อาลัย ม.ล.ศรีฟ้า ลดาวัลย์ จาก...นิตยสารศรีสยาม ปีที่ 1 ฉบับที่ 17 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2540 (หน้า 18-19) เรื่อง : ธันวา ภาพ : อาณัติ ตั่นอนุพันธ์ ในความรู้สึกของนักเขียนส่วนใหญ่มักค้นพบว่าก่อนที่พวกเขาจะสร้างตัวละครให้มีอารมณ์-มีชีวิตตามบทบาทนั้น พื้นฐานในครั้งที่นักเขียนยังเป็นเด็กคงเริ่มต้นจากการเป็นนักอ่าน ม.ล.ศรีฟ้า ลดาวัลย์ ก็เช่นกัน วี่แววของการเป็นนักเขียนเริ่มจากการเขียนเรียงความ การอ่าน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากคุณย่าโดยตรง ปกติแล้วคุณย่าจะมีห้องสมุดอยู่ที่บ้าน ดิฉันก็ขลุกอยู่ที่นั้นทั้งวัน ซึ่งในตอนเด็กดิฉันจะอ่านพวกพระราชนิพนธ์ประพาสไทรโยค จดหมายเหตุ เงาะป่า ขุนช้างขุนแผน อิเหนา ดิฉันจะคุ้นกับหนังสือเหล่านี้ นี่เป็นอิทธิพลในการอ่านที่ต้องอ่านหนังสือให้คุณย่าฟัง แต่เรื่องของการเขียนก็เข้าใจว่าคงเกิดจากความชอบส่วนตัว ครั้งแรกที่เริ่มเขียนเริ่มสั้นตั้งแต่อายุได้ 16 ปี และได้รับเลือกลงในหนังสือพิมพ์ไทยใหม่วันจันทร์ ในครั้งนั้นถึงแม้ไม่ได้รับค่าเรื่อง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความชื่นใจ เพื่อนฝูงต่างพากันกล่าวขวัญถึงการเป็นนักเขียนหน้าใหม่ของเธอ เป็นการเริ่มต้นที่ชื่นใจ ดิฉันก็ซื้อหนังสือพิมพ์ไทยใหม่วันจันทร์แจกเพื่อน ๆ ตอนนั้นใช้นามปากกาว่า ภัฏฏินวดี ภัฏฏิน มาจากบทพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 6 ส่วน วดี ดิฉันเติมลงไปเองค่ะ หากเรื่องที่ทำให้เธอโด่งดัง และประสบความสำเร็จในระยะเริ่มต้นของการเป็นนักเขียนคือปราสาทมืด ซึ่งใช้เวลาในการเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่ครั้งที่เธอเรียนอยู่เตรียมวิทยาศาสตร์ปีที่ 1 เก็บข้อมูลความฝันทีละเล็กละน้อยจนเสร็จสมบูรณ์ ในระยะนั้นอยู่ในช่วงของเรื่องประเภทโรแมนติก อย่างเรื่อง เจนแอร์ ,ริเบกก้า ทำให้เกิดอิทธิพลต่อนักเขียนผู้หญิงมาก ซึ่งดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับเหมือนกัน แต่มีจุดหนึ่งที่เป็นตัวของตัวเองคือ เรื่องปราสาทมืดมีเรื่องความล้มละลายของระบบศักดินาตอนเริ่มต้นเพราะนางเอกเป็นเจ้า ใครกำหนด เป็นนวนิยายที่เธอเคยเขียนให้กับ ศรีสยาม เมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา เรื่องนี้ประสบความสำเร็จมากเมื่อสร้างเป็นละครโทรทัศน์ ซึ่งนำแสดงโดยคุณรัชนู บุญชูดวง เป็นเรื่องที่กล่าวถึงความล้มละลายของระบบศักดินา คือความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเจ้าพระยาและครอบครัวใหญ่แบบเก่า ภูมิใจนะคะเมื่อนำมาสร้างเป็นละครแล้วดัง แต่ถ้าลงในนิตยสารเรื่องปราสาทมืดได้รับการตอบรับมากกว่า หากผู้อ่านที่ติดตามงานเขียนของเธอจะพบว่าแนวทางของนวนิยายแต่ละเรื่องใช้นามปากกาที่แตกต่างกันออกไป นามปากกา จุลดา ภักดีภูมินทร์ มักเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับเด็ก นามปากกา สีฟ้า จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหาสังคมการเมือง