Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
7 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 

พรางหัวใจตอนที่ 5 part 1

ในที่สุดพุทธชาดก็ต้องพบกับผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง ทั้งที่ไม่คิดว่าจะต้องเจอะเจอเขาอีก คนขับรถของเขาพาหล่อนมาที่ห้องชุดหรูกลางเมือง ที่หล่อนเองก็บอกไม่ถูกว่าอยู่ตรงไหนของประเทศ ห้องพักของเขาดูเหมือนว่าจะกินพื้นที่ตลอดทั้งชั้นของตึก มีลิฟต์ส่วนตัวจากที่จอดรถตรงขึ้นมายังที่พักโดยไม่ต้องเสียเวลาติดต่อเคาน์เตอร์ด้านล่าง คนขับรถต้องโทรแจ้งขออนุญาตก่อนจึงให้หล่อนขึ้นมาได้ เขาพาเธอขึ้นมาส่งยังห้องที่จัดไว้เป็นส่วนรับแขกแล้วจึงขอตัวกลับออกไป

“เจ้านาย” ของพี่คนขับรถ เดินออกมาจากห้องหนึ่งที่ดูท่าทางคงเป็นห้องทำงานเพราะเมื่อมองเข้าไปพุทธชาดเห็นโต๊ะทำงานทำจากไม้สีทึบตัวใหญ่และชั้นเก็บแฟ้มต่างๆเรียงรายอยู่ด้านหลัง
เมื่อพบกันอีกครั้งเธอเองก็อดใจเต้นไม่ได้ ความทรงจำเลวร้ายยังทิ้งร่องรอยไว้แม้จะผ่านไปหลายวัน และพุทธชาดคิดว่าคงไม่สามารถลืมได้จนตลอดชีวิต

เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงทำงานคงเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก เมื่อเห็นเธอเขาก็ยืนจังก้าหน้านิ่วคิ้วขมวด

“เธอมาที่นี่ทำไม” เขากระชากเสียงถามขึ้นอย่างไม่ปิดบังอารมณ์ไม่พอใจ

“ฉัน...ฉันคิดว่า อาจจะ อาจจะท้อง” หล่อนพูดเรื่องน่าอายออกไปโดยไม่อ้อมค้อมไม่มีการเกริ่นนำ เพราะเกรงว่าพูดมากไปมีแต่จะเสียเวลา แต่ทั้งที่ท่องมาตลอดทางพุทธชาดก็ยังพูดตะกุกตะกัก

“คิดว่า?”

“ก็...คือ มันก็ไม่แน่ แต่ว่ามันก็อาจจะเป็นไปได้” พุทธชาดบิดมือไปมาอย่างยุ่งยากใจพยายามสะกดน้ำเสียงไม่ให้ฟังดูตื่นเต้นมากนักแต่ก็ไม่อาจทำได้ เด็กสาวไม่ใช่คนโกหกจนชินเหมือนพี่สาวคนรอง อีกอย่างอยู่กับนางเอมอรหากโกหกแล้วถูกจับได้จะต้องถูกลงโทษสถานหนัก

“อย่ามาลูกเล่นกับฉัน เธอทำอาชีพแบบนี้ ไม่ป้องกันตัวหรือไง” เขากระชากเสียงถามส่งสายตาเยาะมาให้

“ก็...เขาว่าผู้ชายควรจะเป็นคนป้องกันไม่ใช่เหรอ เรื่องแบบนี้น่ะ” พุทธชาดสังเกตว่าเขาเองก็ถึงกับอึ้งไป

พุทธชาดจำจากอัมพริกามาพูด พี่สาวคนรองไม่เคยปกปิดเรื่องความสัมพันธ์กับผู้ชายมากหน้าหลายตา ซ้ำยังเล่าอวดอย่างถือดีเสียด้วยซ้ำ เอมิกาพี่สาวซึ่งออกจะขี้ริ้วกว่าไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้จึงทักน้องสาวเชิงดักคอไว้ก่อน พอถูกทักขึ้นหล่อนก็พูดทำนองว่า

“ผู้ชายสมัยนี้ไม่ยอมโดนจับง่ายๆหรอก อีกอย่างให้ผู้ชายป้องกันเราก็ปลอดภัยจากโรคด้วย” อัมพริกาเคยว่าไว้ พุทธชาดเองรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะต่อรองในเรื่องแบบนี้ แต่เมื่อเริ่มแล้วก็ต้องสานต่อให้จบ หาไม่แล้วชีวิตเธอคงต้องไปจบที่ผับบาร์หรือบ้านเล็กของเสี่ยคนใดคนหนึ่งเช่นกัน

