::In the mood for love::
::Guilty or Right:: ::ผิด ถูก..ให้หัวใจนำทาง::
เมื่อได้มีเวลาหยุดพักจากงานเมื่อใหร่ การดูหนังเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ที่ฉันเลือกทำ ส่วนมากหนังที่ซื้อเก็บเป็นแผ่นไว้มักเป็นหนังที่ดูแล้วชอบ จนถึงชอบมาก..ฉันมีนิสัยแปลกอยู่อย่างหนึ่ง คือจะไม่ดูหนังที่ชอบมากๆ ซ้ำกันหลายรอบในเวลาไกล้ๆกัน อาจเป็นเพราะว่าฉันกลัวว่าเมื่อดูซ้ำอีกครั้ง ความประทับใจที่มีให้ในครั้งแรกมันจะลดลงมั้งค่ะ จึงมักดูหนังทุกเรื่องเพียงรอบเดียวเท่านั้น จนกว่าเวลาจะผ่านไปนานมากๆจึงจะค้นหนังเรื่องนั้นกลับมานั่งดูใหม่ ซึ่งแต่ละเรื่องที่หยิบมาปัดฝุ่นดูใหม่ ต่างก็ไม่เคยสร้างความผิดหวังให้เลยซักครั้ง.... มีหนังในดวงใจหลายเรื่องที่ฉันยังเก็บเป็นม้วนวีดีโออยู่ เคยเอาไปให้ร้านรับแปลงสัญญาณ ช่วยแปลงมันให้เป็น วีซีดี ให้อยู่หลายเรื่อง แต่เมื่อเอากลับมาดูแล้วคุณภาพของหนังต่ำลงไปมากทั้งภาพและเสียง ดูแล้วเหมือนกับซื้อแผ่นปลอมมาดูยังไงอย่างนั้น.....สุดท้ายจึงต้องยอมทิ้งม้วนวีดีโอเหล่านั้นและออกตามล่าหา DVD มาเก็บไว้แทน บางเรื่องก็หาง่าย บางเรื่องก็ใช้เวลาในการตามหาอยู่สักหน่อยแต่โดยส่วนมากก็ได้หนังในดวงใจกลับมาเกือบครบเช่นกัน...... และในวันที่ฟ้าหม่น..ฝนเทสายลงมาจนชุ่มช่ำ ฉันหยิบหนังรักสองเรื่องที่เคยประทับใจออกมาจากตู้เก็บแผ่นหนัง นั่งคิดอยู่นานว่าจะดูเรื่องใหนก่อนดี..สุดท้ายก็เลือกดูเรื่องนี้ก่อน" In the mood for love " ค่ะ..... หนังเรื่องนี้เป็นหนังจีนฮ่องกง ฝีมือการสร้างของผู้กำกับชื่อดังแห่งเกาะฮ่องกง " หว่อง กาไวร์ " คิดว่าหลายๆคนในนี้คงรู้จักผู้กำกับชาวฮ่องกงคนนี้เป็นอย่างดี หรือใครอยากรู้ลึกกว่านั้นอีก ก็ติดตามอ่านเรื่องราวรายละเอียดผลงานของเค้าได้ที่ลิงค์นี้นะค่ะ Wong kar-wai's athology หนังเรื่องนี้ถูกสร้างในปี 2000 และเคยเป็นหนังที่ได้รับรางวัลซีซาร์ Best Foreign Filmในเทศกาลหนังเมืองคานส์ในปี ค.ศ 2000 ซึ่งเป็นปีที่หนังออกฉายครั้งแรกในฮ่องกงนั่นเอง เนื้อหาของหนัง พูดถึงเรื่องราวของ คนสองคน ระหว่างโจวมู่หวัน (เหลียงเฉาเหว่ย) และโซวไหล่เจิน (จางมั่นอวี้) ที่จับได้ว่าถูกคนรักของตนแอบนอกใจ แต่บทหนังที่ชาญฉลาดก็สร้างสถานการณ์ให้ทั้งสองคนทั้งสองมาตกหลุมรักกัน เพราะจับได้ว่าคนรักของทั้งคู่นั้นเป็นชู้กันเสียเอง จึงเกิดความรู้สึกเห็นใจในกันและกัน แปรเปลี่ยนความสงสาร และกลายเป็นความรักในที่สุด....แม้การถูกหักหลังและถูกนอกใจจากคนรักจะร้าวรานเพียงใด หากแต่การเลือกที่จะละทิ้งความรักแท้ๆที่เกิดขึ้นใหม่นี้กลับสร้างความเจ็บปวดร้าวรานให้พวกเค้ามากกว่าหลายเท่านัก..แต่พวกเค้าทั้งสองคน ก็เลือกเก็บความรักครั้งนี้ไว้ เพียงในความทรงจำเท่านั้นเอง..... เมื่อดูหนังเรื่องนี้จบลง..ความรู้สึกมากมายหลากหลาย หลั่งใหลเข้าสู่หัวใจฉัน..หลากเรื่องราวในหนังย้อนคืนสู่ความคิดและวิ่งวนอยู่ในหัว..หลายซีนในเรื่องมักจะเป็นภาพการเดินสวนกันของคนทั้งสอง ในทางเดินแคบๆที่แทบจะสัมผัสลมหายใจของกันและกันได้..แต่พวกเค้าต้องแกล้งที่จะ " ไม่รู้จักกัน " หลายครั้งที่ต้องหลบฝนอยู่ริมกำแพงเดียวกัน แต่พวกเค้าก็เลือกที่จะ " มองไม่เห็นกัน " ภาพส่วนมากในหนัง ดูมืดสลัว..และโทนของภาพก็ออกมาในแนว crossprocess film ( การทำให้ภาพเกิดคอนทราสสูงๆและสีจัดๆ )เพิ่มความรู้สึกของความอึดอัดในสถาณการณ์ได้ดียิ่งขึ้น..โทนสีแดงโดยรวมทั้งเรื่องของหนังที่ผู้กำกับเลือกใช้ ก็ให้ความรู้สึกของการลักลอบ และอารมณ์พิศวาสอันผิดบาปได้ดี..และฉากสุดท้ายที่พระเอก เลือกกระชิบบอกถึง " ความรัก " ที่เป็น " ความลับ" ไว้กับร่องรอยของประสาทหินแห่งนครวัตนั้น ก็สร้างรอยประทับใจให้ฉันจดจำหนังเรื่องนี้..ได้เป็นอย่างดี.... ฝนภายนอกหน้าต่าง ขาดสายไปนานแล้ว แต่ฟ้ายังหม่นสลัวอยู่ ก่อนจะเก็บแผ่นกลับคืนสู่ตู้..ฉันอดมีคำถามเกิดขึ้นในใจไม่ได้ว่า..หากเป็นฉัน...หากฉันถูกทรยศจากคนที่ฉันรักแบบนี้...ฉันจะเลือกทำตาม" ความถูกต้อง " ของสังคม หรือจะเลือกทำตาม " เสียงของหัวใจ " ตนเองดีนะ.....
Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2551 |
Last Update : 9 มีนาคม 2551 19:12:30 น. |
|
0 comments
|
Counter : 281 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|