ส่วนนวนิยายที่ใช้ชื่อจริงของเธอจะเป็นเรื่องที่กล่าวถึงปัญหาสังคมครอบครัว ดิฉันคิดว่าคนอ่านในสมัยก่อนกับสมัยนี้ไม่เหมือนกันนะ เมื่อก่อนคนอ่านจะตั้งใจติดตาม แต่เดี๋ยวนี้สื่ออื่นมาแย่งไปคือโทรทัศน์ แต่ดิฉันมีข้อคิดอย่างหนึ่งคือโทรทัศน์มองดูด้วยตาแล้วก็ผ่านไป ส่วนหนังสือซึมเข้าไปได้มากกว่า ตัวนักเขียนรุ่นใหม่ ๆ ก็มีโอกาสมากกว่ารุ่นก่อน ๆ คือ สามารถเผยแพร่ผลงานมาสู่คนอ่านได้ง่ายกว่า ดิฉันคิดว่านักเขียนใหม่ ๆ เขียนเก่ง สำนวนดีมีอยู่หลายคน เพียงแต่ยังจับจุดของตัวเองไม่พบนะ ม.ล.ศรีฟ้า เกิดและเติบโตมาในช่วงระยะเวลาของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ดังนั้นผลงานหลายชิ้นจึงได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมโดยตรง นวนิยายหลายเรื่องของเธอมักมีเรื่องเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งเธอได้ให้เหตุผลเกี่ยวกับการเขียนนวนิยายการเมืองว่า ดิฉันคิดว่าปัจจุบันการเมืองเป็นปัจจัยหนึ่งในชีวิตของคนที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตย เมื่อก่อนเราอาจจะไม่จำเป็นที่ต้องรู้เรื่องการปกครอง บางคนบอกว่านักเขียนไม่ควรเขียนเรื่องการเมือง เพราะการเมืองเป็นสิ่งไม่แน่นอน แต่ดิฉันคิดว่าอะไร ๆ ก็ไม่แน่นอนทั้งนั้น ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เรื่องการเมืองที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตคนและสังคมมีเรื่องน่าเขียนอยู่มาก แต่ที่ดิฉันเขียนให้ชาวบ้านอ่านเป็นการเมืองในสายตาของชาวบ้าน เขียนอย่างชาวบ้านที่สนใจเรื่องการเมือง ไม่ได้เขียนลึกซึ้งถึงขนาดขุดตื้นลึกหนาบาง หรือเชียร์คนใดกลุ่มใด ในช่วงที่ปลอดโปร่งเธอว่า--จะได้งานเขียนมากเป็นพิเศษ บางปีเขียนได้ถึง 3-4 เรื่อง หากรู้สึกเขียนไม่ออกบางครั้งภายในหนึ่งปีก็ได้งานเพียงชิ้นเดียว งานเขียนของดิฉันจะต้องมีพล็อตเรื่องอยู่ก่อนแล้ว คือต้องรู้สึกว่าอยากเขียนเรื่องนี้ มีอะไรที่มากระทบใจเราให้อยากเขียน ซึ่งมีอยู่หลายเหตุผล บางทีก็อยากเขียนเรื่องปัญหาครอบครัว ปัญหาเด็ก ปัญหาสังคม บางครั้งคงอยากเขียนแทนคนที่เขาไม่สามารถพูดออกมาเองได้ พอมีเหตุมากระทบใจความรู้สึกหรืออารมณ์ให้อยากเขียน ถ้ายังไม่ถึงโอกาสจะเขียนก็เก็บเอาไว้ก่อน เหมือนเก็บใส่ลิ้นชักความจำเอาไว้ ถึงโอกาสก็ดึงออกมาเขียน อารมณ์มีส่วนมากในเวลาเขียนเพราะดิฉันต้องสมมติว่าตัวเราเป็นตัวละครตัวนั้น มนุษย์มีอารมณ์อยู่ในตัวเองหมดนะคะ ดี เลว กิเลส สุดแต่ว่าเราจะดึงตรงไหนออกมา สื่อออกมาเขียนให้คนอ่าน ซึ่งบางอารมณ์เราก็สามารถดับไปด้วยคุณธรรม แต่เวลาที่ดิฉันต้องการใช้ก็ปล่อยให้มันออกมาในงานเขียน สิ่งที่เธออยากเขียนแต่ยังไม่พร้อม คือเรื่องที่เกี่ยวกับการเมืองในยุคเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 ถึงรัชกาลที่ 4 ซึ่งในระหว่างนั้นได้มีพฤติกรรมทางการเมืองระหว่างเจ้านายขุนนาง เธอว่า--เขียนเรื่องการเมือง ถ้าหากเขียนเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเขียนได้ง่าย แต่หากเขียนแนวเป็นกลางจะยาก คือการเอาตัวละครทั้งสองฝ่ายมาถกเถียงกัน