น้ำอบ...อิราวดี นวมานนท์ จาก...นิตยสารศรีสยามปีที่ 1 ฉบับที่ 5 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2540 (หน้า 18-19) สัมภาษณ์พิเศษ อิสรีย์ อิราวดี นวมานนท์ มาลัยรัก เรียงร้อยจินตนาการ หากเปรียบชีวิตมนุษย์เป็นดั่งบทละคร ที่มีหลากหลายลีลา ตามแต่ปลายปากกาจะขีดเขียน--หลายชีวิตที่ผกผันแปรเปลี่ยนเสมอ คงขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผู้ลิขิตชีวิตนั้น เฉกเช่นชีวิตของผู้หญิงคนนี้ อิราวดี นวมานนท์ บทละครแห่งชีวิตของเธอนั้นเต็มไปด้วยสีสันอันหลากหลายซึ่งเธอมิได้ปรารถนาจะแต่งเติม ชีวิตนี้ผ่านมามากแล้ว เรื่องความรักก็หลายครั้ง ไม่ใช่ว่าผิดหวังแล้วจะต้องเกลียดผู้ชายนะ แต่น้อยใจสังคมมากกว่า มองเราไปในทางไม่ดีตลอด ภูมิใจในตัวเองที่เป็นผู้หญิงสู้ชีวิต ที่ผ่านมาทั้งเรื่องความรักก็รู้สึกดีนะ ได้รักมาหลายหน ไม่ได้รู้สึกขมขื่น ตอนนี้สุขภาพก็ดีขึ้น เรื่องน้องธรรม์ก็พยายามทำใจ น้องเขาเสียไปเกือบครบสองปีแล้ว ดิฉันนั่งสมาธิเยอะรู้ว่าเขาสบายดี เราก็สบายใจ ทุกวันนี้คิดว่าทำใจได้แล้ว อิราวดี นวมานนท์ เลือกใช้ชีวิตอยู่กับงานเขียนหนังสือที่เธอรัก บรรจงเรียงทุกตัวอักษรให้โลดเล่นออกมาตามจินตนาการภายใต้นามปากกา น้ำอบ น้ำอบ เป็นชื่อที่ตัวเองชอบ ฟังดูโบราณแล้วก็หอมดี นอกจากนี้ก็ใช้ชื่อจริงสำหรับบทความใช้ นวมาน มาจากนามสกุล นวมานนท์ ใช้กับเรื่องแปล ชอบอ่านหนังสือที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตคน ชีวประวัติ แต่ไม่เคยคิดจะเขียนเรื่องชีวิตของตัวเองเลย เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมาก คิดว่าตัวเองเหมือนลูกบอล แล้วถูกโยนไปโยนมามากกว่า คือเรื่องของชะตากรรม พรหมลิขิตค่ะ เคยนำชีวิตตัวเองมาเขียนหนังสือเป็นเรื่องสั้น ชื่อเรื่อง บินไปฟ้องหย่าที่เนวาด้า เป็นเรื่องจริง เมื่อตอนหย่ากับสามีคนแรก นวนิยายจากปลายปากกาของ น้ำอบ หลายเรื่อง อาทิ คือหัตถาครองพิภพ , สะพานสายรุ้ง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตและการต่อสู้ของลูกผู้หญิง ซึ่งนอกจากจะเกิดจากจินตนาการและสิ่งที่เคยพานพบแล้ว บางส่วนยังได้รับการกลั่นกรองมาจากประสบการณ์ชีวิตของเธอเอง ส่วนใหญ่เขียนนิยายเน้นว่าผู้หญิงต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อสิทธิของพวกเรา ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์จริง ๆ แล้วจะเห็นว่า เราถูกกดขี่มาตลอด เริ่มเขียนหนังสือเมื่อประมาณ 20 กว่าปีมาแล้ว เขียนภาษาอังกฤษก่อน แล้วถึงได้มาเขียนภาษาไทย เป็นบทความหรือไม่ก็เป็นเรื่องค่อนแคะสังคมว่ามีความไม่เสมอภาคทางเพศอย่างไรบ้าง เรื่องที่นำมาเขียน หลายอย่างได้มาจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ทั้งจากตัวเองและคนรอบข้าง อย่างตอนนี้เพื่อน ๆ หรือแฟนหนังของน้องธรรม์เวลามีปัญหาอะไรก็จะมาปรึกษาแม่หน่อย เขามาเพื่อหาสิ่งยึดต่าง ๆ เราก็คิดว่า ในเมื่อเด็กอุตส่าห์เรียกเราว่าแม่ เราจะไม่มีเวลาให้เขาเชียวหรือ เรื่องที่เรารับฟังมานี้บางทีก็เข้ามามีส่วนในงานเขียนด้วย แต่ไม่ใช่ฟังปุ๊ปแล้วมาเขียนเป็นเรื่องได้เลย มันจะต้องมีวิวัฒนาการก่อน ต้องบ่ม บางเรื่องมีเวลาน้อย เราก็ใช้แก๊สบ่มช่วย (หัวเราะ) ทุกวันเวลาที่ผันผ่านสร้างประสบการณ์ให้กับชีวิต มากน้อยแตกต่างกันไป ตามแต่จะเก็บเกี่ยวไว้ได้สำหรับเธอ ทุกวินาทีที่ผ่านเข้ามาคือข้อมูลอันมีค่าสำหรับงานเขียน ชอบคุยกับคนแก่ เขาเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเยอะ ได้ข้อมูลเยอะมาก สะสมไปเรื่อย ๆ แล้วก็คิดว่าอันนั้นควรจะโยงกับอันนี้ อันนี้ไปโยงกับอันโน้น แล้วเขียนออกมาเป็นเรื่อง เทคนิคสำคัญที่สุดของตนเองก็คือ เขียนตอนจบก่อน ถ้าเริ่มต้นให้คนติดตาม แล้วก็จบดีเนี่ย บทตรงกลางมันจะง่าย การตั้งชื่อเรื่องตอนหลังนี่เป็นปัญหามากเพราะชื่อเรื่องมักจะซ้ำกันเราก็ต้องเลี่ยง อย่างเรื่องที่เขียนให้ศรีสยาม ตอนแรกจะตั้งชื่อว่า มาลัยดอกรัก เขาบอกมีแล้ว ก็เลยเปลี่ยนเป็น มะลิซ้อน มาลัยรัก เรื่องนี้เกี่ยวกับพวงมาลัย คือชีวิตคนที่เหมือนดอกไม้แต่ละดอก แล้วเรามาเรียงกันให้มีศิลปะ เราก็จะได้เป็นพวงมาลัยสวย ๆ ตัวเองชอบพวงมาลัยมาก เรื่องนี้คือชีวิตคนที่นำมาร้อยกัน คือการเกิด-ดับนั่นเอง หากตัวอักษรทุกตัวที่โลดแล่น เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงบุคลิกของผู้ประพันธ์ นวนิยายของ น้ำอบ คงเป็นตัวแทนของความเป็น อิราวดี นวมานนท์ ได้อย่างชัดเจนที่สุด คนอื่นบอกว่าเป็นคนโรแมนติก แต่ตัวเองไม่รู้สึก ชอบอยู่ในที่ที่สวยงาม มีเสียงเพลงเบา ๆ มีเทียนส่อง บางทีก็นั่งมองดอกกุหลาบได้ตั้งนาน ชอบมองดอกไม้ บางทีมองตั้งแต่ตูมจนบาน เช่นดอกบานเช้า มันจะบานเร็วนะคะ เราก็จะมองตั้งแต่เช้าจนสาย มันจะบานเต็มที่ ทราบมาว่านั่นเป็นวิธีเพ่งกสิณอย่างหนึ่ง แต่ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเป็นการเพิ่งกสิณ เป็นการควบคุมสมาธิ เวลาเขียนงาน เราก็จะเศร้ากับตัวละครเพราะบางที ชีวิตของเขาจะต้องเศร้า แล้วเราก็สงสารเขา แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ เวลาเราอารมณ์ไม่ดี จะยังไม่เขียนหนังสือ ไปนั่งดูดอกไม้ก่อน ถ้าอารมณ์ปกติจะเขียนได้ตลอด ถ้ามีอะไรมากระทบใจ เช่น โทสะ โมหะ ก็ไม่เขียน มีเรื่องที่อยากเขียนแต่ยังไม่ได้เขียนอีกหลายเรื่องทีเดียว บางทียังไม่ได้ตั้งชื่อ แต่มีพล็อตอยู่แล้ว เขียนมาแล้วทุกแนว เรื่องผีก็เคย--เรื่องบ้านบุษบาบัณ เรื่องขำขันก็เคย--เรื่องตองหนึ่ง นวนิยายแนวกุ๊กกิ๊กก็มี--เรื่องสื่อสิเน่หา ถนัดทุกแนว เพราะฝึกตัวเองมาทุกแนว อยากเขียนหนังสือไปอีกเรื่อย ๆ จนวันตาย เพราะนี่เป็นงานที่รักที่สุด คิดว่าจะไม่เลิกแน่ๆ เลิกไม่ได้ เมื่อยังหายใจไหวก็จะเขียนอยู่
ชีวิตคนทุกคนย่อมมีสิ่งที่รัก และหากได้ทำในสิ่งนั้น ก็ย่อมเป็นความสุขที่มิอาจประเมินค่าได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากผู้หญิงคนนี้จะลิขิตชีวิตของเธอให้เดินอยู่บนเส้นทางของการเขียนหนังสือตลอดไป เราก็ชอบมากเหมือนคุณนุ่นค่ะ
แต่เรา 'ปิ๊งรัก' คุณน้ำอบ จากเรื่องสั้นในขายหัวเราะก่อนได้อ่าน 'คือหัตถาครองพิภพ' รักงานเขียนอารมณ์ดีของเธอมากค่ะ โดย: พ ชมภัค วันที่: 5 กันยายน 2556 เวลา:7:25:06 น.
|
พ ชมภัค
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] เป็นคน...ยาก ยากเป็น...คน คน...เป็นยาก โดยเฉพาะถ้าคิดจะบรรลุจุดมุ่งหมาย ...ยากยิ่งกว่ายาก หนทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม ล้วนจำเป็นต้องเสียสละ เสียสละ...และเสียสละ --------------------พระสนมเฉียนเฟย----------- ** ** ** ** ** อย่าได้คิดจะยอมแพ้และละทิ้งไปง่าย ๆ แบบนี้... ก็อย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ ถ้าไขว่คว้าความฝันนี้ไม่ได้... ก็เปลี่ยนเป็นความฝันอื่นเสียก็สิ้นเรื่อง ยิ้มสักครั้งสิ ความสำเร็จ ชื่อเสียงไม่ใช่ปลายทาง ทำให้ตัวเองมีความสุขต่างหาก... ถึงจะเรียกว่าคุณค่าและความหมาย ....ไม่ต้องกลัวหัวใจจะแหลกสลาย.... ----------------โจว เจี๋ยหลุน (Jay Chou)------- Group Blog All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
แต่มาดูเอาจากแผ่นแล้ว ชอบมากๆ
พอมาอ่านหนังสือก็ยิ่งชอบ
จำได้ว่าเอาชื่อลูกมาเป็นตัวละครในเรื่องด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ ^^