“คุณป้องกันหรือเปล่าล่ะ” เด็กสาวข่มความกระดากอายถามออกไป

“ฉันเพิ่งเคยนอนกับคุณคนแรก ก็ต้อง...เผื่อ...ไว้ก่อน” บอกไปแล้วก็อยากกัดลิ้นตัวเองนัก เผื่ออะไรของเธอพุทธชาด

“คนแรกไม่สำคัญหรอก สำคัญที่คนสุดท้ายต่างหาก”

“สะ สำคัญสิ ฉันไม่ได้มีอะไรกับใครอีก คุณจะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ แล้วจะเอาอย่างไรล่ะถ้าหากฉันเกิดท้องขึ้นมาคุณจะทิ้งลูกคุณได้ลงคอหรือ” หล่อนพูดมั่วไปจำๆมาจากในหนังละครที่เคยดูบ้าง ในละครทีวีเวลาที่นางเอกท้องดูจะมีอำนาจต่อรองกับพระเอกมากขึ้น แต่พุทธชาดก็ไม่ได้สำคัญตัวว่าเป็นนางเอกหรอกนะ

หน้าตาที่โกรธเกรี้ยวดูจะยิ่งเพิ่มดีกรีความโมโหยิ่งขึ้นไปอีก เขาคงจะเหลืออดกับเธอแล้ว จึงสาวเท้าเข้ามาใกล้คว้าตัวจับไว้เขย่าแรงจนหัวสั่นหัวคลอน

“นี่เข้าใจอะไรไว้บ้างนะยายโง่” พุทธชาดเจ็บแปลบต้นแขนที่ถูกบีบแน่น ฝึนสบตาเขาซ่อนความกลัวไว้ในส่วนลึกที่สุด จะให้เขารู้ว่าหล่อนทั้งหวาดหวั่นไม่แน่ใจไม่ได้เลย

“คนอย่างฉันจะไม่ยอมให้ยายเด็กบ้านนอกหน้าซื่ออย่างเธอมาหลอกได้หรอก คิดว่าแค่เดินเข้ามาพูดบ้าบอนิดๆหน่อยๆแล้วจะเรียกเอาอะไรได้ทุกอย่างงั้นหรือ”

“ฉันไม่ได้จะเรียกร้องอะไรมาก แค่อยากขออยู่ด้วย เอ่อ คือหมายถึงฉันอยากให้แน่ใจว่า เราไม่มีอะไรที่จะต้องเกี่ยวข้องกันอีก”

“ใครอยากยุ่งกับเธอไม่ทราบ ถ้าไม่มาถวายตัวให้ถึงที่นึกหรือว่าฉันจะอยากแตะ”

“ฉันก็ไม่ได้อยากรบกวนหรอกค่ะ แต่มันจำเป็นจริงๆ” พุทธชาดเผลอหลุดออกไป

“จำเป็นงั้นหรือ” เขาหรี่ตามอง ทำเสียงครางต่ำในคอเป็นทำนองเหมือนเพิ่งคิดอะไรออก

“ความจำเป็นเรื่องเงินสิท่า แล้วก็ไม่บอกแต่แรกจะเอาเท่าไหร่ล่ะ ให้เรื่องมันจบเสียที”

พุทธชาดกัดริมฝีปากอย่างเคืองใจผู้ชายคนนี้หายใจเข้าหายใจออกก็พูดถึงแต่เงิน ชอบดูถูก แถมเอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่ ทั้งยังไม่เคยมองอะไรในแง่ดีบ้างเลย ความไม่ชอบใจอยู่เป็นทุนเดิมบวกกับรู้สึกหมั่นไส้ทำให้เธอสะบัดตัวออกจากอุ้งมือของเขาและโต้ตอบออกไป

“ก็ยังคิดไม่ออกหรอกนะว่าต้องเป็นจำนวนเท่าไหร่ ขอเวลาฉันคำนวณก่อนนะคะ คิดว่าคงต้องเอาให้คุ้ม ไหนจะเสียเวลาไหนจะยังไม่รู้อนาคต ว่าแต่...” พุทธชาดนึกถึงไม้ตายที่เธอเตรียมไว้

“ฉันน่ะอายุยังไม่เต็มสิบแปดดีเลยนะ คุณรู้ใช่มั้ยว่าข้อหาพรากผู้เยาว์น่ะมีโทษหนักแค่ไหน”

“ยายเด็กบ้านี่กล้าถึงขนาดแบล็คเมล์ฉันงั้นหรือ”

****************************************

การพูดคุยคงจะถึงพริกถึงขิงกว่านั้นหากไม่ถูกขัดจังหวะเสียก่อน เมื่อเสียงกริ่งประตูดังขึ้นวรันต์สบถเบาๆก่อนจะผละจากเธอเดินก้าวยาวๆออกไป เขากระชากประตูเปิดออกด้วยความหงุดหงิด