มีปัญหาที่ขัดแย้งกัน ซึ่งผู้เขียนจะไม่ชี้ชัดว่าฝ่ายไหนถูกหรือผิด ดิฉันรักเรื่องพิกุลแกมเกดแก้ว เพราะเป็นนวนิยายที่แสดงความขัดแย้งของตัวละคร ซึ่งดิฉันจะไม่เข้าข้างฝ่ายใด ทุกฝ่ายมีเหตุผลของเขา มีทั้งผิดทั้งถูก ดิฉันชอบเขียนสองปัญหาความขัดแย้งทุกอย่างแม้แต่ปัญหาความขัดแย้งในใจคน อย่างเรื่องคนบาป รางวัลแห่งความภูมิใจที่เธอได้รับจากการทำงานตลอด 50 ปีที่ผ่านมาคือ ได้รับเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ในสาขาวรรณศิลป์ เป็นรางวัลสูงสุดในชีวิตนักเขียน ซึ่งเธอว่าหนทางนี้มิใช่ราบเรียบอย่างที่ใคร ๆ คิด หากขรุขระบ้างเป็นบางครั้ง แต่เธอก็ไม่นึกท้อเพราะมีความรักในการเขียน ความจริงแล้วคิดจะพักงานเขียนมาตั้งแต่อายุ 60 แล้ว เพราะอายุมากขึ้น ๆ แล้วรู้สึกว่าไฟมอดลงด้วย พักสักทีคงดี แต่ช่วงที่สามีเสียชีวิตไปทำให้เกิดการผันแปรบางอย่าง เพราะรู้สึกว่าเราไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวแล้ว ก็ต้องยึดเหนี่ยวงานกลับมาเขียนใหม่ ตอนนี้ตั้งใจจะเขียนไปเรื่อย ๆ คิดว่าอายุสัก 70 ปีคงหมดกำลังจริง ๆ วิถีชีวิตของม.ล.ศรีฟ้า ลดาวัลย์ ในวันนี้ด้วยวัย 67 ปีที่ยังดูแข็งแรง คงเขียนหนังสือทุกวันตั้งแต่เก้าโมงเช้า หยุดพักบ้างเมื่อรู้สึกเหนื่อย แต่ไม่เคยรู้สึกเหงาเพราะมีหลานชายสองคนคอยวิ่งอยู่ใกล้ ๆ คุณยาย ในบ้านที่เงียบสงบและอบอุ่น *********** ม.ล.ศรีฟ้า (ลดาวัลย์)มหาวรรณ เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2556 สิริอายุได้ 83 ปี 2 เดือน 21 วัน (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย) คลื่นลูกเก่าจางหาย คลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นมา...ในทุกวงการ
ใด ๆ ในโลกล้วนอนิจจัง...แม้แต่ชีวิต โดย: ชมภัค วันที่: 21 มิถุนายน 2556 เวลา:10:01:24 น.
ชื่นชอบงานเขียนของท่านเหมือนกันครับ
ผมติดงานเขียนนามปากกา จุลลดา ภักดีภูมินทร์ อยู่เสมอ ได้อ่านชีวิตการงานของท่านจากบล็อกและนิตยสารเก่าๆ รู้สึกดีมาก ขอบคุณที่คัดสรรมาแบ่งปันครับ :) โดย: Jim (Jim-793009 ) วันที่: 23 กรกฎาคม 2558 เวลา:13:45:51 น.
|
พ ชมภัค
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] เป็นคน...ยาก ยากเป็น...คน คน...เป็นยาก โดยเฉพาะถ้าคิดจะบรรลุจุดมุ่งหมาย ...ยากยิ่งกว่ายาก หนทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม ล้วนจำเป็นต้องเสียสละ เสียสละ...และเสียสละ --------------------พระสนมเฉียนเฟย----------- ** ** ** ** ** อย่าได้คิดจะยอมแพ้และละทิ้งไปง่าย ๆ แบบนี้... ก็อย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ ถ้าไขว่คว้าความฝันนี้ไม่ได้... ก็เปลี่ยนเป็นความฝันอื่นเสียก็สิ้นเรื่อง ยิ้มสักครั้งสิ ความสำเร็จ ชื่อเสียงไม่ใช่ปลายทาง ทำให้ตัวเองมีความสุขต่างหาก... ถึงจะเรียกว่าคุณค่าและความหมาย ....ไม่ต้องกลัวหัวใจจะแหลกสลาย.... ----------------โจว เจี๋ยหลุน (Jay Chou)------- Group Blog All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
ไม่ทราบข่าวว่าท่านเสียเลยคะ