กฤษณา อโศกสิน...หัวใจร้อยรัดไว้ด้วยจินตนาการ

จาก...นิตยสารศรีสยามปีที่ 1 ฉบับที่ 1

          ประจำวันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2539 (หน้า 19)


สัมภาษณ์พิเศษ            

                           ทวนน้ำ



กฤษณา อโศกสิน

หัวใจร้อยรัดไว้ด้วยจินตนาการ

หลายคนอาจใช้เวลายาวนานในการค้นหาความต้องการที่แท้จริงของตนเอง แต่สำหรับบางคน การค้นพบนั้นได้มาด้วยความบังเอิญหรือลองผิดลองถูก ท้ายที่สุดก็ผูกพันจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน อาจเรียกได้ว่า นั่นคือชะตากรรมที่ต้องพานพบกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ ทั้ง ๆ ที่มิเคยตระเตรียมใจมาก่อน

กฤษณา อโศกสิน อาจเป็นผู้หนึ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้วว่า เธอ ‘ต้อง’ มีชีวิตอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้--ชีวิตที่มีปากกาและกระดาษเป็นเพื่อนคู่ใจโดยมีจินตนาการเป็นผู้นำทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด

“...เริ่มเขียนหนังสือตั้งแต่มัธยมห้า เรื่องแรกใช้ชื่อว่า ของขวัญปีใหม่ ส่งไปที่ไทยใหม่วันจันทร์ ตอนได้ลงก็ไม่ทราบ เพราะอยู่โรงเรียนประจำไม่ได้ซื้อหนังสืออ่าน แล้วไม่คิดว่าเรื่องจะได้ลงพิมพ์ด้วย

“หลังจากนั้นก็ทิ้งเรื้อมาอีก แต่ระหว่างนั้นก็เขียนเรื่องสั้น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ส่งไปไทยใหม่วันจันทร์ รวมทั้งเขียนฉันท์ประกวดในงานของโรงเรียน ดูเหมือนจะได้รางวัลที่สองหรือสาม แล้วก็หยุดไปอีก มาเขียนอีกสองเรื่อง คือที่ประกวดในสตรีสาร เรื่องเมื่อฉันเสียดวงตา กับ ใต้ร่มชงโค ลงในหนังสือเอื้องฟ้า

“ต่อมา ศรีสัปดาห์เกิดขึ้นในตลาดหนังสือ ท่าน พิชิต พิชัยวีระพงษ์ ท่านเป็นพระอยู่ที่วัดมหาธาตุรู้จักกับคุณพ่อ ท่านทราบว่าดิฉันชอบเขียนเรื่อง ก็เลยบอกว่าถ้าลูกสาวชอบ ให้เขียนเรื่องส่งไป ท่านจะเอาไปลงศรีสัปดาห์ให้ เพราะรู้จักกับหม่อมหลวงจิตติ นพวงศ์ ที่เป็นบรรณาธิการ นั่นแหละดิฉันก็เลยส่งเรื่องแรกไป แล้วก็ได้ลงมาตลอด แต่เป็นเรื่องสั้นทั้งหมด

“ตอนนั้นใช้นามปากกาว่า กัญญ์ชลา ส่วน กฤษณา อโศกสิน มาเริ่มใช้ที่สตรีสาร เขียนเป็นนิยายเรื่องวิหคที่หลงทาง จากนั้นก็เขียนมาเรื่อย ศัตรูหัวใจ น้ำผึ้งขม ระฆังวงเดือน

หากรักแรกพบสำหรับหนุ่มสาวมีจริง เยื่อใยระหว่างสุภาพสตรีท่านนี้กับอักษรทุกตัวที่ถ่ายทอดลงสู่กระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่า อาจเริ่มเช่นเดียวกับความรักของหนุ่มสาว แล้วค่อยๆ ถักทอเหนียวแน่นจนมิอาจทำลายให้ขาดจากกันได้

“ช่วงอายุ 30 เศษ ๆ ประมาณ 32-42 งานจะเยอะมาก เขียนได้ทุกวัน เช้า กลางวัน เย็น แล้วก็ดึก เช้าก็ไปเขียนที่ที่ทำงานอีก ไม่ทราบว่าทำไมทำได้ เคยเขียนพร้อม กันเจ็ดแปดเรื่อง ตอนนั้นไม่ทราบเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นก็ทำงานราชการทุกวัน ไหนจะลูกเล็กๆ อีก

“ตอนที่เขียนให้ศรีสยามในครั้งนั้น จำได้ว่าย้ายไปอยู่ที่บ้านสวน สิ่งแวดล้อมบรรยากาศของสวนตอนนั้นยังดีอยู่ แล้วข้างบ้านมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งน่าเอ็นดูเชียว ป้าหรือยายจะคอยอุ้มขึ้นมาเหนือรั้วทักทายกัน เลยเกิดแรงบันดาลใจอยากเขียนเรื่องที่นางเอกอยู่บ้านสวน ใช้ชื่อว่า ความรักแสนกล

“...ศรีสยามกลับมาเกิดอีกครั้ง ถือเป็นเรื่องน่ายินดี ในอดีตศรีสยามขายนวนิยาย ถ้าจะขายอีกก็ไม่แปลกอะไร นักเขียนหน้าใหม่จะได้มีที่เกิด มีการแข่งขันประชันกัน ทำให้วงวรรณกรรมขยับขยายไปในทางที่ดีขึ้น เพราะตอนนี้ดูเงียบเหงา