“มีอะไรอีกบวร ฉันกำลัง...”
เขาชะงักไปเล็กน้อยและนิ่งไป อาการนั้นทำให้พุทธชาดนึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา พยายามเบี่ยงตัวมองแต่ก็ไม่เห็นใครเนื่องจากตัวเขาใหญ่มากจนแทบจะบังกรอบประตูมิด จะเห็นก็แต่ผิวขาวๆและชายผ้าพริ้วไหวที่ทำให้เดาว่าคนมาถึงคงเป็นผู้หญิง

“พี่รันทำไมทำหน้าแบบนั้น จะไม่ดีใจสักนิดเลยหรือคะลิลี่อุตส่าห์มาหานะ”
เสียงใสๆเจือหัวเราะยั่วเย้าแต่ฟังคล้ายจะออกเสียงภาษาไทยไม่ชัดนัก พุทธชาดได้ยินหล่อนพูดคำว่า “อุตส่าห์” ฟังคล้ายๆ “อุกส่า” และลากท้ายประโยคด้วยเสียงสูง

“ลิลี่ ขออนุญาตคุณเตี่ยกับคุณหญิงแม่มาหาพี่รันต์นะค้า ลิลี่ว่าเราต้องคุยกาน” หล่อนพยายามอย่างยิ่งที่จะออกเสียงให้ชัดเจนที่สุด

“เมื่อวันก่อนพี่รันต์อาจจะไม่ทันตั้งตัว ยังรับไม่ได้ไม่เป็งไรค่า ลิลี่เข้าใจของแบบนี้ต้องใช้เวลา เรามาทำความคุ้นเคยกันก่อนมะคะ” เจ้าหล่อนพูดเองเออเอง แล้วอยู่ๆหล่อนก็แทรกตัวผ่านวรันต์ผลุบเข้ามาในห้อง โดยอาศัยจังหวะที่เจ้าของห้องยังคงตกตะลึงด้วยความคาดไม่ถึง

หญิงสาวที่มาใหม่มีผิวพรรณขาวจัดเหมือนคนไม่เคยเจอแดด ดวงตายาวรีติดไว้ด้วยขนตาปลอมดกหนาเป็นแพขอบตากรีดหนาทำให้ตาดูโตกว่าปกติ เส้นผมดกดำราวกับเส้นไหมคาดด้วยที่คาดผมรูปดอกไม้สีชมพูสด ในตอนแรกหล่อนยังไม่ทันสังเกต ตั้งท่าจะพูดแจ้วๆต่อไป และหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าในห้องยังมีพุทธชาดอยู่ด้วยอีกคน

“ลิลี่ว่า...กะ กรี๊ด” อยู่ๆเจ้าหล่อนก็กรีดเสียงแหลมหวีดขึ้นเมื่อมองเห็นพุทธชาด เล่นเอาเธอพลอยตกใจทำอะไรไม่ถูก

“ผะ ผะ ผู้หญิง พี่รันเอา ผะ ผู้หญิงมานอนด้วย ลิลี่เสียจาย” หล่อนฟูมฟายสะอื้นในนาทีถัดมา

“พะ พี่รัน ทำแบบนี้ได้ยังงาย ทำกับลิลี่อย่างนี้ได้ยางงาย” อารามตัดพ้อต่อว่าทำให้เธอไม่สนใจจะพูดให้ชัด พุทธชาดคิดว่าเธอเป็นคนที่ประหลาดเป็นที่สุด คิดเอาเองเออเองแล้วก็สรุปเรื่องราวเองเสร็จสรรพ

“หยุดร้องได้แล้วอย่ามาฟูมฟายแถวนี้ เป็นบ้าอะไรของเธอ” วรันต์บอกเสียงเขียว

“ลิลี่จะไปบอกคุณหญิงแม่ จะฟ้องคุณเตี่ย พี่รันทำร้ายจิตใจของลิลี่ได้ลงคอ” หล่อนสะอึกสะอื้น

“พี่รันมีเมียแล้ว มาหลอกลิลี่ทำมาย” เจ้าหล่อนสะบัดหน้าวิ่งออกไปจากห้อง โดยมีวรันต์ปิดประตูตามหลังโครมใหญ่

“วันนี้มันวันบ้าอะไรของฉันวะ” เขาสบถดังลั่น เดินวนไปมาอย่างหัวเสีย
****************************************




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2554
0 comments
Last Update : 7 ธันวาคม 2554 9:56:51 น.
Counter : 517 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ดาวกันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ

Friends' blogs
[Add ดาวกันยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.