ชีวิตบนถนนสายน้ำหมึก...ภูเตศวร จาก...นิตยสารศรีสยามปีที่ 1 ฉบับที่ 11 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 (หน้า 18-19) สัมภาษณ์พิเศษ เรื่อง : ภัคภรณ์ ภาพ : อาณัติ ตั่นอนุพันธ์ ชีวิตบนถนนสายน้ำหมึก ภูเตศวร การเดินทางของเวลา อาจทำให้หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปทั้งในเชิงสร้างสรรค์และทำลาย ทำให้สิ่งที่รักกลายเป็นชังและในขณะเดียวกันอาจทำให้สิ่งที่ไม่รักกลับกลายเป็นสิ่งที่รักได้เหมือนกัน ภูเตศวร ก็มิได้หลุดไปจากธรรมชาติข้อนี้ถึงแม้เขาจะเริ่มงานเขียนนวนิยายจากความบังเอิญ ที่ไม่มีความรักแม้แต่เพียงน้อยนิดในหัวใจ แต่ด้วยความที่ได้คลุกคลีอยู่บนถนนหนังสือมาเนิ่นนาน ตามวานวันของเวลาที่ทอดยาวออกไป ความชอบ จึงถูกบ่มเพราะขึ้นภายในจิตใจ วันนี้เราจึงได้เห็นนวนิยายแบบเต็มขั้นของเขา กับ เทพบุตรมาร ซึ่งกำลังตีพิมพ์อยู่ในศรีสยาม ภูเตศวรเล่าถึงที่มาและที่ไปของนวนิยายเรื่องนี้ ผมอยากเขียนนวนิยายอย่างเต็มขั้น อยากให้เรื่องที่ผมเขียนมีอรรถรสมากขึ้นเทพบุตรมารนั้นเค้าโครงเรื่องได้มาจากความคิดที่ว่าพอคนเราตายแล้วไปไหน ดวงวิญญาณจะไปเกิดอย่างในความเชื่อของศาสนาพุทธหรือเปล่า และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงการที่เราไปปลุกคนที่ตายแล้วขึ้นมาวิญญาณที่กลับมาจะใช่คนเดิมหรือไม่ ถ้าไม่ใช่แล้วเขาเป็นใครล่ะ และถ้าเขาเป็นวิญญาณที่ชั่วร้ายจะทำอย่างไร นอกจากความคิดตรงนั้นแล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นแรงผลักดันให้ เทพบุตรมาร ถูกถ่ายทอดออกเป็นตัวหนังสือได้ นั่นก็คือ ภูเตศวรต้องการที่จะสร้างตัวเอกของเรื่องให้มีความแปลกออกไปจากนวนิยายที่มักจะสร้างให้พระเอก-นางเอก หรือตัวเอกของเรื่องมีความดี ความงาม เพียงด้านเดียวในทางตรงกันข้ามตัวเอกของเทพบุตรมารจึงปรากฏออกมาพร้อมกับมีความร้ายแบบสุด ๆติดตามมาด้วย ในการที่จะนำจินตนาการออกมาถ่ายทอดเป็นเรื่องราวได้นั้นภูเตศวร ยอมรับว่าจะต้องอาศัยองค์ประกอบหลายด้าน ทั้งข้อมูล สภาพแวดล้อม และอารมณ์ ผมต้องศึกษาเรื่องราวที่ผมอยากเขียน ต้องเก็บเกี่ยวรายละเอียดในเรื่องนั้น ๆ ให้ได้มากที่สุด เพื่อความสมจริงสมจังในงานเขียน ทั้งจากการอ่าน และศึกษาจากความเป็นจริง ส่วนสภาพแวดล้อมผมคิดว่ามีส่วนในการเขียนมากเหมือนกัน เพราะถ้าคุณอยู่ใกล้กลับสิ่งไหนคุณก็จะได้สิ่งนั้นไป เช่นถ้าเราอยู่ใกล้กับครูบาอาจารย์ท่านไหน ก็อาจจะได้สำนวนของท่านไปบ้าง ถ้าวันไหนที่ใจของผมโปร่ง ๆ ผมก็จะสามารถเขียนหนังสือได้ดีผมจึงคิดว่าอารมณ์ก็เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งในการสร้างงานให้ออกมาดีโดยเฉพาะกับใจถ้ามีสมาธิได้มากเท่าไหร่ งานเขียนก็จะออกมาดีมากเท่านั้น ส่วนในเรื่องของเวลานั้น ภูเตศวรคิดว่ามิได้มีส่วนต่อการสร้างงานเขียนของเขาแต่อย่างใด เพราะเขามักจะพูดอยู่เสมอ ๆ ว่า ผมมิใช่นักเขียนมืออาชีพ ที่ต้องใช้จังหวะและเวลาในการเขียนที่ต่อเนื่องกัน แต่ผมจะเขียนหนังสือก็ต่อเมื่อถึงเวลาที่ต้องส่งต้นฉบับแล้วเท่านั้น เมื่อไถ่ถามถึงเรื่องของคำวิพากษ์วิจารณ์ที่มักจะได้รับอยู่บ่อยๆ เขาบอกว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เขาเป็นทุกข์แม้แต่น้อย ผมว่าถ้านักเขียนปล่อยอารมณ์ให้โอนอ่อนผ่อนตามอารมณ์ของคนอื่นก็เท่ากับไม่เป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะการเขียนนวนิยายซึ่งเป็นการสร้างงานศิลปะบริสุทธิ์แขนงหนึ่งต้องอาศัยความกล้าที่จะทำ กล้าที่จะเขียนทุกสิ่งทุกอย่างให้ออกมาจากหัวใจจริงๆ โดยไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งอื่นใด ในเมื่อผมรักที่จะเขียนอย่างนั้นคนอื่นจะรักด้วยหรือเปล่าผมไม่รู้ งานเขียนนวนิยายในความคิดของผมไม่ใช่พาณิชย์ศิลป์ ที่จะต้องทำให้คนอื่นชื่นชอบงานของผม เพราะถ้าเขาไม่ชอบเขาก็ไม่อ่านถ้าเขาชอบเขาก็จะอ่านงานของผมเอง และถ้าเมื่อไหร่ที่ผมพยายามเขียนนวนิยายให้คนอื่นชื่นชอบโดยที่ตัวผมเองฝืนใจ นั่นแสดงว่าผมได้โกหกตัวเองแล้ว ส่วนในเรื่องของความสำเร็จในงานเขียนนั้น ภูเตศวรมองว่าการที่นักเขียนจะประสบความสำเร็จได้นั้น คือการที่มีคนอ่านงานเขียนของเขา แม้แต่คนเดียวก็ถือว่ามีความสำเร็จแล้ว แต่ต้องแยกระหว่างความสำเร็จกับความชื่นชอบออกจากกันซึ่งความชื่นชอบคงจะต้องเป็นอีกเรื่องหนึ่ง โลกของนวนิยายมักจะมีมนตร์ขลัง และชวนให้หลงใหลอยู่เสมอ จึงไม่แปลกที่จะได้เห็นนักเขียนรุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้นมาเสมอบนหนทางนี้ แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะสามารถเดินอยู่บนหนทางนี้ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ภูเตศวร ได้ฝากแง่คิดถึงนักเขียนรุ่นใหม่ ๆ ถ้าอยากเป็นนักเขียนที่ดี ต้องขยันอ่านหนังสือ ตั้งใจและรักที่จะเขียน ที่สำคัญที่สุดต้องหาสนามลงให้ได้ ในการที่จะอยู่ในส่วนของการเป็นมืออาชีพได้นั้น นักเขียนจะต้องได้รับความเชื่อถือเสียก่อน เพราะถ้าคุณได้รับความเชื่อถือแล้ว งานของคุณก็จะเป็นที่ต้องการมากขึ้นเอง ในวันนี้บนถนนตัวอักษร ภูเตศวร ยังมีอีกหลากหลายเรื่องราวที่อยากจะถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ--ผมมีเรื่องที่อยากเขียนอีกมากมาย แต่ผมเชื่อว่าตัวผมเองคนเป็นนักเขียนได้ไม่นาน ผมคิดอย่างนั้น เมื่อถึงวันหนึ่งผมคงจะไปบวช ผมคิดว่าศาสนาที่ปลดเปลื้องทุกข์ให้เราได้จริง ๆ คือพุทธศาสนา--สิ่งที่คิดไว้ อย่างช้าที่สุดก็คงอีกห้าปี ในอีกห้าปีข้างหน้า วงการหนังสือบ้านเราอาจจะมีหรือไม่มีนักเขียนที่ชื่อ ภูเตศวร เราก็ยังไม่ทราบแน่ แต่ที่แน่ ๆ ในวันนี้ ด้วยความเป็นตัวของตัวเอง ด้วยพลังในการสร้างสรรค์ด้วยความแน่วแน่ ที่มีอยู่ภายในจิตใจ จึงไม่แปลกที่ ภูเตศวร จะก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าของแวดวงนักเขียนในบ้านเราอีกคนหนึ่ง...
|
พ ชมภัค
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] เป็นคน...ยาก ยากเป็น...คน คน...เป็นยาก โดยเฉพาะถ้าคิดจะบรรลุจุดมุ่งหมาย ...ยากยิ่งกว่ายาก หนทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม ล้วนจำเป็นต้องเสียสละ เสียสละ...และเสียสละ --------------------พระสนมเฉียนเฟย----------- ** ** ** ** ** อย่าได้คิดจะยอมแพ้และละทิ้งไปง่าย ๆ แบบนี้... ก็อย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ ถ้าไขว่คว้าความฝันนี้ไม่ได้... ก็เปลี่ยนเป็นความฝันอื่นเสียก็สิ้นเรื่อง ยิ้มสักครั้งสิ ความสำเร็จ ชื่อเสียงไม่ใช่ปลายทาง ทำให้ตัวเองมีความสุขต่างหาก... ถึงจะเรียกว่าคุณค่าและความหมาย ....ไม่ต้องกลัวหัวใจจะแหลกสลาย.... ----------------โจว เจี๋ยหลุน (Jay Chou)------- Group Blog All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |