลูกประคำ และบ้าง

เดินประทักษัณรอบองค์เจดีย์


• นอกจากนี้รอบองค์เจดีย์ยังมีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศรวม 8 องค์ หากใคร

เกิดวันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดตน จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต





----

Chawedagong in frame





เสียดายไม่สามารถถ่ายภาพด้านนอกได้เนื่องจากฝนตกหนัก ภาพแรกจึงเป็นภาพทางเข้า





พื้นที่ด้านนอกข้างๆทางเข้า กำลังเตรียมการก่อสร้างเพิ่มเติม หลุมสำหรับปักเสาเต็มไปด้วยน้ำฝน





มีภาพพุทธประวัติอยู่ข้างทางเดิน เก็บช๊อตแล้วต้องรีบเดินทางไกด์ไป





เนื่องจากฝนยังตกอยู่ตลอดเวลา พวกเราจึงพักสวดมนต์กันที่ศาลาประตูทางเข้าแรก

คงเป็นที่สวดมนต์อยู่แล้วโดยปรกติ เพราะเห็น ทุกท่านก็ปฎิบัติแบบเดียวกัน





ทริปนี้นำภาพจากกล้องลูกสาวมารวมด้วย จึงมีช๊อตย่าสวดมนต์อยู่ด้วย





ระหว่างนั่งคอยให้ฝนซา เก็บภาพโดยรอบจากที่ศาลาไปก่อน





***





สวดมนต์





ยอดเจดีย์ที่รายล้อมอยู่รอบนอก





เหล่าทวยเทพที่โค้งประตูใกล้ๆกับศาลาที่พวกเราหลบฝนกันอยู่





องค์พระใกล้ๆกัน





สิงห์ลักษณะจะแตกต่างจากของไทยเรา





เจดีย์เล็กๆที่สร้างรายล้อมเจดีย์ชเวดากอง ที่สร้างเติมขึ้นมาภายหลัง





ถ่ายเจาะลวดลายที่เสาจากศาลาหนึ่งที่ลายล้อมอยู่รอบเจดีย์





ด้านในสถาปัตยกรรมอัดงดงาม





งามวิจิตรทั้งหลังเลยทีเดียว





สวดมนต์ ท่องคาถา





องค์พระพุทธงามล้ำ





ซุ้มอุโมงค์ที่เจดีย์ โครงซุ้มประดับลวดลายประดับด้วยกระจกสีเงินและทอง





กำลังถ่ายอยู่ลูกสาวเรียกให้หันมาย่าจึงจัดช๊อตไหว้พระให้ถ่าย

ดูไม่เนียนเน๊อะก็นางแบบไม่ใช่มืออาชีพหน่ะ อิอิ





สวยงามทุกมุมมองเลือกเก็บภาพไม่ถูกเลย





ตรงฐานเจดีย์ มีลายกระเบื้องบอกเล่าเรื่องราวไม่ซ้ำกันเลยสักแผ่นเดียว

อลังการมาก ถ่ายมาเป็นตัวอย่างสักช๊อต





ยักษ์กดไลค์ ให้ย่าหากไม่กดมีเคืองนะเออ





ซ้ายซุ้มศาลารอบนอก ขวาองค์พระเจดีย์เรียงรายล้อมรอบเจดีย์ชเวดากอง

โดยมีทางเดินกว้างขวางอยู่ระหว่างกลาง ฝนตั้งเค้าทะมึนเชียว





ที่ศาลาพระนอน





ขณะดินชมท่ามกลางสายฝนปรอย ได้เห็นขบวนแห่กำลังแห่รอบองค์พระเจดีย์ชเวดากอง

จับช๊อตแบบแพนกล้อง





เปลี่ยนเป็นโหมดstop motion(คือปรับให้สปีทชัตเตอร์สูงขึ้น)

ที่แบกมาน่าจะเป็นเครื่องเซ่นไหว้ ไม่ทราบรายละเอียดค่ะ เพราะไกด์ปล่อยให้เดินกันเอง





อยากทราบจังว่าเป็นพิธีอะไร ใครทราบช่วยบรรยายหน่อยนะคะ





close up ที่เสาอีกแล้ว ขอเก็บลวดลายศิลปกรรมของพม่าหน่อยค่ะ





ศาลานี้เต็มไปด้วยพระพุทธรูปขนาดต่างๆ เข้าใจว่ามีคนสร้างถวาย(เดาล้วนๆ)





ชุมนุม





แลลอด





อลังการทุกตาราเมตรเลยทีเดียว





ด้านฝั่งตรงกันข้าม ชาวพม่ากำลังสักการะพระพุทธรูป ช่างเป็นภาพที่อิ่มบุญจริงๆ

ย่าสักการะเสร็จแล้วก็หยอดตู้ทำบุญ





รูปปั้นมีรอยสักที่ต้นขา คงเป็นความนิยมในสมัยโบราณ ขัดใจท่อน้ำสีแสบตาทำให้ภาพ

นี้หายสวยไปเยอะเลย น่าจะทาสีให้กลืนกับผนังเสียหน่อย





เต๋ามาถึงจุดพระประจำวันเกิดของเธอแล้ว ขบวนการไว้ไหว้พระประจำวันเกิดก็เริ่มขึ้น


---

• ขั้นตอนการบูชาชเวดากอง

1.ไหว้พระประธานที่วิหารโถงทิศใดทิศหนึ่ง โดยสวดมนต์ภาวนา หรือจุดธูปเทียนและถวายดอกไม้ด้วยก็ได้

2.ไหว้พระประจำวันเกิด จุดธูปเทียนถวายดอกไม้

3.สรงน้ำพระเท่าจำนวนอายุ (บวกหนึ่ง)

4.เดินประทักษิณ (วนขวา) ตั้งจิตอธิษฐาน ขอพรรอบเจดีย์หนึ่งรอบ

5.ร่วมบริจาคจตุปัจจัยเพื่อทำนุบำรุงองค์พระเจดีย์ ค้ำจุนพระศาสนา (ตามกำลังศรัทธา)

6.ตีระฆังที่ตั้งไว้รอบพระเจดีย์ (ใบใดใบหนึ่ง) ให้เทพยดาบนสรวงสวรรค์อนุโมทนารับส่วนบุญ (สาธุ)





สรงน้ำพระเท่าจำนวนอายุ (บวกหนึ่ง)

โดยจะรดน้ำด้วยขันเล็ก ๆ ที่มีจัดเตรียมไว้ให้เป็นจำนวนเท่าอายุ +1

แต่สำหรับ คนแก่ ๆ ที่อายุ 60-70 ไปแล้วก็อาจจะย่นย่อลง เหลือ

5ขันก็ได้ ซึ่งหมายถึงพระรัตนะไตรรวมกับบิดามารดานั่นเอง สัตว์ประจำวันเกิดของพม่าคือ


วันอาทิตย์ - ครุฑ อยู่ที่ทิศตะวันออกเฉียง เหนือของลานเจดีย์


วันจันทร์ - เสือ อยู่ทิศตะวันออก


วันอังคาร - สิงห์ อยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้


วันพุธ (เช้า) - ช้างงา อยู่ทิศใต้


วันพุธ(กลางคืน) - ช้างไม่มีงา อยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ


วันพฤหัสบดี - หนู อยู่ทิศตะวันตก

วันศุกร์ - หนูตะเภา (บางคนเชื่อว่าเป็น กระต่ายหูสั้น) อยู่ทิศเหนือ

วันเสาร์ - พญานาค อยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์ด้านล่างค่ะ








เสานี้ลวดลายและวัสดุจะแตกต่างจากที่อื่น ดูออกแนวโบราณขลังดีค่ะ





ย่าเดินมาถึงศาลานี้ เห็นคนเขาถ่ายรูปกับองค์พระย่าจึงขอเก็บช๊อตมาด้วยจะถ่าย

เองก็กลัวไม่ทันเวลาที่เขากำหนดให้รวมพล





ท้องฟ้าเริ่มปรากฎแสงทไวไลท์เล็กๆ เก็บช๊อตแบบใกล้ชิดไว้ซะหนึ่งช๊อต





ช้างๆๆแบบพม่า น่ารักไปอีกแบบ





สิงห์หน้าคน ใช่หรือเปล่านะ ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมนำมาแชร์ให้เป็นความรู้ก็แจ่มนะคะ





ชมหน้าใกล้ๆคิ้วเข้มเชียว





สิงห์คาบนาค หรือสิงห์กินนาค ก็ไม่รู้ใครขวัญอ่อนปิดตาเร็ว





เทวดาอารักษ์





พระสงฆ์สวดภาวนา





งามอลังการจริงๆ





บรรดาเจดีย์ที่รายล้อมรอบนอกของชเวดากอง เริ่มซ่อนตัวกับแสงทไวไลท์ที่เริ่มหม่นแสงลง





แต่ละเจดีย์งดงามแตกต่างกันไป





องค์นี้เป็นสีขาว ยอดสีทองถูกสีฟ้าทาบทับเป็นเงาเหลือบ





ความงามของแต่ละองค์ถูกซ่อนในซุ้มที่ประดับด้วยกระจกสีส่องประกาย

ประดับองค์พระให้มะลังมะเลือง





ส่วนองค์นี้แสงรัศมีกระพริบรอบเศียรวูบวาบเป็นไฟดีสโก้เลยทีเดียว

เสียดายถ่ายเป็นstop motionภาพออกมาเลยไม่ค่อยสวย

หากมีโอกาสถ่ายใหม่จะลองถ่ายแบบสปีทช้า แต่คงต้องมีขาตั้งกล้องซินะ





องค์นี้งดงามสุดบรรยาย





องค์นี้จากกล้องลูกสาว





เรียงราย มีมากกว่าสององค์ แต่ขอเก็บเพียงสองเพราะเลนส์ย่าไม่กว้างพอ





ด้วยความใหญ่โตอลังการไม่สามารถเก็บภาพได้หมด





ช่วงนี้ฝนพรำลงมาอีกรอบถ่ายเสากับแสงสะท้อนของฝนที่พื้น





close up ลวดลายบนเพดาน





ชเวดากอง กับแสงทไวไลท์แนวตั้ง





รีบเดินออกห่างเจดีย์ให้ไกลที่สุดเพื่อจะเก็บภาพโดยรวม ก่อนที่แสงจะหมด





จะเดินหามุมอื่นถ่ายก็ไม่ทันแล้วได้เวลานัดรวมพลแล้ว


---


• ขอแนะนำในการเข้าชมมหาเจดีย์ชเวดากอง

1.ห้ามผู้ชายและผู้หญิงนุ่งกางเกงขาสั้น

2.ห้ามสวมถุงน่อง รองเท้าทุกชนิด (เพื่อเป็นการเคารพสถานที่)

3.นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องชำระค่าเข้าชมคนละ 5 ดอลล่าร์ แล้วต้องติดสติกเกอร์

สีประจำวันไว้ที่หน้าอกเพื่อแสดงไว้ว่าได้ชำระค่าเข้าชมแล้ว (หากท่านไม่ติดสติกเกอร์

อาจมีเจ้าหน้าที่มาสอบถามท่านครับ)

4.การเที่ยวชมมหาเจดีย์ชเวดากอง ให้เดินวนทางขวามือ


หมายเหตุ : มหาเจดีย์ชเวดากองเปิดให้เข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่ 04.00 น.–21.00 น.ทุกวัน


ความหมายของ ชเวดากอง "ชเว" คือ ทอง ส่วน "ดากอง" คือชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากลิงค์นี้ค่ะ