“สำหรับเรื่อง 'ลมพัดชายน้ำ' ที่ดิฉันเขียนให้ศรีสยาม ได้แรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือโหราศาสตร์ คือไปพบประวัติของพระพุธ เห็นว่าน่าสนใจเลยคิดว่าจะนำมาเขียนเป็นเรื่องสั้นขนาดยาว...เป็นเรื่องของชาวราศีเมถุนธาตุลม ตอนแรกไม่ได้ให้ชื่อว่าลมพัดชายน้ำหรอกนะคะ แต่ให้ชื่อว่าคนคู่ เพราะว่าราศีเมถุนมีสัญลักษณ์เป็นคนคู่

“ในตำนานของกรีกมีเรื่องเล่าถึงกำเนิดของดาวในจักราศีเมถุนว่า ดาวพฤหัสไปได้กับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังตั้งครรภ์อ่อน โดยดาวพฤหัสคบคิดกับวีนัสแปลงเป็นหงส์ลงมาสมสู่กับผู้หญิงคนนี้ จนกระทั่งครบกำหนด เธอคลอดออกมาเป็นไข่สองฟอง ฟองหนึ่งคือทารกที่กำเนิดจากสามีคนเดิม ส่วนอีกฟองหนึ่งเป็นลูกของดาวพฤหัส เป็นชายทั้งคู่แล้วก็คบหาเป็นเพื่อนกัน

“เทพเมอร์คิวรี่ คือพระพุธนำไปเลี้ยง สั่งสอนวิทยาการจนกระทั่งโต ชื่อคาสเตอร์และพอลลักส์เป็นหนุ่มที่มีความชำนาญกันไปคนละอย่าง คนหนึ่งมีฝีมือทางปราบม้าพยศ อีกคนหนึ่งถนัดมวย วันหนึ่งเกิดไปต้องตาเจ้าสาวในงานฉลองวิวาห์ เลยคบคิดกันลักพาเจ้าสาว แต่เจ้าบ่าวตามไปเอาคืน จนเกิดการต่อสู้กัน คาสเตอร์เสียชีวิต เหลือคนเดียวที่ไม่ตายเพราะเป็นลูกเทพจูปีเตอร์ คือดาวพฤหัส พอลลักส์ เอาแต่เศร้าโศกจนเทพพฤหัสโปรดให้ทั้งคู่กลายเป็นดาวคู่กลุ่มหนึ่งบนท้องฟ้า ดาวกลุ่มนี้ทางสากลเรียกว่าเจมินี่ แปลว่าคนคู่ ทางเราเรียกราศีเมถุน

“อ่านแล้วรู้สึกสนุกเลยจับเอาราศีเมถุนคือชายหนุ่มเป็นตัวเอก มีหญิงสาวธาตุน้ำอาจจะเป็นราศีมีนหรือพิจิกเป็นนางเอก เลยตั้งชื่อว่า ลมพัดชายน้ำ”

นับจากวันที่สุภาพสตรีผู้นี้จรดปากกาเพื่อเขียนหนังสือจินตนาการเรื่องแล้วเรื่องเล่าถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครอย่างมิรู้จักเหนื่อยหน่าย เนื่องเพราะเหตุผลของงานนั้นอยู่ที่

“...มีความสุข เพราะได้ดูแลบ้านด้วย ได้คุมคน คุมอะไรต่ออะไร เป็นอิสระพอสมควร ตัวละครเป็นของเรา เราลิขิต ทุกอย่างอยู่ในบัญชาของเราหมด เป็นงานที่ชอบมาก คิดว่าจะทำไปเรื่อย

“จุดมุ่งหมายของงานเขียนนวนิยาย คือให้ความบันเทิงเป็นอันดับแรก ขั้นต่อมาคือให้ความรู้ความเข้าใจในชีวิต ไม่ได้สอน แต่บอกกล่าวกับคนอ่านเหมือนคุยกันแล้วบอกเล่าให้เข้าใจ”

แม้ชีวิตจะไม่ใช่นวนิยาย แต่คงไม่มีใครปฏิเสธว่าทุกคนลิขิตชีวิตให้ดีให้ร้ายได้ หากในใจของผู้นั้นสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างสีขาวกับสีดำได้มากพอ





Create Date : 21 มิถุนายน 2556
Last Update : 6 กรกฎาคม 2556 12:12:02 น.
Counter : 1369 Pageviews.

1 comments
  
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ
ชอบคุณกฤษณาเหมือนกัน
นิยายท่านออกแนวชีวิตมากๆเลย

โดย: lovereason วันที่: 21 มิถุนายน 2556 เวลา:16:10:04 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ ชมภัค
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



เป็นคน...ยาก
ยากเป็น...คน
คน...เป็นยาก

โดยเฉพาะถ้าคิดจะบรรลุจุดมุ่งหมาย
...ยากยิ่งกว่ายาก

หนทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม ล้วนจำเป็นต้องเสียสละ เสียสละ...และเสียสละ

--------------------พระสนมเฉียนเฟย-----------


** ** ** ** **

อย่าได้คิดจะยอมแพ้และละทิ้งไปง่าย ๆ แบบนี้...

ก็อย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ

ถ้าไขว่คว้าความฝันนี้ไม่ได้...
ก็เปลี่ยนเป็นความฝันอื่นเสียก็สิ้นเรื่อง

ยิ้มสักครั้งสิ ความสำเร็จ ชื่อเสียงไม่ใช่ปลายทาง

ทำให้ตัวเองมีความสุขต่างหาก... ถึงจะเรียกว่าคุณค่าและความหมาย

....ไม่ต้องกลัวหัวใจจะแหลกสลาย....

----------------โจว เจี๋ยหลุน (Jay Chou)-------
มิถุนายน 2556

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
22
23
24
26
27
28
29
 
 
All Blog
MY VIP Friends