การไปชมควรจะเป็นช่วงบ่ายถึงเย็น จะได้ไม่ร้อนเท้าเพราะต้องถอดรองเท้าเดิน

และจะได้เก็บภาพแสงทไวไลท์ยามเย็นด้วย


น้องเต๋ากับชเวดากองยามค่ำ จากกล้องของน้องเองไฟล์ภาพเล็ก

จึงนำมาใส่แอฟเฟคฟิลเตอร์ texterise เพื่อกลบnoise





เป็นภาพถ่ายในพิธิภัณฑ์ จากกล้องลูกสาวค่ะ เสียดายย่าไม่เห็น

จึงไม่ได้ชมพิธิภัณฑ์

----

สถาปัตยกรรม

ปัจจุบันพระเจดีย์มีความสูง 326 ฟุต เส้นรอบวง 1,420 ฟุต สูงกว่าระดับน้ำทะเล

190 ฟุต ประดับด้วยแผ่นทองคำ 4 หมื่นแผ่น รวมน้ำหนักทอง 8 ตัน สำหรับฉัตร

ซึ่งครอบยอดเจดีย์ ก็มีการซ่อมแซมหรือสร้างขึ้นใหม่มาเป็นระยะๆ ฉัตรเก่าสร้างในสมัย

พระเจ้ามิน ดงในปี ค.ศ. 1871 สูง 33 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลาง 18 ฟุต ขณะนี้

ก็ยังตั้งไว้ให้ประชาชนได้ชมอยู่ ครั้งล่าสุดได้มีการสร้างฉัตรขึ้นใหม่เมื่อ 8 ปีที่ผ่านมานี้เอง

โดยประดับเพชรพลอยรวมถึง 4,351 เม็ดรวม น้ำหนัก 2,000 กะรัต เพชรเม็ด

ใหญ่ที่สุดบนยอดฉัตรมีฐานกว้าง 2 ฟุต ยาว 1 ฟุต 10 นิ้ว และหนัก 76 กะรัต
นอก

จากนี้ พระเจดีย์ชเวดากองก็ยังมีวัตถุที่มีคุณค่าทางศาสนา ศิลปะ ประวัติศาสตร์และอื่น ๆ

อีกมากมาย เช่น ระฆังที่พระเจ้าสิงคุทรงสร้างไว้ (Singhu)





อำลาด้วยความประทับใจ หากมีโอกาสจะกลับมาใหม่





ขออภัยที่ใส่ภาพมากเกินไปทนโหลด

เอาหน่อยนะคะ ไม่อยากแยกเป็นสองบล๊อกค่ะ

หวังว่าเพื่อนๆคงสนุกสนานในการชมภาพและอ่านเรื่องนะคะ บาย




 

Create Date : 29 สิงหาคม 2555
6 comments
Last Update : 29 สิงหาคม 2555 17:50:56 น.
Counter : 4367 Pageviews.

 

กดลิงค์ด้านล่างไปโหวดให้ย่าวันละคะแนนนะคะ
ขอบคุณค่ะ

 

โดย: ดา ดา 29 สิงหาคม 2555 19:03:17 น.  

 

//www.thailandblogawards.com/blogs/widget/2491

 

โดย: ดา ดา 29 สิงหาคม 2555 19:04:43 น.  

 

ภาพสวยจังเลยค่ะ ดูแล้วน่าไปเที่ยวมาก

 

โดย: เจ้าแมวเหมียว 30 สิงหาคม 2555 21:04:27 น.  

 




More Sunday Comments

----------------------------------------------
มาทักทายวันครอบครัว อ่างทองเมื่อคืนฝนตกหนักวันนี้อากาศเลยไม่ค่อยร้อนค่ะ คิดถึงอ่ะค่ะ เลยแวะมาเยี่ยมให้หายคิดถึงกันค่ะคุณดา

 

โดย: เกศสุริยง 2 กันยายน 2555 12:41:18 น.  

 

ดูภาพ จุใจ สังเกต พระพุทธรูปมีคิ้วด้วย แล้วภิกษุ
พม่าเก็บคิ้วหรือโกนทิ้งแบบพระไทยครับ

อ้ออีกอย่าง เวลาสวดมนต์เขาออกเสียงแบบไทย
หรือเปล่าครับ

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 3 กันยายน 2555 15:47:31 น.  

 

ตอบคุณไวน์ พระพม่าไม่โกนคิ้วค่ะ เวลาเขาสวดก็ออกเสียงแบบของเขาส่วนของเราเวลาสวดก็ออกเสียงแบบไทยค่ะ

 

โดย: ดา ดา 4 กันยายน 2555 14:51:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ดา ดา
Location :
1 Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดา ดา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.